Aqua.c1ub.net
*
  Sun 03/Aug/2025
หน้า: 1 ... 168 169 170 171 172 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 758022 ครั้ง)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5070 เมื่อ: 17/11/13, [06:25:54] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?ภาคไหน ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5071 เมื่อ: 17/11/13, [06:27:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5072 เมื่อ: 17/11/13, [10:35:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

Pattaya Maniac สายล่อฟ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17/11/13, [10:37:04] โดย จอมใจไร้รัก »
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5073 เมื่อ: 17/11/13, [10:36:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?

Bangkok Traffic Love Story รถไฟฟ้ามาหานะเธอ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5074 เมื่อ: 17/11/13, [11:23:10] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?

goal club เกมล้มโต๊ะ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5075 เมื่อ: 17/11/13, [11:25:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?ภาคไหน ?

(Ghost Rider) - มัจจุราชแห่งรัตติกาล
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5076 เมื่อ: 17/11/13, [11:44:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

dredd 3d เดร็ด คนหน้ากากทมิฬ

เป็นหนังที่ในทีแรกเห็นตัวอย่าง และ รายชื่อ นักแสดงก็เกือบจะมองข้ามไปแล้ว เพราะในแว๊บแรกที่เห็นก็คิดเลยว่า ‘หนังรีเมคแย่ๆจะมาอีกแล้วหรอ’ จนกระทั่งได้เหลือบไปเห็นคำวิจารณ์ที่เพิ่งจะโผล่มาเมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่แล้วที่ออกมาชมตัวหนังแบบที่ดีเกินคาด จึงไม่พลาดที่จะขอไปลองในระบบ 3D ตามชื่อหนังครับ

จากต้นกำเนิดแอ็คชั่นฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนปี 1977 สู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ปี 1995 ที่ชื่อ Judge Dredd นำแสดงโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ล่าสุดในปี 2012 ?ตุลาการทมิฬเดร็ดด์? ก็ถูกยกเครื่องใหม่ให้เป็นอภิมหาหนังแอ็คชั่นสามมิติ โดยทีมงานวิชวลเอฟเฟ็คจาก Resident Evil: Afterlife และทีมงานฉากแอ็คชั่นจาก District 9 และ Generation Kill ใน ?เมกะซิตี้วัน? มหานครแห่งสุดท้ายบนโลกหลังอารยธรรมล่มสลาย เดร็ดด์ ตุลาการที่อันตรายที่สุดบนท้องถนน เขาสามารถจัดการกับอาชญากรได้ตามอำนาจที่ได้รับ โดยครั้งนี้ เดร็ดด์ ต้องร่วมมือกับ ตุลาการสาวหน้าใหม่ เพื่อจัดการกับ มาม่า หัวหน้าแก๊งค้ายาที่มีอำนาจ

Dredd 3D กำกับการแสดงโดยผู้กำกับ พีท ทราวิส ผู้กำกับจากเมืองผู้ดีอังกฤษจากหนังเรื่อง Endgame และ Vantage Point ที่ไม่รู้อะไรยังไง อยู่ดีๆถึงคิดจะมาฟื้นคืนชีพ ตุลาการทมิฬ อีกครั้ง หลังจากที่ในฉบับเก่าของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน อย่าง Judge Dredd ที่ถึงแม้จะโกยเงินไปมากพอควร แต่ตัวหนังกลับโดนสับพอสมควรเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าการที่ผู้กำกับจะเอาหนังเก่ามารีเมคใหม่ ก็ต้องมีสิ่งใหม่ๆมาให้คนดูรับชมแน่นอน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือด้านของตัวเนื้อเรื่อง ที่ปรับจากฉบับเก่าที่ เดร็ด สามารถไปโลดแล่นที่ไหนก็ได้ในเมือง มาบีบให้อยู่ในตึกเล็กๆแทน และนั้นรวมไปถึงการผู้กำกับเลือกที่จะถ่ายทำตัวหนังออกมาในระบบ 3D ด้วยงบที่จำกัดเพียง 45 ล้านเหรียญ โดยไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยว่าผู้กำกับสามารถนำงบที่จำกัดนั้นสร้าง 3D ที่น่าตื่นตาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

ซึ่งถ้าหากใครที่เคยรำคาญกับระบบ 3D ที่เต็มไปด้วยภาพสโลว์โมชั่นที่ดูแล้วไม่เห็นจะเท่ตรงไหน หนำซ้ำยังสร้างความรำคาญให้กับคนดูใน Resident Evil : Afterlife ก็ขอแนะนำให้คุณมาชม Dredd ในระบบ 3D ได้เลย เพราะถึงแม้ว่าตัวหนัง Dredd จะเต็มไปด้วยภาพสโลว์ โมชั่น แต่ก็คงเป็นเพราะการที่ผู้กำกับเลือกที่จะใช้กล้องที่ทำมาเพื่อถ่ายภาพสโลว์โมชั่นโดยเฉพาะ (จำชื่อไม่ได้) เพราะฉะนั้นภาพสโลว์เหล่านั้นมันจึงออกมา สวยงาม น่าตื่นตา และจะยิ่งประทับใจถ้าหากคุณได้รับชมในระบบ 3D ที่ถึงแม้ผู้กำกับจะไม่ได้มีอะไรมากระแทกตาคนดูมากนัก แต่ถ้าหากคุณชื่นชอบความมีมิติในระบบ 3D คุณจะไม่ผิดหวังแน่

นอกจากนั้นในด้านองค์ประกอบหลักที่ควบคู่กันไปอย่าง ฉากแอ็คชั่น ที่ถึงแม้อาจจะมีหลายๆส่วนที่ดูแล้วออกมาคล้ายกับ The Raid : Redemption หนังปิดตึกลุยที่เพิ่งฉายไปบ้างก็ตาม แต่สิ่งที่ Dredd สามารถทำออกมาได้น่าทึ่งกว่า The Raid นั้นก็คงเป็นการที่หนังมีฉากการยิงเลือดสาด และ กระฉูด แต่กลับทำให้คนดูไม่ได้มีความรู้สึกว่านั้นเป็น ความดิบเถื่อน เลยสักนิด แต่กลับกลายเป็น ความสวยงาม ที่น่าประหลาดเสียมากกว่า ที่ถึงแม้ท้ายสุดแล้วฉากไคล์แมกซ์ในหนังอาจจะไม่ได้พีคสุดๆอย่างที่คอหนังแอ็คชั่นต้องการ แต่ฉากแอ็คชั่นที่หนังใส่มาในช่วงเปิดเรื่อง และ ระหว่างเรื่อง ก็ดูเหมือนจะเป็นฉากแอ็คชั่นที่น่าพอใจแล้วกับ Dredd ในฉบับนี่ ที่ด้านของนักแสดงอย่าง คารล์ เอิลเบนน์ และ โอลิเวียร์ เทิรด์บี้ ก็ดูเหมือนจะสามารถถ่ายทอดตัวละครนำได้อย่างมีชั้นเชิงพอสมควร

แต่อย่างไรก็ตาม Dredd อาจจะเป็นหนังที่น่าพอใจกว่านี่ถ้าหากหนังเลือกที่จะเดินตาม The Raid : Redemption แบบครบถ้วนโดยการไม่ใส่พล๊อตเรื่องริมทางเข้ามา และมุ่งหลักไปที่ถนนเส้นใหญ่ลูกเดียว เพราะข้อเสียหลักใน Dredd เลยคือการที่หนังใส่รายละเอียดยิบย่อยมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ กลุ่มตุลาการทมิฬ , พลังจิตของแอนเดอร์สัน , โลกที่เสื่อมโทรม หรือแม้แต่ เรื่องราวของชนชั้น ที่สิ่งทั้งหมดนี่ท้ายสุดของเรื่อง หนังกลับไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆเพิ่มเติมเลยสักนิด จนมันเปรียบเสมือนเป็นปริศนาที่มีแผลเหวอะหวะ และหนังก็ลืมที่จะเย็บแผลนั้นให้สนิท แถมหนำซ้ำใครที่ไม่เคยอ่านการ์ตูน หรือว่ารู้จักกับ Dredd มาก่อน (เช่นผม) อาจจะไม่ได้ชอบตัวหนังมากแน่นอน เพราะเท่าที่เห็นนั้น Dredd เป็นหนังที่สร้างออกมาเพื่อเอาใจคอการ์ตูนอย่างแท้จริงเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นใน Dredd ฉบับใหม่นี่จะเป็นหนังที่ถือว่าสร้างขึ้นมาเพื่อให้คอการ์ตูน ตุลาการทมิฬ ได้อิ่มเอมไปกับความดิบ เถื่อน แต่สวยงามอย่างแน่นอ ซึ่งถ้าหากใครที่ไม่เคยอ่านการ์ตูน หรือรู้จักนาย เดร็ด มาก่อน ก็อาจจะพอดูได้แค่เพลินๆ และเพลิดเพลินสนุกสนานไปกับภาพ 3D แบบ สโลว์โมชั่น ที่สวยจนอลังการ

เรื่องนี้ผมให้ 7/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5077 เมื่อ: 17/11/13, [11:44:51] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

painted skin the resurrection โปเยโปโลเย ศึกรักหน้ากากทอง

เพราะต้องมนต์สะกดของปีศาจจิ้งจอก! แม่ทัพฮั่วซินพระเอกของเรื่องจึงลุ่มหลงงมงาย ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าตัวเองนั้น หาใช่หญิงคนรักของตนไม่ เช่นเดียวกับผู้ชมที่ได้ดู Painted Skin: The Resurrection ที่หลงมัวเมาไม่ต่างจากแม่ทัพฮั่วเลย เมื่อความอลังการของฉาก งานภาพที่สวยงาม เครื่องแต่งการนักแสดงอันวิจิตร และใบหน้าของนักแสดงที่ดูดีในทุกคน ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับมันในชั่วครู่ชั่วยาม แต่ปีศาจจิ้งจอกมิอาจซ่อนหางตัวเองฉันใด ภาพยนตร์ก็มิอาจซุกซ่อนตำหนิด้วยหน้าหนังอันงดงามได้ฉันนั้น!!

Painted Skin: The Resurrection หรือในชื่อไทยว่า โปเยโปโลเย ศึกรักหน้ากากทอง เป็นภาพยนตร์จากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนี่ถือเป็นภาคสอง ต่อจาก Painted Skin เมื่อปี 2008 กำกับโดย หวูอันซัน (Wu Ershan) เรื่องราวของปีศาจจิ้งจอก เซี่ยวเหวย (โจวซุน) ที่ละเมิดกฎเกณฑ์ของโลกปีศาจ จนถูกกักขังไว้ในน้ำแข็งนานหลายศตวรรษ ยังดีที่มีน้องสาวปีศาจนก เชียะเอ๋อ (หยางมี่) ช่วยเจาะกำแพงน้ำแข็งจนสามารถหลุดออกมาได้ แต่ด้วยความที่เธอเป็นปีศาจที่ต้องการเป็นมนุษย์ จึงได้ออกเดินทางค้นหาหัวใจอันบริสุทธิ์

จนได้พบกับเจ้าหญิงฉิง (จ้าวเว่ย) ธิดาองค์ที่ 14 แห่งราชวงค์ฮั่น ผู้มีใบหน้าเสียโฉมซีกหนึ่งและมีหัวใจอันวิเศษ ซึ่งองค์หญิงได้เดินทางมาชายแดนเพื่อพบกับบุรุษที่ตนรักแม่ทัพฮั่วซิน?(เฉินคุน) ซึ่ง เดิมเป็นอดีตราชองค์รักษ์ที่หนีมาประจำชายแดนเพราะรู้สึกผิดที่เป็นส่วน หนึ่งที่ทำให้องค์หญิงฉิงต้องเสียโฉม จนมิอาจสู้หน้ากับเจ้าหญิงได้อีก นั่นทำให้องค์หญิงเข้าใจผิดคิดว่า ฮั่วซินรังเกียจที่ตนมีใบหน้าที่เสียโฉม

ในขณะที่อาณาจักรเทียนหลาง ได้สู่ขอองค์หญิงฉิงเพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งอาณาจักรเทียนหลาง เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างอาณาจักรทั้งสอง จะได้ไม่ต้องทำศึกสงครามแย่งชิงอาณาเขตกันอีก แต่เบื้องหลังนั้นคือการนำหัวใจวิเศษขององค์หญิงมาเพื่อชุบชีวิตเจ้าชายที่ ถูก ปีศาจจิ้งจอกควักหัวใจไป เหตุการณ์ทั้งหมดจึงถูกนำมาใช้เป็นอุบายให้แก่ปีศาจเซี่ยวเหวยในการแลก เปลี่ยนตัวและหัวใจกับเจ้าหญิง เพื่อให้เจ้าหญิงใบหน้าอันสวยงามเพื่อที่จะได้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับแม่ทัพ ฮั่วที่ตนรักได้ แต่นั่นคือการนับถอยหลังไปสู่การสูญสิ้นความเป็นมนุษย์และกลายเป็นปีศาจ!

เรื่องราวใน Painted Skin: The Resurrection ถือว่าเป็นนิยายความรักแฟนตาซีน้ำเน่า ที่คนไทยคุ้นเคยรสชาติกันมาอย่างดี ที่ครั้งนี้มาพร้อมงานสร้าง และเทคนิคพิเศษด้านภาพที่สวยงามอลังการ และดนตรีประกอบที่ดูยิ่งใหญ่เหมือนหนังมหากาพย์แฟนตาซี ซึ่งเป็นจุดที่ตรึงคนดูไว้ได้อยู่หมัดในตอนต้น พร้อมทั้งชวนให้ติดตามเรื่องราวว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

ภาพยนตร์จีนเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งของหนังเอเชียที่ได้รับอิทธิพลมาจากวงการฮอลลีวู๊ดอย่างมิ อาจปฏิเสธ เมื่อองค์ประกอบด้านเสื้อผ้า และการออกแบบตัวละครบางตัว โดยเฉพาะพ่อมดหมอผี และกองทัพของอาณาจักรเทียนหลางที่ทำให้เรานึกถึงภาพยนตร์อย่าง Harry Potter หรือ The Lord of the Rings ได้อย่างไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใด ซึ่งพอจะอนุโลมได้กับการวางตัวเองว่าเป็นหนังแฟนตาซี

แต่สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยและเป็นจุดที่หนังควรจะทำได้ดีกว่านี้ ก็คือการเล่าเรื่อง ที่ทำได้น่าเบื่อ ชวนง่วงเหลือเกิน และไม่ดึงให้เราติดตามเมื่อเรื่องราวผ่านไปหนึ่งชั่วโมง การวกไปวนมากับเรื่องความรักระหว่างองค์หญิงฉิงและแม่ทัพฮั่วที่ดูเหมือน ฝ่ายชายจะสนุกกับการเล่นแง่กับฝ่ายหญิง จนไม่นึกถึงจิตใจเธอ และการวางแผนอันไม่มีแบบแผนของปีศาจจิ้งจอกเซี่ยวเหวย ที่ร้ายที่สุดคือการแลกผิวหนังในช่วงแรก (ซึ่งเป็นฉากขายฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้) ที่ผลลัพย์ของมันทำให้เสน่ห์ของแม่ทัพฮั่วมัวหมอง ไร้ค่าเกินกว่าที่เจ้าหญิงฉิงต้องเสียสละตัวเองกับผู้ชายที่มองเพียงแค่ เปลือก ส่งผลให้การสละตัวเองของแม่ทัพฮั่วในการต่อต้านกองทัพของอาณาจักรเทียนหลา งหรือการช่วยเหลือองค์หญิงฉิงให้ได้หัวใจของเธอคืนมานั้น ลดคุณค่าในตัวลงไป!

Painted Skin: The Resurrection ดูจะเล่นประเด็นในเรื่องของความรัก ที่หวังมอบแง่คิด ในเรื่องของการมองคนที่จิตใจมากกว่าเพียงเปลือกภายนอก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกของทุนนิยม ที่คนในสังคมล้วนให้ค่าของภาพลักษณ์ภายนอกมากกว่าภายใน จนเป็นตัวผลักให้คนหลงใหลในใบหน้าและรูปร่างมากจนยอมทำทุกวิถีทางเพื่อที่ตน เองจะได้เป็นเจ้าของใบหน้าและผิวพรรณอันดึงดูดใครต่อใครให้ใหลหลง เพื่อนำมาซึ่งเงินตรา หน้าที่การงาน หรือว่าความรัก จนละเลยที่มองดูความงดงามที่สร้างคุณค่าให้กับตัวเองได้ยั่งยืนคงทนกว่ารูป กายภายนอกที่สุดท้ายต้องร่วงโรยไปตามวัย เช่น สติปัญญา คุณงามความดี ฯลฯ

น่าเสียดาย! กับสารที่หนังพยายามจะสื่อออกมากลับวนเวียนหาทางออกไม่เจอ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่ไม่สามารถนำพาหนังไปสู่สิ่งที่ตัวเองตั้งโจทย์ไว้ กลายเป็นว่าเวทมนต์ที่ทำให้เราเข้าใจว่าคือหญิงงามเมือง ดึงดูดให้เราสนใจและติดตามเรื่องราวในตอนต้น เมื่อมันหมดลงเราจึงพบว่าแท้ที่จริงหญิงงามเมืองที่เราเห็นนั้น มันคือปีศาจ!

สุดท้าย Painted Skin: The Resurrection หรือ โปเยโปโลเย ศึกรักหน้ากากทอง จึงเป็นแค่เรื่องของ ชายที่มองเพียงรูปและหญิงที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง! ที่ไม่หลงเหลือคุณค่าใดให้จดจำเมื่อหนังเดินทางมาถึงบทสรุป!!

4/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5078 เมื่อ: 17/11/13, [11:45:01] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

The Intouchables ด้วยใจแห่งมิตร พิชิตทุกสิ่ง

ช่วงเวลา 5 ? 10 นาทีแรกของหนัง นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้สร้างต้ิงสร้างความประทับใจให้ผู้ชมและดึงให้ อยากติดตามเรื่องราวต่อไป โดยส่วนใหญ่มักเป็นฉากเปิดตัวละครนำของเรื่องหรือเผยให้เห็นเหตุการณ์ บางอย่าง หรือ ฯลฯ เพื่อเป็นการเกริ่นนำและทำความรู้จักกับหนังในเบื้องต้น ก่อนที่จะพาผู้ชมเข้าสู่องค์แรกของหนังที่บอกเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของ เรื่องราวทั้งหมด ก่อนค่อยๆ ทวีความเข้มข้นในองค์ที่สอง และไปสู่บทสรุปในตอนท้าย ซึ่งมีน้อยเรื่องนักที่จะสามารถสร้างความประทับใจได้ในเวลาเพียง 5 ? 10 นาทีแรกของหนัง แต่ The Intouchables ทำได้และทำให้หลังจากนั้นคือความเพลิดเพลินตลอดเวลาร่วม 2 ชั่วโมง

The Intouchables เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดยสอง ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส โอลิวิเยร์ นากาช (Olivier Nakache) และ เอริก โตเลอดาโน (?ric Toledano) ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นโดยอ้างอิงมาจากเรื่องจริงของ ฟิลิปป์ (ฟรองซัวส์ คลูเซ่ต์์) มหาเศรษฐีที่ประสบอุบัติเหตุจนต้องกลายเป็นอัมพาต ฟิลิปป์ จึงประกาศหาพยาบาลส่วนตัวที่จะมาทำหน้าที่ดูแลเขาตลอด 24 ชั่วโมง แต่ควานหาผู้มีคุณสมบัติไปหลายสิบรายก็ยังไม่ถูกใจ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับ ดริสส์ (โอมาร์ ซี) หนุ่มผิวดำที่ชาติเกิดและฐานะแตกต่างจากฟิลิปป์อย่างสิ้นเชิง ด้วยอุปนิสัยตรงไปตรงมาและเสน่ห์บางอย่างในตัวดริสส์ ฟิลิปป์จึงตัดสินใจรับเขาเข้าทำงาน กาลเวลาที่ผ่านไปทำให้ทั้งสองได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพของเพื่อนต่างวัยต่างฐานะอันน่าประทับใจ

หนังมาในอารมณ์ที่สดใสมากกว่าที่คิดไว้ในครั้งแรก ด้วยเรื่องราวอันเรียบง่ายแสนธรรมดาที่ถ่ายทอดออกมาด้วยความรู้สึกเรียบง่าย แบบคนซื่อๆ ด้วยความแตกต่างที่ค่อนข้างมากของ 2 ตัวละครหลัก นำมาสู่มุขตลกต่างๆ ที่ถูกสอดแทรกลงไปในหนังได้อย่างลง แม้บางมุขอาจรู้สึกในทีแรกถึงความหมิ่นเหม่ว่าเป็นการล้อเลียนผู้พิการหรือ เปล่า แต่เมื่อพิจารณาดูอีกทีอาจเป็นสารที่สื่อให้ผู้ชมรู้ว่า ชีวิต หรือ การมีชีวิต คือความสุขสนุกสนานไม่ควรเลยที่เราจะไปทุกข์ตรมกับชีวิตเพราะว่ากายภาพของ เราไม่สมบูรณ์

นอกจากเรื่องราวของดริสส์ที่ต้องมาเป็นเพื่อนดูแลฟิลิปป์แล้ว หนังยังมีเนื้อเรื่องย่อยเกี่ยวกับชีวิตของดริสส์ อันเป็นส่วนที่น่าสนใจว่าเพราะอะไรฟิลิปป์ถึงเปิดโอกาสให้ดริสส์เข้าทำงาน? พื้นฐานของดริสส์มาจากครอบครัวที่ฐานะการเงินย่ำแย่ ซึ่งแตกต่างจากฟิลิปป์อย่างชิ้นเชิง และมีแม่เพียงคนเดียวที่ทำงานหาเงินมาเลี้ยงคนในบ้าน ที่รายได้ไม่น่าจะสัมพันธ์กับค่าใช้จ่าย เมื่อมีเด็กๆ ในบ้านนี้หลายคน ดริสส์ซึ่งเป็นพี่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำตัวให้แม่ของเขารู้สึกพึ่งพาได้จนตะเพิด ดริสส์ออกจากบ้าน แต่ดริสส์ก็ไม่ใช่ตัวละครที่น่ารังเกียจแต่อย่างไร ถึงการกระทำส่วนตัวของดริสส์จะไม่ถูกต้องนัก แต่สิ่งหนึ่งที่หนังถ่ายทอดให้เราเห็นอย่างชัดเจนถึงลักษณะนิสัยที่แอบซ่อน อยุ่ของดริสส์ก็คือ ความมีน้ำใจและสำนึกที่ดี ซึ่ง 2 ส่วนนี้หากใครมีอยู่ใจตัว ไม่ว่าชีวิตของเขาแต่เดิมจะย่ำแย่แค่ไหน ก็มีโอกาสที่จะได้รับการอุ้มชูจากคนอื่นและสามารถลืมตาอ้าปากได้ทั้่งนั้น ฟิลิปป์ อาจเล็งเห็นถึงจุดนี้แต่แรกจึงเสนอให้เขาได้ทำงานนี้

ตัวของฟิลิปป์นั่นเป็นมหาเศรษฐีเคราะห์ร้ายที่ต้องมาพิการเป็นอัมพาธไม่ สามารช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ด้วยมุมมองความคิดของผู้เจนโลก ก็ทำให้เขายืดหยัดใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งพอสมควร อย่างไรก็ตามเขายังคงขาดบางสิ่งบางอย่างอยู่นั่นก็คือ ความมีชีวิตชีวา ซึ่งดริสส์เป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มในจุดนี้ ด้วยมุมมองซื่อๆ และการกระทำที่ตรงไปตรงมา ทำให้ชีวิตของฟิิลิปป์เปลี่ยนแปลงไปมาก จากคนที่เคร่งครึมแปรเปลี่ยนเป็นคนที่ยิ้มให้กับชีวิตได้อีกครั้ง ในขณะที่ฟิลิปป์ก็เป็นคนที่ช่วยกล่อมเกลาจิตใจของดริสส์ให้ลดความแข็ง กระด้างลง และคิดถึงจิตใจของผู้อื่นมากขึ้น สังเกตจากการที่ดริสส์ซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยเข้าใจกับคำว่า ?ศิลปะ? จนวันหนึ่งเขาก็จับพู่กันมาสร้างงานของเขาเอง

ดนตรีและแนวเพลงเป็นจุดที่ผู้สร้่างเลือกมาใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความ แตกต่างแต่ลงตัวของคนสองคนได้ดี ดริสส์ชอบฟังเพลงฮิปฮอป ร็อค แต่ ฟิลิปป์ ชอบเพลงคลาสสิคและโอเปร่า แต่เมื่อทั้งสองเปิดพื้นที่ว่างในใจ ทั้งสองก็สามารถสนุกสนานไปกับแนวดนตรีของทั้งสองฝั่งที่ตรงข้ามกันได้ เป็นสารที่บ่งบอกให้รู้ว่าความแตกต่างไม่จำเป็นว่าต้องแตกแยกหรือไม่เข้าใจ กันเสมอไป การเรียนรู้และยอมรับซึ่งกันและกันจะเป็นตัวที่ช่วยให้มิตรภาพที่มีนั้น ยั่งยืน

2 นักแสดงนำชาวฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ คลูเซ่ต์์ และ โอมาร์ ซี มีเคมีที่เข้ากันและมอบการแสดงชั้นดี ที่ทำให้ผู้ชมสามารถอินไปกับเรื่องราวและปัญหาชีวิตของตัวละครได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังมีดาราสมทบ ออเดรย์ ฟลูร็อต (Audrey Fleurot) เลขาสาว และ แอน เลอ นี่ (Anne Le Ny) อีกหนึ่งผู้ดูแลฟิลิปป์ ก็ถือว่าเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับเรื่องได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่ทำให้คนดำรงชีวิตอยู่ได้ นอกจากปัจจัย 4 อันสำคัญแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ ?คนที่อยู่เคียงข้างเรา? พร้อมให้การสนับสนุนเรา คอยช่วยเหลือเมื่อเราลำบาก และเป็นกำลังใจในทุกการกระทำหรือการตัดสินใจของเรา ไม่ว่าความสัมพันธ์กับคนคนนั้นจะเป็นในรูปแบบใด? เพื่อน คนรัก พ่อแม่ พี่น้อง ขอเพียงเรามีสักหนึ่งคน หนทางชีวิตข้างหน้าก็ไม่มืดมนและเงียบเหงาอีกต่อไป เช่นเดียวกันกับ ฟิลิปป์ ที่ได้พบกับ ดริสส์ ที่เป็นผู้เติมไฟในการมีชีวิตให้กับเขาแต่ยังส่องเส้นทางสู่อนาคตให้แก่เขา อีกด้วย ดั่งสิ่งที่ดริสส์ได้ทำในตอนท้ายของเรื่อง ที่สร้างความประทับใจโดยไม่ต้องมีบทสนทนาอะไรต่อกันมากมาย!!

The Intouchables เป็นภาพยนตร์ที่น้ำดีที่มอบความอบอุ่นใจเมื่อชมจบ สมแล้วกับเสียงลือเล่าอ้างว่า ?เป็นหนังที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกเป็นอันดับ 1? (ทำรายได้จากการฉายทั่วโลกรวมทั้งสิ้น $362.6 ล้านเหรียญ)

9.5/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5079 เมื่อ: 17/11/13, [11:45:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

 I Carried You Home ปาดังเบซาร์

คนสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณคือใคร? และใครคือคนที่รักคุณมากที่สุด? เป็น 2 คำถาม ที่ผมนึกถึงหลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์เปิดเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพครั้ง ที่ 9 (9th World Film Festival of Bangkok 2012) เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ชื่อภาพยนตร์ I Carried You Home หรือในชื่อไทยว่า ปาดังเบซาร์

I Carried You Home กำกับโดย ต้องปอง จันทรางกูร ซึ่งเป็นหนังไทยที่ได้รับทุนพัฒนาบทภาพยนตร์จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ประเทศเกาหลีใต้เมื่อปี 2008 และเป็น 1 ใน 4 ภาพยนตร์ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าโครงการ Thai Film Pitching ที่คานส์เมื่อปี 2010

เล่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ห่างเหินของครอบครัวหนึ่ง ผ่านเรื่องราว 2 ตัวละครของปิ่น (จั๊กจั่น อคัมย์สิริ) และป่าน (สายป่าน อภิญญา) ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ปิ่นพี่สาวมีเหตุทะเลาะกับแม่จึงหนีจากเมืองไทยไปทำงานไกลถึงสิงคโปร์ ส่วนป่านผู้เป็นน้องสาวมาเรียนอยู่ม.ปลายที่กรุงเทพฯ โดยอาศัยอยู่กับน้าสาว วันหนึ่งแม่ได้เดินทางมาเยี่ยมป่านที่กรงเทพฯ แต่ป่านเลือกที่จะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนมากกว่าที่จะสนใจแม่ที่มาหา

จนมีเหตุให้แม่ต้องจากไปอย่างกะทันหัน พี่น้องทั้ง 2 จึง กลับมาหา เพื่อพาร่างไร้วิญญาณของแม่กลับบ้านเกิดที่ ?ปาดังเบซาร์? ช่องว่างของความสัมพันธ์จึงค่อยๆ แคบลง

จุดเด่นของ I Carried You Home คือลูกเล่นในการเล่าเรื่อง โดยในช่วงต้นของเรื่อง หนังจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเล่าถึงการพาศพของแม่เดินทางกลับบ้านเกิด ส่วนที่ 2 เผยให้เห็นชีวิตวัยรุ่นวันเรียนของ ป่าน ที่ติดเพื่อน ติดเที่ยว มากกว่าจะหาโอกาสพูดคุยกับแม่จนเมื่อสาย ส่วนสุดท้าย เล่าถึงปิ่นที่จากบ้านเกิดไปทำงานไกลถึงสิงคโปร์ จนมาทราบการจากไปของแม่จึงตัดสินใจกลับมาที่ประเทศไทย

ก่อนที่จะร้อยเรื่องราวเข้าด้วยกัน ซึ่งการเลือกวิธีการเล่าเรื่องในช่วงต้นแบบนี้ ช่วยเติมสีสันให้กับเรื่องราวที่ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ช่วยกระตุ้นความสนใจต่อเรื่องราวจนผู้ชมสามารถเข้าใจอารมณ์ของหนัง ทำให้การติดตามการเดินทางพาแม่กลับบ้านเกิดในครึ่งหลังนั้นน่าติดตามมากขึ้น

อีกสิ่งที่มาเสริมการเล่าเรื่องก็คือ เพลงประกอบ ถึงแม้ผมจะไม่รู้จักเพลงเหล่านี้ แต่ก็รู้ได้ถึงความใส่ใจในการเลือกเพลงที่ให้เหมาะสมเข้ากับสถานการณ์ตรง หน้าเป็นอย่างดี

อย่างที่บอกไปว่าเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก ฉะนั้นการที่จะทำให้สามารถติดตามเรื่องราวได้ตลอดนอกจากลูกเล่นในการเล่า เรื่องแล้ว สิ่งสำคัญมากอีกอย่างก็คือ การแสดง ซึ่งต้องบอกว่า ?เอาอยู่? เพราะการแสดงของนักแสดงนำทั้ง จั๊กจั่น อคัมย์สิริ และ สายป่าน อภิญญา ต่างทำหน้าที่ได้ดี สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่เสียบุคคลสำคัญในแบบพอดีๆ และไม่แย่งกันเด่น

โดย สายป่าน จะโดดเด่นในครึ่งแรกที่ถ่ายทอดอาการช็อค! โดยมีฉากหนักๆ ให้เห็น จากการจากไปอย่างกะทันหันของแม่และความสับสนในจิตใจที่ไม่สามารถบอกแม่ในขณะ ที่ยังมีโอกาส

ส่วนครึ่งหลังเป็น จักจั่น ที่ให้การแสดงในระดับที่ น้อยแต่มาก จากที่นิ่งๆ ไม่รู้สึกอะไร ซึ่งเข้ากับบทที่ไปใช้ชีวิตที่สิงคโปร์มาหลายปี จนเมื่อเดินทางเข้าสู่ปาดังเบซาร์ ได้เห็นสถานที่ต่างๆ ที่แม่เคยไปแต่ไม่สามารถไปได้อีกแล้ว จึงค่อยปลดปล่อยความเสียใจออกมา ซึ่งฉากนี้เป็นฉากเรียบๆ ที่มีความงดงาม จักจั่นสื่อความรู้สึกของคนที่เสียคนสำคัญออกมาได้ดี ใครที่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้หรือเป็นคนรักครอบครัว จะกระทบใจกับฉากนี้เป็นพิเศษ

อีกคนที่อดพูดถึงไม่ได้ก็คือ ?คนขับรถ? ที่ชื่อ ต่อเป็น ผู้ขับรถโรงพยาบาลพาศพแม่ของปิ่นกับป่านเดินทางกลับบ้านเกิด แม้จะเป็นบทเล็กๆ มีบทบาทแค่ช่วงหนึ่ง แต่เป็นช่วงที่สำคัญมาก เพราะพฤติกรรมและคำพูดบางอย่างของคนขับรถสามารถเรียกรอยยิ้มให้ผู้ชม ได้ผ่อนคลายและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวไม่หนักจนเกินไป ซึ่งบทของคนขับรถนั้นมีอยู่ในระดับที่กำลังดี เพราะหากมีมากกว่านี้จะทำให้ทิศทางของหนังที่ปูมาอย่างดีเสียหาย อีกทั้งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ปิ่นและป่านเปิดใจที่จะพูดคุยกันและเข้าใจ ซึ่งกันและกันมากขึ้น

ถึงเรื่องราวใน I Carried You Home จะเป็นประเด็นที่ค่อนข้างหนักแต่ถ่ายทอดออกมาได้งดงาม พร้อมทั้งตั้งคำถามผู้ชมกับการให้ความสนใจต่อคนที่เรารัก

และยังเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนภาพสังคมในยุคปัจจุบันที่ความสัมพันธ์ของคน ในครอบครัวค่อนข้างห่างเหิน ไม่ค่อยสื่อสารกัน ปรับความเข้าใจกันยามเมื่อมีปัญหา จนต้องมาเศร้าเสียใจเมื่อไม่มีใครให้ปรับความเข้าใจอีกแล้ว

I Carried You Home ยังบอกให้เรารู้ว่า บางทีความไม่เข้าใจกันในครอบครัวนั้น แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการเปิดใจพูดคุยกัน อย่ารอให้อะไรๆ มันสายไป

อีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นมุขเล็กๆ ของหนัง ซึ่งผมไม่ทราบเป็นความตั้งใจหรือเป็นความคิดมากของผมเอง คือ เหตุการณ์ในโรงแรมที่ 2 พี่น้องไม่มีเงินพอจ่ายค่าที่พักจนต้องใช้เงินจากกระเป๋าของแม่ ซึ่งฉากนี้ทำให้ผมรู้สึกถึงความรักของแม่ที่มีต่อปิ่นและป่าน แม้กระทั่งในวันที่แม่จากไป สิ่งที่แม่ทิ้งไว้ก็ยังสามารถช่วยเหลือลูกที่รักได้เสมอ

8/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5080 เมื่อ: 17/11/13, [11:45:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

resident evil retribution ผีชีวะ 5

ถือเป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องที่สร้างจากเกม (ทุกวันนี้คงพอจะกล่าวได้เต็มปากแล้วว่าหยิบยืมองค์ประกอบบางอย่างมาจากเกม เท่านั้น!) ที่ได้รับโอกาสจากเสียงมหาชนคนดูหนัง! จากรายรับที่มากพอให้ทางสตูดิโออนุมัติสร้างภาคใหม่ออกมาเรื่อยๆ โดยใน Resident Evil: Retribution ถือเป็นการกลับมาครั้งที่ 5 แล้ว และก็ยังเป็นเช่นเดียวกับทุกภาคที่หนังพร้อมจะกระหน่ำฉากแอ็คชั่นเข้ามา อย่างต่อเนื่องให้สมองผู้ชมตื้อตัน หูอื้ออึง และตามืดบอด โดยลืมที่มาที่ไปของฉากแอ็คชั่นทั้งหลายว่ามันเป็นมาอย่างไร

Resident Evil: Retribution กำกับและเขียนบทโดย พอล ดับบลิว. เอส. แอนเดอร์สัน ที่ยังคงสานต่อภารกิจอันหาจุดจบไม่ได้ของ อลิซ (มิลล่า โจโววิช) ที่ต้องต่อสู้กับ อัมเบรล่า คอร์ปอเรชั่น ผู้สร้างเชื้อไวรัสมรณะอันมีนามว่า ที ไวรัส (T ? Virus) ซึ่งตอนนี้เชื้อมรณะได้แพร่กระจายทำลายล้างโลกเปลี่ยนมนุษย์ธรรมดาให้กลาย เป็นกองทัพซอมบี้กินเนื้อคน จากการรับมือการโจมตีขนาดหนักของกองทัพอัม เบรล่า อลิซ ผู้ลึกลับและมากความสามารถ ถูกโจมตีจนพลัดตกลงมหาสมุทร เธอตื่นขึ้นมา ณ ใจกลางฐานปฏิบัติการลับสุดยอดของอัมเบรล่า ซึ่งสถานที่แห่งนี้ได้จำลองเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก เพื่อใช้ทดสอบอาวุธชีวภาพ

อลิซหาทางหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจาก เวสเกอร์ (ชอว์น โรเบิร์ตส์) ที่ได้ส่งทีมช่วยเหลือ เอด้า หว่อง (หลี่ปิงปิง), ลีออน เคเนดี้ (โยฮันน์ เอิร์บ) ถึงกระนั้นก็ต้องเจอการขัดขวางของโปรแกรมคอมพิวเตอร์เรดควีน (เมแกน คาร์เพนเทียร์) และกองทัพอัมเบรล่านับหมื่นนำโดย จิล วาเลนไทน์ (เซียนน่า กัลโลรี่ย์) และเหล่าซอมบี้ที่ถูกพัฒนาให้มีความน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น!

Resident Evil: Retribution??นับว่าเริ่มต้นได้สวยและ น่าชื่นชมกับฉากเปิดที่ดูดีมีสไตล์กับ ภาพสโลโมชั่นแบบย้อนกลับ? ที่เผยให้เห็นรายละเอียดของการต่อสู้ระหว่างอลิซที่อยู่บนเรือโดยสารขนาด ยักษ์ กับเหล่ากองทัพอัมเบรล่าที่บุกมาจากฟากฟ้า ทั้งวิธีกระสุน แรงระเบิด การเคลื่อนไหวต่างๆ ในแบบละเอียดและคมชัด ซึ่งมันกินเวลาไปหลายนาที แต่เมิ่อมันกลับมาเดินเรื่องตามปกติจึงทำให้เราทราบว่าสิ่งที่เราเห็นเมื่อ หลายนาทีก่อนนั้น จริงๆ แล้วมันคือเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง ผู้กำกับ พอล ดับบลิว. เอส. แอนเดอร์สัน ยังคงเปี่ยมรสนิยมในการกำกับภาพสโลโมชั่นอันโดดเด่นและสวยงามของฉากแอ็คชั่น ยังดีที่ครั้งนี้มาในระดับที่พอเหมาะพอดี

มิลล่า โจโววิช ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในบทแอ็คชั่นฮีโร่หญิงอลิซ ที่ขับเคลื่อนตัวละครด้วยฉากแอ็คชั่นมากกว่าด้านการแสดง และด้วยปริศนามากมายไม่จบไม่สินในตัวละครอลิซ ยิ่งทำให้ความมีเสน่ห์ของตัวละครตัวนี้ค่อยๆ หดหาย จนหน้าสวยๆ และหุ่นเฟิร์มในบอดี้สูทก็ไม่ช่วยอะไรเลย และดูเหมือนผู้สร้างก็พอจะเห็นถึงปัญหานี้ว่าหากจะสร้างหนังเรื่องนี้ต่อไป มิติของตัวละครนำคือสิ่งจำเป็น จึงสร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้อลิซได้มีเด็กสาวตัวน้อยเบ็คกี้ (ไอยาน่า เอ็นจิเนียร์) ผู้ที่เรียกเธอว่า ?แม่? มาทำให้ตัวละครอลิซมีมิติและอ่อนโยนขึ้น!

ตัวหนังอุดมไปด้วยกระสุนปืนที่สาดใส่กันไม่ยั้ง ที่ในตอนแรกมันก็คือความมันซะใจ แต่ด้วยความที่ไม่มีมุขอะไรใหม่ๆ มานำเสนอ ประกอบกับเรื่องราวที่ไม่มีอะไรให้ลุ้นหรือติดตามมากนัก ก็ทำให้ความมันก่อนหน้านั้นค่อยๆ ลดทอนลงเรื่อยๆ และสุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นความน่าเบื่อขึ้นมาซะอย่างงั้น (ทั้งๆ ที่ก็ยังยิงกันอยู่) แต่ที่ดูจะขัดตาขึ้นก็คือฉากแอ็ั่คชั่นในตอนท้าย ที่แบ่งทีมกันโชว์ศิลปะการต่อสู้ในระดับที่นึกว่าเรากำลังดูหนังมาเฟีย ฮ่องกง ที่ไม่ทำให้เิกิดความรู้สึกสนุกหรือลุ้นไปกับตัวละครเลย

งานภาพ 3 มิติ ของภาคนี้ก็คงไม่อาจปฏิเสธว่าทำขึ้นมาเพื่อโอกาสในการเข้าฉายโรง 3 มิติ เพื่อดูดเงินผู้ชมจากราคาค่าตั๋วที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะมุขต่างๆ ที่นำมาใช้ ถือว่าอยู่ในระดับเด็กอนุบาลในวงการภาพ 3 มิติไปแล้ว หากความต้องการของผู้ชมคือ หนังที่เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายกับความซับซ้อนของเรื่องราว Resident Evil: Retribution ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่! (ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน!) เพราะว่าเนื้อเรื่องของหนังในภาคนี้ ไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรให้จับต้องมากนัก

อาจมองเป็นความยียวนของผู้สร้างก็พอได้ ที่ทำทีเป็นไขปริศนาราวกับจะเฉลยคำตอบของคำถามที่ถูกตั้งมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่แล้วก็ตลบหลังด้วยปริศนาใหม่ในตอนท้าย (ซึ่งหวังว่าการกลับมาในครั้งหน้าจะเป็นบทสรุปสักที) แต่มองอีกมุมตัวหนังตระกูล Resident Evil ก็ไม่ได้ต่าง อะไรกับไวรัสในเรื่องที่แพร่กระจาย (มีหลายภาค) ที่ถูกพัฒนาให้น่ากลัวขึ้น (ความเลวร้ายของเรื่องราวที่แฟนเกมคงกุมขมับ) และยังหาวิธียับยั้งหรือทำลายไม่ได้ (ความวกวนยอกย้อนของเรื่องที่ไม่นำไปสู่บทสรุปสักที) ซึ่งตัวหนังนั้นได้ห่างไกลจากจุดเริ่มต้นที่มาจากเกมที่มีเรื่องราวเกี่ยว กับไวรัสที่ทำให้คนหรือสิ่งมีชีวิตกลายเป็นซอมบี้มาแสนไกลแล้ว และตอนนี้มันกลายเป็นอะไรก็ดูจะหาข้อสรุปของมันได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ทั้งหมดก็คงดำเนินอย่างนี้ต่อไป ตราบใดที่ตัวหนังยังทำเงินได้มากพอ! และผู้สร้างยังหาปริศนามาหลอกผู้ชมให้ติดตามได้อยู่?

6/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5081 เมื่อ: 17/11/13, [12:00:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5082 เมื่อ: 17/11/13, [12:00:38] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5083 เมื่อ: 17/11/13, [12:01:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5084 เมื่อ: 17/11/13, [12:01:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5085 เมื่อ: 17/11/13, [12:01:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5086 เมื่อ: 17/11/13, [12:42:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
On the Road  คว้าฝันให้ไกลไปให้ถึง เรื่องนี้ นางเอก ทไวไลท์(คริสเตน สจ๊วต)เล่นด้วย(ฉากเลิฟฃีนมีโป้ด้วย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18/11/13, [10:26:17] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5087 เมื่อ: 17/11/13, [12:45:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Virgin Am I รักแรกกระแทกจิ้น เรื่องนี้ นิโคล เทริโอ้ เล่นบทแม่ได้แข็งมาก ให้ 6/10 ครับ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5088 เมื่อ: 17/11/13, [12:47:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
R2B Return To Base ยุทธการโฉบเหนือฟ้า เรื่องนี้ได้ เรน เล่นเป็นพระเอกครับ
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5089 เมื่อ: 17/11/13, [14:31:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ted   [on_055]
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5090 เมื่อ: 17/11/13, [14:32:47] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จันดารา ปฐม บท
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5091 เมื่อ: 18/11/13, [08:43:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?ภาคอะไร ?

แวมไพร์ ทไวไลท์4 (The Twilight saga : Breaking Dawn Part 1)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5092 เมื่อ: 18/11/13, [10:28:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

(Ghost Rider) - มัจจุราชแห่งรัตติกาล
ที่ถูกคือ Ghost Rider Spirit Of Vengeance โกสต์ ไรเดอร์ อเวจีพิฆาต
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5093 เมื่อ: 18/11/13, [11:37:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Pacific Rim แปซิฟิกริม สงครามอสูรเหล็ก
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  Pacific Rim แปซิฟิกริม สงครามอสูรเหล็ก
เกิดขึ้นเมื่อกองทัพสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายในนามของ ไคจู อุบัติขึ้นมาจากทะเล จึงเกิดสงครามที่คร่าชีวิตคนนับล้านและทำลายทรัพยากรของมนุษย์มานานหลายปี ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ ไคจู ทำให้ต้องมีการประดิษฐ์คิดค้นอาวุธพิเศษขึ้นมา: หุ่นยนต์ยักษ์ที่เรียกว่า เจเกอร์ส ซึ่งต้องควบคุมพร้อมกันโดยผู้ควบคุม 2 คน จิตของพวกเขาจะถูกเชื่อมต่อกับสะพานกระแสจิต แต่ถึงแม้เจเกอร์สจะพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่สามารถปกป้องผู้คนให้พ้นจากไคจูจอมอึดได้ บนเส้นทางแห่งความพ่ายแพ้ กองกำลังแห่งมนุษยชาติไม่มีทางเลือก ต้องหวนไปหากลุ่มฮีโร่ที่ไม่น่าเชื่อ ทั้ง 2 คนอย่างอดีตนักบินตกอับ (ชาร์ลี ฮันแนม) และผู้ฝึกหัดที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ (ริงโกะ คิคูชิ) ผู้ต้องมาร่วมทีมกันสร้างตำนานเจเกอร์สที่ตกยุคจากอดีต และพวกเขายังยืนหยัดอยู่เป็นความหวังสุดท้ายของเหล่ามวลมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับหายนะล้างโลกที่กำลังทวีคูณ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5094 เมื่อ: 18/11/13, [11:43:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

madagascar 3 มาดากัสการ์ 3 ข้ามป่าไปซ่ายุโรป
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Madagascar 3 มาดากัสการ์ 3 ข้ามป่าไปซ่าส์ยุโรป
การผจญภัยครั้งใหม่ของผองเพื่อน สิงโต อเล็กซ์, ม้าลาย มาร์ตี, ฮิปโป กลอเรีย. และยีราฟ เมลแมน ที่คราวนี้ไปหลงทางอยู่ในยุโรป และกลายเป็นอาชญากรที่. ถูกต้องการตัว ...
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5095 เมื่อ: 18/11/13, [11:47:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

brave   [เจ๋ง]
ถูกต้องครับ   [เจ๋ง] Brave นักรบสาวหัวใจมหากาฬ
นักรบสาวหัวใจมหากาฬ เป็นภาพยนตร์ของ พิกซาร์ ที่จะเข้าฉายในปี พ.ศ. 2555 กำหนดฉายครั้งแรกในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555 วิกิพีเดีย
วันที่ออกฉาย: 18 มิถุนายน 2555 (ฮอลลีวูด)
ความยาว: 93 นาที
ประพันธ์ดนตรีโดย: แพทริก ดอยล์
เรื่องโดย: เบรนดา แชปแมน
นักแสดง: เคลลี แม็กโดนัลด์, เอ็มมา ทอมสัน, เคร็ก เฟอร์กูสัน, ร็อบบี โคลเทรน, แพทริก ดอยล์, สตีฟ เพอร์เซลล์
รางวัลที่ได้: รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5096 เมื่อ: 18/11/13, [11:51:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

407 เที่ยวบินผี
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] 407 เที่ยวบินผี Dark Flight 407
   นิว (มาช่า วัฒนพานิช) หัวหน้าแอร์โฮสเตสของสายการบิน Sunset Airlines ที่จะออกเดินทางจาก กรุงเทพ - ภูเก็ต เธอและผู้โดยสารทั้งลำไม่อาจล่วงรู้เลยว่า เที่ยวบินที่ 407 นี้ มีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังรออยู่บนเครื่อง นิวต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติทันทีที่เครื่องบินลอยสู่ท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นอาการผีเข้าและความน่ากลัวต่าง ๆ ที่ค่อย ๆ คร่าชีวิตผู้โดยสารจนเหลือไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือ จำรัส (ปลาย - ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) กับ เพ็ญ (เอ - อัญชลี หัสดีวิจิตร) สองสามีภรรยา ในครอบครัวที่ฝ่ายหญิงเป็นใหญ่ กิ๊ฟ (จอย - พัชรี ทับทอง) เด็กเก็บกด หมกมุ่นอยู่กับเกมส์, เวฟ (นะโม ทองกำเหนิด) เด็กหนุ่มชะตาขาดที่ตัดสินใจออกจากบ้านมาตั้งตัวที่ภูเก็ต, แอน (แอปเปิ้ล) หญิงสาวสวยนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง, พระบวชใหม่ ที่ตั้งใจจะสึก (มิค - ราชวัติ ขลิบเงิน) และ ปริ๊นส์ (เอ็กซ์ - ฐิติ เวชบุล) สจ๊วตหนุ่มเกย์แตก ทั้งหมดนี้คือคนที่จะต้อง เผชิญชะตากรรมเดียวกัน...รวมทั้ง แบงค์ (ปีเตอร์ ไนท์) วิศวกรประจำสายการบินผู้หลงรักนิวที่ติดมาในใต้ท้องเครื่องแบบไม่รู้ตัวด้วย พวกเขาตั้งใจที่จะรอดจากวิญญาณเหล่านั้น แต่เหนือกว่านั้นเขาต้องควบคุมจิตตัวเองไม่ให้คลั่งไปกับความหวาดผวา และยังต้องหาวิธีนำเครื่องลงอย่างปลอดภัย บนความสูง 30,000 ฟุต ในพื้นที่อันจำกัด พวกเขาทั้งหมดจะจัดการยังไงกับความกลัว และสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของแต่ละคน
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5097 เมื่อ: 18/11/13, [11:59:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

The Avengers
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] The Avengers ดิ อเวนเจอร์ส
อภิมหาภาพยนตร์รวมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวล ที่ผู้ชมทั้งโลกรอคอย "ดิ อเวนเจอร์ส" รับหน้าที่กำกับและเขียนบทโดย "จอส วีดอน" หนังจะเดินหน้าถ่ายทำไปตามเมืองต่างๆอย่าง คลีฟแลนด์, โอไฮโอ, และ นิว ยอร์ค ซิตี้
โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ กลับมารับบท "โทนี่ สตาร์ค" และ "ไอรอน แมน" อีกครั้งรวมถึง คริส แฮมส์เวิร์ธ ในบท "ธอร์", คริส อีแวนส์ ในบท "กัปตัน อเมริกา", เจเรมี เรนเนอร์ เป็น "ฮอร์คอาย", มาร์ค รัฟฟาโร เป็น "ฮัลค์", สการ์เลต โจแฮนสัน เป็น "แบล็ค วิโดว์", คลาร์ก เกร็ก เป็น "เจ้าหน้าที่ ฟิล โคลสัน" และ แซมูเอล แอล. แจ็คสัน เป็น "นิค ฟิวรี่" ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 4 พฤษภาคม 2012 "ดิ อเวนเจอร์ส" จะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลเรื่องแรกที่ ดิสนีย์ จะเป็นผู้ทำการตลาดและจัดจำหน่ายอย่างเต็มตัวหลังจากที่ มาร์เวล สตูดิโอส์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรของดิสนีย์มาตั้งแต่ปี 2009 จากความสำเร็จอย่างล้นหลามของหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เริ่มต้นจาก "ไอรอน แมน", "ดิ อินเครดิเบิ้ล ฮัลค์", "ไอรอน แมน 2", "ธอร์", และ "กัปตัน อเมริกา: อเวนเจอร์ที่ 1" "ดิ อเวนเจอร์ส" จะเป็นการรวบรวมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อศัตรูที่ไม่คาดคิดได้คุกคามความมั่นคงและความปลอดภัยของโลกใบนี้ "นิค ฟิวรี่" ผู้อำนวยการหน่วยรักษาความสงบและสันติระหว่างประเทศหรือที่รู้จักกันในชื่อ หน่วย "ชีลด์" จึงต้องรวมพลเหล่าซูเปอร์ฮีโร่เพื่อที่จะมาปกป้องโลกให้พ้นจากหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น

จากหนังสือการ์ตูนเรื่องยาวยอดฮิตของมาร์เวล คอมมิคส์ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี1963, "ดิ อเวนเจอร์ส" คือการรวมเหล่าตัวละครซูเปอร์ฮีโร่มาไว้ในหนังเรื่องเดียวกันเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีนักแสดงอีกหลายคนที่เข้าร่วมโปรเจคนี้อย่าง "โคบี้ สมัลเดอร์ส" เป็นเจ้าหน้าที่ "มาเรีย ฮิลล์" จากหน่วย "ชีลด์" เช่นเดียวกับ ทอม ฮิดเดิลสโตน และ สเตลแลน แสคการ์ด ที่จะกลับมารับบทเดิมของพวกเขาจากเรื่อง "ธอร์" ที่กำลังเข้าฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ตอนนี้ในบท "โลกิ" และ "ศจ. เอริค เซลวิคจ์"

"ดิ อเวนเจอร์ส" อำนวยการสร้างโดย เควิน ฟีจ ประธานของมาร์เวล สตูดิโอส์ ที่ลงมาควบคุมการผลิตด้วยตัวเอง อำนวยการสร้างบริหารโดย อลัน ไฟน์, แสตน ลี, หลุยส์ ด'เอสโพสิโต, แพทตี้ วิชเชอร์, และ จอน ฟาฟว์โรว์ ร่วมอำนวยการสร้างโดย เจเรมี แลทแชม และวิคตอเรีย อลอนโซ จาก มาร์เวล สตูดิโอส์
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5098 เมื่อ: 18/11/13, [12:01:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5099 เมื่อ: 18/11/13, [12:01:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
หน้า: 1 ... 168 169 170 171 172 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: