Aqua.c1ub.net
*
  Sat 02/Aug/2025
หน้า: 1 ... 163 164 165 166 167 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 757842 ครั้ง)
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4920 เมื่อ: 10/11/13, [10:35:54] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?








Infernal Affairs  2 คน 2 คม ภาค 1
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4921 เมื่อ: 11/11/13, [13:46:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ? ภาคไหน
Paranormal Activity 4  เรียลลิตี้ ขนหัวลุก 4
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4922 เมื่อ: 11/11/13, [13:54:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เฉลยครับ The Covenant สี่พลังมนต์ล้างโลก
เรื่องของวัยรุ่น 4 คน ผู้มีพลังวิเศษลึกลับหรือเวทย์มนตร์
พวกเขาทั้ง 4 ใช้ชีวิตอย่างปกติเฉกเช่นคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป
พวกเขาจะใช้พลังเวทย์มนตร์เมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น
พวกเขาต้องพบเจอชายคนหนึ่งซึ่งเป็นทายาทของพ่อมดจอมวายร้ายในตำนาน
ผู้ซึ่งมีพลังเหนือกว่าพวกเขามากมายนักได้ทำการแหกกฎกติกาที่มีอยู่
ด้วยการฆ่าพวกเดียวกันแล้วเอาพลังของผู้ที่ถูกฆ่ามาใส่ตัวเอง
การอาละวาดและการทำตัวโหดเหี้ยมได้ลุกลามมาถึงครอบครัว
และคนรักของพวกเขาทั้ง 4 คน
เพราะมันต้องการพลังที่อยู่ในตัวของคนในกลุ่มมาใส่ตัวเอง
พวกเขาทั้ง 4 จึงต้องต่อสู้แบบไม่มีทางเลือก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/11/13, [13:56:54] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4923 เมื่อ: 11/11/13, [14:05:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เฉลยครับ Starsky & Hutch คู่พยัคฆ์แสบซ่าท้านรก
    
    เจ้าหน้าที่สืบสวน เดวิด สตาร์สกี้ (เบน สติลเลอร์) คือตำรวจนอกเครื่องแบบที่ทุ่มเทให้กับงานมากที่สุด ในบรรดาตำรวจนอกเครื่องแบบที่ทำงานอยู่บนถนน ที่เต็มไปด้วยอันตรายของเบย์ซิตี้, แคลิฟอร์เนีย เมื่อสตาร์สกี้ออกปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเท ไม่มีคนร้ายหน้าไหนที่จะรอดการโดนลงโทษไปได้ และเขามักออกปฏิบัติหน้าที่อยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่ดี เพราะสตาร์สกี้มีคนที่เขาจะต้องเจริญรอยตาม แม่ของเขาคือตำนานของวงการตำรวจ จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตำรวจที่เก่งที่สุด ในประวัติศาสตร์ของเบย์ซิตี้ แต่ขณะที่แม่ของเขาต้องทำงานกับคู่หูคนเดิม ตลอดเวลาที่เป็นตำรวจ แต่ด้วยความเป็นคนคลั่งงาน ทำให้สตาร์สกี้ใช้คู่หูเปลือง และเร็วยิ่งกว่าที่รถแกรน ทอริโน่ที่เขาสุดแสนจะรักจะทันระเบิดหัวเทียนเสียอีก
    เจ้าหน้าที่สืบสวน เคน 'ฮัตช์' ฮัตชินสัน (โอเว่น วิลสัน) กำลังมีปัญหาในการทำงานเช่นกัน เขาเป็นตำรวจที่ดี แต่นิสัยที่เป็นคนเกียจคร้าน และเป็นพวกที่ชอบหาเงินทางลัด ทำให้งานของเขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ฮัตช์มีสัญชาตญาณที่ดี เขาแค่ต้องการความมุ่งมั่นที่จะควบคุมตัวเอง ให้สนใจกับด้านของกฎหมาย ที่อาจทำผลประโยชน์ให้กับเขาน้อยลง ผู้กำกับโดบี้ (เฟร็ด วิลเลียมสัน) หัวหน้าสถานีตำรวจเบย์ซิตี้จอมฉุนเฉียว จึงพบทางออกสำหรับสองปัญหาที่ทำให้เขาหนักอกที่สุด นั่นก็คือการจับคู่สตาร์สกี้กับฮัตช์ และส่งพวกเขาออกไปจัดการเหล่าร้ายตามท้องถนน..
    นทีที่นักต่อสู้อาชญากรรมที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้สองนายนี้ เริ่มต้นทำงานวันแรกในฐานะคู่หู ก็เกิดเหตุมีศพลอยมาติดชายฝั่งของเบย์ซิตี้ ด้วยความช่วยเหลือจาก ฮักกี้ แบร์ (สนู๊ป ด๊อกก์) สายสืบสุดเจ้าเล่ห์ของฮัตช์ สองนายตำรวจเริ่มต้นคลี่คลายคดีฆาตกรรมลึกลับคดีนี้ เพื่อสืบสวนเงื่อนงำแรกที่พบ สองหนุ่มจึงได้พบกับ สเตซี่ (คาร์เมน อีเล็กตร้า) และ ฮอลลี่ (เอมี่ สมาร์ต) เชียร์ลีดเดอร์ประจำเบย์ซิตี้ ที่ไม่เพียงแต่กระตือรือร้นที่จะให้ความช่วยเหลือเท่านั้น แต่ยังยินดีทำทุกอย่างที่พวกเธอสามารถทำได้
    รูปการทั้งหมดชี้ไปที่นักธุรกิจผู้ร่ำรวย รีส เฟลด์แมน (วินซ์ วอห์น) แต่ดูเหมือนสตาร์สกี้และฮัตช์ จะไม่สามารถตั้งข้อหากับเฟลด์แมนได้ ที่ตำรวจคนเก่งของเราไม่รู้ก็คือ เฟลด์แมนวางแผนล่อลวงอัยการ และกำลังวางแผนการขายยาเสพติด ที่ร้ายแรงที่สุดและมีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา
    คู่ดูโอที่ไม่เหมือนใครคู่นี้ ต้องใช้ทักษะในการปลอมแปลงตัวที่เก่งฉกาจของพวกเขา รวมไปถึงความเจ้าเล่ห์แสนกล ของพวกหากินตามท้องถนน และความเป็นหนุ่มหน้าตาดีในการไขคดีนี้ และเพื่อจับคนร้ายมาลงโทษ เพราะตามที่ เดวิด สตาร์สกี้ได้กล่าวเอาไว้ “ในเบย์ซิตี้ เมื่อนายก้าวล้ำเส้น นายเป็นเสร็จฉัน !”

เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4924 เมื่อ: 11/11/13, [14:06:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4925 เมื่อ: 11/11/13, [14:08:01] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4926 เมื่อ: 11/11/13, [14:09:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4927 เมื่อ: 11/11/13, [14:11:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4928 เมื่อ: 11/11/13, [14:14:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

อหิงสาจิ๊กโก๋มีกรรม

เอาไป 1
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4929 เมื่อ: 11/11/13, [14:15:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

 ดรีมทีม
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4930 เมื่อ: 11/11/13, [14:19:53] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

Unleashed คนหมาเดือด
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4931 เมื่อ: 11/11/13, [19:12:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ? ภาคไหน

ถูกต้องครับ

paranormal activity 4 หนัง เรียลลิตี้ ขนหัวลุก

ดำเนินกันมาถึงภาคที่ 4 กันแล้ว กับหนังแนวตั้งกล้องถ่ายผีที่ภาคแรกได้รับคำตอบรับทั้งด้าน คำวิจารณ์ และ รายรับ กับ Paranormal Activity ที่ในภาคนี้ก็ได้เปลี่ยนทั้งผู้กำกับ และ ทีมนักแสดง ที่จะมีก็แต่ เคที่ แฟนสเตอร์สัน ที่ยังคงรับบทเป็น เคที่ ตัวละครหลักที่จะมาไขปริศนาทั้งหมดให้ทุกคนได้รู้กันครับ

กลับมาอีกครั้งกับความสยองที่ทั่วโลกรู้จักกันดีแล้ว สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Paranormal Activity 4 เรียลลิตี้ ขนหัวลุก 4 ได้เริ่มปล่อยตัวอย่างแรกที่สร้างความหลอนให้กับแฟนๆได้ดีทีเดียว โดยยังคงสืบทอดความสยองในสไตล์เรียลลิตี้เช่นเคย จากตัวอย่างจะเห็นวัยรุ่นสาวกำลังคุยวิดีโอแชทผ่านจอมือถือกับแฟนหนุ่ม เธอเล่าให้แฟนฟังถึงเด็กชายบ้านข้างๆที่เพิ่งย้ายเข้ามา และดูเป็นเด็กประหลาดๆน่ากลัว ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์น่ากลัวขึ้นกับเธอและครอบครัวอย่างที่เธอและใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอและครอบครัวของเธอ จะสามารถรอดจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบนี้ได้หรือไม่ และทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้นกัน

Paranormal Activity 4 กำกับการแสดงโดย เฮนรี่ จูสท์ และ เอเรียล ชัชร์แมน ที่เป็นคู่หูจากภาค 3 นั่นเอง โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหนังชุด ตั้งกล้องถ่ายผี ชุดนี้ยังคงขายได้เรื่อยๆ นั่นก็เป็นเพราะการที่หนังแทบทุกภาคใช้ทุนไม่เคยเกิน 5 ล้านเหรียญ แต่กลับทำเงินทั่วโลกทะลุไปกว่า 100 ล้านเหรียญ แถมด้วยอนิสงค์จากภาคแรกก็ทำให้แฟนๆย้อนกลับมาดูภาคต่อไปอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าหากจะทำเอาแค่ตั้งกล้องถ่ายผีเฉยๆแบบภาคแรกก็คงจะขายไม่ออก ว่าแล้วผู้กำกับในภาค 2 อย่าง โท๊ด วิลเลี่ยมส์ จึงได้มีการใส่เรื่องราวการเชื่อมโยงไปหาภาคแรก และภาคต่อๆมาอย่าง 3 และ 4 ก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน ซึ่งผมก็ต้องขอบอกเลยว่า ตัวผมก็ไม่ใช่คนที่ชื่นชอบหนังชุดนี่เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะภาคแรกที่เขาชมๆกัน แต่ส่วนตัวผมกลับเห็นว่ามันเป็นหนังที่ค่อนข้างน่าเบื่อ และไร้เหตุผลไปนิด

ยังดีที่ภาคต่อมาอย่างภาค 2 สามารถไล่ระดับความน่ากลัวขึ้นมาจากภาคแรกได้เยอะเหมือนกัน ไม่ต่างอะไรกับภาค 3 เพราะฉะนั้นในภาค 4 ส่วนตัวผมจึงค่อนข้างหวังเหมือนกันว่าตัวหนังจะสามารถให้ ความน่ากลัว และ ไขคำตอบ ที่หนังปูไว้ตั้งแต่ภาคแรกมาให้หมดจดเพื่อไม่ต้องมีภาค 5 ต่อจนเกร่อ แต่ก็น่าเสียดายเพราะสิ่งที่ผมหวังไปทั้งหมดกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า โดยเฉพาะสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นข้อเสียที่สุดของในภาค 4 เลย คือการที่หนังยังใช้ลูกเล่นเดิมๆ ที่หนังไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นอกจากการตั้งกล้อง และขายสถานการณ์อึดอัดให้กับคนดู โดยที่มีการไล่ระดับ และ การดำเนิน เรื่องไม่ต่างอะไรจาก 3 ภาคที่ผ่านมาเลยนะ

แถมด้านของ ความน่ากลัว ก็ดูเหมือนตัวหนังจะลดลงไปด้วย เพราะเอาเข้าจริงๆในภาคนี้ ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า ตัวหนังไม่ได้มีสถานการณ์ไหนที่ทำให้ผมรู้สึกกดดันได้ ไม่เหมือนกับ 10 นาทีสุดท้ายของภาค 2 หรือฉากพัดลมหมุนในภาค 3 แถมหนำซ้ำการที่ตัวหนังได้ออกมาเปรยไว้ว่า จะไขคำตอบอันลึกลับที่หนังปูไว้ในภาคแรกในภาคนี้ ก็ยิ่งเหมือนเป็นสิ่งตอกย้ำว่าตัวหนังเปรียบเสมือนกับจะออกมาหลอกเงินคนดู เพราะจริงๆแล้วหนังกลับมีการไขความลับต่างๆของภาคหนึ่งออกมาให้ดูแค่หางอึ่งเท่านั้น ส่วนอีกที่เหลือตัวหนังก็ใช้เวลาไปกับการละเล่นเดิมๆ แถมยังแอบมีการสอดแทรก ปริศนาใหม่ๆเข้ามา โดยที่ปริศนาเก่าตั้งแต่ภาค 1-2 ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังชุดนี้ อาจจะมีผิดหวังได้ไม่มากก็น้อยกับการกลับมาเป็นครั้งที่ 4

ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นว่าคงเป็นส่วนที่ดีที่สุดสำหรับ Paranormal Activity 4 คงหนีไม่พ้นน้องผมบลอนด์อย่าง แคทธรีน นิวตั้น ที่ไม่รู้มีใครจำเธอได้ไหม เพราะเธอเคยรับบทเป็นนักเรียนสาวแสบ ที่ปฏิเสธรักของหนุ่มต๊อกต๋อยมาแล้วใน Bad Teacher เคียง คาเมรอน ดิแอซ ซึ่งเรื่องนี้เธอโตขึ้นเป็นสาวมากทีเดียว และทุกฉาก ทุกซีน ที่เธอออกมา ต้องขอบอกเลยว่าทำให้ผมหายกลัวผีด้วยใบหน้าสวยๆได้อย่างหมดจดเลยทีเดียว แถมด้านการแสดงของเธอในภาคนี้ ก็ยังถือว่าออกมาได้ไม่โอเว่อร์แอ็คติ้งมากเกินไป ไม่เหมือนกับนาง เคที่ แฟนสเตอร์สัน นางเอกในภาคแรก ที่กรี๊ดกร๊าด จนทำเอาผมกลัวเธอ มากกว่ากลัวผีที่โผล่ๆในหนังอีก

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วผมจึงคิดว่า Paranormal Activity 4 น่าจะเป็นหนังแนวสยองขวัญที่ดูเอาขำๆ ตกใจเล่นๆ มากกว่า และเหมาะสำหรับขาจรทั่วไป เพราะถ้าหากคุณเป็นแฟนของหนังชุดนี้ อาจจะมีผิดหวังได้ ที่หนังเล่นแต่ลูกเล่นเดิมๆ แถมยังไม่สามารถไขข้อข้องใจที่ติดมาตั้งแต่ภาคแรก ได้อย่างที่หวังอีก

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4932 เมื่อ: 11/11/13, [19:13:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

the four 4 มหากาฬพญายม

เป็นหนังที่บ้านเราเลื่อนเข้าฉายแล้วเข้าฉายอีก ทั้งที่ในตอนแรกต้องได้ฉายตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ท้ายสุดก็โดนโยกย้ายมาเข้าฉายวันที่ 25 ตุลาคม กับหนังจีนที่ได้ดาราสาวสวยอย่าง หลิวอี้เฟย มาเรียกแขกใน The Four ที่บ้านเรานำเข้าฉายโดยค่ายน้องใหม่อย่าง ไจแอ้น พิคเจอร์ส ที่เคยซื้อ โจโฉ มาแล้วนั่นเอง

The Four เป็นผลงานกำกับร่วมกันของ กอร์ดอน ชาน และเจเน็ท ชุน ที่ดัดแปลงจากผลงานของ อุงสุยอัน โดยนิยายที่เขียนออกมาแล้วหลายตอนนับสิบเล่มเรื่องนี้ ถูกดัดแปลงเป็นซีรีส์มาแล้วหลายครั้ง เล่าเรื่องเกี่ยวกับ 4 สุดยอดมือปราบ ประกอบไปด้วย บ้อเช้ง (ไร้น้ำใจ), ทิชิ่ว (มือเหล็ก), ตุยเหมี่ย (ล่าชีวิต) และ แนฮ้วย (เลือดเย็น) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ และขึ้นตรงกับ ?จูกั๊วะซิงแซ? ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งวังหลวง กับปฏิบัติการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุทธจักร และกระทบมาถึงทางการรัฐบาล โดยในเรื่องนี้เหล่ามือปราบต้องพบเจอกับปัญหาเงินปลอมที่กำลังระบาด แต่แล้วสืบไปสืบมาจึงทำให้พวกเขาไปเจอเรื่องใหญ่กว่า

The Four เป็นผลงานการกำกับของ กอร์ดอน ชาน และ เจเน็ท ชุน ซึ่งรายแรกก็มีโอกาสได้เข้ามาทำหนังในฮอลลีวู้ดเป็นระยะๆ และที่เราคงรู้จักกันดีคงหนีไม่พ้น The Medallion ของ เฉินหลง หรือแม้แต่ The King of Fighters หนังแผ่นเล็กๆคล้าน เทคเค่น ส่วนรายหลังก็เป็นผู้กำกับหนังจีนแนวคอมเมดี้เสียส่วนใหญ่ โดยสำหรับ The Four คงเป็นหนังที่คนมีอายุมากหน่อยคงจะรู้จักกันดี เพราะมันเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากผลงานของ อุงสยอัน ที่มีนิยายออกมาถึงหลายตอน พร้อมทั้งยังดัดแปลงเป็นทีวีซี่รี่ย์อีกมาก ที่เราคงรู้จักกันดีในชื่อของ ’4 ยอดมือปราบ’ ที่ในฉบับที่ดังๆก็คงเป็นฉบับ หลินฟง ที่ตัวละครพระเอกเก่งเว่อร์จนครองใจคนดูไปหลายราย โดยดูเหมือนว่าในฉบับใหม่นี่ ตัวหนังจะมีการพยายามเข้าถึงคนดูมากขึ้นโดยหยิบเอาดาราแถวหน้าอย่าง หลิวอี้เฟย และ เติ้งเชา นะ

มารับบทเป็น 2 ตัวละครหลักของเรื่อง ซึ่งตัวผมนั่นไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์ของหนังชุดมากสักเท่าไหร่นัก แถมตอนเป็นทีวีซีรี่ย์ก็ได้แต่เคยดูผ่านๆ ตัวผมจึงไม่สามารถนำเอาฉบับหนังนี่ ไปเปรียบกับหนังชุดทีวีที่เคยฉายได้ แต่สิ่งที่ผมดูแล้วรู้สึกว่าค่อนข้างโอเคในระดับนึงกับในฉบับหนัง คือการที่ตัวผู้กำกับ กอร์ดอน ชาน และ เจเน็ท ชุน ได้มีการพัฒนาด้านของ ฉากแอ็คชั่น ออกมาได้ในระดับดีทีเดียว เพราะฉากแอ็คชั่นในหนังจะมีอารมณ์ของการผสมผสานหนังจีนแบบเก่าๆ เข้ากับเอฟเฟค และคิวบู๊ ที่ออกไปในแนวทางสมัยใหม่ได้ค่อนข้างลงตัว โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ปล่อยเอฟเฟกต์กันเต็มที่ จนลืมไปเลยว่านี้กำลังดูหนังจีน

พร้อมทั้งด้านของงานสร้างฉากหลัง ก็ยังถือว่าสามารถทำออกมาได้ดีไม่แพ้กับหนังจีนเรื่องอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะแอบมีซีจีหลอกตาอยู่บ้างประปราย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมดูแล้วรู้สึกว่าน่าผิดหวังจริงๆคงอยู่ที่ เนื้อเรื่อง และ นักแสดง เสียมากกว่า เพราะด้านของตัวเรื่อง สิ่งที่น่าผิดหวังคือการที่หนังได้มีวัตถุดิบอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ความจงรักภักดี หรือแม้แต่ด้านของ ความสามัคคี ที่หนังยังสามารถเล่นกับเรื่องราวนั่นผ่านตัวละคร 4 มือปราบ และ อาจารย์ ได้ แต่ท้ายสุดหนังกลับไม่เล่นและตัดมันทิ้งซะดื้อๆ เพื่อให้ตัวเรื่องกลับเข้ามาสู่ความเป็นหนังแอ็คชั่น พร้อมทั้งยังแอบมีหลายช่วงที่ค่อนข้างอืดและน่าเบื่อ กับการเดินวนอยู่กับความสัมพันธุ์ของแต่ละตัวละคร ที่ท้ายสุดตัวหนังก็ไม่ได้ใช้อีกเช่นเดียวกันหละครับ จนอาจจะทำให้คอหนังจีน หรือ แฟนๆหนังชุดนี้อาจมีผิดหวังได้

ส่วนทางด้านนักแสดง ก็ยิ่งน่าเสียดายใหญ่ เมื่อการที่หนังดึงเอานักแสดงแถวหน้ามาเรียกแขกมากมาย แต่ท้ายสุดนักแสดงเสียเองที่ยังดูแล้วไม่สามารถเข้าถึงบทบาทของตัวละครได้ดีนัก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ หลิวอี้เฟย ที่คาแรกเตอร์ของ บ้อเชง จะออกแนวเป็นตัวละครที่เงียบ และ สุขุม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ หลิวอี้เฟย ยังไม่สามารถมอบให้แก่คนดูได้ดีนัก เพราะทั้งหน้าตาและท่าทางของเธอ ยังดูไม่ถึงกับเป็นคนที่ไร้จิตใจมากนัก ส่วนทางด้านของรายอื่นอย่าง เจิ้ง จงจี ในบทของ ตุยเหมี่ย และ จูจ้าวหลง ในบท ทิชิ่ว ที่ถึงแม้จะพยายามฉีกคาแรกเตอร์เหล่านี้ออกมาแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังหนีไม่พ้นเงา ที่ในฉบับหนังชุดทีวีเคยสร้างไว้ จนได้

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว สิ่งที่ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของ The Four ในฉบับหนังใหญ่เวอร์ชั่นใหม่นี่ คงหนีไม่พ้นด้านของ ฉากแอ็คชั่น ที่ถือว่าฝีมือของ 2 ผู้กำกับ พัฒนาขึ้นจากผลงานก่อนมากทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ในด้านของ บท และ ตัวละคร ยังทำออกมาได้ไม่ดีนัก และ แฟนๆอาจจะมีผิดหวังได้อย่างแน่นอนหละครับ

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4933 เมื่อ: 11/11/13, [19:14:35] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

สาระแน โอเซกไก

ไม่แน่ใจว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับหนังเรื่องนี้เมื่อไม่มี เปิ้ล นาคร อยู่ร่วมในแก๊งค์ด้วย เพราะส่วนตัวผมก็เป็นคนนึงที่ค่อนข้างชื่นชอบรายการ สาระแน และ นั่งยางโชว์ มากพอสมควร โดยถึงแม้ว่าหนัง สาระแน ในครั้งนี้จะขาด เปิ้ล นาคร ตัวหลักของแก๊งค์ไป แต่กระนั้นตัวอย่างของหนัง ก็ตัดออกมาน่าไปลองอยู่ดี

เมื่อ ?วิลลี่ & หอย? แห่ง สาระแน ได้ต้มตุ๋นดารามาเป็นเวลายาวนานถึง 15 ปีแล้ว จึงทำให้ทั้งคู่เริ่มรู้สึกอยากหาแรงบันดาลใจ และวิธีการใหม่ๆ ในการแกล้ง ?ซุป?ตาร์? อย่าง สนุกสนานและเมามันส์มากกว่านี้ วิลลี่ & หอย จึงออกเดินทางไป ประเทศญี่ปุ่น อาณาจักรที่เป็นสุดยอดต้นตำรับการแคนดิดแห่งมวลมนุษยชาติ เมื่อทั้งคู่เดินทางไปถึงกรุง โตเกียว ก็ได้พบกับ ?สำนักโยชิโมโต้? เทพเจ้าแห่งการแคนดิดที่มีอายุมากถึง 100 ปี แต่ยังคงความโหด มันส์ ฮา ไว้ได้ตลอดมานาน ด้วยความประทับใจ ?วิลลี่ & หอย? จึงขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และทั้งสองก็ได้รับบท ทดสอบสุดหินในการทำภารกิจแคนดิดแกล้ง 5 ซุปเปอร์สตาร์

โดยหลังจากหนังของแก๊งค์ สาระแน 3 เรื่องก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็น สาระแน ห้าวเป้ง , สิบล้อ และ เห็นผี เป็นผลงานการกำกับของคุณ เป้ นฤบดี เวชกรรม ทั้งนั่น แต่ในคราวนี้เป็นเพราะว่าเขาติดภารกิจทำหนัง สูบคู่กู้โลก ผลงานการกำกับของ โอเซกไก จึงได้ตกเป็นของ หอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ วิลลี่ แมคอินทอช ซะเอง ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า ผมเป็นคนที่ค่อนข้างสนุกไปแก๊งค์ สาระแน ในทีวีมากพอสมควร เพราะฉะนั้นผมจึงเป็นคนนึงที่ค่อนข้างโอเคกับหนัง สาระแน ที่เหมือนเอาแต่ละตอนมายำรวมกันอย่าง สาระแน ห้าวเป้ง เพราะว่าต้องยอมรับว่าตัวหนังทำออกมาได้ค่อนข้างฮา โดนใจสไตล์ผมมากพอสมควร ส่วนอีก 2 เรื่องหลังอย่าง สาระแน สิบล้อ และ เห็นผี ความฮาและความสนุกก็เริ่มตกลงมาตามลำดับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงหวังในเรื่องนี้ครับ

แต่ก็น่าเสียดายเหมือนกันที่ท้ายสุดตัวหนัง สาระแน โอเซกไก กลับไม่ได้ให้ความฮาอย่างที่ ห้าวเป้ง เคยให้ อย่างที่ควรเป็น เพราะโดยส่วนใหญ่นั้นคงเป็นเพราะการที่ โอเซกไก ได้นำเอาเอาดาราฮ๊อตมามากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น เคน ภูภูมิ หรือ เนโกะ จัมพ์ จึงทำให้ตัวสาระแนนั่นไม่สามารถแกล้งได้แรง หรือแกล้งได้เต็มที่ แบบที่เคยทำกับ หม่ำ จ๊กมก หรือ โก๊ะตี๋ ใน ห้าวเป้ง มันจึงทำให้ความฮา และ ความสดใหม่ ที่เคยเกิดขึ้นใน สาระแน ค่อนข้างหายไปมากพอสมควร แถมหนำซ้ำมันยังทำให้ผมกลับรู้สึกว่าการที่นั่งดูรายการ สาระแน ทางช่องฟรีทีวีที่บ้าน ยังให้ความฮาได้มากเสียกว่าการที่ต้องมาเสียตังค์ให้หนัง 3 ตอนยำรวมกัน

แถมการที่หนังยังได้มีใส่ สตอรี่ไลน์ ของเรื่อง ที่ให้ วิลลี่ และ หอย มาเป็นตัวนำ คั่นจังหวะการแกล้งเป็นระยะ มันยิ่งดูเหมือนไม่ได้ทำให้ตัวหนังดีขึ้นเลยสักนิด เพราะในระหว่างนั่นมันค่อนข้างเต็มไปด้วย มุกแป๊ก และ ความพยายามที่จะทำให้คนดูขำไปกับมุกเจ็บตัว และ มุกคำพูด ที่ท้ายสุดก็ทำไม่สำเร็จ ซึ่งผมคิดว่าสู้การตัดไปเป็นตอนๆแบบที่ สาระแน ห้าวเป้ง ทำ จะดีเสียกว่า เพราะฉะนั้นก็เห็นจะมีแต่ช่วงท้ายของหนัง ที่เป็นการแกล้ง ตั๊ก บริบูรณ์ และ แจ็ส ชวนชื่น ที่สามารถเรียกเสียงฮาจากคนดูไปได้ไม่น้อย และการแกล้งดาราปริศนาตอนช่วงท้ายของเรื่อง ที่เปรียบเสมือนเป็น มุกตลกไคล์แมกซ์ เลยก็ว่าได้หละครับ ซึ่งคงเป็นเพราะการแกล้งดาราตลก 2 คนนี่ ออกมาค่อนข้างแรง และเป็นการแกล้งที่ค่อนข้างถึงอกถึงใจคนดู ไม่เหมือนกับการแกล้งเบาๆที่ทำกับดารา 3 คนก่อนนะ

มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้คนดูค่อนข้างฮาไปกับ 2 ตอนสุดท้ายของหนังได้ไม่ยาก แต่ยังไงก็ตาม โดยรวมแล้วผมกลับคิดว่า ด้านของ มุกตลก ที่เป็นจุดขายตัวสำคัญของ สาระแน โอเซกไก ยังไม่สามารถสอบผ่านได้ เพราะโดยถึงแม้โดยรวมตัวหนังจะทำออกมาดูเพลินกว่า สาระแน สิบล้อ และ เห็นผี เพราะความยาวของหนังมีแค่ประมาณ 80 กว่านาที แต่ถ้าหากจะให้เทียบด้านของ มุกตลก และ ความฮา ผมยังคิดว่า เห็นผี และ สิบล้อ ยังสามารถทำออกมาได้ดีกว่าอยู่หลายเท่า และเทียบไม่ติดกับ ห้าวเป้ง แถมผมยังคิดว่า สาระแน โอเซกไก ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อีกว่า การที่ สาระแน ขาดตัวละครสำคัญอย่าง เปิ้ล นาคร ไป

ก็เหมือนกับว่าเป็นการขาดเสียงตัวโน๊ตไปหนึ่งตัว เพราะผมคิดว่าถ้าหาก สาระแน โอเซกไก ได้ เปิ้ล นาคร และผู้กำกับ เป้ นฤบดี เวชกรรม มาทำหนังตามรอยแบบ สาระแน ห้าวเป้ง อีกครั้ง ตัวหนังก็น่าจะออกมาฮา และ แกล้งกันแรงกว่าการที่ให้ วิลลี่ และ หอย มานั่งคิดไอเดียการทำที่ค่อนข้างเบา และ มุกแป๊กไปนิด

เรื่องนี้ผมให้? 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4934 เมื่อ: 11/11/13, [19:16:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

SINISTER : เห็นแล้วต้องตาย

เป็นหนังผีสยองขวัญอีกเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะนอกจากหนังจะเปิดตัวด้านของคำวิจารณ์ได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ด้านของรายได้หนังก็ยังเรียกได้ว่าได้กำไรไปหลายเท่าตัว เพราะเนื่องจากหนังเป็นเจ้าของทุนสร้างเพียง 3 ล้านเหรียญเท่านั้น ถึงแม้จะมีนักแสดงอย่าง อีธาน ฮอว์ค มาร่วมวงด้วยก็ตามหละครับ

เรื่องราวของ เอลลิสัน (อีธาน ฮอว์ค) นักเขียนนิยายฆาตกรรมที่สร้างจากเรื่องจริง ได้พบฟุตเทจวีดีโอหนึ่งที่เป็นหลักฐานการฆาตกรรมชิ้นเยี่ยม ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังใหม่ของเขา เบาะแสจากวีดีโอ ทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมครอบครัวนี้ถึงได้ถูกฆ่ายกครัว และพวกเขาถูกฆ่าด้วยวิธีการอย่างไร นั่นก็เพื่อที่เขาจะได้นำเรื่องราวไปเขียนในนิยายเรื่องใหม่ แต่กลายเป็นว่าหลังจากการค้นพบวีดีโอนี้ เอลลิสัน และครอบครัวก็ตกไปอยู่ในวงจรความสยองขวัญนั้นซะเอง จนทำให้เขาต้องหาทางออกของเรื่องนี้ พร้อมทั้งต้องสืบสวนไปในตัวด้วยว่า อะไรที่กำลังจ้องเล่นงานเขา และทำให้ครอบครัวอีกหลายครอบครัวในวีดีโอต้องโดนสังหารหมู่

Sinsiter เป็นผลงานการกำกับของ สก๊อตต์ เดอร์ริคสัน ที่หลังจาก 2 เรื่องก่อนหน้านั้นของเขา หกล้มไม่เป็นท่า ในด้านของคำวิจารณ์ อย่าง The Exorcism of Emily Rose และ The Day the Earth Stood Still ฉบับรีเมค ก็ดูเหมือนผู้กำกับจะขอหันหลังกลับมาสู่หนังแนวถนัดของเขาอีกครั้ง กับหนังแนวสยองขวัญ ที่ใน Sinister เขาก็เป็นหนึ่งในมือเขียนบทของหนังเองด้วย ซึ่งเอาเป็นว่า ถ้าหากผมจะจัดให้ Sinister เป็นหนังลูกผสมของ The Woman in Black , ลัดดาแลนด์ และหนังแนวสืบสวนหลากเรื่อง ก็คงจะไม่แปลก เพราะหนังถือได้ว่ามีองค์ประกอบของ 2 เรื่องดังกล่าวอยู่มากพอสมควร และท้ายสุดก็ถือได้ว่าน่าแปลกใจที่หนังผสมผสานออกมาได้อย่างลงตัวอีกด้วย โดยต้องขอบอกเลยว่า เอาเข้าจริงๆนั่น Sinister มันไม่ใช่หนังผีตุ้งแช่ที่หลายคนต้องการดูในช่วงวันฮัลโลวีนแน่

แต่ที่จริงมันกลับเป็นหนังแนว สืบสวน ที่มีโทน และ บรรยากาศหลอนๆ ปนกับความดราม่าอีกนิดหน่อยตั้งหาก โดยสิ่งที่น่าชื่นชมในผลงานเรื่องใหม่ของผู้กำกับ เดอร์ริคสัน คือการที่เขาสามารถผสมเรื่องราวข้างต้นออกมาให้เป็นความลงตัวได้กำลังพอดี เพราะโดยรวมหนังไม่ได้เน้นหนักไปที่เรื่องใดเรื่องนึงโดยเฉพาะ แต่หนังได้กระจัดกระจายมันออกมาทีละนิดทีละหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการสืบสวนของตัวเอก ที่ตั้งคำถามมากมายให้คนดูสงสัยในช่วงต้นเรื่อง , บรรยากาศหลอนๆ ของบ้านผีสิงขนาดย่อม ที่ผสมผสานไปกับดนตรีประกอบของ คริสโตเฟอร์ ยัง และ เรื่องราวของ พ่อ ที่ต้องการดูแลครอบครัวได้อีกครั้ง

ที่ทั้งหมดทั้งมวลหนังสามารถไล่โทนระดับของหนังออกมาได้อย่างชัดเจน สลับไปกับฉากบรรยากาศกดดัน และทำเอาคนดูหายใจไม่ทั่วท้องเป็นระยะๆ พร้อมทั้งยังมีการพูดถึงเรื่องการทำงานของตำรวจ ที่มักจะสุกเอาเผากิน มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ พร้อมกับมุกผีตุ้งแช่ ที่ถึงแม้จะค่อนข้างซ้ำ แต่เพราะด้วยบรรยากาศที่หนังสร้างมาได้ค่อนข้างดีตั้งแต่ต้น จึงทำให้ Sinister ถึงแม้จะขาดแคลนผีตุ้งแช่ แบบหนังผีหลายเรื่อง แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้หนังสยองน้อยลงไปเลยสักนิด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมเห็นว่าจะเป็นข้อเสียหลักๆของหนังมันกลับอยู่ตรงที่ ตอนจบ ของหนัง ที่ส่วนนึงมันก็ออกจะเป็นตอนจบที่ค่อนข้างเป็นพื้นฐาน หรือเรียกได้ว่า จบแบบตามที่หนังดำเนินเรื่องมาตั้งแต่ต้น แต่อีกส่วนนึงที่ทำให้ค่อนข้างไม่ชอบตอนจบ มันคือการที่หนังจบแบบ มัดมือชก และ บทสรุปง่ายๆ

เพราะในเมื่อ Sinister ได้ปูเรื่องและโทนมาตั้งแต่ต้น ว่าหนังจะตั้งตัวเป็นหนังแนว สืบสวน-สยองขวัญ เพราะฉะนั้นในตอนจบของหนังแนว สืบสวน มันก็ควรจะมีอะไรที่พลิกไปจากที่คนดูคิดบ้างสักนิด โดยทางด้านการแสดงของ อีธาน ฮอว์ค ในบทของนักเขียน เอลลิสัน ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ดีกว่าตอนผลงานล่าแวมไพร์ใน Daybreakers โดยเฉพาะฉากที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ และ ปล่อยให้บรรยากาศ พาไป เพราะฉะนั้น Sinister มันจึงเปรียบเสมือนเป็นหนังที่พิสูจน์ให้คนดูเห็นแล้วว่า อีธาน ฮอค์ว ก็ถือว่าเป็นนักแสดงที่สามารถแบกรับอารมณ์และโทนของหนังไว้ทั้งเรื่องด้วยตัวของเขาเองได้ โดยที่ไม่ต้องมีนักแสดงมีชื่อมาอยู่ร่วม

โดยสรุปแล้ว Sinister มันจึงเป็นหนังที่ไม่ต่างอะไรกับ The Woman in Black ที่เพิ่งผ่านไปต้นปี โดยการที่มันเป็นหนังขาย บรรยากาศ หลอนๆ แต่ที่พิเศษหน่อยก็ตรงที่หนังมีการปนเรื่องราว สืบสวน และ ดราม่า ที่ถึงแม้จะตกม้าตายตอนจบที่มัดมือชก แต่กระนั้น โดยรวมตัวหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่ไม่น่าพลาดเลย

เรื่องนี้ผมให้ 7/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4935 เมื่อ: 11/11/13, [19:17:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Alex Cross นรกพันธุ์แท้

เป็นหนังที่เข้าฉายในโรงตั้งแต่วันที่ 23 ตุลากันแล้ว กับ อเล็กซ์ ครอส หนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีของ เจมส์ แพ็ทเทอร์สัน ที่โดยถึงแม้ว่าตัวหนังจะเปิดตัวคำวิจารณ์ และ ปิดตัวลง ที่มะเขือเน่าไปเพียงแค่ 13% พร้อมทั้งยังโดนคนดูและแฟนหนังสือทั้งหลายสับเละอีก แต่ผมก็ยังไม่พลาดที่จะไปลองมาครับ

Alex Cross เป็นเรื่องราวของ อเล็ก ครอส ตำรวจนักสืบดีทรอยต์ ที่ทำคดีสุดท้ายก่อนย้ายไปอยู่กับเอฟบีไอ เขาและเพื่อนสนิทที่เป็นคู่หูของเขา ทอมมี่ (เอ็ดเวิร์ด เบิร์นส) และ โมนิก้า (ราเชล นิโคลส์) ไล่ล่าฆาตการต่อเนื่องที่เรียกตัวเองว่า ปิกัสโซ่ เดอะ บุชเชอร์ (แมทธิว ฟ็อกซ์) แต่เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ตัว ปิกัสโซ่ ก็กลับกลายเป็นว่าคนใกล้ตัวต้องเป็นเป้าหมายซะเอง ครอส ต้องพยายามเข้าไปในสมองของฆาตกรโรคจิตรายนี้ เพื่อให้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เขาจะทำต่อไป และหยุดยั้งก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ซึ่งนั่นอาจจะไม่ได้ทำให้พวกเขาอันตรายแค่กลุ่มเดียว แต่มันอาจจะส่งผลต่อคนทั้งเมือง รวมทั้งคนในครอบครัวของพวกเขาเอง

Alex Cross กำกับการแสดงโดย ร็อบ โคเอน ที่อย่างที่บอกไปแล้วว่าหนังสร้างมาจากนิยายขายดีของ เจมส์ แพ็ทเทอร์สัน ที่มีเขียนออกมาทั้งหมดอยู่ 12 เล่มด้วยกัน ซึ่งในฉบับหนังเวอร์ชั่นนี้ เป็นการหยิบมาจากตอนที่ 12 ในชื่อ Cross โดยที่ก่อนหน้านั้นนิยายชุด อเล็กซ์ ครอส ก็เคยถูกดัดแปลงมาแล้วในตอน Kiss the Girls และ Along Came a Spider ที่ในฉบับนั้นได้ มอร์แกน ฟรีแมน มารับบทเป็น ดร.ครอส ส่วนในฉบับใหม่นี่หนังได้ ไทเลอร์ เพอร์รี่ ดาราผิวสีที่คนไทยคงจะไม่ค่อยคุ้นหน้ากันนัก เพราะหนังส่วนใหญ่ที่เขาเล่นจะเป็นพวกหนังตระกูล Madea ที่เขาต้องลุกมาแต่งหญิงและเต็มไปด้วยเรื่องของอเมริกัน จนทำให้หนังอดเข้าฉายไทยตลอดทั้งชุด ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ไม่ใช่คนที่ชื่นชอบผลงานของผู้กำกับ ร็อบ โคเอ็น มากเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็น The Fast and the Furious

เพราะนั่นคงเป็นเพราะคิวบู๊ของผู้กำกับในเรื่องที่กล่าวมา อาจจะไม่ใช่สไตล์ผมก็เป็นได้ แต่นั้นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่กับ Alex Cross ที่โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่า สิ่งที่เป็นข้อดีที่สุดของเรื่องนี้ นั่นคือจุดขายของหนังอย่าง ฉากแอ็คชั่น นั่นเอง ที่ถึงแม้ว่าคิวบู๊อาจจะดูไม่สดใหม่ และ อาจจะมีแต่ฉากที่เราเคยเห็นมาในหนังหลายๆเรื่องแล้วก็ตาม แต่เพราะจังหวะของผู้กำกับ ร็อบ โคเอน ในการใส่ฉากแอ็คชั่น และลีลาการเฉือนเฉือดกันของ 2 นักแสดงนำอย่าง ไทเลอร์ เพอร์รี่ และ แมธธิว ฟอกซ์ โดยเฉพาะการที่ถึงแม้ตัวหนังจะเปิดเผยตัวร้ายของเรื่องอย่าง แม็ทธิว ฟอกซ์ ออกมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือทำให้คนดูหมดสนุกไป

เพราะตัวเรื่องหลักของ Alex Cross กลับไม่ได้เป็นการที่หนังเน้นให้คนดูเดาว่าคนไหนเป็นตัวร้าย หรือเน้นเรื่องราวการสืบสวนมากนัก แต่ส่วนหลักแล้วหนังให้ความสำคัญไปที่ ฉากแอ็คชั่น และ การเฉือดเฉือน ของ 2 นักแสดงนำเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าถ้าหากผู้กำกับ ร็อบ โคเอ็น จะเจียดเวลามาให้ความสำคัญด้านของ ตัวบท และ ปมการสืบสวน ให้มากขึ้นกว่านี้ ตัวหนัง Alex Cross น่าจะเป็นหนังนักสืบที่ออกมาดูสนุกได้สมบูรณ์กว่านี้ เพราะดูเหมือนข้อเสียใหญ่ๆ และน่าจะเป็นข้อเสียแทบทุกเรื่อง ในหนังของผู้กำกับ ร็อบ โคเอ็น นั่นคงหนีไม่พ้นด้านของบทหนัง ที่ไม่ได้ว่าออกมาในรูปแบบ สุกเอาเผากิน แต่ตัวบทของผู้กำกับแทบทุกเรื่องจะออกมาค่อนข้างง่าย และขายฉากแอ็คชั่นเสียมากกว่า ซึ่งถ้าหากมันเป็นหนังอย่าง xXx ก็น่าจะไม่เป็นไร เพราะมันขายแอ็คชั่น

แต่ในเมื่อผู้กำกับมาหยิบ Alex Cross ผมกลับคิดว่าผู้กำกับน่าจะมองตัวหนังในมุมอื่นนอกจากฉากแอ็คชั่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ รูปคดี ที่ออกมาง่ายซะจนไม่ต้องใช้บริการนักสืบ ครอส ก็เป็นได้ หรือแม้แต่ด้านของ ความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละคร ที่ออกมาค่อนข้างเบาบาง และแทบจะไม่เป็นรูปเป็นร่างเลยก็ว่าได้ ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ไม่เคยอ่านนิยายต้นฉบับของตัวหนังชุดนี้มาก่อน แต่ผมคิดว่าใครที่เป็นแฟนของหนังสืออาจจะมีผิดหวังได้ เพราะความตื้นลึกหนาบาง ของตัว รูปคดี และ ตัวบท กลับออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่สำหรับขาจร หวังดูแอ็คชั่นมันส์ เรื่องนี้ก็น่าจะตอบสนองคุณได้ และบันเทิงไม่แพ้กับ xXx เลย

โดยสรุปแล้ว Alex Cross จึงถือได้ว่าเป็นหนังที่ทำออกมาดูเอามันส์ และดูการเฉือดเฉือนกันของ 2 นักแสดงนำเสียมากกว่า จะมานั่งดูว่า นักสืบเทพ คนนี้ เขาจะสามารถไขคดีประเภทนี้ได้ตื่นเต้นขนาดไหน เพราะในด้านตัวบทนั่นต้องขอบอกว่าเป็นจุดด้อยใหญ่ๆ เพียงจุดเดียว ที่ผู้กำกับ ร็อบ โคเอ็น ก็ยังแก้ไม่หายนะ

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4936 เมื่อ: 11/11/13, [19:21:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4937 เมื่อ: 11/11/13, [19:21:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4938 เมื่อ: 11/11/13, [19:22:04] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4939 เมื่อ: 11/11/13, [19:22:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4940 เมื่อ: 11/11/13, [19:22:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4941 เมื่อ: 11/11/13, [19:26:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

The Tin Mine  มหาลัย เหมืองแร่
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4942 เมื่อ: 12/11/13, [10:19:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Looper  ทะลุเวลา อึดล่าอึด
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4943 เมื่อ: 12/11/13, [10:22:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Watch
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4944 เมื่อ: 12/11/13, [10:23:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Lawless คนเถื่อนเมืองมหากาฬ
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4945 เมื่อ: 12/11/13, [12:56:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

เค้าเรียกผมว่าความรัก   [on_055]
 
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4946 เมื่อ: 13/11/13, [10:16:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เฉลยครับ  Wimbledon (2004) หวดรักสนั่นโลก
ปีเตอร์ โคลท์ (พอล เบ็ตตานีย์) จากอังกฤษ ยังไม่เคยก้าวถึงความฝัน ที่จะได้เป็นนักเทนนิสชื่อดัง ครั้งหนึ่งในอดีต เขาเคยก้าวถึงอันดับที่ 11 ของโลก แต่สุดท้าย นักเทนนิสเจนสนามผู้นี้ กลับต้องเห็นตัวเลขอันดับของเขา ลื่นไหลตกมาอยู่ที่อันดับ 119 จนความเชื่อมั่นเมื่ออยู่ในสนามของเขาค่อยๆ ลดน้อยถอยลง บัดนี้ ขณะใกล้จะแขวนแร็คเก็ตในโลกของการแข่งขันเทนนิสโลก ปีเตอร์เกิดได้สิทธิพิเศษ ทำให้เขาสามารถเข้าไปแข่งขันวิมเบิลดันในรอบสุดท้าย และมันจะเป็นทัวร์นาเม้นต์สุดท้ายของเขาจริงๆ ปีเตอร์ โคลท์ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้เผชิญกับนักเทนนิสฝีมือดีที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ เขากลับต้องมาเผชิญหน้ากับการแขวนไม้ ต้องทำงานที่คลับ และต้องรับมือกับกลุ่มหญิงสูงวัย ที่ต้องการครูสอนเทนนิส ระหว่างการนวดหน้าและเครื่องดื่มยามบ่าย
ลิซซี่ แบร็ดบูรี่ (เคิร์สเตน ดันสต์) นักเทนนิสสาวชาวอเมริกัน ที่เป็นทั้งดาวรุ่งพุ่งแรง และเป็นสาวเฮี้ยวแห่งการแข่งขันเทนนิสระดับโลก คือนักเทนนิสดาวรุ่งอนาคตไกล ที่เพิ่งก้าวเข้าแข่งวิมเบิลดันครั้งแรก ลิซซี่ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และได้รับการผลักดัน ให้ก้าวสู่ระดับสูงสุดโดย เดนนิส (แซม นีลล์) ผู้เป็นทั้งพ่อและโค้ช ที่ทั้งคอยปกป้องและมีความมุ่งมั่นพอๆ กันของเธอ ลิซซี่ไม่ยอมปล่อยให้สิ่งใดเข้ามาขวางเส้นทางสู่ชัยชนะของเธอ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงแย่ๆ การรีเทิร์นลูกอย่างไม่คาดฝัน และความรักที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ กับแชมเปี้ยนหนุ่มชาวอเมริกันที่กำลังมาแรงอย่าง เจก แฮมมอนด์ (ออสติน นิโคลส์) วิถีความเป็นนักเทนนิสของลิซซี่ มุ่งหน้าสู่ความเป็นนักเทนนิสหญิงที่เก่งที่สุดในโลก นั่นก็คือการเป็นแชมป์แกรนด์สแลม ไม่มีฝันใดจะยิ่งใหญ่เท่า และถ้วยชัยจากวิมเบิลดัน ดูจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4947 เมื่อ: 13/11/13, [10:23:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Elektra  อีเล็คตร้า สวยสังหาร
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Elektra (2005) อีเล็คตร้า สวยสังหาร

Elektra สวย สังหาร
[Elektra สวย สังหาร]
Elektra สวย สังหาร
[จบแล้วจ้า]    [master]       ดู:826
   
Share on facebook Share on twitter Share on email Share on print More Sharing Services 1

เรื่องย่อ : Elektra สวย สังหาร

ไม่นานหลังจากที่ฟื้นตัวจากบาดแผลที่ดูเหมือนหนักหนาสาหัส อีเล็คตร้า (เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์) ตัดขาดจากทุกสิ่งในโลกมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อทำภารกิจชิ้นต่อไป เธอเรียนรู้วิชา Kimagure จาก สติค (เทอเรนส์ สแตมพ์) อาจารย์ตาบอดที่สอนศิลปะป้องกันตัว ซึ่งมีความสงบนิ่งเหมือนกับพระและความห้าวดิบแบบนักสู้ข้างถนน อีเล็คตร้านั้นเคยเป็นนักเรียนดาวเด่นของสติคแต่ด้วยความสามารถของเธอที่มีขีดจำกัดจนไม่อาจก้าวข้ามแรงกระตุ้นด้านมืดของตนเอง จนเป็นเหตุให้เธอถูกขับออกจากอาณาเขตการฝึกของสติคสติคได้เคยช่วยให้อีเล็ค ตร้าฟื้นคืนสู่ชีวิต ดังนั้นในเวลาต่อมา เมื่อเขายืนกรานให้เธอออกจากกลุ่ม อีเล็คตร้าจึงรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ทุกพันธการที่มีเด็กมูฟวี่ต่อโลกแตกสลายสิ้น เธอสวมหน้ากากของมือสังหาร โดยลำพังเพื่อรับใช้้เด็กมูฟวี่ความตาย เธอได้พบที่ซึ่งมืดมนพอที่จะหลบซ่อนเป้าหมายล่าสุดของเธอก็คือ มาร์ค มิลเลอร์ (กอแรน วิสนิค) และ แอ๊บบี้ มิลเลอร์ (คริสเตน เพราท์) พ่อกับลูกสาวที่กำลังหลบหนีจากเดอะแฮนด์ (The Hand) กลุ่มอิทธิพลที่เหล่าสมาชิกได้รับการฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวด้านมืดของ นินจิซึ (ninjitsu) แต่เมื่ออีเล็คตร้าเปลี่ยนใจที่จะหันมาช่วยมาร์คและแอ็บบี้ เธอก็กลายเป็นเป้าหมายของเดอะแฮนด์ เช่นเดียวกัน ผู้เป็นยอดฝีมือของเดอะแฮนด์ก็คือ คิรีกิ (วิล ยุน ลี) ยอดนักดาบและเชี่ยวชาญวิชา Kimagure ส่วนทีมของเด็กมูฟวี่คิรีกิประกอบด้วย แท็ททู (คริส แอคเคอแมน) ผู้สืบทอดพลังแห่งมนตรา มีอำนาจสามารถสั่งให้สัตว์ที่สักไว้ที่ตัว ออกมาจากร่างกายและทำตามคำสั่งของเขาได้, ไทฟอยด์ (แนแทสเซีย มัลธี) สตรีแห่งมฤตยู  ทุกสิ่งที่เธอจับต้องจะตายสิ้น, สโตน (บ็อบ แซพพ์) ผู้มีร่างกายแกร่งราวกับหินผา และ คินคู (เอ็ดสัน ที ริเบโร) ผู้ไม่มีวันล้ม  สัมผัสแห่งสมดุลย์ของเขานั้นเหนือมนุษย์ด้วยเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างไม่คาด ฝัน เธอถูกบังคับให้ตัดสินใจ ในสิ่งที่อาจนำไปสู่ทิศทางใหม่ในชีวิต
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4948 เมื่อ: 13/11/13, [10:28:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Perfume The Story of a Murderer น้ำหอมมนุษย์
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18 เรื่องราวของฆาตกรชายคนหนึ่งซึ่งเป็นนักทำน้ำหอมมืออาชีพ และถูกตัดสินโทษประหารชีวิตโดยวิธีการตรึงกางเขน และโบย 12 ครั้ง โดยที่ขาและแขนต้องหักก่อนด้วย เป็นหนังที่ดูโหดในด้านจิตใจเป็นอย่างยิ่ง หนังเปิดเรื่องที่ฉากนี้ แล้วค่อยเล่าย้อนกลับไปถึงประวัติความเป็นมาของชายผู้นี้ว่าทำไมถึงได้ถูกตัดสินโทษ เกรนูอีลเล่ ผู้ถือกำเนิดขึ้นกลางเมืองกรุงปารีส ซึ่งเป็นเมืองที่มีกลิ่นเหม็นที่เต็มไปด้วยร้านขายปลา และเขาก็มาพร้อมกับพรสวรรค์ที่มีประสาทสัมผัสทางด้านการดมกลิ่นเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้เขาเป็นคนที่พิเศษกว่าใครๆ
การเปิดเรื่องโดยภาพยนตร์เปิดฉากมากับเรื่องราวของเกรนูอีลเล่ในวันอ่านคำพิพากษาที่เต็มไปด้วยฝูงชนชาวฝรั่งเศสที่เคียดแค้นเกลียดชัง แต่แทนที่เขาจะสำนึกหรือรู้สึกผิดในผลกรรมที่เคยก่อ แต่เขากลับยังคงแน่วนิ่งเสมือนสงบสุขอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งแฝงเร้นอยู่ภายในจมูกของตน ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับตัวเอง ในเรื่องเป็นความขัดแย้งภายในจิตใจของเกรนูอีลเล่ที่มีความคิดจะเก็บรักษากลิ่นไว้ให้ได้นานที่สุด แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่คิดได้ เรื่องราวของกลิ่นและอำนาจของมัน ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้ยอดเยี่ยมมากๆ เข้าถึงจิตใจคนได้อย่างลึกซึ้ง และมีความตื่นเต้นระทึกไปกับตัวเอกว่า เขาจะทำได้สำเร็จหรือไม่
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4949 เมื่อ: 13/11/13, [10:33:53] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Gone in Sixty Seconds 60 วิ รหัสโจรกรรมอันตราย
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Gone in Sixty Seconds 60 วิ รหัสโจรกรรมอันตราย
 รถยนต์สุดรักของคุณ ไม่ว่าจะรุ่นไหน ยี่ห้อใด ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงแบบไหน สมรรถนะเป็นอย่างไร เครื่อง V 8,V-12เทอร์โบชาร์จ แต่งเต็มที่หรือมาแบบเดิมๆ เมื่อถึงมือ แรนดอลล์ "เมมฟิส" เรนส์ (นิโคลาส เคจ) ยอดนักขโมยรถระดับตำนาน พวกคลั่งรถขนานแท้ ไม่ว่าคุณจะใช้ล็อคหรือสัญญาณกันขโมย หรือแม้แต่ตัวล็อคพวงมาลัย คุณมั่นใจได้เลยว่า รถของคุณจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายใน60 วินาทีอย่างแน่นอน!!! เมมฟิสเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของกฎหมายไปได้ พร้อมกับขโมยรถทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นมาหลายปี แต่เพียงเขาตัดสินใจหันหลังให้กับโลกอาชญากรรม เขากลับต้องหวนกลับไปทำ ในสิ่งที่เขาถนัดที่สุดอีกครั้งหนึ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือการขโมยรถ ครั้งยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย 50 คัน ต่อคืนเพื่อเพื่อแลกชีวิตน้องชายของเขากับพวกมาเฟีย
หน้า: 1 ... 163 164 165 166 167 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: