Aqua.c1ub.net
*
  Sat 02/Aug/2025
หน้า: 1 ... 155 156 157 158 159 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 757897 ครั้ง)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4680 เมื่อ: 04/11/13, [11:31:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


The Purge
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] The Purge คืนอำมหิต
เมื่ออเมริกาที่เสื่อมโทรมไปด้วยอาชญากรรมและคุก ที่แน่นไปด้วยนักโทษ รัฐบาลได้ประกาศช่วงเวลา 12 ชั่วโมงในแต่ละปี ซึ่งอาชญากรรมทุกประเภท รวมถึงฆาตกรรม กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ไม่มีการแจ้งตำรวจ โรงพยาบาลระงับการช่วยเหลือ มันเป็นค่ำคืนที่พลเมืองปลดปล่อยตัวตนโดยไม่คำนึงถึงบทลงโทษ ในค่ำคืนนี้ที่ปกคลุมไปด้วยความรุนแรงและอาชญากรรมที่ระบาดไปทั่วสารทิศ ครอบครัวหนึ่งต้องคิดหนักกับการตัดสินใจที่ว่าพวกเขาจะเป็นใครในตอนที่คน แปลกหน้าผ่านเข้ามา ในช่วงเวลาค่ำคืนเดียว คนสี่คนจะถูกทดสอบเพื่อหาคำตอบว่า พวกเขาจะทำได้ถึงเพียงไหนเพื่อปกป้องตัวเอง ในตอนที่โลกภายนอกอันโหดเหี้ยมได้บุกรุกเข้ามาในบ้านของพวกเขา เมื่อ เจมส์ แซนดิน (อีธาน ฮอว์ค) และ แมรี แซนดิน (เลนา เฮดดี้) ได้ค้นพบว่ามีผู้บุกรุก เข้ามาในละแวกบ้านของพวกเขาระหว่างช่วงเวลาชำระล้างบาปประจำปี มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์คุกคามที่จะทำให้ครอบครัวของพวกเขาต้องแตก แยก ตอนนี้ เจมส์, แมรี และลูก ๆ ของเขา ชาร์ลี วัย 14 ปี กับ โซอี้ วัย 16 ปี จะต้องผ่านพ้นคืนนี้ไปให้ได้โดยไม่เปลี่ยนกลายเป็นสัตว์ร้ายที่พวกเขาพยายาม ซ่อนตัวจากมัน เตรียมตัวสยองขวัญและลุ้นระทึกไปกับการเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นเวลา 12 ชั่วโมงแห่งความดิบเถื่อน

เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4681 เมื่อ: 04/11/13, [11:55:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

้hahaha

Dumber Heroes พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า  Dumber Heroe

หลังเกิดเหตุระเบิดถล่มกลางกรุง จนเป็นเหตุให้กระเทยหัวแห้วนางหนึ่ง ตายอนาถคาร้านทำผม ทางการได้สืบทราบข่าวมาว่า คนร้ายเตรียมระเบิดครั้งต่อไป ในอีก 3 วันข้างหน้านายตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษ สุภาพ (รับบทโดย เทพ โพธิ์งาม), พิทักษ์ (รับบทโดย ค่อม ชวนชื่น) และ สันติ (รับบทโดย จิ้ม ชวนชื่น) ได้รับมอบหมายให้แฝงตัว เข้าไปในโรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง แล้วประทานโทษ… นางพยาบาลที่นี่ สวยอย่าบอกใคร โดยเฉพาะคนที่ชื่อ เกวลิน (รับบทโดย ซาร่า มาลากุล เลน) ช่วงเวลาเดียวนั้น หมอผี (รับบทโดย หน่อย ชวนชื่น) นายหนึ่ง เดินทางตามหม้อแม่นาคมาจนถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ เช่นเดียวกับ ชาวกระเหรี่ยงกลุ่มเอฟโฟว์ นำโดย จ่อมุข (รับบทโดย จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) ก็วางแผนปล้นสถานที่ ..ที่ไม่มีใครคาดคิด การแฝงตัวเข้าในโรงพยาบาลบ้าของกลุ่มคนทั้งสาม ในรูปแบบต่างๆ จึงเกิดขึ้น เพื่อปฎิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ (ซะเหลือเกิน) ของพวกตนให้สำเร็จลุล่วงภายในสามวัน ความชุลมุนของสามพยัคฆ์ร้ายจะคลี่คลายประการใด ใครจะได้หัวใจสาวสวยไปครอง? มือระเบิดปริศนาจะเปิดเผยตัวหรือไม่? เตรียมพบกับปฏิบัติการสะท้านความฮา ที่พยัคฆ์ร้ายต้องส่ายหน้า ชาวประชาต้องหงายหลัง!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04/11/13, [11:58:01] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4682 เมื่อ: 04/11/13, [12:21:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

The Heat (2013)
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] The Heat คู่แสบสาวมือปราบเดือดทะลุ
เรื่องราวยุ่งๆที่เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที­่พิเศษสุดแสนจะเคร่งครัด จริงจังกับชีวิตไปซะทุกเรื่องอย่างสาวซ่าร­่าห์ แอชเบิร์น ต้องมาทำงานร่วมกับ แชนนอน มัลลินส์ ตำรวจมาดกวนปากร้ายที่มีนิสัยตรงกันข้ามกั­นโดยสิ้นเชิง เพื่อจัดการกับผู้ค้ายารายใหญ่ ซึ่งสุดท้ายแล้วเวลาที่ใช้ร่วมกันก็ทำให้ต­่างฝ่ายต่างผูกพันกันมากขึ้น จนมิตรภาพค่อยก่อตัวขึ้นในที่สุด
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4683 เมื่อ: 04/11/13, [12:31:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ





เรื่องอะไรครับ ?
เฉลยครับ Good Morning Vietnam  ดีเจเสียงใส ขวัญใจทหารหาญ หนังเก่าที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ฉายในปี 1987
แอดเดียน (โรบิน วิลเลี่ยมส์) ดีเจหนุ่มที่ถูกส่งตัวมาเพื่อทำหน้าที่จัดรายการวิทยุ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหารในกองทัพที่ประจำการรบในสงครามเวียตนาม ระหว่างที่เขาไม่ได้จัดรายการ แอดเดียนจะพยายามไปพบปะกับชาวเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงซึ่งทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับสงครามอย่างแท้จริงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในการ จัดรายการวิทยุ

เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4684 เมื่อ: 04/11/13, [12:36:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4685 เมื่อ: 04/11/13, [12:37:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4686 เมื่อ: 04/11/13, [12:38:56] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4687 เมื่อ: 04/11/13, [12:40:05] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4688 เมื่อ: 04/11/13, [12:40:58] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4689 เมื่อ: 04/11/13, [12:41:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

The Curious Case of Benjamin Button เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4690 เมื่อ: 04/11/13, [12:42:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4691 เมื่อ: 04/11/13, [12:43:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

Wanted ฮีโร่เพชฌฆาตสั่งตาย
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4692 เมื่อ: 04/11/13, [12:43:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4693 เมื่อ: 04/11/13, [12:46:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

[/url]






เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4694 เมื่อ: 04/11/13, [12:46:59] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

FANTASTIC 4 สี่พลังคนกายสิทธิ์
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4695 เมื่อ: 04/11/13, [12:47:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4696 เมื่อ: 04/11/13, [12:49:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?








จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4697 เมื่อ: 04/11/13, [12:49:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


What Dreams May Come พลังรักข้ามขอบฟ้าตามรักถึงสวรรค์
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4698 เมื่อ: 04/11/13, [12:52:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4699 เมื่อ: 04/11/13, [12:57:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

วาไรตี้ผีฉลุย
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4700 เมื่อ: 04/11/13, [13:02:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Chinese Zodiac (วิ่ง ปล้น ฟัด)

เป็นหนังในแบบฉบับ ฟัด เรื่องที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ในเครดิตของนักแสดงเอเชียอันโด่งดังอย่าง แจ็คกี้ ชาน หรือที่ในบ้านเรารู้จักกันในชื่อของ เฉินหลง ที่ในหนังเรื่องใหม่ของเขา ความพิเศษนอกจากจะเป็นการกลับมากำกับเอง ฟัดเอง ตัวหนังยังมีออกฉายในต่างประเทศในรูปแบบ 3D และ Imax 3D อีกด้วย

เริ่มต้นเมื่อนักล่าสมบัติ เจซี (เฉินหลง) ถูกว่าจ้างโดยองค์กรที่ชื่อ Max Profit ในการตามหาหัวรูปปั้นทองแดงนักษัตร 6 ชิ้นจากทั้งหมด 12 ชิ้น ที่ยังหลงเหลืออยู่ โดย เจซี และทีมของเขาก็ประกอบไปด้วย บอนนี่ (จางหลานซิน) มือขวาของ เจซี ที่ถึงแม้เป็นผู้หญิงแต่ก็ถือเป็นกำลังสำคัญของกลุ่ม, ไซม่อน (ควอนซังวู) สามีของ บอนนี่ หนึ่งในสมาขิกของทีมที่มีไหวพริบและความสามารถหลายด้าน และ เดวิด (เหลียวฟาน) ฝ่ายเทคนิกประจำกลุ่ม ที่สามารถจัดการกับเทคโนโลยีทุกชนิดได้เพียงสัมผัส โดยทั้งหมดจะต้องตะลุยด่านสุดหินมากมาย และ ตะลุยฟัด ในแบบฉบับที่ทุกคนรอคอยกัน วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์เลยครับ

Chinese Zodiac เป็นผลงานการกำกับของ เฉินหลง โดยเรื่องนี้ก็ไม่เชิงว่าเป็นผลงานการกำกับเอง เล่นเอง เรื่องแรกของเขาซะทีเดียว เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็เคยกำกับเอง เล่นเอง มาแล้ว หลายสิบเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Police Story หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ วิ่งสู้ฟัด และ Project A หรือ เอ๋ไกหว่า นั้นเอง แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาใน Chinese Zodiac คือ นอกจากเขาจะกำกับเอง เล่นเองแล้ว เขายังรับหน้าที่อื่นๆรวมแล้วฟัดไป 15 หน้าที่ ไล่ตั้งแต่ เขียนบท , สตันท์ , อาร์ท ไดเร็กเตอร์ , โปรดิวเซอร์ และอีกมากมาย จนทำให้เขาได้ลง กินเนสบุ๊ค นักแสดงที่มีเครดิตมากที่สุดในหนังเรื่องนึงไปครองจนได้ ซึ่งไม่ว่าคุณจะจำ เฉินหลง ได้ในบทบาท ไอหนุ่มมัดเมา ใน Drunken Master หรือในบทบาทของ ตำรวจมาดเข้ม อย่าง Police Story ทั้ง 5 ภาคและอีกหลายๆเรื่องก็ตามที

แต่สิ่งนึงที่ผมคิดว่า หลายคนน่าจะถูกอกถูกใจในหนังของ เฉินหลง คงหนีไม่พ้นฉากแอ็คชั่น ที่มีทั้งเสียหัวเราะ และ ลีลาสุดมันส์ จนทำให้ครองใจคนดูไปนัดต่อนัด แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวผมนั้นรู้สึกไปคนเดียวรึปล่าว ที่หนังยุคหลังๆของ เฉินหลง กลับทำออกมาได้ไม่ค่อยสนุกเท่ากับยุคแรกๆเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเมื่อเฮีย เฉินหลง แกไปรับเล่นหนังฝรั่งไม่ว่าจะเป็น The Spy Next Door หรือแม้แต่ Rush Hour ที่ทำให้เสน่ห์ฟัดของเฮียแกดูเลือนลางไปมากพอสมควร ว่าแล้ว Chinese Zodiac มันก็จึงไม่ต่างอะไรกับหนังที่เฮียแกขอลงมือทำเองแทบทุกอย่าง เพื่อที่จะขอแก้ตัว และ เรียกๆแฟนในหนังยุคแรกๆของเฮีย กลับมาติดอกติดใจให้ได้

และก็ดูเหมือนมันจะออกมาสำเร็จเสียด้วย เพราะ Chinese Zodiac มันก็ไม่ต่างอะไรกับหนังที่เปรียบเสมือนเป็นงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า ที่ เฉินหลง จัดมาให้กับแฟนๆของหนังเฮียแกในยุคต้นๆ ที่สามารถเนรมิตรออกมาได้ในแบบฉบับที่มีกลิ่นไอความสนุกแบบเก่าๆอยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็น ฉากแอ็คชั่น ปนเสียงฮา ที่กลุ่มตัวเอกต้องเดินทางบุกตะลุยทั้ง ป่าโจรสลัด , พระราชวัง และ โรงงานนรก อีกมากมาย ที่ฉากแอ็คชั่นของแต่ละโลเคชั่นใน Chinese Zodiac ก็ต่างล้วนมีกลิ่นไอหนังในเครดิตเก่าๆของ เฉินหลง อยู่เพียบ แถมเมื่อในครั้งนี้เฮีย เฉินหลง แกดูเหมือนจะไม่อยากให้คนดูเครียดมากจนเกินไป จึงจัดการใส่มุกตลกฮากลิ้งเข้ามาแทบทั้งเรื่อง และมันก็ดูเหมือนจะได้ผลอย่างมากเมื่อได้พากย์ไทยของ พันธมิตร ช่วยเร่งความฮาด้วยมุกเสียดสีทันสมัยอีกมากมายนั่นเองหละครับ

โดยถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นภาคต่อของ Amour of God และ Operation Condor ในปี 1986 และ 1991 แต่สำหรับใครที่ไม่เคยดูหนังทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวมาก่อน ผมก็ยืนยันได้เลยว่ายังจะคงดูหนังรู้เรื่องหมดทุกเม็ด และ ไม่ได้อ่อนด้อยด้านของความสัมพันธุ์ของตัวละครแต่ประการใด

เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว ถ้าหากช่วงนี้คุณต้องการจะคลายเครียด แถม ต้องการฉากแอ็คชั่นที่ดูมันส์ๆแล้ว Chinese Zodiac ก็น่าจะเป็นหนังที่ตอบโจทย์ของคุณได้มากที่สุด เพราะนอกจากฉากแอ็คชั่นที่มาพร้อมเสียงหัวเราะ ตัวหนังยังถือว่าสามารถทำอารมณ์ให้กลับไปสู่รากเหง้าของหนังเก่าๆในเครดิต เฉินหลง ได้ด้วย

เรื่องนี้ผมให้ 7/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4701 เมื่อ: 04/11/13, [13:02:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

คุณนายโฮ

พี่ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ กลายเป็นผู้กำกับที่มีรูปแบบการทำหนังเฉพาะเป็นของตัวเอง ผลงานที่ผ่านมาหลากหลายเรื่องทำให้สไตล์การกำกับชัดเจนและแข็งแกร่ง ซึ่งสร้างฐานแฟนคลับที่ชอบหนังแนวคอมเมดี้ สนุกๆ ที่เป็นแนวหนังที่คนไทยส่วนใหญ่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ด้วยรายได้ที่น่าพอใจของหนังทุกเรื่องที่ออกมา จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นผลงานพี่ยอร์ชเป็นประจำทุกปี และเช่นเดียวกับปีนี้ ผลงานล่าสุด คุณนายโฮ ที่เพียงตัวอย่าง กับประโยคขายอย่าง ?ทำไมผู้หญิงชอบร้องไห้? ก็สามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมโดยเฉพาะผู้ชมผู้หญิงได้แล้ว แม้สุดท้ายตัวหนังจะอ่อนเรื่องบทและความต่อเนื่องของเรื่องราว แต่มุขตลกในการเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ชมยังสามารถทำได้อย่างเต็ม ที่!

คุณนายโฮ เล่าเรื่องราวของ สาวน้อยโฮ ที่เพื่อนๆ มักเรียก คุณนายโฮ (ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ผู้ใฝ่ฝันอยากมีลูกมาตั้งแต่เด็ก! และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ การตัดผมหน้าม้าเต่อ และที่พิเศษจนน่ารำคาญคือ สามารถร้องไห้ได้ง่ายมากๆ แค่เพียงมีอะไรมาสะกิดความรู้สึกเพียงนิดเดียว? คุณนายโฮ อาศัยอยู่กับพ่อ ผู้กองบูรพา (น้าค่อม ชวนชื่น) อดีตนายทหาร ผู้มีนิสัยชอบพลางตัว และหวังว่าสักวันจะได้พลีชีพเพื่อชาติในสนามรบ! และมีน้องชายชื่อนาวา ที่เจ้าตัวอยากเป็นน้องสาวมากกว่่าในชื่อ นานา (โก๊ะตี้ อารามบอย) ความต้องการที่อยากให้ลูกชายมีความสมชายทำให้ คุณนายโฮหนักใจและเสียน้ำตากับความไม่ลงรอยของพ่อและน้อง

ยังดีที่คุณนายโฮมีกลุ่มเพื่อนสาว และ ด็อก (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กที่ปัจจุบันเป็นหมอ คอยรับฟังและคอยปลอบใจในทุกๆ เรื่อง แต่แล้วจุดหักเหของชีวิตคุณนายโฮก็เกิดขึ้น เมื่อ คุณนายโฮ ต้องตรวจสุขภาพเพื่อนำใบรับรองไปประกอบการเดินทางไปต่างประเทศ และได้พบความจริงว่าเธอเป็น โรคมดลูกเก่า! และอาจหมดอายุได้ทุกเมื่อ ทำให้ความฝันอันสูงสุดที่จะมีลูกของเธอนั้นต้องหมดไป เธอต้องรีบแต่งงานและมีลูกก่อนที่มดลูกจะหมดอายุ แต่เธอก็ไม่มั่นใจว่า บอย แฟนหนุ่มชาวร็อคแห่งร้านบีบีกัน (เรย์ แมคโดนัลด์) จะใช่คนที่เธอรักจนพร้อมจะมีลูกกับเขาจริงๆ หรือไม่! หรือใจของเธอกำลังรอใครบางคนอยู่กันแน่!!

หากมองด้านความบันเทิง คุณนายโฮ คือภาพยนตร์ที่ทำได้ถึงในระดับที่น่าพอใจ แต่ยังไม่ใช่ดีที่สุด ด้วยมุขตลกที่ได้ น้าค่อม ในบทพ่อ และ โก๊ะตี๋ ในบทน้องชายที่อยากเป็นน้องสาว! สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่ปรากฎตัวในฉาก สังเกตเรื่องนี้ว่าตัวละครที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี คือนักแสดงสมทบทั้งนั้น ทั้งน้องที่แสดงเป็นเพื่อนของนานาที่ชื่อ ซาบรีน่า ที่แสดงเป็นเด็กสาว! ได้เนียนตาดีจริงๆ เช่นเดียวกับ เรย์ แมคโนนัลด์ ที่ได้รับบทที่รั่วที่สุดในชีวิตการแสดงของเขา และเขาก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจ

แต่กับพระเอก ธีรเดช เมธาวรายุทธ ที่ถูกคาดหมายว่าจะแจ้งเกิดกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และได้โอกาสเข้าฉากกับ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่รับบทเป็นคุณนายโฮ กลับไม่สามารถฉายแววความโดดเด่นได้เลย อาจเป็นเพราะบทของด็อกนั้นไม่มีอะไรโดดเด่นและราบเรียบเกินกว่าจะเป็นพระเอก ในส่วนของ ชมพู่ สามารถเอาตัวรอดไปได้ด้วยใบหน้าสวยๆ ที่รับกับผมสั้นม้าเต่อ ทำให้เราสามารถติดตามเรื่องราวของเธอไปได้ตลอด

ปัญหาที่สำคัญใน คุณนายโฮ คือ ความไม่ปะติดปะต่อของเรื่องราวและการไม่มุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายของประเด็นที่ ตัวหนังได้เปิดไว้อย่างเด่นชัดตั้งแต่หนังตัวอย่าง ในประเด็นเรื่องการร้องไห้ของผู้หญิง ที่ในตัวอย่างและในช่วงต้นของเรื่องแสดงให้เห็นว่า มันมีหลายปัจจัยที่มากระทบทำให้เกิดน้ำใสๆ ไหลออกมาจากตา แต่หนังกลับไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ว่าเหตุใดน้ำตากับผู้หญิงจึงเป็นของคู่กัน จนทำให้ตัวละครคุณนายโฮก็แค่สาวขี้แยทั่วๆ ไป ที่อย่าไปสนใจเลยว่า เธอจะร้องไห้เพราะฟีลลิ่งหรือเพราะอะไรกันแน่!

รวมถึงไปถึงการสร้างสถานการณ์ในเรื่องขึ้นมาแต่ไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างที่สุด เช่น การเดินทางไปต่างประเทศของคุณนายโฮ ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายพอสมควรจนเกิดความลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ การเปิดประเด็นนี้ทิ้งไว้ ทำให้เข้าใจว่าจะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิสูจน์ความรักระหว่างคุณนายโฮกับด็ อก หรือเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่จะช่วยให้พ่อและน้องกลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ จนเมื่อเปิดประเด็นโรคมดเก่าที่คุณนายโฮต้องเจอ ประเด็นเรื่องเดินทางไปต่างประเทศก็เหมือนถูกลักพาตัวหายไปจากเรื่อง!! โดยหันมาเล่าเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกในด้านความรักแทน!

อย่างไรก็ดี คุณนายโฮ ก็ยังคงเอกลักษณ์ที่ทำให้มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบการกำกับของ พี่ยอร์ช ฤกษ์ชัย จะชอบหนังเรื่องนี้ได้อยู่ ทั้งการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อสาดมุขเข้าใส่ผู้ชมโดยเฉพาะ ซึ่งก็สามารถทำหน้าที่เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี และแน่นอนมุมมองคมๆ ที่ทำให้เกิดประโยคโดนๆ ยังคงมีอยู่เช่นเดิม!

แม้เรื่องราวของ คุณนายโฮ จะเสียเวลาไปกับการนำเสนอเรื่องราวความไม่ลงรอยกันของพ่อและน้องของคุณนายโฮ พอสมควร แต่นั่นก็นำมาซึ่งมุมมองด้านความสัมพันธ์ระหว่าง ?คนที่สำคัญ กับ คนที่จำเป็น? ซึ่งเป็นจุดที่เราสามารถนำมาคิดต่อหนังจากออกจากโรงหนังได้ว่า คนที่สำคัญและคนที่จำเป็นของเราคือใคร ในทางกลับกันตัวของเรานั้นเป็นคนสำคัญหรือคนที่จำเป็นของใครหรือเปล่า? ซึ่งตัวหนังก็ได้ให้คำตอบในประเด็นนี้ไว้อย่างน่าฟังและน่าจะกระทบใจกับคน ที่เคยมีปัญหาด้านความสัมพันธ์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นกับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งคนรัก

การสรุปเรื่องราวที่ค่อนข้างลงตัว พร้อมกับฉากเครดิตที่ถือเป็นการปล่อยของปิดท้าย ทำให้ภาพรวมของ คุณนายโฮ เป็นภาพยนตร์ที่มอบความบันเทิงได้ในระดับที่น่าพอใจ (แบบฉิวเฉียด!)

7/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4702 เมื่อ: 04/11/13, [13:04:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

pitch perfect ชมรมเสียงใส ถือไมค์ตามฝัน

อาจจะเป็นหนังที่ไม่ได้ฮิตระเบิดระเบ้อ หรือเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากมายสำหรับในบ้านเรา แต่สำหรับในอเมริกาแล้ว หนังเรื่องนี้ถือว่าได้ว่าเป็นหนังแอบฮิตเรื่องนึงของบ้านเขาเลยก็ได้ เพราะตัวหนังใช้ทุนสร้างไปเพียง 17 ล้านเหรียญ ในขณะที่ตอนนี้ตัวหนังได้กลับมาเฉพาะในอเมริกาไปถึง 64 ล้านเหรียญ

เบก้า เป็นเด็กสาวที่หลังจากเธอได้เข้าเรียนในวิทยาลัยแห่งใหม่ เธอก็พบว่าตัวเองไม่เหมาะกับกลุ่มไหนทั้งสิ้น แต่เธอกลับถูกผลักดันให้เป็นสิ่งที่เธอไม่มีวันเลือกด้วยตัวเอง ท่ามกลางสาวแสบ สาวหวานและสาวพิลึก ซึ่งทุกคนมีอย่างเดียวที่เหมือนกันคือเสียงไพเราะเมื่อพวกเธอร้องเพลงด้วย เมื่อเบก้านำคณะนักร้องอะคูสติกก้าวพ้นจากการเรียบเรียงเพลงแบบดั้งเดิมและท่วงทำนองประสานที่เพอร์เฟ็กต์เพื่อเข้าสู่การผสมผสานเพลงในรูปแบบใหม่ พวกเธอก็ต้องต่อสู้ฟาดฟันเพื่อไต่ขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของโลกที่เชือดเฉือนกันของแวดวงอาคัปเปลาระดับมหาวิทยาลัยนี่อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เจ๋งที่สุดที่พวกเธอจะได้ทำในช่วงมหาลัยเลยหละ

Pitch Perfect กำกับการแสดงโดยผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง เจสัน มัวร์ ที่ก้าวมาจากการกำกับซีรี่ย์ 2-3 ตอนให้กับ Brothers & Sisters และ Everwood มาเพื่อทำหนังใหญ่ขึ้นจอเงินครั้งแรก และเรื่องที่เขาเลือกที่จะทำก็คือ Glee : The Movie เอ้ย ไม่ใช่ แต่มันคือหนังที่สร้างมาจากหนังสือของ มิคกี้ แรพกิ้น ที่เล่าเรื่องของกลุ่มขี้แพ้ในโรงเรียน ที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเพื่อให้พวกเธอขึ้นมาโดดเด่นให้จงได้ โดยฟังไปฟังมาก็คงพูดได้เต็มปากเลยว่า ตัวหนังมีวัตถุดิบหลายๆอย่างที่เหมือนกับซีรี่ย์แนว มิวสิเคิล ที่ผมเคยคลั่งไคล้อย่าง Glee เอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่ต่างคาแรกเตอร์ เพี้ยน แปลก ฮา และ เอเชีย รวมไปถึงวิธีการเล่าเรื่องราว และ การตบมุขชงมุก ที่ล้วนแล้วแต่ทำให้นึกว่า Pitch Perfect เป็นการเอา Glee มาเพื่อฉายจอใหญ่ และรวบรัดเนื้อเรื่องรึปล่าว

เพราะเอาจริงๆแล้ว Pitch Perfect มันก็เป็นหนังแนวไขว้คว้าฝันของกลุ่มนักร้อง ที่ดูไปดูมาเนื้อเรื่องหลักก็ไม่ได้ต่างจากหนังสูตรจำพวกของ Step Up และ Street Dance เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นบทสรุป การดำเนินเรื่อง ทุกขั้น ทุกสเต็ป ล้วนแต่เหมือนกันจนเหมือนแกะ แต่ก็ดูเหมือนว่า จะมีอยู่สิ่งนึง ที่ทำให้แกะอย่าง Pitch Perfect สามารถกลายเป็นแกะดำ และ ดึงตัวเองออกมาจากหนังสูตรจำเจที่น่าเบื่อได้ค่อนข้างดี ซึ่งถ้าหากพูดถึง Step Up จุดขายของตัวหนังคงอยู่ที่ ฉากเต้น ในช่วง ไคล์แมกซ์ และ กลางเรื่อง ที่สามารถทำให้คนดูลืมความน่าเบื่อของตัวเรื่องที่จำเจได้ในระยะเวลานึง ซึ่งก็เช่นเดียวกับใน Pitch Perfect

เพราะสิ่งที่สามารถดึงเอาจิตวิญญาณของคนดู ที่รักในเสียงเพลง ออกมาให้สนุกกับตัวหนัง Pitch Perfect ได้อย่างดี คงหนีไม่พ้นฉากร้องเพลงประสานเสียง ที่สามารถเนรมิตรออกมาได้อย่างไพเราะ ด้วยการ รีมิกซ์ เพลงดังๆเมื่อต้นปี และ อีกหลายๆปีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Just the Way You are , Right Round , Don't Stop the Music หรือแม้แต่ Party in the USA ที่ทั้งหมดสามารถนำเอามาผสมผสานกันได้อย่างน่าตื่นตา และทำให้เราอดใจไม่ไหวที่จะลุกขึ้นไปเต้นกับเหล่าตัวละครในช่วงการแข่งด้วยเช่นกัน ซึ่งอีกสิ่งนึงที่สามารถดึงเสน่ห์ ฉากร้องเพลง ออกมาได้อย่างสนุกสนาน คงหนีไม่พ้นด้านของ นักแสดง ที่เรื่องนี้สาวน้อยอย่าง แอนนา เครดริค มีโอกาสได้โชว์พลังเสียง ที่เธอก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พลังเสียงของเธอ ก็น่ารักและไพเราะได้ไม่เป็นสองรองจากหน้าตา

ซึ่งนอกจาก แอนนา เคนดริค นักแสดงรายอื่นก็ยังเป็นองค์ประกอบที่สร้างสีสันให้ตัวเรื่องได้ดีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็น เรเบล วิลสัน ในบทของ เอมี่อ้วน ที่เรียกเสียงฮาได้ตลอดเวลาเมื่อเธอออกมา หรือแม้แต่ สาวขี้อิจฉา อย่าง แอนนา แคมป์ ในบท ออเดรย์ ที่ตัวคาแรกเตอร์อาจจะดูน่ารำคาญ และ น่าหมั้นไส้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภายใต้ความน่าหมั้นไส้ก็ยังมีเสน่ห์ชวนหลงใหลในคาแรกเตอร์เรียบๆอยู่ในระดับหนึ่ง แถมการที่ตัวหนังไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ ตัวร้าย อย่าง วงทรับเบิ้ลเมเกอร์ จึงทำให้ Pitch Perfect เป็นหนัง ฟีลกู้ด ที่ดูเพื่อเอาความสนุกสนานได้ดีในระดับนึง เช่นเดียวกับฟีลแบบ The Bline Side เลยครับ

เพราะฉะนั้น Pitch Perfect จึงอาจจะเป็นหนังที่ออกมาแบบตามสูตร เดินเรื่องตามแทบจะทุกสเต็ป แต่มันก็ดูเหมือนไม่ใช่อุปสรรคเลยสักนิด กับการที่ตัวหนังจะสร้างฉากการดวลเพลงแบบสนุกสนาน และ เสน่ห์ในตัวละคร โดยเฉพาะ แอนนา เคนดริต ออกมาให้คนดูได้เต้น และ ร้อง ไปด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง และ น่ารัก

เรื่องนี้ผมให้ 8/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4703 เมื่อ: 04/11/13, [13:05:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

playing for keeps กระตุกหัวใจ ให้กลับมาปิ๊ง

ถึงแม้หนังจะไม่ได้ออกมาในรูปแบบเทศกาล คริสต์มาส มากเท่าไหร่ แต่จากหน้าหนังก็คงจะพอเห็นได้ว่า ตัวหนังก็ยังคงมีความอบอุ่นในสไตล์ของตัวผู้กำกับ แกเบรียล มุคนิโค่ มากพอสมควร กับหนังเรื่องล่าสุดของเขาที่ยกเอามาทั้ง เจอร์ราด บัตเลอร์ , อูม่า เธอร์แมน และ แคทธารีน เซต้า โจนส์ มาด้วย

เล่า เรื่องราวของ จอร์จ ดรายเออร์ อดีตนักฟุตบอลอาชีพชื่อดัง ที่พยายามกลับมาสานความสัมพันธ์กับ สเตซี่ย์ ภรรยาเก่าและ ลูอิส ลูกชายคนเดียว โดยเขาตกลงที่จะเป็นโค้ชฟุตบอลให้กับทีมโรงเรียน แต่สิ่งที่ จอร์จ ไม่ได้เตรียมตัวรับมือก็คือ บรรดาคุณแม่ในสนามฟุตบอล ที่จ้องเขาแบบ ตาเป็นมัน บรรดาผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเขาก็มี เดนนิส อดีตนักข่าวกีฬาสุด เซ็กซี่ ที่รู้สึกเบื่อชีวิตคู่ของตัวเอง รวมถึง แพ็ตตี้ ที่ต้องการแก้เผ็ด คาร์ล คิง สามีที่นอกใจเธอมาตลอด ถึงแม้ในสนามฟุตบอล จอร์จ จะสามารถควบคุมลูกฟุตบอลได้ตามต้องการ แต่เรื่องของความสัมพันธ์นอกสนาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยรักษาเอาไว้ได้เลยนะ

Playing for Keeps กำกับการแสดงโดย แกเบรียล มุคนิโค่ ผู้กำกับที่เคยพาเอา วิล สมิธ ได้ตั๋วไปเกือบได้จับรางวัลออสการ์กับเขามาบ้างแล้วใน The Pursuit of Happyness ก่อนที่จะตามมาด้วยหนังดราม่าสุดเข้มข้นอย่าง Seven Pounds แต่ก็ไม่ได้รุ่งเท่าเรื่องแรกสักเท่าไหร่นัก โดยปีนี้เขาจึงกลับมาทำหนังแบบพ่อลูกอีกครั้งกับ Playing for Keeps ที่นอกจากจะดึงเอาพระเอกหนุ่มเข้มอย่าง เจอร์ราด บัตเลอร์ มาเป็นพระเอกได้แล้ว ตัวหนังยังมีก๊วนสาวๆนักแสดงแถวหน้าอีกมากมายเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใครเคยอ่านรีวิวหนังแนวนี้ของผมเรื่องเก่าๆ จะพอรู้ได้ว่าตัวผมนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างชอบหนังที่มีเรื่องราวความสัม พันธุ์พ่อลูกมากพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อตัวเรื่องมีเรื่องหลักเป็นการเอาชนะใจลูกอีกครั้ง ของคุณพ่อขี้แพ้ โดยถึงแม้หลังจะค่อนข้างตามสูตร และไม่มีเรื่องไหนโดดเด่นก็ตาม

ซึ่งก็ดูเหมือนว่า Playing for Keeps ก็ยังคงเป็นหนังในกลุ่มเดียวกันอย่างที่ผมบอก เพราะตัวหนังเป็นหนังที่มาพร้อมกับเรื่องราว และ วิธีการดำเนินเรื่องแบบตามสูตรเป๊ะๆ โดยที่ตัวหนังไม่ได้มีอะไรใหม่ๆมาเพื่อมัดใจคนดูได้เลยสักนิด เพราะถึงแม้ตัวหนังอาจจะวิธีการเปรียบเปรยชีวิต และ อาชีพของตัวเอกอย่าง นักกีฬาฟุตบอล ซึ่งถ้าหากเราอยู่ในสนาม เราจะมีเวลาซ้อมเท่าไหร่ก่อนลงแข่งจริงก็ได้ แต่ในชีวิตจริง เราล้วนมีแต่การลงแข่งเลยเท่านั้น ไม่มีการเตรียมพร้อม หรือ รับมือใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะการที่ตัวหนังเลือกที่จะเดินตามแบบหนังสูตรมากเกินไป จึงทำให้ประเด็นสอดแทรกต่างๆเหล่านี้ลดลงไป จนปลิวหายไป

โดยที่ แย่ไปกว่านั้นใน Playing for Keeps คงหนีไม่พ้นการที่นอกจากหนังจะทำตามสูตรแทบทุกอย่างแล้ว หนังยังดูเหมือนเป็นหนังฆ่าเวลาของผู้กำกับเสียมากกว่า เพราะตัวละครทั้งหลายในหนังกลับรู้สึกมีแต่ความแบนราบเรียบไปกับตัวบท มากกว่าจะโดดเด้งออกมาแบบใน The Pursuit of Happyness แม้แต่กระทั่งตัวละครหลักอย่าง จอร์จ ดรายเยอร์ ที่ยังแลดูเหมือนตัวละครตายด้าน ที่ตัวหนังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่เป็นคุณพ่อที่ดี แถมยังรู้สึกว่าได้รับโอกาสมากไปด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับตัวละคร แฟนใหม่ ของ สเตย์ซี่ ภรรยาของ จอร์จ ดรายเยอร์ ที่เปรียบเสมือนเป็นเพียงตัวละคร ไม้กั้นไร้ชีวิต ที่เหมือนสร้างมาเพื่อคั้นตัวละครหลัก 2 ตัวนี้ ให้มีปมปัญหา โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดนั้นเอง เช่นเดียวกับตัวละครคุณแม่ม้ายข้างสนามทั้งหลายนั้นแหละ

ซึ่งสิ่งที่ เห็นว่ายังจะพอช่วยให้ Playing for Keeps ดูดีขึ้นบ้างในสายตาของผม นอกจากเรื่องราวของพ่อลูก ที่เป็นความชอบส่วนตัวแล้ว นั้นคงหนีไม่พ้นด้านของ ทีมนักแสดง ที่ไล่มาตั้งแต่ เจอร์ราด บัตเลอร์ , เจสสิก้า บีล , อูม่า เธอร์แมน , เดนนิส เคว็ด ที่ล้วนแต่สามารถอัพเกรดฟอร์มหนังตามสูตรเรื่องนี้ ให้พอดูดีไปด้วยรังสีออร่าได้ในระดับนึง โดยเฉพาะ แคทธารีน เซต้า โจนส์ ที่หลังจากไปแซ่บมาแล้วใน Rock of Ages เรื่องนี้ก็ยังสามารถโปรยเสน่ห์ปนร้ายได้สนุกพอประมาณ เช่นเดียวกับ อารมณ์ความอบอุ่น และ มุกตลกฮาๆ ที่จังหวะทั้งหลายอาจจะไม่ลง เท่าเรื่องที่ผ่านมาของผู้กำกับ แต่นักแสดงก็ถือได้ว่าช่วยได้ดีทีเดียว

โดย สรุปแล้ว ผมคิดว่าถ้าหากใครที่ชื่นชอบเรื่องราวของ ความสัมพันธุ์พ่อลูก เช่นผม Playing for Keeps ก็ถือว่าเป็นหนังที่พอดูเพลินไปกับก๊วนนักแสดงแถวหน้าได้ดีทีเดียว เพียงแต่ว่าตัวหนังนั้นยังขาดทั้งความสดใหม่ และ อารมณ์ความตั้งใจของผู้กำกับมากพอสมควร ถ้าหากให้เทียบกับผลงานเรื่องเก่าๆ

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4704 เมื่อ: 04/11/13, [13:06:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

wreck-it ralph ราล์ฟ วายร้ายหัวใจฮีโร่

หลังจากอนิเมชั่นในปีนี้ ถึงแม้จะออกมาค่อนข้างโดนใจผม แต่ส่วนมากกรรมการออสการ์ ดูเหมือนจะไม่ค่อยปลื้มกันสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น Frankenweenie หรือแม้แต่ Brave ก็ดูเหมือนจะมีแต่อนิเมชั่นเกมส์ แปดบิต อย่าง Wreck-It Ralph เนี่ยแหละ ที่คะแนนนำโด่ง และ มีสิทธิ์มากกว่าเพื่อนเลย

?วเร็ค-อิท ราล์ฟ? ฝันอยากจะเป็นที่รักใคร่เหมือนอย่างพระเอกในเกมของเขา ? ?ฟิกซ์-อิท เฟลิกซ์? ปัญหาคือ ไม่มีใครชอบตัวร้าย พวกเขาชอบแต่พระเอก และเมื่อเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ทันสมัยที่สุดได้มาถึงพร้อมกับตัวละคร ผู้แข็งแกร่ง ?สิบเอก คาลฮูน? ราล์ฟเห็นลู่ทางที่จะทำให้เขาได้เป็นฮีโร่และมีความสุขได้ เขาจึงหนีจากเกมของตัวเองเข้าไปในเกมใหม่นี้ ด้วยแผนการสุดเรียบง่าย นั่นก็คือการเอาชนะเกมนี้ ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า และปลดปล่อยศัตรูสุดร้ายกาจที่ออกมาคุกคามเกมตู้อื่นๆโดยไม่ตั้งใจ จึงทำให้ราล์ฟ และ ผองเพื่อน ต้องรีบหยุดแมลงอวกาศ พร้อมทั้งพิสูจน์จิตใจของเขาไปด้วยว่าเขาไม่ได้ร้ายนะ

Wreck-it Ralph กำกับการแสดงโดย ริช มัวร์ ผู้กำกับหน้าใหม่ที่เพิ่งขยับตัวเองขึ้นมากำกับหนังจอเงินเป็นครั้งแรก หลังจากคอยทำแต่การ์ตูนทางทีวี ไม่ว่าจะเป็น The Simpson และ Futurama อยู่หลายตอน ซึ่งอนิเมชั่นเรื่องแรกที่เขาเลือกทำก็เรียกได้ว่าค่อนข้างเปิดตัวได้สวย และ น่าสนใจ ทีเดียว กับเรื่องราวที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ วีดีโอเกมส์ สุดฮิต เมื่อยุคก่อน ไม่ว่าจะเป็นเหล่า โซนิค , แพ็คแมน , สตรีท ไฟเตอร์ และอีกมากมายที่ตัวหนังหยิบออกมาเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งนึงที่ค่อนข้างโดดเด่นมากเลยทีเดียวสำหรับ Wreck-It Ralph ที่ความสนุกที่สุดของตัวหนัง คือการที่คนดู และ เกมเมอร์ สมัยก่อน ได้เห็นตัวละครเกมส์ในยุคเก่าๆ ออกมาโลดแล่นอยู่บนจออีกครั้ง ผสมผสานไปกับมุกตลกอันสดใส ฮาได้ทุกเพศทุกวัย และ บรรยากาศตัวเรื่อง

ที่สามารถดึงเอาอารมณ์ความคลาสสิคในเกมส์ยุคสมัย 8 บิต หวนคืนมากลับสู่เกมเมอร์ในสมัยนั้นอีกครั้งได้อย่างสมศักดิ์ศรี และ คุ้มค่ากับการหยิบตัวละครเหล่านั้นมาเล่น ซึ่งอีกอย่างนึงที่ลืมไม่ได้เลย ที่ถือได้ว่าโดดเด่นได้ไม่แพ้กัน คือ ความคิดสร้างสรรค์ ของตัวผู้กำกับ ที่สามารถหยิบเอาสิ่งของรอบกาย มาดัดแปลงให้กลายเป็นฉาก และ สถานที่ต่างๆในหนังได้อย่างแสบสัน ไม่ว่าจะเป็น ภูเขาไฟไดเอ็ทโค้ก หรือแม้แต่ ลาวาเมนทอส แถมยังไม่เว้นแม้แต่กระทั่งล้อเลียนทหารใน The Wizard of Oz ที่นอกจากคนดูจะต้องมานั่งจับจ้องตัวละครเกมส์ชื่อดังในหนังแล้ว ในองค์ประกอบด้านดังกล่าว คนดูก็จะหัวเราะไปกับมันได้อีก

ซึ่งอีกด้านที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้ตัวอนิเมชั่น Wreck-It Ralph จัดได้ว่าเป็นอนิเมชั่นโดนใจแห่งปี คงหนีไม่พ้นการที่ตัวหนังยังคงมีข้อคิดในสไตล์ของหนังอนิเมชั่นทั่วไป เพียงแต่ว่าข้อคิดดังกล่าวใน Wreck-It Ralph จะไม่ได้ออกมาในแนวสื่อตรงไปตรงมาผ่านบทสนทนาแบบเรื่องเก่าๆของ ดิสนี่ย์ แต่ตัวหนังจะค่อยๆสอดแทรกมาทีละนิด ก่อนที่จะปิดท้ายบทสรุปได้อย่างสวยงาม กับเรื่องราวที่ว่า เราไม่ควรดูถูกคุณค่าของตัวเอง เพราะไม่ว่าเราจะเป็นเพียงตัวละครเล็กๆในโลกใบใหญ่ และ อาชีพที่ต่ำต้อยเพียงใด แต่ถ้าหากวันใดวันนึง โลกใบนี้ขาดอาชีพเล็กๆเหล่านั้นไป ก็ไม่จะสามารถอยู่ได้เช่นกัน พร้อมทั้งเราก็ไม่ควรจะดูถูกว่าเราเป็นเพียงส่วนเกินของอะไรบางอย่าง ทั้งที่จริงตัวเราทุกคนก็เปรียบเสมือนกับเป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรขนาดใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นมาพอดีกับการทำงาน

โดยในด้านของ คาแรกเตอร์ ตัวละครสมมุติทั้งหลายอย่าง ราล์ฟ , เวเนโลปี้ , เฟลิกซ์ และ พลทหาร คาลฮูน ที่มีแรงบันดาลใจมาจากเกมส์ชื่อดังในสมัยก่อน ก็สร้างถือว่าสร้างออกมาได้น่ารัก น่าเอ็นดู โดยเฉพาะตัวละคร เวเนโลปี้ ในโลกเกมส์ Sugar Rush ที่สามารถสร้างสรรค์ออกมาให้คนดูเอาใจช่วย และ หลงรัก ไปได้อย่างไม่ยาก เช่นเดียวกับตัวละคร ราล์ฟ ที่ฉากซึ้งบีบน้ำตาก็สามารถทำเอาผู้ใหญ่หัวใจเด็กร้องไห้กันไปได้ง่ายๆ แถมยังไหนจะมีตัวละครจากเกมส์ชื่อดังอีกมากมายอย่าง แพ็คแมน , โซนิค , บราวเซอร์ จาก มาริโอ้ หรือแม้แต่ สตรีท ไฟเตอร์ ที่ต่างก็มาสร้างสีสันเลยความสนุกครั้งนี้ได้อย่างมีสีสันสุดๆเลยหละ

เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับผม Wreck-It Ralph จึงถือได้ว่าอนิเมชั่นในปี 2012 ที่ทำออกมาโดนใจ และ สร้างสรรค์มากกว่าเรื่องอื่นๆในปีนี้ โดยเฉพาะด้านของข้อคิด และ ตัวละคร ที่ต่างทำเอาคอเกมเมอร์หลงใหลไปได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าหนังมันจะน่าสงสัยตรงที่ ทำไมร้านเกมส์ตอนกลางคืนเขาไม่ปิดสวิตช์ไฟกันหละเนี่ยนะ

เรื่องนี้ผมให้8.5/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4705 เมื่อ: 04/11/13, [13:08:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4706 เมื่อ: 04/11/13, [13:09:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4707 เมื่อ: 04/11/13, [13:09:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4708 เมื่อ: 04/11/13, [13:09:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4709 เมื่อ: 04/11/13, [13:09:56] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
หน้า: 1 ... 155 156 157 158 159 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: