Aqua.c1ub.net
*
  Sat 02/Aug/2025
หน้า: 1 ... 170 171 172 173 174 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 757844 ครั้ง)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5130 เมื่อ: 19/11/13, [12:14:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5131 เมื่อ: 19/11/13, [12:18:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

Gulliver's Travels กัลลิเวอร์ผจญภัย
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5132 เมื่อ: 19/11/13, [12:20:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

หนังคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5133 เมื่อ: 19/11/13, [12:23:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?

VALENTINE’S DAY หวานฉ่ำ วันรักก้องโลก
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5134 เมื่อ: 19/11/13, [16:30:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Ted เท็ด หมีไม่แอ๊บ แสบได้อีก

นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของโลกภาพยนตร์ ที่สามารถลบล้างภาพจำของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับ ?ตุ๊กตาหมี? อันมีภาพลักษณ์ที่สื่อถึงนัยยะของความอบอุ่น เป็นมิตร ให้เป็นตุ๊กตาหมีที่มีความกักขฬะ ดิบเถื่อน ขี้เหล้าเมายา ฯลฯ แม้กระนั้นก็มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักน่าเอ็นดูจนเกินกว่าจะเกลียดมันได้ลงคอ ที่ทำให้บทสรุปสุดท้ายกลายเป็นตกหลุมรักเจ้าตุ๊กตาหมีตัวนี้ที่มีนามว่า เท็ด (ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ Ted) ซะงั้น!!

จากที่กล่าวในข้างต้น สิ่งที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกอันหลากหลายขึ้นได้กับตัวละครที่เป็นเพียงแค่ตุ๊กตาหมีผสมกับเทคนิคพิเศษนั้น คงต้องยกความดีให้กับ เทคโนโลยี Motion Capture และ เซ็ธ แมคฟาร์เล่น (Seth MacFarlane) ผู้แสดงและพากย์เสียงเป็นตุ๊กตาหมีเท็ด นอกจากนี้ยังทำหน้าที่กำกับและเขียนบทอีกด้วย ซึ่งเทคโนโลยี Motion Capture นี้นับวันจะยิ่งพัฒนาและทำได้เนียนขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวแสดงท่าทางต่างๆ ดูสมจริงพร้อมกับสื่ออารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน และด้วยเสียงพากย์ของเซ็ธเองที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกลักษณะและอุปนิสัยให้กับตุ๊กตาหมีเท็ดได้อย่างยอดเยี่ยม จนบางทีเผลอคิดในใจว่าเจ้าเท็ดนี่มันมีตัวตนจริงด้วยซ้ำ!

Ted นำเสนอตัวเองในลักษณะของนิทานแนวตลกร้าย เมื่อ จอห์น เบนเน็ตท์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) มีชีวิตวัยเด็กที่ช่างน่าสงสาร ไม่มีใครอยากคบหาเป็นเพื่อนเล่นกับเขาเลย จนในวันคริสต์มาสเขาได้รับของขวัญจากพ่อแม่เป็นตุ๊กตาหมีเท็ด ซึ่งจอห์นหลงรักมันในทันที เขาได้อธิษฐานของให้ตุ๊กตาหมีเท็ดมีชีวิตขึ้นมาและเขาสัญญาจะเป็นเพื่อนรักกับตุ๊กตาหมีเท็ดตลอดไป และแล้วคำอธิษฐานก็เป็นจริงเมื่อตุ๊กตาหมีเท็ดมีชีวิตขึ้นมา! ผ่านไปหลายสิบปี จอห์นเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่เช่นเดียวกับหมีเท็ด ทั้งสองยังเป็นคู่ซี้ตัวติดกันเหมือนเดิม แต่นั่นทำให้ชีวิตคู่ระหว่างจอห์นและลอรี่ คอลลินส์ (มิล่า คูนิส) เริ่มมีปัญหากับความสัมพันธ์ที่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง! ซึ่งสุดท้ายจอห์นต้องเลือกว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่กับตุ๊กตาหมีเท็ดต่อไปหรือจะก้าวต่อไปในอนาคตพร้อมกับลอรี่สุดที่รักของเขา?

ตอนที่ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ก็เกิดความรู้สึกสงสัยว่าผู้คนในหนังดูจะไม่ตกใจเลย กับการที่พบเห็นตุ๊กตาหมีที่มีชีวิต นั่นเป็นสิ่งแรกที่อยากรู้ว่าหนังจะให้ทางออกกับเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งหนังได้ให้ทางออกสุดโม้ว่า ผู้คนล้วนตกตะลึงกับตุ๊กตาหมีที่มีชีวิตและสุดท้ายตุ๊กตาหมีเท็ดก็กลายเป็นคนดังระดับโลกในชั่วข้ามคืน และหนังก็ล้อเลียนผู้คนและสังคมที่มักจะเห่ออะไรในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเวลาผ่านไปตุ๊กตาหมีเท็ดก็กลายเป็นความเคยชินของผู้คนไปในที่สุด! นอกจากส่วนนี้แล้วเมื่อติดตามเรื่องราวไปเรื่อยๆ จะพบว่าบทภาพยนตร์เรื่อง Ted นี้ช่างร้ายกาจเหลือแสน เป็นหนังที่เปรียบเหมือนดั่งหมาบ้าเที่ยวไล่กัดคนดังและเหตุการณ์สำคัญไปทุกวงการไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เสียงเพลง การเมือง ฯลฯ เป็นหนังที่ถือว่าใช้นักแสดงรับเชิญได้คุ้มค่าจริงๆ ที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกมุขจะทำหน้าที่ได้เข้าทั้งหมด ยังคงหลงเหลือความไม่แนบเนียนในการสอดแทรกจนรู้สึกได้ถึงการยัดเยียดในบางครั้ง!

สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือ เคมีระหว่างมาร์ค วอห์ลเบิร์ก ดูจะไปได้ดีกับตุ๊กตาหมีเท็ดมากกว่าตอนเข้าฉากกับ มิล่า คูนิส ที่เป็นนางเอกซะอีก จะเป็นเพราะเสน่ห์ของนักแสดงทั้งสองที่ไม่ค่อยเข้ากันหรือการที่หนังให้เวลาในการนำเสนอความรักของพระนางน้อยกว่าคู่ซี้ตุ๊กตาหมีก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือความสามารถทางการแสดงของ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ที่แสดงร่วมกับเทคนิคพิเศษได้อย่างยอดเยี่ยม

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างคู่ซี้คนกับตุ๊กตาหมีที่มีมานาน ต้องสะดุดหยุดลงเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนที่ให้จอห์นต้องเลือกว่าจะอยู่กับตุ๊กตาหมีที่เป็นเพื่อนซี้หรือกับเธอเพื่อสร้างครอบครัวร่วมกัน ทำให้ตัวละครลอรี่เป็นเหมือนตัวร้ายคนหนึ่งของเรื่อง ที่เธอแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจในตัวของจอห์นโดยเลือกที่จะมองในมุมของตัวเองเพียงฝ่ายเดียวว่า เธอต้องเสียสละอะไรหลายอย่างในชีวิตเพราะเธอเลือกที่จะคบกับจอห์น และพยายามเชื่อว่าตัวเองเลือกได้ถูกต้องโดยโยนความผิดไปให้กับตุ๊กตาหมีเท็ด ทั้งที่ในความจริงแล้วเป็นตัวของจอห์นต่างหากที่เลือกที่จะทำในสิ่งที่ลอรี่ไม่พอใจ ในขณะที่จอห์นก็ไม่ได้ต่างจากลอรี่เมื่อสุดท้ายเขาเลือกที่จะโยนความผิดให้กับตุ๊กตาหมีเท็ด เพื่อให้ความสัมพันธ์ของตนและคนรักดีขึ้น

เมื่อมองอย่างนี้แล้วจะเห็นว่าตุ๊กตาหมีเท็ดที่ได้มีชีวิตขึ้นมากลายเป็นตุ๊กตาหมีวิเศษ แต่สุดท้ายสถานะของตุ๊กตาหมีเท็ดก็ไม่ได้ต่างจากตุ๊กตาธรรมดาที่ไร้ชีวิตจิตใจแต่อย่างไร เมื่อยามเหงาอ้างว้างเราก็ต้องการมัน มีมันเป็นเพื่อนคลายความเหงาความเศร้าโศก แต่เมื่อเรามีเพื่อนหรือคนรัก หรือสิ่งใดก็ตามที่เราให้ความสนใจมากกว่า ตุ๊กตาเหล่านั้นก็จะถูกทิ้งขว้างเช่นเดียวกับตุ๊กตาหมีเท็ด! ซึ่งหนังแสดงให้เห็นว่า ถึงจอห์นเลือกแยกทางกับตุ๊กตาหมีเท็ดแต่สุดท้ายวังวนเดิมๆ ก็ยังคงอยู่ เป็นการตอกย้ำให้รู้ว่าคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนทัศนะคติให้โตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เป็นผู้นำมากขึ้น พร้อมที่จะดูแลครอบครัว มันขึ้นอยู่กับตัวของเราเองเท่านั้น! ว่าพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนหรือไม่ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับบุคคล สิ่งแวดล้อม หรือสภาพแวดล้อมรอบข้างใดๆ ทั้งสิ้น

ภาพรวมของ Ted ดูจะล้นๆ เมื่อได้สร้างตัวละครสองพ่อลูกดอนนี่ (จิโอวานนี่ ริบิซี่) และโรเบิร์ต (เอดิน มินค์ส) ที่ต้องการตัวตุ๊กตาหมีเท็ดด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องขึ้นมา ซึ่งถือเป็นผู้ร้ายหลักของเรื่อง Ted อย่างแท้จริง ที่นำไปสู่การไล่ล่าที่ทำออกมาไม่สนุกและรู้สึกไร้สาระพิจารณาถึงการกระทำของตัวละคร แต่มองอีกมุมหนึ่งตัวละครสองพ่อลูกได้ถูกสร้างให้เป็นขั้วตรงกันข้ามกับจอห์น เบนเน็ตท์ เมื่ออดีตในวัยเด็กจอห์นคือผู้สมหวังที่ได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ที่มอบตุ๊กตาหมีให้กับเขาแถมยังได้รับพรให้ตุ๊กตาหมีมีชีวิตขึ้นมา ทำให้เขาได้มีเพื่อนมีชีวิตวัยเด็กที่ไม่เลวร้ายนัก ผิดกับดอนนี่ที่วัยเด็กต้องผิดหวัง จากการกระทำของพ่อแม่จนเกิดเป็นปมในจิตใจ ที่จะไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการ จนนำมาสู่การกระทำของพ่อที่รักลูกในทางที่ผิด! คนหนึ่งเติบโตมาเป็นคนเช่นไร สามารถดูได้จากวัยเด็กว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาแบบไหน

อย่างไรก็ตามภาพรวมของ Ted ถือเป็นหนังฟีลกู๊ดปากจัดเรื่องหนึ่งที่เลือกที่จะพาเรื่องราววุ่นๆ ทั้งหมด ไปสู่บทสรุปที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่นอกจากสร้างความบันเทิงเชิงสัปดนให้เราขำขันกันแล้ว ยังมีประเด็นในเรื่องของการจัดการความสัมพันธ์ให้เก็บไปคิดเป็นอาหารสมองได้อีกต่อหนึ่ง!

8/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5135 เมื่อ: 19/11/13, [16:32:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

R2B: Return to Base  ยุทธการโฉบเหนือฟ้า

เป็นหนังเกาหลีที่ในทีแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรตามเคย ถึงแม้ว่าจะเป็นการกลับมาคืนจอภาพยนตร์ของนักร้องเกาหลีชื่อดังอย่าง เรน หลังจากหายหน้าหายตาไปนานก็ตาม แต่หลังจากได้เห็นตัวอย่างของหนังในโรง ก็อดไม่ได้ที่อยากจะมาพิสูจน์หนังแอ็คชั่น เครื่องบินรบ ของ เกาหลี ที่แอบมีกลิ่นไอของ Stealth

ชองเทฮุน คือนักบินของหน่วยแบล็กอีเกิล สังกัดกองทัพอากาศเกาหลีใต้ที่ถูกสั่งย้ายให้ไปประจำการที่หน่วยบินรบ เป็นการลงโทษที่เขาบินผาดโผนอย่างน่ากลัวในการแสดงแสนยานุภาพทางอากาศ วันแรกที่มาถึง เขาได้พบกับ ชอลฮี นักบินมือดีที่สุดของกองทัพอากาศผู้เคร่งครัดต่อระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว ความต่างอย่างสุดขั้วของทั้งสองทำให้พวกเขารู้สึกบาดหมางตั้งแต่แรกพบ แต่ยังโชคดีที่เขาได้เพื่อนใหม่อีกหลายคน ที่ประจำการหน่วยซ่อมบำรุง แต่ขณะที่การฝึกซ้อมในกองทัพดำเนินไป เครื่องบินรบจากเกาหลีเหนือก็มุ่งหน้าสู่กรุงโซล เทฮุนและสมาชิกนักบินคนอื่นๆ ที่ถูกสั่งพักงาน จึงถูกเรียกตัวมาปกป้องประเทศ

R2B : Return to Base หรือในอีกชื่อนึกคือ Soar into the Sun เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับชาวเกาหลีอย่าง คิม ดองวอน จาก My Boss, My Teacher หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไทยว่า ‘สั่งเจ้าพ่อไปสอนหนังสือ’ โดยในคราวนี้ไม่รู้ผู้กำกับไปทำอย่างไร จึงสามารถดึงตัวนักร้องชาวเกาหลีชื่อดังอย่าง เรน กลับคืนจอภาพยนตร์มาได้ หลังหายหน้าหายตาไป 3 ปีหลังจากหนังนินจาฮอลลีวู้ดอย่าง Ninja Assassins ล่มไม่เป็นท่า ซึ่งผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยที่ได้เห็นตัวอย่าง R2B หรือ Soar into the Sun คงตีตั๋วเข้าไปเพื่อหวังจะดูความมันส์อย่างเดียวแน่นอน ซึ่งผมก็ต้องเตือนไว้ ณ ที่นี่ก่อนว่าขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะเอาเข้าจริงๆ R2B มันกลับไม่ใช่หนังที่ดูเอามันส์เหมือนกับหนังเครื่องบินเจ็ทแนวๆนี้อย่าง Stealth เพราะมันกลับมีเรื่อง โรแมนติค และ มุกตลกด้วย

ที่ผู้กำกับ คิม ดองวอน ดูเหมือนจะพยายามใส่ใจทั้ง 2 ด้านนั้นให้มีความเข้มข้นพอๆกับฉากแอ็คชั่นของหนัง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ท้ายสุดผู้กำกับกลับไม่สามารถผสมสิ่งเหล่านี้เข้าไปด้วยกันได้ จนทำให้ท้ายสุดจึงกลายเป็นช่วง 1 ชั่วโมงแรกของหนังที่เอาแต่เน้นปูอารมณ์ความเป็น โรแมนติค และ ใส่มุกตลกแนวเกาหลีๆเข้ามาเพียบ แลดูทำให้ตัวหนังยิ่งสะเปะสะปะ และ เสียอารมณ์ความเป็นหนังแอ็คชั่นอย่างมาก เพราะในท้ายสุดเมื่อเข้าสู่อารมณ์ช่วงไคล์แมกซ์ ที่ตัวหนังออกแนวว่า ‘ต้องมันส์แล้วนะ’ มันดูเหมือนผู้กำกับจะเล่นทำการตัดอารมณ์โรแมนติคเหล่านั้นออกจนหมด จนหลายคนอาจแอบคิดว่า ‘แล้วจะใส่มาทำไม’

โดยเอาเข้าจริงๆถ้าหากผู้กำกับเล่นใส่แต่อารมณ์ความเป็นหนังแอ็คชั่นตลอดทั้งเรื่อง มันอาจจะทำให้ R2B กลายเป็นหนังแอ็คชั่นเครื่องบินมันส์ๆเรื่องนึงเลยก็ได้ เพราะว่าฉากเปิดตัว และ ฉากไคล์แมกซ์ ช่วงสุดท้ายของ ซึ่งเป็นฉากการต่อสู้กันของเหล่าเครื่องบินเจ็ทกลางกรุงโซล และ การถล่มฐานทัพ ก็ถือว่าเป็นฉากที่มีลีลาความมันส์ และ แอ็คชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ ออกมาค่อนข้างดูดีพอสมควร โดยปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าหากใครที่เคยชอบฉากการขับไล่ล่า และสู้กันในสไตล์แบบ Stealth ฉากแอ็คชั่น R2B ก็น่าจะเหมาะกับคุณเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็น่าเสียอย่างที่บอกไปว่า ผู้กำกับ ยังติดความเป็นลายเส้นเก่าของตัวเอง มากไปพอสมควร จึงทำให้ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงแรกนั้นสูญหายไปเปล่าๆอย่างน่าเสียดาย กับการที่ปูอารมณ์ความเป็นโรแมนติค ที่ในช่วงท้ายสุดก็กลับทำอารมณ์ได้ไม่ถึง

ซึ่งทางด้านการแสดงใน R2B ก็เต็มไปด้วยดาราเกาหลีชื่อดังมากมายนอกจาก เรน ไม่ว่าจะเป็น คิมซองซู , อีฮานา และ ชินเซคยอง โดยทางด้านการแสดงของหนุ่ม เรน หลังจากที่ในปี 2009 ผมถือว่าการแสดงในบทของ นินจา ไรโซ จาก Ninja Assassins ถือว่าพัฒนาขึ้นอย่างมากจาก Speed Racer เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้าหากใน R2B : Return to Base เขาจะสามารถทำหน้าที่ได้ดีทั้งในฉากอารมณ์ความโรแมนติค และ ฉากมุกตลกกุ๊กกิ๊กสไตล์ Full House โดยทางด้านหนุ่มๆก็อย่าเพิ่งน้อยใจว่าทั้งเรื่องจะมีแต่หนุ่มเรน เพราะเอาเข้าจริงๆแค่ด้านนางเอก ชินเซคยอง มาโชว์หน้าหวานๆให้ชมกัน ก็ถือว่าคุ้มค่าตั๋วแล้ว

โดยสรุปแล้ว R2B : Return to Base ก็ถือว่าเป็นหนังเครื่องบินเจ็ทที่สามารถทำฉากแอ็คชั่นออกมาได้ค่อนข้างมันส์ไม่แพ้กับหนังฮอลลีวู้ด แต่ตัวหนังมันจะมันส์กว่านี้ถ้าหากผู้กำกับตัดอารมณ์ความ โรแมนติค และ มุกตลก ที่ไม่จำเป็นออกในช่วงแรก และเอาเวลาที่เหลือนั้นมาเน้นความมันส์จะดีกว่าครับ

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5136 เมื่อ: 19/11/13, [16:32:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

จันดารา ปฐมบท

เป็นหนังที่มีข่าวออกมาตั้งแต่หนังจะเริ่มสร้าง ว่าจะมีดาราคนนู้น คนนี้ มารับบทเป็น ตัวละครนู้น ตัวละครนี้ แล้วไหนจะฉากถูน้ำแข็งในตำนานอีกนานา และในวันนี้หนังเรื่อง จันดารา ในฉบับของ หม่อมน้อย ก็ได้ออกมาสู่สายตาประชาชนแล้ว แต่จะเป็นการแยกเป็น 2 ภาค และนี่คือภาคแรกในชื่อภาคว่า ปฐมบท

เวอร์ชั่นดัดแปลงโดยหม่อมน้อยนี้ เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมและกิเลสแห่งกาม สะท้อนภาพผลกรรมของมนุษย์ผู้ไร้เดียงสาที่ถูกสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการ แสวงหา ?อำนาจ? ทั้งใน ?สมบัติ? และ ?กามคุณ? หล่อหลอมจนจิตใจเต็มไปด้วย ?กิเลส? และ ?ตัณหาราคะ? อันก่อให้เกิด ?เปลวไฟแห่งความแค้น? ที่เผาผลาญชีวิตรอบข้างและตนเองให้มอดไหม้จนกลายเป็นเถ้าธุลีเลยโศกนาฏกรรม ชีวิตของ ?จัน ดารา? แวดล้อมไปด้วยผู้คนรอบข้างที่สะท้อนมวลอารมณ์แห่งความรัก ความชัง ความใคร่ ความเคียดแค้น และการจดจำเอาเยี่ยงอย่างมาสู่การดำเนินชีวิตของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของความเป็นมนุษย์อันน่าสมเพชจนนำ ไปสู่หายนะอย่างแท้จริง ทั้งชีวิตของเขา และชีวิตของคนที่เราไปร่วมมีเพศสัมพันธ์ด้วยเช่นเดียวกันครับ

จันดารา ปฐมบท เป็นการกำกับการแสดงของ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า หม่อมน้อย ชื่อที่คนไทยคงรู้จักกันดีจากหนังไทยย้อนยุคแนวพีเรียดอย่าง ชั่วฟ้าดินสลาย หรือแม้แต่ที่เพิ่งผ่านไปอย่าง อุโมงค์ผาเมือง โดยในหนังเรื่องใหม่ของ หม่อมน้อย อย่าง จันดารา ที่ไปหยิบเอา นิยายแนว อีโรติค เล่มแรกๆของไทยมาดัดแปลงเป็นหนังนั้นก็ยังคงไม่ทิ้งลายเซ็นความเป็น หนังพีเรียด อีกเช่นเคย ซึ่งก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยว่าผมไม่เคยได้อ่านนิยาย หรือแม้แต่ดูหนังเรื่อง จัน ดารา ในฉบับของผู้กำกับ อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร มาก่อนเลยสักนิด เพราะฉะนั้น จันดารา ปฐมบท จึงเป็นหนังที่ทำให้ผมได้รู้จักกับเรื่องราวของ จันดารา เป็นครั้งแรกนั้นเองครับ ซึ่งถ้าหากเราพูดถึงชื่อของผู้กำกับ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล หลายคนก็คงพูดถึงด้าน เครื่องแต่งกาย

และในด้านของฉาก พร้อมกับดนตรีประกอบ ที่สามารถทำออกมาได้สวยงามจนกวาดไปแทบทุกรางวัลตั้งแต่ ชั่วฟ้าดินสลาย ซึ่งใน จันดารา ปฐมบท นั้นก็ไม่ต่างกันนัก เพราะถึงแม้ว่าในด้านของ เครื่องแต่งกาย และ ฉากหลังของกรุงเทพ อาจจะไม่ได้ดีเลิศเท่ากับ ชั่วฟ้าดินสลาย หรือ อุโมงค์ผาเมือง แต่ใน จันดารา ปฐมบท ก็ได้เป็นเครื่องตอกย้ำเพื่อพิสูจน์ให้คนดูได้เห็นแล้วว่าผู้กำกับ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล เป็นผู้กำกับที่ใส่ใจในด้านเครื่องแต่งกาย และ ฉาก มาเป็นอันดับหนึ่ง โดยการเซ็ทเครื่องแต่งกายแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างสวยงาม และน่าหลงใหลไม่ต่างกับ ดนตรีประกอบ ที่คลออารมณ์ความละเมียดเบาๆ

ซึ่งสิ่งเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ผมดูแล้วรู้สึกชอบมากที่สุดใน จันดารา เพราะที่เหลือนอกจากนั้นผมกลับรู้สึกว่าผู้กำกับ หม่อมน้อย ใส่เข้ามาเยอะไปหน่อย โดยเฉพาะในเรื่องประเด็น ‘กิเลสในกาม’ ที่โดยส่วนตัวผมก็รู้ว่าตัวหนังต้องการจะให้คนดูรู้สึกมีอารมณ์ร่วม และมีความลุ่มหลงไปใน กาม เช่นเดียวกับตัวละครทั้งหลายในหนัง และพยายามจะปิดท้ายด้วยการสอนคนดูว่า ‘บางทีการที่เราลุ่มหลงในบางสิ่งมากเกินไปก็อาจจะเป็นภัยแก่ตัวเอง’ โดยการใส่ฉาก เซ็กส์แรงๆ เข้ามาทุกๆ 10 นาทีในเรื่อง จนบางครั้งบางคราวผมกลับรู้สึกว่ามันมากเกินไป และตัวหนังพยายามจะทำให้ตัวเรื่องของมันเองแรงมากกว่าจะจงใจถ่ายทอดฉากนั้นให้เป็นประเด็นให้คนดูไปคิดต่อ ซึ่งในอีกด้านที่ทำให้ จันดารา ปฐมบท ยังดูไม่น่าประทับใจนักคงเป็นการผู้กำกับใส่ฉากอารมณ์ขันมามากไปนะ

โดยถึงแม้ว่าฉากเหล่านั้นมันจะ ตลก และทำให้คนดูขำได้มากเพียงใดก็ตาม แต่ในเมื่อตัวเนื้อหลักของมันกลับอุดมไปด้วย ความเข้มข้น ฉากตลกเหล่านั้นที่หนังใส่เข้ามามันจึงแลดูไม่เหมาะนักกับหนังที่เนื้อในมันซีเรียสเช่นนี้ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดของ จันดารา ปฐมบท กลับไม่ใช่ด้านบทและเนื้อหาที่ยังไม่เข้มข้นพอ แต่กลับเป็นด้านของ การแสดง ที่ถึงแม้จะขนมาทั้ง มาริโอ้ , ญาญ่า หญิง หรือแม้แต่ พิงกี้ สาวิกา แต่กลับไม่ได้ช่วยดึงให้ตัวหนังดูดีขึ้นมาเลยสักนิด โดยเฉพาะในหลายๆฉากที่ให้อารมณ์เหมือนนักแสดงยืนท่องบทยังไงยังงั้น ซึ่งคนที่สามารถเชิดหน้าชูตาหนังได้ดีมากที่สุดดันกลับเป็น ตั๊ก บงกช ในบท น้าวาด ที่ทุ่มทุนทั้งด้านของการแสดงในฉากอารมณ์ และ ฉากอีโรติค ได้อย่างน่าประทับใจ เสียมากกว่า มาริโอ้ ที่คาแรกเตอร์ จัน ดารา แลดูไม่เหมาะกับเขาอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วในความเห็นของผมนั้น จันดารา ปฐมบท จึงเหมือนกับเป็นหนังไทยที่มันให้อารมณ์คล้าย ละครหลังข่าว ที่ยกระดับด้าน โปรดักชั่น และ นักแสดง มากกว่าจะเป็นหนังใหญ่ฉายโรง และผมกลับชอบผลงานเก่าของผู้กำกับ อย่าง ชั่วฟ้าดินสลาย และ อุโมงค์ผาเมือง มากกว่าอยู่หลายเท่าครับ

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5137 เมื่อ: 19/11/13, [16:34:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

virgin am i รักแรกกระแทกจิ้น

ผมเคยคิดว่าเรื่องราว ?ความรัก? ถูกหยิบยกมาสร้างหนังแล้วเกือบทุกประเภทจนน่าจะไม่มีประเด็นอะไรมานำเสนอ แล้ว แต่แท้ที่จริงมันไม่ใช่ เมื่อโลกหมุนไป มุมมองคนเปลี่ยนไป ความรักก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน นี่คือเหตุผลที่ภาพยนตร์รักยังถูกสร้างออกมาเรื่อยๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้สร้างเลือกจะนำความรักแบบใดมาสร้าง และมีความแตกต่างจากภาพยนตร์รักที่เคยสร้างออกมาก่อนหน้านี้แค่ไหน ซึ่งหนัง รักแรกกระแทกจิ้น ถือเป็นอีกหนึ่งหนังรักที่มีประเด็นที่น่าสนใจ และเปิดมุมมองใหม่ๆ ในเรื่องความรัก!

รักแรกกระแทกจิ้น หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Virgin Am I กำกับโดย อนุชิต มวลพรม ที่เคยมีผลงานการกำกับในเรื่อง รักจัดหนัก (2011) ในตอน ?เป็นแม่เป็นเมีย? เล่าเรื่องราวความรัก 3 รสชาติที่เดินเรื่องคู่ขนานกันเป็นเรื่องเดียว

แป้ด (พรวรา สิทธิประศาสน์) ช่างแต่งหน้าสาวโสดยังจิ้นที่แอบรัก โอม (ทองภูมิ สิริพิพัฒน์) อาจารย์สอนดนตรี เพื่อนชายคนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก และแป้ดพยายามเต็มที่จะแสดงให้ให้โอมได้รู้ถึงความในใจ โดยมี สุเกมส์ (เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ์) ดีเจชื่อดังเพื่อนแป้ดคอยแนะนำและเอาใจช่วย แต่ว่าใจของโอมยังคงฝังใจกับรักครั้งเก่าอยู่แล้วจะเปิดใจให้แป้ดได้อย่างไร

ในขณะที่ตูมตาม (ทองเอก ปิยะวาท) หนุ่มชาวเหนือเจ้าของร้านขายไส้อั่ว แต่เป็นหนี้พนันบอลจนต้องไปเล่นหนังอีโรติกร่วมกับ ชมพู่ (พริมพิศา วัชรคีรินทร์) จนเกิดความรู้สึกพิเศษต่อกัน จนตูมตามละเลย มด (รัดเกล้า แจ่มอุลิตรัตน์) แฟนสาว จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอน!

ปัญหาด้านความรักเกิดได้กับทุกวัยเช่นเดียวกับ เดี่ยว (สุทิวัส วงษ์สำราญ) นักเรียนโรงเรียนชายล้วนที่ความรักกำลังไปได้ดีกับ แพร (ณัชภัสร์ พิพัฒน์ไชยศิริ) แต่แล้วเมื่อเกิดเหตุคลิปช่วยตัวเองของเดี่ยวแพร่กระจายออกไป ที่ให้แพรต้องอับอาย และเรื่องราวยังดังไปให้พ่ออั๋น (ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร) และแม่ธิดา (นิโคล เทริโอ) ของเดี่ยวได้รับรู้ ทำให้พ่อแม่ของเดี่ยวที่กำลังมีปัญหากันอยู่มีเรื่องให้หนักใจเพิ่มไปอีกืก ับ ที่กำลัง จะเตียงหักเครียดหนักกว่าเดิมอีก เดี่ยวจึงเหลือ นิว (ปภังค์กร อิงคนันท์) เพื่อนซี้เพียงคนเดียวที่เขาพอจะปรับทุกข์ได้ แต่แล้วเขากลับรู้สึกว่าเพื่อนเขาคนนี้แสดงออกบางอย่างที่ต่างไปจากเดิม!

สิ่งที่น่าชื่นชมอันดับแรกเลยคือ ขณะที่มีตัวละครมากมายที่ถูกชูขึ้นมาในการโปรโมตหนัง อาจด้วยเหตุที่ไม่มีนักแสดงนำระดับแม่เหล็กที่สามารถดึงคนได้ขนาดนั้น? และด้วยเหตุผลของหนังที่เล่าเรื่องรัก 3 เรื่องคู่ขนานกันไป ซึ่งบางครั้งหนังเรื่องอื่นก็แค่ชูตัวละครเหล่านั้นขึ้นมาเฉยๆ บทบาทที่นักแสดงได้ก็เพียงแค่ตัวประกอบที่ไม่มีอะไรให้จดจำ แต่กับรักแรกกระแทกจิ้นนั้นถือว่าให้เวลานักแสดงทุกคนมีบทบาท ในภาพรวมค่อนข้างดีเลยทีเดียว บางคนมีบทมากบ้างน้อยบ้างปะปน แต่บางคนที่แม้บทน้อยก็มีบุคลิกอันโดดเด่นทำให้เราจำเขาได้!

สิ่งที่น่าชื่นชมลำดับต่อมา คือประเด็นความรักที่หยิบจับมาสร้างเป็นหนัง อาจกล่าวไม่ได้อย่างเต็มปากนักว่าเป็นประเด็นใหม่ เพราะยังมีกลิ่นอายหนังไทยบางเรื่องที่ออกมาก่อนหน้าที่แฝงอยู่ แต่ก็ถือว่านำเสนอออกมาได้น่าสนใจและมีประเด็นชวนคิด ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว หน้าหนังนำเสนอในลักษณะที่หวือหวาพอสมควรซึ่งผิดกับตัวหนังที่นำเสนออย่างรู้สึกได้

เรื่องของแป้ดและโอมดูจะเกี่ยวข้องกับชื่อหนังที่สื่อออกไปมากที่สุด เพราะมันตั้งคำถามว่า รักแรกและครั้งแรกมันควรเป็นเรื่องที่ไปด้วยกันหรือว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ถ้าจะบอกให้ชัดก็คือ รักเป็นจุดเริ่มต้นที่พัฒนาไปสู่เซ็กซ์ หรือเซ็กซ์ต่างหากที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่ารัก

ในส่วนของตูมตาม เป็นการนำเสนอเรื่องของ การเผชิญหน้ากับบททดสอบของความรัก ว่าใจของเราจะมั่นคงหนักแน่นกับความรักที่มีอยู่และซื่อสัตย์กับคนของเราได้แค่ไหน หากมีสิ่งเร้าภายนอกมายั่วยวน ทั้งความไม่เข้าใจกันที่มีต่อมด ความผูกพันธ์กับบุคคลที่สามอย่างชมพู่ ซึ่งตูมตามเป็นตัวแทนของบุคคลที่พ่ายแพ้ต่อบททดสอบนี้ เพราะหากมองด้วยใจที่เป็นกลาง มดแฟนสาวทางเหนือคือผู้ถูกกระทำในความสัมพันธ์นี้!

ในขณะที่เรื่องของเดี่ยวเด็กมัธยมที่เริ่มมีรักและเริ่มเรียนรู้เรื่องอย่างว่าเป็นครั้งแรก ดูจะได้รับการกระแทกจิ้น! มากเป็นพิเศษ เพราะผลพวงจากความโด่งดังแบบไม่ตั้งใจกับคลิปหลุดของตัวเอง ทำให้ต้องแก้ปัญหาใจกับแฟนที่ทำให้เธอต้องอับอาย แถมยังเป็นการเพิ่มเชื้อไฟลงไปที่ความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ค่อนข้างเลวร้ายอยู่แล้ว ระหว่างพ่อแม่และเดี่ยวให้ย่ำแย่มากขึ้นไปอีกไปอีก! นี่ยังไม่รวมถึงนิวเพื่อนสนิท ที่เหมือนจะกลายเป็น ?เพื่อนกูรักมึงว่ะ?

แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกนำเสนอในจังหวะที่เนิบช้า ค่อยๆ เล่าเรื่องราวอย่างใจเย็น โดยเสียเวลาไปกับการปล่อยมุขที่ไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ บวกกับการตัดต่อที่รู้สึกว่าเป็นปัญหาเพราะบางฉากสื่อสารออกมาได้ไม่ชัดเจน เพราะเมื่อลองไปอ่านเรื่องย่อของหนังโดยละเอียดแล้วจะพบว่าเรื่องราวมันมีรายละเอียดมากกว่าที่เห็นในหนัง เช่นเรื่องราวของสุเกมส์ดีเจชื่อดังที่มีความต้องการที่จะใช้การรายการวิทยุเป็นพื้นที่เปิดกว้างในการพูดถึงปัญหาความรักและเซ็กซ์ ความพยายามของแม่ธิดาที่แม้จะว่ากล่าวเดี่ยวแต่ก็พร้อมจะอยู่เดียงข้างลูกเสมอ แม้ลูกจะรำคาญและใช้คำพูดทำร้ายจิตใจ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่สามารถนำสารต่างๆ มาใส่ไว้ในหนังได้หมด

ไม่รู้ว่าเป็นการจงใจหรือไม่ แต่หนังเลือกที่จะนำเสนอประเด็นต่างๆ ในแบบปลายเปิดให้ผู้ชมไปขบคิดต่อกันเอง แม้บทสรุปจะจบได้ดีชนิดสามารถเรียกรอยยิ้มได้ แต่ว่าประเด็นที่หนังนำเสนอนั้นก็อาจไม่โดนในทุกคน ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับรสนิยมและมุมมองด้านความรักของแต่ละคนด้วยว่าจะให้คุณค่ากับหนังเรื่องนี้แค่ไหน

รักแรกกระแทกจิ้น คำว่า ?จิ้น? ที่มาจากคำว่า ?เวอร์จิ้น? (Virgin) ที่ถูกนำมาใช้เป็นชื่อหนังเรื่องนี้ มีความหมายว่า ?บริสุทธิ์? หรืออีกความหมายที่ใครๆ รู้กันว่า ?ครั้งแรก?? ซึ่งคงไม่ได้มีความหมายตามตัวอักษรซะทีเดียวเมื่อพิจารณาจากตัวหนัง จิ้นในที่นี้คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างว่า แต่มันเกี่ยวข้องกับ ?ชีวิต ? มากกว่า ที่ตัวละครในหนังได้เปิดรับมันเข้ามาได้รู้จัก ความสุข ความตื่นเต้น ความเจ็บปวด ความเสียใจ ไปกับมัน จนสุดท้ายชีวิตถึงได้เรียนรู้และเข้าใจว่า ?รัก? คืออะไร?

6/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5138 เมื่อ: 19/11/13, [16:35:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ 

 On The Road กระโจนคว้าฝันวันของเรา

หลังจากหนังชุด แวมไพร์ ทไวไลท์ ใกล้จบ ทีมนักแสดงทั้งหลายก็เริ่มหาบทอื่นทำนอกจากวัยรุ่นแวมไพร์ อย่างเช่น โรเบิร์ต แพทตินสัน ก็ไปเป็น เศรษฐี ใน Cosmopolis นาย เทเลอร์ เลาท์เนอร์ ก็ไปแอบเป็นสายลับใน Abduction และ On the Road นี้เราก็จะได้เห็น คริสเต็น สต๊วจ เป็นเด็กสาวใจแตกครับ

หลังจากที่พ่อเสียชีวิต ซัล พาราไดซ์ (แซม ไรลีย์) นักเขียนหนุ่มชาวนิวยอร์ก ได้รู้จักกับ ดีน มอริอาร์ตี้ (แกร์เร็ท เฮดลันด์) อดีตนักต้มตุ๋นเจ้าเสน่ห์ และได้แต่งงานกับสาวสวยรักอิสระ แมรีลู (คริสเตน สจ๊วต) ซัล และ ดีน ผู้กลายมาเป็นเพื่อนสนิท ไม่ยอมให้สังคมที่เคร่งครัดมากักขังหน่วงเหนี่ยวพวกเขาไว้ สองหนุ่มและหนึ่งสาวได้แหกกฎเกณฑ์ทั้งปวง โดยการออกไปใช้ชีวิตเสรีบนท้องถนน เพื่อค้นหาความหมายของทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ และแสวงหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไปตามเส้นทางของถนนเล็กๆสายนี้ให้จงได้ โดยหนังเข้าฉายแล้วตั้งแต่วันนี้เฉพาะในโรงภาพยนตร์เครือ เอเพ็กส์ สยามสแควร์ เท่านั้นครับ

On the Road เป็นผลงานการกำกับของ วอลเทอร์ ซัลลัส ผู้กำกับที่เคยทำหนังมาหลายแนวพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ทริลเลอร์ แบบ Dark Water , โรแมนติคแบบ Paris, je t’aime หรือแม้แต่ดราม่าแบบ The Motorcycle Diaries ที่กวาดรางวัลและคำชมไปมากพอสมควร โดยในหนังเรื่องใหม่ของเขาอย่าง On the Road เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของนักเขียน แจ๊ค เครูแอค ที่ก็ได้มีรวบรวมดาราแถวหน้ามาไว้มากพอสมควรไม่ว่าจะเป็น วิคโก้ มอร์เทนเซ่น , เอมี่ อดัมส์ , คริสเต็น ดัสต์ หรือแม้แต่ เทอร์เรน ฮาววาร์ด ซึ่งถ้าหากเราพูดถึงหนังดราม่าแนว โร้ด มูฟวี่ ผมว่าหลายคนคงจะนึกถึงการตัวเอกเป็นวัยรุ่นจนๆที่ต้องการค้นหาอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป โดยการสะพายเป้ใบนึงและเดินเร่ร่อนไปตามถนน หารถโบก เพื่อไปยังจุดหมายที่ตัวเอกนั้นก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเลย

แต่ท้ายสุดตัวเอกของเราก็จะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากตัวละครที่เขาได้เจอระหว่างทางจนมันกลายมาเป็นบทเรียนในชีวิตของเขา แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดมันกลับไม่ได้อยู่ใน On the Road เลยสักนิดเดียว และใช่ครับ นั้นถือว่าเป็นข้อดีที่สุดสำหรับ On the Road โดยการที่หนังไม่ได้ใส่ประเด็น และ เรื่องราวให้คนดูขบคิด ผ่านการเดินทางของตัวเอกเลยสักนิด แต่หนังกลับใส่ประเด็นและเรื่องราวให้คนดูกลับไปขบคิดต่อตั้งแต่ ตอนเริ่มต้นการเดินทางของตัวเอก และ ตอนที่ตัวเอกจบการเดินทาง มากกว่าจะใส่ตัวละครระหว่างทางเข้ามาเพื่อให้ข้อคิดต่างๆแก่ตัวเอกอย่างเช่นหนัง โร้ด มูฟวี่ เรื่องอื่นๆเช่น Into the Wild ทำเอาไว้

โดยสิ่งที่ On the Road ได้ปูทางไว้ให้คนดูกลับไปขบคิดต่อถือว่าเป็นข้อที่น่าสนใจทีเดียว โดยการที่หนังเลือกที่จะ เสียดสีประเด็นเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นอเมริกัน ที่สมัยนี้คิดว่าการที่ทำตัวเร่ร่อน ไร้จุดหมาย แล้วรอหวังพึ่งโชคชะตา จะทำให้พวกเขามีอนาคตที่ดีโดยที่พวกเขาไม่ต้องเหนื่อย ทั้งที่จริงแล้วคนเราทุกคนควรจะมี เป้าหมาย ในชีวิตของตัวเราเองเพื่อให้พุ่งชนมากกว่าที่จะมานั่งเร่ร่อนใช้ชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งวันตายพวกเราก็ยังไม่มีเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จเสียที ผ่านการเล่าเรื่องสไตล์การเดินทางของ 3 ตัวเอก ที่เปรียบเสมือนกับว่าการเดินทางไปตามสายถนนนี้ ก็เปรียบเสมือนกับการที่ชีวิตคนเราได้เจริญเติบโต และ เผชิญกับสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆ จนกระทั่งท้ายสุดเราทุกคนก็ต่างจะได้รู้ว่า ไม่มีถนนเส้นไหนที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ก็ไม่ต่างกับชีวิตคนเราที่ก็มีจุดจบเช่นเดียวกันครับ

ซึ่งสิ่งเหล่านั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ผมต้องขอชมผู้กำกับเลยว่าสามารถทำ On the Road มาเป็นหนังที่สอดแทรกประเด็นต่างๆได้ฉีกกฏหนังแนว โร้ด มูฟวี่ ได้ค่อนข้างดี เพียงแต่ว่าหนังมันก็ยังมีข้อเสียที่ไม่น่าให้อภัยมากพอสมควร โดยเฉพาะด้านของการเล่าเรื่องของหนัง ที่ไม่มีทั้งความน่าติดตามในตัวเนื้อเรื่อง และตัวละครหลักทั้ง 3 คนนั้นขาดเสน่ห์ค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าตัว คริสเต็น สต๊วจ จะมีการแสดงที่ดูเป็นเด็กสาวใจแตกได้ค่อนข้างดี แต่นั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรให้ตัวละครเหล่านี้ดูน่าสนใจมากนัก จนทำให้ท้ายสุดตัวหนัง On the Road จึงกลายเป็นอาหารที่ขาดรสชาติและสีสัน ของความหวานมันส์ไปหน่อย

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว On the Road จึงถือว่าเป็นหนังที่มีประเด็น และ การฉีกกฏหนังแนว โร้ด มูฟวี่ ได้ค่อนข้างดี เพียงแต่ว่าโดยรวมของตัวหนังนั้นยังถือว่าทำได้ไม่น่าสนใจพอ โดยเฉพาะด้านของตัวละครที่พยายามจะมีมิติมากเกินไป และที่สำคัญคือหนังน่าง่วงนอนมาก ไม่เหมาะกับคนที่พักผ่อนน้อยอย่างยิ่ง

เรื่องนี้ผมให้ 7/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5139 เมื่อ: 19/11/13, [22:33:08] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5140 เมื่อ: 19/11/13, [22:33:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5141 เมื่อ: 19/11/13, [22:33:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5142 เมื่อ: 19/11/13, [22:34:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5143 เมื่อ: 19/11/13, [22:34:35] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5144 เมื่อ: 19/11/13, [22:48:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Hope Springs คุณป้าดึ๋งดั๋ง ปึ๋งปั๋งกันมั้ยปู่ เรื่องราวความรักยุคบั้นปลายที่น่าสนใจ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5145 เมื่อ: 19/11/13, [22:53:51] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Bourne Legacy  พลิกแผนล่า ยอดจารชน
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5146 เมื่อ: 19/11/13, [22:55:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
ฃัมบาลา
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5147 เมื่อ: 19/11/13, [22:58:30] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

expandable  [เจ๋ง]
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5148 เมื่อ: 20/11/13, [01:46:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5149 เมื่อ: 20/11/13, [01:47:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5150 เมื่อ: 20/11/13, [01:51:08] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ





เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5151 เมื่อ: 20/11/13, [01:52:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ





เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5152 เมื่อ: 20/11/13, [01:52:53] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5153 เมื่อ: 20/11/13, [01:53:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


 Up ปู่ซ่าบ้าพลัง
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5154 เมื่อ: 20/11/13, [01:54:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

 เฉิ่ม
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5155 เมื่อ: 20/11/13, [01:56:51] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?

ฤดูที่ฉันเหงา
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5156 เมื่อ: 20/11/13, [02:06:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ





เรื่องอะไรครับ ?

how to train your dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5157 เมื่อ: 20/11/13, [02:53:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

28 weeks later  [on_055]
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5158 เมื่อ: 20/11/13, [09:29:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Possession
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5159 เมื่อ: 20/11/13, [09:37:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Pattaya Maniac สายล่อฟ้า
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  Pattaya Maniac สายล่อฟ้า
ไอ้ตุ่น กับ ไอ้เต่า เป็นเพื่อนคู่ซี้คู่ฮาประจำหาดพัทยา ตุ่นเป็นเซียนพระที่ได้มรดกกิจการมาจากเซียนต่ายพ่อมัน ส่วนเต่าเป็นเซียนบอลที่คลั่งไคล้เพลง สายล่อฟ้า ของ ป้อม อัสนี เข้าไส้ ไปคาราโอเกะทีไรมันแหกปากร้องเพลงนี้จนหวิดหัวแตกมาแล้วหลายเที่ยว คืนหนึ่งที่บาร์คาราโอเกะ ตุ่น ไปตกหลุมรักสาวนางหนึ่งเข้าโดยไม่รู้เลยว่า น้องนก เป็นเด็กของกำนันหมูมาเฟียใหญ่ของพัทยาที่เต่าเช่ามาเอาใจเพื่อน
หลังจากคืนแห่งความทรงจำ น้องนกก็หายตัวไป ตุ่นพยายามตามหาจนถูก ปลา กะเทยแม่เล้าหลอกฟันเงินไปแสนหนึ่ง ร้อนถึง เต่า ที่กำลังอยากจะยืมเงินเพื่อนไปคืนหนี้โต๊ะบอลอยู่พอดีต้องไปทวงให้ ปลา ขอใช้คืนเป็นโคเคนโดยเอาไปขายให้เฮียหมา แต่ด้วยความซื่อผสมความเซ่อ เต่า กลับโดนเฮียหมาต้มซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเข้าตาจน เต่าจึงไปดักจับ น้องหนู สาวลูกครึ่งมาเรียกค่าไถ่
ตุ่น ซึ่งหลงรักน้องนกหัวปักหัวปำบ้าเลือดเข้าไปขอตัวเธอคืนจากกำนันหมู กำนันหมูยื่นข้อเสนอให้มันเอาเงินมาซื้อความรักในราคาสามล้าน พอดีกับที่ผู้ใหญ่หมีเรียกตุ่นไปดูพระ มันได้ทีจึงแกล้งตีเป็นของเก๊ แล้วทำเลียนแบบไปขายเองได้เงินมาสามล้าน ตุ่นได้เงินไปไถ่ตัวนกสมใจ รวมทั้งใช้หนี้ให้เต่าด้วย



หน้า: 1 ... 170 171 172 173 174 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: