Aqua.c1ub.net
*
  Sat 02/Aug/2025
หน้า: 1 ... 164 165 166 167 168 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 757954 ครั้ง)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4950 เมื่อ: 13/11/13, [10:37:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Chicago ชิคาโก
ถูกต้องครับ   [เจ๋ง] Chicago ชิคาโก
ชิคาโก เป็นภาพยนตร์เพลงดัดแปลงจาก ละครเพลงเสียดสีสังคมชื่อเดียวกัน กำกับและออกแบบท่าเต้นโดย ร็อบ มาร์แชลล์ และบทภาพยนตร์โดย บิลล์ คอนดอน ออกฉายครั้งแรกในวันที่27 ธันวาคม ค.ศ. วิกิพีเดีย
วันที่ออกฉาย: 27 ธันวาคม 2545 (สหรัฐอเมริกา)
ผู้กำกับ: ร็อบ มาร์แชล
ความยาว: 113 นาที
ประพันธ์ดนตรีโดย: แดนนี เอลฟ์แมน
รางวัลที่ได้: รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เพิ่มเติม
นักแสดง
แคเธอรีน ซีตา‑โจนส์
เรเน่ เซลเวเกอร์
ริชาร์ด เกียร์
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4951 เมื่อ: 13/11/13, [11:33:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Signs สัญญาณสยองโลก
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Signs สัญญาณสยองโลก
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์ดราม่าเขย่าขวัญเรื่องนี้ พาผู้ชมไปสำรวจปรากฏการณ์จริง ของสัญลักษณ์ลึกลับบนไร่พืช และผลกระทบของสัญลักษณ์นี้ ต่อชีวิตของชายคนหนึ่งและครอบครัวของเขา หนังเริ่มเรื่องที่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งตกอยู่ในภาวะคับแค้น อันเป็นผลมาจากความสูญ เสียอันสุดแสนเจ็บปวด เมล กิ๊บสัน รับบทเป็น เกรแฮม เฮส ชาวไร่เมืองบัคเคาน์ตี้ รัฐเพนซิลวาเนีย ทุกสิ่งที่เขาเคยคิดเคยเข้าใจเกี่ยว กับโลกใบนี้ กลับต้องเปลี่ยนแปลงจนหมดสิ้น เมื่อวันหนึ่งเกิดมีสัญลักษณ์ลึกลับ เป็นรูปวงกลมและเส้นปริศนาขนาดกว่าห้าร้อยฟุต ปรากฏบนผืนไร่ของเขา ซึ่งอยู่เกินเลยความสามารถที่เขาจะเข้าใจได้ ยิ่งเขาพยายามไขปริศนานี้มากเท่าไร สิ่งที่เขาค้นพบก็จะยิ่ง เปลี่ยนแปลงชีวิตของ เมอร์ริล เฮส (โจอาควิน ฟีนิกซ์) ผู้เป็นน้องชาย ตลอดจนลูก ๆ ของเขา คือ มอร์แกน (รอรี่ คัลกิ้น) และ โบ (อบิเกล เบรสลิน) ไปตลอดกาล...
 
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4952 เมื่อ: 13/11/13, [11:39:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

จีจ้า ดื้อสวยดุ
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  จีจ้า ดื้อสวยดุ
 จีจ้า ดื้อสวยดุ จัดจำหน่ายโดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล กำหนดฉายหนัง 12 สิงหาคม 2552 เรื่องย่อ จีจ้า ดื้อสวยดุ “ในทุกความรักมีการต่อสู้ และในทุกการต่อสู้ล้วนมีความรักเป็นแรงผลักดัน แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงมีชีวิตของเธอ และรักแท้ของเขาเป็นเดิมพัน แต่ยังมี “เมรัยยุทธ” ศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ฉับไว แปลกตา ด้วยวิถีแห่งการจู่โจมที่พริ้วไหว ยากในการคาดเดา เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้เธอกลายมาเป็น “จีจ้า ดื้อสวยดุ” เมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญกับความท้อแท้ ผิดหวัง ความเจ็บปวดจากความสูญเสียที่ทำให้รู้สึกเศร้า เสียใจ ว่ากันว่ามีสิ่งหนึ่งที่พร้อมถูกหล่อหลอมขึ้นจากส่วนที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจ แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ให้กับมนุษย์ทุกคน ซึ่งเรียกว่า “ความรัก” และมันกำลังจะเกิดขึ้นกับ “ดื้อ”(จีจ้า ญาณิน)หญิงสาวที่มีดีกรีความห้าวดีเดือดพอๆกับหน้าตาที่สะสวย แต่ตลอดชีวิตกลับไม่เคยสัมผัสกับ“รักแท้” แม้แต่ครั้งเดียว แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของดื้อต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับสนิม(คาซู แอ็คชั่นฮีโร่สัญชาติฝรั่งเศสที่มีดีกรีระดับแชมป์เปี้ยน Champion the cup of world WKA (Martial art trickz) และ 1er Grand Prix international de paris of martial art trickz (ปี2002)) ชายแปลกหน้า นัยน์ตาเศร้า ที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มคนลึกลับที่ต้องการบางอย่างในตัวเธอ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่โลกอีกด้านหนึ่งที่ดื้อไม่เคยสัมผัสมาก่อน โลกที่มิตรภาพและเพื่อนแท้หาได้จริง โลกที่ทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ เรียนรู้การใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายเดียวกัน จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญผลักดันให้ดื้อสนใจในทักษะการต่อสู้ โดยเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ได้มีโอกาสฝึก “เมรัยยุทธ”ที่สุดแห่งศาสตร์การต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ลึกลับ ฉับไว ที่มาพร้อมวิถีแห่งการจู่โจมที่เต็มไปด้วยความพริ้วไหว ล้ำลึก แปลกตา และยากที่จะคาดเดา จากสนิม ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดให้พร้อมกับมิตรภาพจากเพื่อนใหม่อย่าง ขี้หมู(หนุ่ย แสนแดง แชมป์อันดับ3 ระดับประเทศแบทเทิลออฟเดอะเยียร์5ปีซ้อน)และ ขี้หมา(เฮส สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม แชมป์บีบอยภาคเหนือ3สมัยและที่5ของประเทศ4สมัย) กลุ่มคนที่ในอดีตเคยผ่านบาดแผลแห่งความสูญเสียและความเจ็บปวดเช่นเดียวกับดื้อ แต่กลับรวมตัวกันที่จะลุกขึ้นมาเรียนรู้ที่จะต่อสู้เพื่อความรัก ในขณะเดียวกัน ลอนดอน (รุ้งตะวัน จินดาซิงห์ แชมป์เอเชียทางด้านเพาะกายหญิงที่มีความสามารถทางด้านยูโด) มือสังหารฝีมือฉกาจถูกส่งมาเพื่อเล่นงานดื้อ สนิมและพรรคพวก ปรากฎตัวขึ้น ทำให้การเผชิญหน้าที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิตเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง โดยที่ดื้อและพรรคพวกหารู้ไม่ว่าความสามารถทางการต่อสู้ที่มีอยู่นั้นยังห่างไกลและยากที่จะรับมือ ทางเดียวที่จะสามารถเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้คือการเข้าถึงแก่นแท้ที่เป็นหัวใจสำคัญของ “เมรัยยุทธขั้นสูงสุด” นั่นหมายความว่าดื้อจะต้องรู้ซึ้งถึงคุณค่าและความหมายของ“รักแท้”ให้ได้เสียก่อนซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ดื้อเองยังไม่เคยสัมผัสมาเลยทั้งชีวิต ถึง แม้ว่า ณ ขณะนี้จะเข้าใจและเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรักแล้วก็ตาม
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4953 เมื่อ: 13/11/13, [11:44:38] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

The 40 Year-Old Virgin 40 ปี โอ้ว! ยังจิ้น
ถูกต้องครับ [เจ๋ง]  The 40 Year-Old Virgin 40 ปี โอ้ว! ยังจิ้น
 แอนดี้ สติทเซอร์ (สตีฟ คาเรลล์) ชายวัย 40 ปี ซึ่งเป็นพนักงานห้างขายเครื่องไฟฟ้า ผู้มีหน้าที่คอยประทับตราบัญชีสินค้า ผู้เป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ ที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาแอ็คชั่น และหนังสือการ์ตูน แอนดี้มีเพื่อนนิสัยดีมากมาย และยังเป็นคนมีทัศนคติที่ดีอีกด้วย แต่มีเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่ง...
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4954 เมื่อ: 13/11/13, [11:48:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Spider-Man1
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Spider Man 1 ไอ้แมงมุม ภาค 1
ความปรารถนาในตัวเอ็มเจที่มีมานานของปีเตอร์ ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเขาต้องต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่จะละทิ้งชีวิตลับๆ ของเขา และเพื่อประกาศความรักที่เขามีต่อเธอด้วย ขณะเดียวกัน เอ็มเจยังคงใช้ชีวิตเดินหน้าต่อไป เธอหันไปทำงานด้านการแสดง และมีผู้ชายคนใหม่ในชีวิต ส่วนมิตรภาพระหว่างปีเตอร์กับเพื่อนสนิท แฮร์รี่ ออสบอร์น (เจมส์ ฟรังโก้) ต้องตกอยู่ในเงามืด เมื่อแฮร์รี่ยิ่งเพิ่มความพยาบาทในตัวสไปเดอร์แมน ซึ่งเขาถือว่าเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ต่อการตายของพ่อของเขามากขึ้นทุกวัน ชีวิตของปีเตอร์ยิ่งซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้น เมื่อเขาต้องพบกับศัตรูรายใหม่ที่ทรงพลังอย่าง ด็อค อ๊อคก์ ถึงตรงนี้ ปีเตอร์ต้องเรียนรู้ ที่จะยอมรับในชะตากรรมและพันธนาการ ที่มาพร้อมอำนาจพิเศษในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ เพื่อหยุดคนบ้ารายนี้จากแผนการที่ชั่วร้าย
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4955 เมื่อ: 13/11/13, [11:58:54] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

unfaithful ชู้มรณะ
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  Unfaithful (2002)  ชู้มรณะ
 เอ็ดเวิร์ด และ คินนี่ ซัมเนอร์ เป็นคู่สามีภรรยาทีมีชีวิตผาสุก แบบที่เป็นความใฝ่ฝันของอเมริกันชนทั้งหลาย พวกเขามีบ้านอยู่แถบชานเมืองนิวยอร์คซิตี้ กับลูกชายวัยแปดขวบ สุนัขหนึ่งตัว และแม่บ้าน แต่ไม่มีชีวิตใครหรอกที่จะราบรื่นตลอดไป
ครอบครัวที่แสนสุขราวกับปูด้วยกลีบกุหลาบต้องมาเปลี่ยนไป เมื่อโชคชะตาชักพาคอนนี่ให้สะดุดเข้ากับชายแปลกหน้าบนถนนย่านโซโห การพบกันครั้งนั้นทำให้เธอตกบ่วงเสน่ห์อันลึกลับยากจะไถ่ถอนและอันตรายที่ต้องเผชิญ สิ่งที่จะดึงดูดคอนนี่ให้หลงเข้าสู่วังวนแห่งความสัมพันธ์ล้ำลึก เอ็ดเวิร์ดรู้เรื่องภรรยานอกใจเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งผลักดันให้เขาสืบเสาะรายละเอียดอันขมขื่น เมื่อได้เบาะแสมากพอ เขาจึงเผชิญหน้ากับชู้รักของภรรยาเพื่อจะพบว่าตนเองมีอารมณ์รุนแรงมากเกินกว่าที่เคยรู้ตัว ชีวิตสมรสที่ถูกกัดกร่อนด้วยความรู้สึกผิด และความโกรธแค้นจะมีทางเยียวยาได้หรือไม่?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4956 เมื่อ: 13/11/13, [12:04:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

cold mountain วิบากรักสมรภูมิรบ
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  Cold Mountain  วิบากรักสมรภูมิรบ
“นิโคล คิดแมน (เจ้าของรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี 2002 จาก The Hours) ฝากฝีมือร่วมกัน นักแสดงรางวัลออสการ์ เรเน่ เซลเวเกอร์ (สมทบหญิงยอดเยี่ยมปี 2003 จาก Cold mountain) และนักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ จู๊ด ลอว์ (นำชายยอดเยี่ยมจาก Cold Mountain) ในช่วงเวลาที่สงครามกลางเมืองเริ่มปะทุ เหล่าชายชาติทหารแห่งโคลด์ เมาน์เท่น ในนอร์ธ แคโรไลน่า ต่างอาสาร่วมรบกับฝ่ายใต้ เอด้า (คิดแมน) สัญญาที่จะรอคอยการกลับมาของอินแมน (ลอว์) ชายที่รัก แต่เมื่อสงครามยืดเยื้อออกไปและจดหมายที่ไม่เคยได้รับการตอบกลับมา เธอจึงต้องใช้ความเข้มแข็งเพื่อยืนหยัดผ่านพ้นวิบากกรรม จนเมื่อสงครามยุติลง หัวใจอาจเจ็บช้ำ ความฝันใกล้เป็นจริง และความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณแห่งมนุษย์อาจถูกทดสอบ…แต่มันจะไม่มีวันถูก ทำลาย! ผลงานการกำกับโดย แอนโธนี่ มิงเกลล่า (เจ้าของรางวัลออสการ์ปี 1996
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4957 เมื่อ: 13/11/13, [12:07:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

gangs of new york จอมคน เมืองอหังการ์
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Gangs of New York จอมคน เมืองอหังการ์
ในสมัยยังเด็ก Amsterdam Vallon นั้นต้องเห็นพ่อของเขาต้องตาย แล้วตัวเขาต้องไปอยู่ในสถานเด็กกำพร้า จน 16 ปีผ่านไป Amsterdam Vallon ซึ่งรับบทโดย ลีโอนาโด ดิคาปริโอ ได้กลับมาที่เมือง New York ในย่าน five point ถิ่นที่อันตพาลใช้เป็นฐานตั้งแก็งค์ เขาได้กลับเพื่อแก้แค้นกับ The Butcher รับบทโดย Daniel Day-Lewis หัวหน้าแก็งค์คนที่ฆ่าพ่อของอดัม ซึ่งอดัมได้วางแผนเพื่อแก้แค้น The Butcher หัวหน้าแก็งค์  แต่ก็แก้แค้นไม่สำเร็จ เลยคิดวางแผนต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งประจ้วบเหมาะเพราะเป็นยุคสงครามกลางเมือง ในสมัยของอับราฮัม ลินคอน พอดี แต่เรื่องราวก็ซับซ้อนขึ้นไปอีก จน อดัมได้รวบรวมแก็งค์เดิมของพ่อเขาคือ the rabbit ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับ The Butcher อีกครั้ง
แต่หากว่าแก๊งค์อันตพาลไม่ได้เป็นใหญ่เหมือนในอดีตในตอนที่อดัมยังเป็นเด็ก 16 ปีที่ผ่านไปนั้นได้เกิดอะไรมากมายการพัฒนาขึนของอเมริกาทำให้เกิด ส.ส กลุ่มนักการเมืองขึ้น โดยที่นักการเมืองไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของชาวเมืองเลย สนใจแต่เพียงว่าชาวเมืองนั้นจะลงคะแนนเสียงให้กับใครเท่านั้นเอง
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4958 เมื่อ: 13/11/13, [12:11:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Perks of Being a Wallflower วัยป่วนหัวใจปึ้ก
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4959 เมื่อ: 13/11/13, [12:11:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/11/13, [12:24:22] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4960 เมื่อ: 13/11/13, [12:12:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4961 เมื่อ: 13/11/13, [12:12:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4962 เมื่อ: 13/11/13, [12:13:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4963 เมื่อ: 13/11/13, [12:20:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4964 เมื่อ: 13/11/13, [12:30:15] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

\




เรื่องอะไรครับ ?
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4965 เมื่อ: 13/11/13, [15:34:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

Despicable Me   ้hahaha
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4966 เมื่อ: 13/11/13, [15:35:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?

catch me if you can
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4967 เมื่อ: 13/11/13, [15:36:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?

the great and powerful   [on_055]
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4968 เมื่อ: 13/11/13, [15:37:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

\




เรื่องอะไรครับ ?

พี่มากพระโขนง   [วิญญาณ]
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4969 เมื่อ: 13/11/13, [16:35:56] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

Thor 2 : The Dark World เทพเจ้าสายฟ้า โลกาทมิฬ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4970 เมื่อ: 13/11/13, [23:54:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

master and commander ผู้บัญชาการล่าสุดขอบโลก

ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Master and Commander ผู้บัญชาการล่าสุดขอบโลก
ในระหว่างสงครามนโปเลียน กัปตัน “ลัคกี้” แจ็ค ออบรีย์(รัสเซล โครว์) ที่เลื่องชื่อในความเป็นกัปตันนักสู้ แห่งราชนาวีอังกฤษ และ สตีเฟน มาตูริน(พอล เบตตานีย์) นายแพทย์ประจำเรือ และเมื่อ เรือเซอร์ไพรซ์ ของพวกเขาถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว จากข้าศึกที่มีฝีมือเหนือชั้นนั้น เรือรบหลวงเซอร์ไพรซ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยลูกเรือส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ และออบรีย์ต้องตกที่นั่งลำบาก ระหว่างการทำหน้าที่และรักษาสัมพันธภาพเอาไว้ เขาติดตามไล่ล่าข้ามสองคาบสมุทร เพื่อที่จะสกัดและจับกุมศัตรู มันอาจเป็นปฏิบัติการที่จะสร้างชื่อเสียงให้ ..หรืออาจทำลายลัคกี้แจ็ค และลูกเรือของเขาจนสิ้น

จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4971 เมื่อ: 14/11/13, [08:42:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Looper ทะลุเวลา อึดล่าอึด

จะทำยังไงถ้าคนที่คุณต้องฆ่า คืออนาคตของตัวคุณเอง? ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟไอเดียบรรเจิด การพบกันครั้งแรกของสองนักแสดงยอดฝีมือต่างยุค โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ ที่เพิ่งมีผลงานใน 50/50 และหนังแอ็คชั่นคุณภาพ Inception และ บรูซ วิลลิส พระเอกคนอึดจาก Die Hard 1-4 และ Red เมื่อ โจ (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์) ทำงานให้กับแก๊งมาเฟียในโลกอนาคต เขาถูกเรียกว่า ?ลูปเปอร์? มีหน้าที่ในการกำจัดเป้าหมายที่ถูกส่งตัวข้ามเวลากลับมา แต่แล้วเป้าหมายรายล่าสุดของเขาก็คือ โจ (บรูซ วิลลิส) ตัวเขาเองในโลกอนาคต ทำให้ โจ วัยหนุ่มและวัยเก๋าต้องร่วมกัน เพื่อเอาตัวรอดจากแก็งค์มาเฟียที่จะฆ่าพวกเขาทั้งคู่

Looper กำกับการแสดงโดยผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับสายหนังแนวอินดี้ วินเทจ เล็กๆจาก Brick และ The Brothers Bloom ที่ในหนังเรื่องใหม่อย่าง Looper นี่เขาก็ยังคงรับหน้าที่กำกับเอง และ เขียนบทเอง อีกด้วย ซึ่งหนังแนวเดินทางข้ามเวลา ที่ผมเห็นว่าสามารถไม่ทำให้ไทม์ไลน์ หรือ เส้นเวลาของตัวหนังนั้นมั่ว และ เละ ไปได้ก็ดูเหมือนจะมีเพียงแต่ Back to the Future หนังเดินทางข้ามเวลาของ สปีลเบิร์ก นั่นเอง แต่ก็ดูเหมือนจะมีหนังเรื่องใหม่เสียแล้วนี่มาเบียดสูสีกับ Back to the Future ได้ และนั่นก็คือ Looper นั่นเอง เพราะสิ่งที่ดีที่สุดใน Looper สำหรับความเห็นของผมนั้นคือการที่หนังเลือกเล่นเรื่องของ การเดินทางข้ามเวลา และสามารถไม่ทำให้เส้นเวลาที่ตัวหนังปูขึ้นมานั้นเละเทะ หรือให้คนดูจับผิดได้ โดยการที่ผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน สามารถปิดทุกช่องโหว่ได้

เพราะการที่หนังไม่ได้มีการเลือกการใส่ฉากเผชิญหน้าแบบวุ่นวายคล้าย Back to the Future จึงทำให้ Looper เป็นหนังการเดินทางข้ามเวลาที่สามารถทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์ และ ซื่อสัตย์ ต่อตัวบท หนำซ้ำยังทำให้ผู้กำกับนั่นง่ายต่อการปิดช่องโหว่ได้อย่างดี โดยสิ่งที่ตัวหนังสามารถทำออกมาดีไม่แพ้กันคือการที่หนังใส่เรื่องราวของ นิสัย ของตัวละคร ในแต่ละช่วงเวลาออกมาได้ยึดตามหลักความจริง เพราะในชีวิตจริงของเรา ในตอนนี้ นิสัย ของตัวเราอาจจะเรียบร้อย คิดนี่ทำนู่น แต่ไม่แน่ในอนาคตตัวเรานั่นอาจจะเปลี่ยนไปเป็นคนอีกคนเลยก็ว่าได้ ซึ่งหนังสามารถใส่เรื่องเหล่านี้เข้ามาเสริมน้ำหนักให้ตัวบทได้พอเหมาะ

พร้อมทั้งด้านการแสดงของตัวละครนำทั้ง 3 คนอย่าง โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์ , บรูซ วิลลิส และ เอมิลี่ บลันท์ ก็ยังถือออกมาได้อย่างน่าประทับใจ และเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน สามารถคุมดาราใหญ่ๆมาร่วมวงในจอเดียวได้อย่างอยู่หมัด แต่ก็น่าเสียดาย ที่ไม่รู้ว่าผู้อ่านคนอื่นคิด หรือ หวัง เหมือนผมรึปล่าวก่อนที่จะเข้าไปดู Looper เพราะจากตัวอย่างหนังนั่น มันดันทำให้ผมไปคิดว่า Looper จะเป็นหนังแนว แอ็คชั่น ไซไฟ ที่สามารถเร้าอารมณ์ได้ พร้อมทั้งคำวิจารณ์ที่ได้รับการยกย่องจากหลายสำนัก ยิ่งทำให้หวังในด้านของความมันส์ใน Looper เข้าไปใหญ่ ทั้งที่จริงแล้วต้องขอบอกเลยว่า ตัวหนังกลับไม่ใช่เช่นนั้น เพราะแท้จริงแล้ว Looper มันกลับเป็นหนังแนว ไซไฟ ดราม่า ที่ผสมความเป็นหนังอินดี้ตามสไตล์ของผู้กำกับ และ ฉากแอ็คชั่น แค่พอหอมปากหอมคอนะ

โดยถ้าหากใครที่หวังจะเข้าไปดู Looper เพื่อความมันส์แบบที่ผมคาดไว้หละก็อาจจะมีผิดหวังได้ เพราะเอาเข้าจริงๆฉากแอ็คชั่นในหนังนั้นมีเพียงแค่ประมาณ 20% ของตัวเรื่องทั้งหมด โดยที่เหลือ 80% หนังนั่นเต็มไปด้วยการขายไอเดียการเดินทางข้ามเวลา และหนังโทนอารมณ์ความเป็น ดราม่า อินดี้ ซะส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่า Looper มันน่าจะเป็นหนังที่เหมาะสำหรับใครที่ชอบหนังไซไฟ เดินทางข้ามเวลา ที่สามารถเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับ เส้นเวลา และ มิติช่วงเวลา ได้หมดจด ที่มาพร้อมกับการแสดงที่ค่อนข้างดีเยี่ยมจาก 3 นักแสดงนำเสียมากกว่าใครที่จะหวังมาดูหนังแนวแอ็คชั่น เพราะตัวหนังกลับมีน้อยมาก

แถมตัวหนังยังเต็มไปด้วยบทสนทนาในช่วงกลางเรื่องไปจนถึงท้ายเรื่อง ที่ทำเอาใครที่หวังจะดูหนังแอ็คชั่นแบบเต็มที่ เพราะเห็นจากตัวอย่าง และ นักแสดง อย่างคนอึด บรูซ วิลลิส และ โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์ อาจจะมีผิดหวังได้ไม่มากก็น้อยครับ ซึ่งตัวหนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วงกว้างแล้ววันนี่เป็นต้นไปครับ

เรื่องนี้ผมให้ 7/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4972 เมื่อ: 14/11/13, [08:42:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ


เค้าเรียกผมว่าความรัก

หลังจากได้สร้างประวัติศาสตร์หนังม้ามืดไปเมื่อ 2 ปีก่อน กับ สิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่ารัก ที่เป็นหนังแนวโรแมนติค คัมมิ่ง ออฟ เอจ ที่คนบอกต่อจนกวาดรายได้ไปกว่า 80 ล้าน และปล่อยให้ผู้กำกับอีกคนอย่าง เสนาเพชร นำหน้ากำกับหนังเดี่ยวไปก่อนแล้วหนึ่งเรื่อง โดยหนังเรื่องนี้จึงเป็นการพิสูจน์ของผู้กำกับอีกคน

คิว (เป้ อารักษ์) อดีตแบดบอยคนดังของโรงเรียน ผู้ไม่เคยเชื่อในความรัก เขาล้อเล่นกับความรักเป็นเรื่องฮาๆมาตลอด จนกระทั่งเขาหลงรัก เก้อ (โบ ธัญญะสุภางค์) สาวน้อยข้างบ้านเข้าอย่างจัง เธอกำลังจะทำให้เขารู้จักกับความรัก แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเธอคือคนที่เขาเคยทำร้ายจิตใจและปฏิเสธความรักอย่างไร้เยื่อใยเมื่อ ครั้งยังเด็ก แต่แล้วอยู่ดีๆ คิว ก็ดันได้ไปพบกับสมาคมกามเทพ ที่เป็นสมาคมที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนคล้ายพ่อสื่อให้กับคนที่ไม่รู้จัก และกฏของกามเทพเหล่านี้คือ เขาจะไม่สามารถตกหลุมรัก หรือพูดคำว่ารักกับใครได้อีกเลย แล้วทีนี่ความรักของ คิว และ เก้อ จะจบลง และ เป็นต่อไปอย่างไรนะ

เค้าเรียกผมว่าความรัก เป็นผลงานการกำกับของ วศิน ปกป้อง 1 ใน 2 ผู้กำกับ สิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่ารัก ซึ่งอีกคนนึงอย่าง เสนาเพชร ก็ได้แยกตัวไปกำกับ 30+ โสด On Sale กันไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้จึงเป็นคิวของผู้กำกับอีกคนอย่างคุณ วศิน ปกป้อง ที่จะมาทำให้เรารู้กันเสียที ว่าใครคนไหนกันแน่ ที่มีส่วนในการทำให้คนดูหลงรัก สิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่ารัก มากกว่ากัน โดยต้องขอยอมรับเลยว่าสิ่งที่ทำให้ผมสนใจจะเข้าไปลองดู เค้าเรียกผมว่าความรัก นั่นคงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ กามเทพ ที่สามารถครีเอทออกมาได้น่าค้นหา ผสมไปกับมุกตลกๆที่แลดูมีเสน่ห์ในตัวอย่างหนัง และก็ดูเหมือนว่าในหนังจริงๆก็เป็นเช่นนั้น เพราะสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะดีที่สุดใน เค้าเรียกผมว่าความรัก จะตกเป็นของด้าน มุกตลก ที่ผู้กำกับถือว่าสามารถนำเอามุกตลกหยาบคาย และ อารมณ์น่ารักๆ

มาผสมเข้ากันได้ค่อนข้างโอเคในระดับนึง โดยเฉพาะลีลาของนักแสดงขาจร ขาประจำ อย่าง น้าค่อม และ แจ๊ส ชวนชื่น ก็ถือว่าเป็นสีสันหลักๆตัวนึงของหนัง ที่สามารถเรียกเสียงฮาจากคนดูไปได้ดีในระดับนึง ไม่แพ้กับ เป้ อารักษ์ และ นางเอกใหม่อย่าง โบ ธัญญะสุภางค์ ที่ตัวบทไม่ได้มีความละเมียดละไม สื่อให้คนดูเห็นว่า 2 คนนี่รักกันจริงๆ แต่ในเมื่อถึงฉากที่ต้องสื่ออารมณ์ หรือเรียกง่ายๆคือบีบน้ำตาจากคนดู นักแสดงหลักทั้ง 2 คนก็สามารถทำงานเข้าขากันได้ดี มีอารมณ์ความขำปนซึ้งอยู่หลายฉาก แต่น่าเสียดายการที่หนังพยายามเอาสิ่งที่เรียกว่า ความรัก มาขยายความ แสดงถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของคำๆนี้อยู่

ที่ท้ายสุดตัวหนังกลับไม่สามารถขยายคำว่า ความรัก นี่ได้สุดทางนัก เพราะส่วนนึงที่เป็นข้อเสียของ เค้าเรียกผมว่าความรัก มันไม่ได้อยู่กับการที่หนังพยายามเดินตาม สิ่งเล็กเล็ก มากเกินไป แต่มันอยู่ตรงที่การที่ตัวหนังมีการใส่เรื่องราวของ สมาคมกามเทพ เข้ามาอยู่ในหนังเกือบ 70% ของเนื้อเรื่อง จนทำให้ตัวหนังนั้นเหลือเวลาแค่ 30% เท่านั้น ที่จะนำมาเรียบเรียงเรื่องราว และทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับเรื่องราวความรักของ คิว และ เก้อ ที่ท้ายสุด ถึงแม้ตัวหนังจะมีความยาวเกือบ 130 นาที มันก็ไม่พอสำหรับการปูเรื่องราวดังกล่าว จนทำให้พอหนังจบนั่น คนดูกลับรู้สึกได้แค่ว่า การที่ คิว หลงรัก เก้อ กลับเป็นเพราะหน้าตาของเธอเท่านั้น เพราะเรียกได้เลยว่าหนังแทบจะไร้ฉากที่ให้ เก้อ แสดงถึง นิสัย ใจคอ และตัวตนที่แท้จริงของเธอ หรือเรียกง่ายๆคือ สิ่งที่ทำให้หลงรักนอกจากหน้าตา

จนทำให้ท้ายสุดจึงดูเหมือนว่าหนังจะบอกกับคนดูว่า ‘ถ้าสวยก็มีแฟน’ โดยที่ไร้การพูดถึงเรื่องราวของ นิสัยใจคอ ที่มันน่าจะเป็นส่วนหลักสำคัญในการที่ทำให้คนเรารักกันมากกว่า (ที่ในกรณีนี้ ผมถือว่าความรักของ โชน และ น้ำ ใน สิ่งเล็กเล็ก ยังแสดงให้เห็น และ จับต้องได้มากกกว่า) โดยในอีกด้านอย่างเรื่องราวของ กามเทพ ที่หนังใช้เวลาไปกว่า 70% ในเรื่องราวดังกล่าว ท้ายสุดก็น่าเสียดายอีกเช่นกันเมื่อหนังกลับมีฉากการทำภารกิจของ ตัวเอก มากจนเกินไป จนทำให้ละเลยเรื่องราวของ กฏกามเทพ ที่หนังตั้งไว้แต่ทีแรก จนทำให้โดยสรุปแล้ว เค้าเรียกผมว่าความรัก จึงเป็นหนังที่เหมาะดูเอาฮามากกว่าความซึ้งแบบเรื่องเก่า

เพราะฉะนั้นโดยรวมสิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นข้อดีของ เค้าเรียกผมว่าความรัก จึงตกไปอยู่ที่ด้านของ การที่หนังมีการดึงนักแสดงตลก เฮฮา เข้ามาเป็นสีสัน พร้อมกับเคมีของพระนาง ที่ทำให้มุกตลกลื่นไหล แต่โดยรวมหนังกลับขาดน้ำหนักด้านของ ความรัก และ กฏกามเทพ ซึ่งถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี่ก็ดูเพลินๆได้เลย

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4973 เมื่อ: 14/11/13, [08:42:47] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

the perks of being a wallflower วัยป่วนหัวใจปึ้ก

การประกบคู่กันของสองนักแสดงวัยรุ่นที่มาแรงที่สุดในปัจจุบัน เอ็มม่า วัตสัน ผู้รับบทเป็น เฮอร์ไมโอนี่ ในแฟรนไชส์ Harry Potter และ โลแกน เลอร์แมน กับภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า ที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนคุณภาพ ซึ่งติดอันดับหนึ่งในหนังสือสิบเล่มที่ควรอ่านของ American Library Association The Perks of Being a Wallflower เป็นเรื่องราวของ ชาร์ลี (โลแกน เลอร์แมน) เด็กหนุ่มวัย 15 ที่ต้องพบเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หลังจากที่ได้รู้จักกับ แซม (เอ็มม่า วัตสัน) เขาต้องดิ้นรนเพื่อค้นหาตัวตน ก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสน เผชิญหน้าความรักครั้งแรก และการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่กำลังจะมา

The Perks of Being a Wallflower กำกับการแสดงโดย สตีเฟ่น ชาร์บอสกี้ ผู้กำกับที่เติบโตมาจากหนังสั้น และเคยมีส่วนร่วมในการเขียนบทของหนังเพลงเล็กๆอย่าง Rent ในปี 2006 ด้วยเช่นกัน กับหนังที่สร้างมาจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกัน ที่หนังเน้นไปที่เรื่องราวของ เด็กหนุ่มต๊อกต๋อย ที่ต้องการจะเข้าสังคมในหมู่เพื่อนให้ได้ในไฮสคูล โดยเรื่องราวแบบนี่ผมเชื่อว่า คนที่จะดู The Perks of Being a Wallflower และอินไปได้กับตัวหนังได้อย่างแท้จริง คงหนีไม่พ้นกับคนที่เคยมีปม โดนเพื่อนแกล้ง หยอกล้อ และต่างๆอีกมากมายในสมัยมัธยม เพราะตัวหนังทั้งหมดเรียกได้ว่าแทบจะหยิบยกเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาสร้าง และใส่สีแต่งกลิ่นเข้าไปนิดหน่อยได้อย่างเข้ากันเลยทีเดียวก็ว่าได้ครับ แถมก็ดูเหมือนว่าตัวหนังจะสามารถทำสำเร็จกับการที่พูดถึง วิธีการก้าวผ่านช่วงอายุและอื่นๆ

ที่ในเมื่อหนังเน้นไปที่เรื่องราวของ คนที่พยายามจะมีบทบาทในสังคมเล็กๆ จึงทำให้หนังสามารถใส่เรื่องราว และคำคมคมคาย ได้เต็มไปหมด แล้วหนึ่งในประเด็นเหล่านั้นคือการที่หนังได้พูดถึงว่า การที่คุณได้เจอใครบางคนที่นั่งเก็บเงียบ ไม่ยอมพูด ไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะอยู่ในโลกส่วนตัวเสมอไป แค่เขาเป็นคนที่ไม่สามารถหาทางเสนอตัวเข้าสังคมได้ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ต้องขอยอมรับเลยว่าผู้กำกับสามารถใส่ทั้งเรื่อง สุข , เหงา , เศร้า , ขำ และ ซึ้ง เข้ามาในตัวหนังเรื่องเดียวกันได้อย่างกลมกล่อม แถมตัวหนังยังสามารถแบ่งโทนเรื่องเหล่านั้นได้ชัดเจนว่าในแต่ละฉากต้องการให้คนดูรู้สึกไปกับตัวละครแบบใด

โดยเฉพาะในตอนท้ายของเรื่องที่หนังสามารถพาอารมณ์คนดูไปได้ถึงจุดพีคได้อย่างทรงพลัง และเต็มไปด้วยความอิ่มเอม ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งอย่างที่บอกไปในทีแรกว่า ถ้าหากใครที่มีปม หรือบางสิ่งบางอย่างคล้ายกับตัวละครของเรื่อง จะยิ่งสามารถอินเข้าไปใหญ่เลยก็ว่าได้ครับ โดยผมก็ไม่รู้ว่าใครที่ไม่เคยมีปัญหา หรือ อุปสรรค์หลักๆ แบบตัวละคร จะสามารถอินและเข้าใจไปกับตัวหนังได้มากน้อยแค่ไหน แต่หลักๆแล้ว The Perks of Being a Wallflower ก็ถือว่าเป็นหนังแนววัยรุ่น คัมมิ่ง ออฟ เอจ ที่ไม่น่าพลาดอยู่เรื่องนึงของปีเลยก็ว่าได้ ซึ่งในอีกหลายองค์ประกอบที่ทำให้ตัวหนังนั้นจี๊ดไปถึงหัวใจคนดูได้อย่างสมบูรณ์แบบ คงหนีไม่พ้นด้านของ ดนตรีประกอบ ที่มีอารมณ์และโทนเดียวแบบ (500) Days of Summer เพียงแต่ว่าตัวละครและสเกลหลักของเรื่องนี้เป็นเยาว์วัยลง

พร้อมทั้งด้านของการแสดงทั้ง 3 ตัวละครหลักก็ยิ่งถือว่าสามารถทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะไม่ได้มีตัวละครไหนที่โดดเด้งหรือเด่นเกินใคร แม้แต่กระทั่งตัวละครหลักอย่าง ชาร์ลี ของ โลแกน เลอร์แมน ก็ตาม ซึ่งทางด้านนักแสดงทั้ง 3 คนอย่าง โลแกน เลอร์แมน , เอมม่า วัตสัน และ เอสร่า มิลเลอร์ล ถือว่าสามารถเนรมิตรตัวละครออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ และ จับต้องได้ โดยเฉพาะ เอสร่า มิลเลอร์ล ที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของ แพทริค ออกมาได้อย่างมีสีสันไม่แพ้ คริส โคลเฟอร์ ใน Glee ส่วนทางด้านของ เอมม่า วัตสัน ที่หลังจากออกจากโรงเรียนเวทมนตร์ การแสดงของเธอก็ยิ่งฉายแสงเจิดจ้าให้ตัวละคร แซม มีเสน่ห์

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วสำหรับผม The Perks of Being a Wallflower จึงถือว่าเป็นหนังแนวชีวิตวัยรุ่น คัมมิ่ง ออฟ เอจ ที่สามารถจี้หัวใจคนดูได้อย่างตรงจุด มาพร้อมกับอารมณ์ที่ครบถ้วนทั้ง สุข เศร้า เหงา ขำ และ ซึ้ง แถมในด้านของการแสดงนำของนักแสดงทั้ง 3 คนก็ยังแสดงได้อย่างมีเสน่ห์ และ จับต้องได้

เรื่องนี้ผมให้ 9/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4974 เมื่อ: 14/11/13, [08:42:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

the watch เพื่อนบ้าน แก๊งป่วน ป้องโลก

ในช่วงที่หนังที่เข้าฉายอาทิตย์นี้ ได้รับคำวิจารณ์ไปในทางที่ดีเกือบยกโหล ก็เห็นจะมีแต่เรื่องนี่ ที่นอกจากจะเงียบที่บ้านเกิดอย่างอเมริกาแล้ว ในไทยก็ยังแทบจะไร้คนพูดถึง กับ The Watch ที่หนังเข้าฉายแล้ววันนี้ในบางโรงภาพยนตร์ ที่ควรตรวจเช็ครอบฉายก่อนจะไปดู ว่าแถวบ้านของท่านนั่น เรื่องนี้ได้เข้าฉายไหม

เมืองเกลนวิว รัฐโอไฮโอ สถานที่พักพิงอันสงบสุขและปลอดภัย เอแวน, บ๊อบ, แฟรงคลิน และ จามาร์คัส ตัดสินใจร่วมเป็นอาสาสมัครคอยดูแลความปลอดภัยในชุมชนของพวกเขา ด้วยการเป็น ?ผู้เฝ้าสังเกตุการณ์? พร้อมเสื้อแจ็คเก็ต Watch สุดเท่ติดสัญลักษณ์รูปหัวเสือประดับปีก ที่หนุ่มทั้งสี่คิดว่ามันจะทำให้คนในชุมชนเคารพยำเกรงพวกเขามากขึ้น ซึ่งตรงกันข้าม พวกเขาถูกเด็กๆ ปาด้วยไข่ไก่ แถมตำรวจท้องที่ก็คิดว่านี่คือเรื่องตลก แต่เมื่อสี่หนุ่มลาดตะเวนไปพบของสิ่งที่สามารถ ปล่อยสัญญาณพลังงานออกมาได้ พวกเขาก็รู้ทันทีว่า ตัวเองกำลังเผชิญกับอะไรบางอย่าง ที่อันตรายกว่าโจรลักเล็กขโมยน้อย และเป็นเอเลี่ยน

The Watch กำกับการแสดงโดย อากิวา เชฟเฟอร์ จากหนังตลกเล็กๆแอบฮิตอย่าง Hot Rod โดยตัวหนังเรื่องนี้ก็ยังได้ดาราตลก เซธ โรเจ้น มาทำหน้าที่เขียนบท และยังได้ ชอวน์ เลวี่ ผู้กำกับจาก Night at the Museum มาเป็น โปรดิวเซอร์ ให้ด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่ถึงแม้หนังจะมีทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงมากหน้าหลากตา ทั้งเบื้องหลัง และ เบื้องหน้า ตัวหนังก็ยังโดนคำวิจารณ์สับเละ พร้อมทั้งยังทำเงินไม่ถึงเป้าอีกด้วย แต่หลังจากที่ผมได้รับชมนั่น ผมก็ต้องขอบอกว่า The Watch ไม่ได้ถึงเข้าขั้นแย่อะไรมากมายอย่างที่นักวิจารณ์สับกันนัก เพราะโดยส่วนตัวในด้านของสิ่งที่หนังพยายามจะขายอย่าง มุกตลกอเมริกัน และ ความบ้าหลุดโลกของเหล่าตัวละคร ตัวหนังก็ถือว่าสามารถทำออกมาได้อย่างสำเร็จทีเดียวหละครับ โดยเฉพาะในด้านของ มุกตลกอเมริกัน ที่หนังใส่เข้ามาเต็มเรื่อง

ที่ส่วนใหญ่อาจจะมีทั้ง ขำบ้าง แป๊กบ้าง ตามประสากันไป แต่โดยรวมคงเป็นเพราะเคมีของนักแสดงหนุ่มๆอย่าง เบน สติลเลอร์ , โจนาห์ ฮิลล์ , วินซ์ วอร์น และ ริชาร์ด อโยเด จึงทำให้มุกตลกโดยรวมที่หนังอัดแน่นมานั่น ล้วนเต็มไปด้วยสีสัน ที่ทำให้เราเหมือนมาดูเพื่อนๆด่าพ่อล้อแม่ กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งก็ต้องขอบอกก่อนเลยว่ามุกตลกใน The Watch นี่ก็น่าจะเป็นหนังที่ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบมุกตลกประเภท สกปรก ที่เต็มไปด้วย การตะโกนโวยวาย , คำหยาบคาย และ เซ็กห์เป็นสำคัญ แต่ถ้าหากใครชอบมุกตลกแนวสกปรก อเมริกันจ๋า กันอยู่แล้ว ด้านมุกตลกใน The Watch ก็น่าจะเป็นหนังที่โดนใจและทำให้คุณฮาได้ไม่ยาก

พร้อมทั้งการที่หนังยังมีโปรยปรายไปด้วยฉากแอ็คชั่น ปราบเอเลี่ยน อีกมากมาย ที่ดูเผินๆแล้วก็ชวนให้นึกถึงว่า นี่เป็น Ghostbuster ฉบับเปลี่ยนจาก ผี เป็น เอเลี่ยน และเพิ่มความสกปรกให้กับมุกตลก เข้าไปมากกว่า แต่ก็อย่างว่า เป็นเพราะตัวหนังนั่นอัดแน่นไปด้วยมุกตลก และ ฉากแอ็คชั่น ข้อเสียใหญ่ๆของ The Watch มันจึงกลายเป็นอยู่ที่ว่า การที่หนังพยายามจะดันตัวเองไปให้มากกว่าการเป็นหนังตลกพื้นบ้าน โดยการใส่เรื่อง ปัญหาครอบครัว ของเหล่าตัวเอก ไม่ว่าจะเป็น ลุกสาวใจแตก , ภรรยาอยากเซ็กห์ และอะไรต่อมิอะไร ที่ในทีแรกดูเหมือนจะสื่อถึงเรื่องการแก้ปัญหา ที่ว่า ปัญหาของคนอื่นเราแก้ได้ แต่หากไม่ใช่ปัญหาของตน ก็ไม่ต่างอะไรจากคำที่หลายๆคนคงรู้ดีอย่างการที่คนเรา รู้จักไปซะทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง แต่ก็น่าเสียดายที่ท้ายสุดหนังกลับดันประเด็นไปไม่ได้

เพราะอย่างที่บอกไว้ว่าหนังอัดแน่นไปด้วย มุกตลก และ ฉากแอ็คชั่น จึงทำให้หนังมีเวลาเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่จะย้อนกลับไปพยายามทำให้ The Watch กลายเป็นหนังตลกที่มีอะไรมากกว่าความตลก จนสุดท้ายหนังก็ไม่สามารถดันมันไปควบคู่กับมุกตลกได้อย่างลงตัวนัก จึงทำให้ผมคิดว่า ถ้าหากหนังนำเอาเวลาส่วนนั้น ไปคิดด้านของมุกตลก และ ฉากแอ็คชั่นเพิ่ม หนังน่าจะสามารถให้คนดูเต็มอิ่มไปกับสิ่งเหล่านี้ได้มากกว่าครับ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่เป็นขาประจำ สำหรับดาราตลกแถวหน้าอย่าง โจนาห์ ฮิลล์ , วินซ์ วอร์น หรือแม้แต่ เบน สติลเลอร์ นี่ก็น่าจะเป็นหนังที่พลาดไม่ได้ที่จะเห็นพวกเขาเล่นเข้าขากันดี

โดยสรุปแล้ว The Watch จึงเป็นมีจุดเด่นอยู่ตรงด้าน มุกตลก อเมริกัน ที่เน้นขายความสกปรกเช่น คำหยาบ และ เซ็กห์ ที่ถ้าหากใครชอบแนวนี้ก็ไม่น่าพลาด พร้อมทั้งฉากแอ็คชั่นอีกเล็กน้อยที่สนุกพองาม แต่โดยรวมหนังกลับขาดความสดใหม่ และ ไม่สามารถจูงประเด็นที่หนังพยายามใส่เข้ามาไปกับมุกตลกได้

เรื่องนี้ผมให้ 7/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4975 เมื่อ: 14/11/13, [08:43:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

lawless คนเถื่อนเมืองมหากาฬ

การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อสัจธรรมของโลกนี้คือการเปลี่ยนแปลง ผู้ที่สามารถปรับตัวได้คือ ผู้อยู่รอดแต่หากใครปรับตัวไม่ได้ ก็จะถูกกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงชะล้างไป แต่นั่นก็เป็นเฉพาะสำหรับคนบางคนเท่านั้น โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่มีอุดมการณ์และไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่กับผู้ที่เชื่อมั่นในความคิดและศรัทธาของตัวเองอย่างแรงกล้า ก็จะสามารถยืนหยัดทานกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงไปได้ แม้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดบ้างก็ตาม นั่นก็คงเป็นเช่นเดียวกับ 3 พี่น้องตระกูลบอนดูแรนท์ในเรื่อง Lawless ที่สามารถยืนหยัดและผ่านพ้นมันแม้ได้แม้จะต้องแลกด้วยบางสิ่งบางอย่างก็ตาม!

Lawless กำกับโดยผู้กำกับสัญชาติออสเตรเลีย จอห์น ฮิลโค้ท ผู้เคยฝากผลงานอย่าง The Road (2009) หนังเล่าเรื่องราวของ 3 พี่น้องตระกูลบอนดูแรนท์ อันได้แก่ โฮเวิร์ด (เจสัน คลาร์ก), ฟอร์เรส (ทอม ฮาร์ดี้) และน้องเล็ก แจ็ค (ไชอา ลาบัฟ) พวกเขาได้รับการโจษจันจากผู้คนในเมืองจนกลายเป็นตำนานเล่าขานว่า คนของตระกูลบอนดูแรนท์เป็นพวกอมตะ! ฆ่าไม่ตาย! ซึ่งพวกเขามีชีวิตอยู่ในอเมริกาในช่วงที่มีกฎหมายห้ามจำหน่ายและผลิตสุราโดย ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ (ซึ่งแน่นอนมันเกี่ยวกับผลประโยชน์) แต่พวกเขาก็ต่อต้านและลักลอบผลิตสุราออกขายอย่างท้าทายกฎหมาย ทางรัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ ชาร์ลี เรคส์ (กาย เพียร์ซ) ผู้มีประสบการณ์โชกโชนในการปราบปรามผู้ทำผิดกฏหมาย มาจัดการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ถ้าใครไม่ยอมอยู่ในการควบคุมก็ต้องถูกกำจัด! ซึ่งทุกคนยอมสยบกันหมดยกเว้น 3 พี่น้องตระกูลบอนดูแรนท์!

ที่จริงแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง The Wettest County in the World ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2008 เขียนโดย แมตต์ บอนดูแรนท์? ซึ่งเป็นหลานของ 3 พี่น้องตระกูลบอนดูแรนท์นั่นเอง นั่นก็หมายความว่าเรื่องราวในหนังนั้นก็คงมีส่วนที่เป็นเหตุการณ์จริงผสม อยู่พอสมควรกับเรื่องราวของกฎหมายฉบับหนึ่งที่ถูกใช้ช่วงหนึ่งในหน้าประวัติ ศาสตร์ของอเมริกา

ด้วยบุคลิกของตัวละครฟอร์เรสประกอบการแสดงในระดับน้อยแต่มากของ ทอม ฮาร์ดี้ ทำให้ ฟอร์เรสกลายเป็นตัวละครที่โดดเด่น มีความเป็นผู้นำและพึ่งพาได้ ที่แม้มองการกระทำบางอย่างอาจจะดูโหดร้าย แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุและผล กับสภาพแวดล้อมของสังคมที่อยู่ในลักษณะ ?ไม่ฆ่าเขา เราก็ถูกเขาฆ่า? และความอยุติธรรมของผู้บังคับใช้กฎหมาย ก็พอที่จะเข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนี้

แต่กับ แจ็ค ที่ได้ ไชอา ลาบัฟ มาถ่ายทอด น้องสุดท้องที่มีความกดดันในจิตใจจากการที่ตัวเองนั้นไม่เอาไหนเทียบอะไรกับ พี่ๆ ไม่ได้เลย และไม่เกินเลยนักหากจะบอกว่า แจ็คคือตัวปัญหา ด้วยฝีมือการแสดงของลาบัฟทำให้ตัวละครตัวนี้มีมิติทางอารมณ์มากที่สุด น่าเสียดายกับ กาย เพียร์ซ ในบทเจ้าหน้าที่พิเศษ ชาร์ลี เรคส์ ที่ได้รับบทบาทที่แบนราบจนเกินไป กับบทผู้รักษากฎหมายที่ไร้มนุษยธรรม!

การสื่อประเด็นต่างๆ หนังไม่สามารถทำให้ผู้ชมเข้าใจได้เลยว่าต้องการมุ่งไปสู่ทิศทางใด ไม่ว่าจะนำเสนอในมุมมองของผู้ค้า ผู้ซื้อ หรือผู้รักษากฎหมาย ก็เบาหวิวจนจับต้องอะไรไม่ได้ ทั้่งที่วัตถุดิบของหนังเรื่องนี้มีมากมายที่จะสามารถลงไปในรายละเอียดของ สภาพแวดล้อมทางสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการบัญญัติกฎหมายนี้ขึ้นมา รวมถึงละเลยที่จะบอกถึงสิ่งเร้าที่ทำให้พี่น้องตระกูลบอนดูแรนท์ถึงมุ่งมั่น ที่จะต่อต้านภาครัฐในขณะที่เพื่อนพ้องในวงการนั้นปรับเปลี่ยนกันหมด ทำให้บางขณะรู้สึกว่าตระกูลบอนดูแรนท์เป็นพวกหัวรั้นและชอบหาเรื่องยุ่งยาก เข้ามาในชีวิต และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตลอดการชมไม่มีอะไรให้เราต้องลุ้นหรือเอาใจช่วยอะไร เลย!

จังหวะในการเล่าเรื่องก็ดูจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ตัวหนังไม่มีความชัดเจนประเด็นที่ต้องการจะสื่อ ทั้งนี้เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องนั้นค่อนข้างกินระยะเวลาหลายปีพอสมควร แต่การให้รายละเอียดที่ไม่ชัดเจนและดูจะรวบรัดตัดความในบางช่วงบางตอนทำให้ อรรถรสในการติดตามเรื่องราวต้องเสียไปอย่างน่าเสียดาย

จะว่าไปแล้ว Lawless ก็คือหนังที่เล่าเรื่องราว การตามติดชีวิตของ 3 พี่น้องบอนดูแรนท์ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ต้องมาเผชิญการกวาดล้างจากการทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม!! ยังดีที่มีฉากแอ็คชั่นในแนวดิบเถื่อน ที่ช่วยเร่งเร้าอารมณ์ได้พอสมควร หาไม่แล้วความสนใจที่มีต่อตัวหนังคงจะหายไปในเวลาเพียงไม่นาน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หนังจะไม่ได้วิพากษ์สังคมหรือบุคคล (อันเป็นสิ่งที่หนังพึงกระทำ) เมื่อพิจารณาจากเรื่องราวที่หนังนำเสนอ แต่อย่างน้อยมันก็เล่นกับประเด็นเรื่องของคำว่า ?ลูกผู้ชาย? ที่ฟอร์เรสผู้พี่พยายามแนะนำแก่แจ็คที่เป็นคนไม่เอาไหนและคิดว่าเรื่อง ทุกอย่างในชีิวิตเป็นเรื่องง่ายๆ ให้เข้าใจถึงความโหดร้ายของชีวิต ว่า ?ลูกผู้ชายไม่ได้วัดกันที่ความรุนแรงแต่มันวัดกันที่อุดมการณ์และเป้าหมาย ที่ต้องไปให้ถึง? เพราะในขณะที่แจ็คค่อยๆ เข้มแข็งและหนักแน่นขึ้นจากความโหดร้ายที่พบเจอ ผู้ชมก็เหมือนหนึ่งได้เรียนรู้มุมมองของชีวิตไปด้วยในตัว และนี่อาจเป็นสาระเพียงชิ้นเดียวที่เราได้จากหนังเรื่องนี้!

5/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4976 เมื่อ: 14/11/13, [08:47:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4977 เมื่อ: 14/11/13, [08:47:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4978 เมื่อ: 14/11/13, [08:48:05] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4979 เมื่อ: 14/11/13, [08:48:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
หน้า: 1 ... 164 165 166 167 168 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: