ร้านกาแฟ

[เอสวา]

THE BAY

ตอบแล้วครับ ไม่ถูกหรือ ??

[เอสวา]

oblivion อุบัติการณ์โลกลืม

6.5/10

ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  Oblivion อุบัติการณ์โลกลืม
เรื่องราวของ Oblivion เกิดขึ้นในโลกอนาคตหลังการล่มสลาย เมื่อโลกกลายเป็นดาวเคราะห์ที่พังพินาศจนสภาพแวดล้อมบนพื้นโลกไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องพากันขึ้นไปอาศัยอยู่บนนครลอยฟ้าแทน แต่ยังมี แจ็ค ฮาร์เปอร์ (รับบทโดย ทอม ครูซ) มนุษย์คนสุดท้ายที่ถูกส่งลงมายังพื้นโลก เพื่อซ่อมแซมหุ่นยนต์ที่ใช้ควบคุมมนุษย์ต่างดาว จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อแจ็คได้พบซากยานอวกาศที่ตกลงมา พร้อมกับสาวสวยที่รอดชีวิตมากับยานลำนั้น แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป ทั้งได้พบกับความรักโรแมนติก การผจญภัย และอันตรายที่แม้จินตนาการก็ไม่อาจคาดเดาได้

[เอสวา]

Epic ครับ [on_055]

ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Epic อาณาจักรคนต้นไม้
ภาพยนตร์เรื่อง EPIC เป็นการผจญภัยแนวคอมเมดี้ในรูปแบบซีจีสามมิติ ซึ่งเป็นเรื่องราวของโลกสุดอัศจรรย์ที่ไม่เหมือนกับที่ใดในโลก ผลงานจากผู้สร้างฯ Ice Age และ Rio โดยภาพยนตร์เรื่อง EPIC จะเล่าเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งระหว่างฝ่ายธรรมะที่ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติเอาไว้ และฝ่ายอธรรมที่หวังจะทำลายธรรมชาติ จนกระทั่งมีเด็กสาวคนหนึ่งพบว่าตัวเธอตกไปอยู่ในโลกเร้นลับอย่างน่าอัศจรรย์ จึงเข้าไปรวมพลังกับกลุ่มแม่ทัพเอกและกองกำลังทหารสุดฮา ซึ่งล้วนเป็นตัวละครเก่งๆ ที่คอยกอบกู้โลกของพวกเขา …และเราเอาไว้

[เอสวา]

Hero

ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]
ในยุคที่จีนแตกแยกยังไม่รวมเป็นปึกแผ่น มีอ๋องแห่งแคว้นฉินผู้สร้างความเข้มแข็งแห่งกองทัพ และแผ่อำนาจไปยังดินแดนต่าง ๆ แน่นอนการแผ่อำนาจไปย่อมก่อความสูญเสียชีวิตผู้คน และมีคนเคียดแค้น ประสงค์จะสังหารอ๋องฉิน
 ในยุคสงครามระหว่างรัฐทั้งเจ็ด รัฐฉินคือรัฐที่แข็งแกร่งที่สุด ทำให้เจ้ารัฐฉินกลายเป็นเป้าสังหารของสามนักฆ่ายอดฝีมือ เมื่อ-ไร้นาม-  ถูกเชิญเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าเจ้ารัฐฉิน  ในฐานะผู้ปราบสามนักฆ่า ชื่อก้องได้  ความจริงที่ซ่อนอยู่และความหมายที่แท้จริงของคำว่าวีรบุรุษจึงถูกค้นพบ ภาพยนตร์จีนเรื่อง Hero นี้ เป็นหนังแอ็คชั่นแบบจีนที่สื่ออารมณ์ได้ละเมียดละไมมาก
ร้นาม(เจ็ท ลี)ยอดฝีมือผู้ได้เข้าเฝ้าอ๋องฉิน เพราะกำจัดผู้ทำร้ายกองกำลังแคว้นฉินและผู้ที่เคยบุกเข้าประชิดอ๋องฉินหมาย สังหาร แต่ไม่สำเร็จ
ฟ้าเวิ้ง (ดอนนี่ เยน) มือทวนผู้เยี่ยมยุทธ ที่ทหารแคว้นฉินนับร้อยพันต้องล้มตายเพราะฝีมือเขามาแล้ว
กระบี่หัก (เหลียงเฉาเหว่ย) มือกระบี่ผู้ซึ่งเคยร่วมตะลุยฝ่าทหารฉินพร้อมกับคู่รักของเขา (หิมะเหิน) และเขาเข้าประชิดตัวฉินอ๋อง แต่การสังหารไม่เกิดขึ้น

หิมะเหิน (จางม่านอี้) มือกระบี่ผู้เคียดแค้นอ๋องฉิน และเป็นคู่รักของ กระบี่หัก

[เอสวา]

Gangster Squad แก๊งกุดหัวเจ้าพ่อ

ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  Gangster Squad แก๊งกุดหัวเจ้าพ่อ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1949 ณ เมือง ลอสแองเจอลีส ในยุคที่เจ้าพ่อแก๊งสเตอร์ครองเมือง โดยมิคกี้ โคเอน (ฌอน เพนน์) คุมกิจการอันผิดกฏหมายทั้งหมด เขามีกำลัง
ปกป้องมากมายทั้งลูกน้อง และตำรวจฉ้อฉลที่รับสินบน และได้ก่อวีรกรรมให้ชาวเมืองเดือดร้อนไปทั่ว ทางการจึงได้ส่งตำรวจมือปราบ จอห์น โอ’มาร่า (จอช โบรลิน) และเจอร์รี่ วูสเตอร์ (ไรอัน กลอสลิ่ง) มาเพื่อโค่นอำนาจของ มิคกี้ โคเอน ลงให้จงได้

[เอสวา]

เรื่องอะไรครับ ?

[เอสวา]

เรื่องอะไรครับ ?

[เอสวา]

เรื่องอะไรครับ ?

[เอสวา]

เรื่องอะไรครับ ?

[เอสวา]

เรื่องอะไรครับ ?

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

ตีสาม

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

RV Runaway Vacation  อาร์วี ซิ่งรถบ้านไปเถิดเถิง

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

The Taking of Pelham 123 ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Texas Chainsaw สิงหาต้องสับ

ทุกต้นปี ก็ต้องมีหนังสยองขวัญ มาต้อนรับการเข้าสู่ปีใหม่ เช่นเดียวกับหนังแอ็คชั่น และ หนังตลก และหนังที่เปิดต้นปีในปีนี้ ก็คือหนังภาคต่อ ของเจ้า หน้ากากหนังมนุษย์ ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ สิงหาสับ The Texas Chainsaw ที่ในครั้งนี้มันกลับมาพร้อมกับเหยื่อกลุ่มใหม่ และในระบบ 3D อีกด้วยหละ

ลืมหนังสองภาคที่ผ่านมาในศตวรรษที่ 21 ไปได้เลย เพราะนี่คือผลงานภาคต่อของ ?สิงหาสับ? เวอร์ชั่นปี 1974 ตัวจริงเสียงจริง!! เรื่องราวของภาคนี้เกิดขึ้นต่อจากเหตุการณ์สุดสยองในปี 1974 เมื่อ เฮทเธอร์ มิลเลอร์ (อเล็กซานดร้า แดดดาริโอ้) หญิงสาวที่เดินทางไปยังบ้านในรัฐเท็กซัส ที่เธอได้รับเป็นมรดก แต่หารู้ไม่ว่าเธอกับเพื่อนๆที่ไปด้วยกัน ต้องเผชิญหน้ากับ ?เลทเธอร์เฟซ? ฆาตกรจอมเลื่้อยสุดโหด ที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ !! ซึ่งพวกเธอและเขา จะต้องหนีรอดจากฆาตรกรให้ได้ และเพื่อเพิ่มความสมจริงขึ้นไปอีกระดับ นี่คือครั้งแรกของ ?สิงหาสับ? ที่ถ่ายทำกันในระบบสามมิติ ซึ่งจะทำให้คนดูหวาดกลัว ลุ้นระทึก ไป

Texas Chainsaw 3D กำกับการแสดงโดยผู้กำกับ จอห์น ลูสเซนฮอป ที่เมื่อปี 2-3 ปีก่อน เคยเอาทั้ง แร๊ปเปอร์ และ นักแสดงชายราศีจับเท่ๆ คูลๆ ไปรวมตัวกันในหนังรวมหัวปล้นอย่าง Takers และพาตัวหนังทะยานอยู่บนตารางหนังทำเงินอันดับหนึ่ง 2 สัปดาห์ซ้อนกันไปแล้ว ในปีนี้เขากลับมาพร้อมกับการหยิบเอาหนังในฉบับเก่ากึ๊กของ สิงหาสับ ตั้งแต่ปี 1974 มาทำภาคต่อ โดยการแถเนื้อเรื่องของตัวหนังในแบบฉบับผู้กำกับไปตามระเบียบ ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของ สิงหาสับ สักเท่าไหร่นัก เพราะนับได้ว่าเป็นตัวละครฆาตรกรบนแผ่นฟีลม์เรื่องเดียว ที่ส่วนตัวยังไม่เคยดูสักภาค ถึงแม้จะแผ่นดองกันมานานชาติกว่าๆแล้ว เพราะเหตุผลส่วนนึงคือไม่คิดว่ามันจะเป็นหนังที่มีอะไรโดดเด่นมากไปกว่าหนังไล่ฆ่ากันธรรมดาๆ โดยเฉพาะเมื่ออ่านจากคำวิจารณ์หลายๆที่

และก็ดูเหมือนว่าในฉบับใหม่ ก็ยิ่งจะตอกย้ำในสิ่งที่ผมเชื่อได้ส่วนนึง นั้นคือการที่ Texas Chainsaw ยังคงมีการเล่นตามสเตปหนังแนวฆาตรกรไล่เชือดตั้งแต่แรกแบบไม่แคร์ถึงแม้ว่าจะมี Cabin in the Woods ออกมาล้อเลียนหนังแนวนี้แล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นการเป็นไปตามสเต๊ปหนังแนวไล่เชือดในช่วงแรกของตัวหนัง จึงถือว่าเป็นความทรมานสำหรับคอหนังอย่างแท้จริง ที่ไม่มีทั้งความสดใหม่ หรือ ความน่ากลัว หลงเหลืออยู่ โดยการใช้แต่มุกตุ้งแช่เดิมๆ และการกระทำของตัวละครแต่ละตัว ที่แลดูค่อนข้างโง่จนสมควรแล้วที่จะได้เป็นเพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้น ยาวจนไปถึงกระทั่งการที่หนังยังมีมุกเดิมๆเช่น นางเอกวิ่งหกล้ม

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนผู้กำกับ จอห์น ลูสเซนฮอป จะรู้ทีว่า ถ้าหากปล่อยให้ตัวหนังวิ่งตามเส้นเรื่องโง่ๆตามสูตรของหนังแนวเชือดทั่วไป เห็นทีจะมีแต่โดนสับ ตัวหนังจึงมีการหักมุมตัวเรื่อง พร้อมกับการใส่เรื่องราวประเด็น ที่ถือได้ว่าเป็นส่วนนึงของตัวหนังที่ค่อนข้างโดนใจผมเอามากๆ ซึ่งการหักมุมของตัวหนัง Texas Chainsaw ไม่ได้กะจะเน้นให้เราเซอร์ไพรส์ หรือว่าตกอกตกใจ ที่เดาถูกเดาผิด อะไรเช่นนั้น แต่หนังกลับเลือกที่จะแสดงให้เราเห็นถึงคำ ยุติธรรม ว่าที่แท้จริงแล้ว ความยุติธรรม มันต้องมองจากมุมมองไหนกันแน่ ถ้าหากมองจากมุมมองของเราเพื่อกล่าวหาผู้อื่น ตัวเรานั้นก็ต้องเป็นฝ่ายถูก แต่ในมุมกลับกัน เช่นเดียวกับฉากหักมุมของหนัง ที่แสดงให้เห็นด้านความยุติธรรมของอีกฝ่ายแทน จึงถือว่าเป็นลูกเล่นอย่างนึงที่น่าสนใจ ที่ทำให้คนดูหลงทาง มึนงง

ว่าแท้จริงแล้ว เราควรจะเชียร์ฝ่ายใด เราควรจะเลือกมองความยุติธรรมจากฝ่ายใดกันแน่ ถึงแม้ว่าโดยรวมมันจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลกับการหักมุม ในแบบฉบับที่หนังเลือกก็ตาม โดยทางด้าน 3D ของตัวหนังในเรื่องนี้ที่ขายเต็มที่ว่าถ่ายทำในระบบ 3D ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เพราะถึงแม้ตัวหนังจะถ่ายทำในระบบ 3D แต่ในฉากพูดคุยธรรมดา ที่ไม่ใช่การปาข้าวของใส่ตา ใส่จอ กลับทำออกมาได้ค่อนข้างธรรมดา และ แบนเรียบ แต่เมื่อถึงฉาก เลื่อยทะลุจอ หรือ เนื้อสดทะลุตา ก็ถือว่าสามารถออกมาได้ดี และเป็นอีกลูกเล่นนึงที่สามารถทำให้ คนขวัญอ่อน กลัวเลือด กลัวเลื่อย ได้ตกใจกันเป็นระยะ กับสิ่งของที่หนังเลือกที่จะปาเข้าใส่

โดยสรุปแล้ว Texas Chainsaw 3D ก็ถือว่าเป็นหนังสยองขวัญ ที่มีทั้งข้อดี ข้อเสีย แล้วแต่คนจะชอบกันไป เพราะถ้าหากคุณยังไม่เบื่อจังหวะตุ้งแช่ และ หนังไล่เชือด แนวเดิมๆ คุณก็อาจจะได้ทั้งความสนุก สะดุ้ง และ ประเด็นในช่วงหักมุมของตัวหนังติดไม้ติดมือกลับไปด้วย พร้อมทั้ง 3D ทะลุตาด้วยเช่นเดียวกันครับ

6/10

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

The Bay (24ชั่วโมงแพร่พันธุ์สยอง)

เป็นหนังเปิดต้นปีของผมเลยก็ว่าได้ กับหนังแนวถือกล้องวิ่ง เฟ้า ฟุตเทจ กับการสร้างสถานการณ์ปลอมๆ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากสถานการณ์จริงๆในปี 2009 ของผู้กำกับ แบร์รี่ เลวินสัน ที่มาพร้อมกับนักแสดงที่ไม่รู้จักหน้าไม่รู้จักตากันมาก่อน กับหนังที่มีชื่อสั้นๆว่า The Bay หรือที่แปลว่า อ่าว นั้นเองหละครับ

ปลากว่าสองล้านตัวตายบนผิวน้ำอย่างเป็นปริศนา กินอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลจนมองไม่เห็นใต้น้ำ ใกล้ๆกันนั้นคลาริช เมืองประมงเล็กๆในรัฐแมร์รี่แลนด์ที่อยู่ติดกับอ่าวทะเล ประชากรในเมืองกำลังเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกากันเหมือนทุกปี แต่แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ ใครก็ตามที่สัมผัสกับน้ำทะเลเริ่มมีผื่นขึ้นตามตัว ไม่นานนักก็เกิดอาการเจ็บปวด สับสน คลุ้มคลั่ง และควบคุมตัวเองไม่ได้ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2009 ประชากรในเมืองคลาริชเสียชีวิตไปกว่า 95% ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์นี้อีก หรือมีหลักฐานใดๆที่ถูกบันทึกเอาไว้? จนกระทั่งบัดนี้ ที่เรื่องนี้จะเฉลยว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในระหว่างเหตุการณ์นั้น

The Bay ผลงานการกำกับของ แบร์รี่ เลวินสัน ผู้กำกับออสการ์ที่อายุก็ปาเข้าไป 70 ปีแล้ว ที่เราคงจะรู้จักผู้กำกับคนนี้ดี จากหนัง พี่ชาย ที่แสนดีอย่าง Rain Man ก่อนที่ผู้กำกับหลังๆส่วนมากจะหันไปกำกับหนังทางทีวีอย่างเช่น You Don't Know Jack เสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ผู้กำกับคนนี้ก็กลับมาแล้ว พร้อมกับหนังที่พยายามจะฉีกกรอบความเป็นหนังดราม่าของตนเอง กับการกระโดดมากำกับหนังแนว ฟุตเทจ ที่ตอนนี้กำลังเกลื่อนตลาดทั่วโลกอยู่มากมาย และก็ไม่รู้ว่านั้นเป็นเหตุที่ทำให้หนังเรื่องนี้ของผู้กำกับชื่อดัง ได้ออกฉายในอเมริกาแค่เพียงน้อยนิดโรง และปล่อยให้ดาวน์โหลดบน iTunes กันเลยรึปล่าว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในบ้านเราก็ได้เข้าฉายกันมาตามระเบียบ และเป็นหนังเปิดต้นปี 2013 เสียด้วย ที่ตัวหนัง The Bay เป็นหนังฟุตเทจที่อิงจากเหตุการณ์จริง

ที่เกิดขึ้นในปี 2009 กับการปลาหลายล้านตัว ที่ต้องตายเกลื่อนเนื่องด้วยสาเหตุของ แมงกินลิ้น หรือ เห็บปลา นั้นเอง ว่าแล้วผู้กำกับเลยเอาเหตุการณ์ดังกล่าวมาผูกเรื่อง แต่งสี เติมกลิ่น เข้าไปจนกลายเป็นหนังระทึกเสียเลย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมก็เป็นที่ไม่ได้ชื่นชอบหนังแนวฟุตเทจสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น Paranormal Activity 1-4 , Apollo 18 หรือแม้แต่ Cloverfield ไม่ใช่เพราะว่าตัวหนังนั้นมาพร้อมกับภาพสุดมึนหัว แต่ส่วนตัวกลับรู้ว่าหนังพวกนี้มันตั้งใจจะขายไอเดียในการถ่ายภาพ และ ฟุตเทจ เสียมากกว่าจะขายตัวเรื่อง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เช่นนั้นกับ The Bay ที่ลบคติ และสิ่งที่หนังฟุตเทจเรื่องก่อนๆทำมา

ด้วยการใส่ทั้ง ดนตรีประกอบ ที่ทำให้ตัวหนังเรื่องนี้ระทึกจนทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่าดูหนังฟุตเทจลวงๆอยู่ แต่กำลังดูหนังทริลเลอร์ ลุ้นระทึก เรื่องนึงอยู่ตั้งหาก เพราะดูเหมือนในข้อนี้ผู้กำกับจะรู้อยู่แล้วว่าจะพยายามหลอกคนดูอะไรไปก็คงจะไม่มีใครเชื่อกันอีกแล้วในสมัยนี้ ว่าแล้วเขาเลยจัดเต็มด้าน ดนตรีประกอบ และ ภาพ ข้อมูล ต่างๆอีกหลายอย่าง รวมทั้งใส่ชื่อ ผู้กำกับ และ ทีมงาน หลัง เอ็น เครดิต (ที่ปกติหนังฟุตเทจส่วนมากจะไม่ใส่) เข้ามาอีกด้วย โดยก็ดูเหมือนว่าผู้กำกับจะค่อนข้างคิดถูกทีเดียวกับการที่ใส่ ดนตรีประกอบ เข้ามา เพราะเมื่อรวมกับการ ตัดต่อ ของตัวหนัง มันจึงทำให้ The Bay ถือว่าเป็นหนังฟุตเทจที่ทำออกมาได้ระทึก และ กดดัน ที่ดูสนุก ไม่น่าเบื่อ เหมือน Paranormal Activity เลยก็ว่าได้ แถมดูเหมือนผู้กำกับ แบร์รี่ เลวินสัน ก็ยังจะไม่ทิ้งลายออสการ์ไปง่ายๆ

เมื่อตัวหนัง The Bay ยังมีลูกเล่นในการเสียดสีเรื่องต่างๆในสังคม ไม่ว่าจะเป็น ความเห็นแก่ตัว ที่หวังผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม , การเชื่อมโยงเรื่องภาวะโลกร้อน มาให้เห็นว่า เวลาเกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆคนเราก็มักจะโทษสิ่งนี้ก่อนเสมอ โดยที่ไม่ได้คิดจะหาทางแก้ไขตั้งแต่ต้นเหตุสักเท่าไหร่ หรือแม้แต่ พฤติกรรม ของวัยรุ่น เมื่อเจอโรค เจ็บไข้ได้ป่วยแปลกๆ แต่กลับเลือกที่จะปรึกษาเพื่อนก่อนหมอ และ ครอบครัว เสมอ แต่ก็อย่างว่า ถึงแม้ตัวหนังจะมีการตัดต่อ และ ประเด็นเสียดสีๆต่าง ที่ผมดูแล้วค่อนข้างชอบ แต่ใครที่ไม่ถูกใจหนังแนว ฟุตเทจ เป็นทุนเดิม แถมยังคิดอีกว่ามันเชย และ น่าเบื่อมากแล้วในยุคสมัยนี้

The Bay ก็น่าจะเป็นหนังที่ไม่ค่อยถูกอกถูกใจคุณสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังก็มีลูกเล่นๆต่างในการเล่าเรื่องเหมือนหนังฟุตเทจเรื่องต่างๆนั้นแหละ แถมทางด้านตัวบทก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่มากเหมือนกัน เมื่อตัวหนังได้เล่นสเกลที่ค่อนข้างใหญ่กับ น้ำดื่ม ซึ่งใครจะชอบ ใครจะไม่ชอบ ก็ต้องแล้วแต่รสนิยม

8/10

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

The Guillotines : พยัคฆ์ร้ายกิโยติน

ถูกต้องครับ

หนังรับต้นปีอีกเรื่องนึง ที่เรื่องนี้มาจากฝั่งเอเชีย แถมในบ้านเรายังเข้าฉายในระบบ 3D อีกด้วย กับหนังที่เป็นการผนึกกำลังกันของผู้กำกับ แอนดรูว์ เลา และ โปรดิวเซอร์อย่าง ปีเตอร์ ชาน ที่คนนึงเก่งด้านไหวพริบตัวบท ส่วนอีกคนเก่งด้าน แอ็คชั่น วิทยายุทธ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้าหากผมจะคาดหวังไว้มาก

หนังทุ่มทุนสร้างกว่า 450 ล้านบาท แถมยังได้ทีมนักแสดงแถวหน้าของวงการเข้ามาร่วมงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หวงเสี่ยวหมิง (Ip Man 2), หรวนจิงเทียน (Monga), หยูเหวินเล่อ (Reign of Assassins), หลี่ยู่ชุน (Bodyguards and Assassins) และ จิ่งป๋อหราน (หนึ่งในคู่หูดูโอ BOBO) The Guillotines ว่าด้วยเรื่องราวของหน่วยมือสังหารลับของฮ่องเต้ ที่ใช้จักรโลหิตเป็นอาวุธในการสังหารผู้ที่พยายามล้มราชบัลลังก์ แต่แล้วพวกเขาก็ต้องถูกฮ่องเต้หักหลังด้วยการส่งทีมสังหารที่ใช้อาวุธทันสมัยกว่ามาจัดการ ทาให้พวกเขาต้องหนีจากพวกมัน พร้อมทั้งยังต้องตามล่ากลุ่มคนทรยศอย่าง คนเลี้ยงแกะ ที่กำลังหลบหนีอีกด้วย

The Guillotines หรือในชื่อไทยคือ พยัคฆ์ร้ายกิโยติน เป็นผลงานการกำกับของ แอนดรูว์ เลา ที่คนไทยเราคงไม่มีใครไม่รู้จักเขา จากหนังชิงไหวชิงพริบ บทอันซับซ้อน และ คลาสสิค อย่าง Infernal Affairs (2 คน 2 คม) ทั้ง 3 ภาค ที่นอกจากเขาจะรับหน้าที่กำกับแล้ว ยังมีผู้กำกับอีกคนมาเป็นโปรดิวเซอร์อย่าง ปีเตอร์ ชาน มาคอยคุมคิวบู๊ และ บท ให้อีกด้วย กับตัวหนังที่เป็นการรีเมคมาจากหนังในชื่อว่า The Flying Guillotines หรือ ?ฤทธิ์จักรพญายม? หนังกำลังภายในอันคลาสสิคของชอว์บราเดอร์ ที่ไม่รู้ว่ายังเรียกว่าเป็นสิ่งที่พิเศษอีกไหมสำหรับตอนนี้ ที่ตัวหนังยังทุ่มเวลาเกือบปีครึ่งในการพัฒนา ถ่ายทำ ระบบ 3D อีกด้วย และจากตัวอย่างหนังผมก็ต้องขอบอกเลยว่า ค่อนข้างคาดหวังมากพอสมควร ที่จะได้เห็นหนังจีนแอ็คชั่นมันส์ๆ ปนวิทยายุทธ เท่ๆ และ อาวุธลับเจ๋งๆของตัวเอก

แต่ก็ดูเหมือนสิ่งที่ผมหวังจะค่อนข้างผิดคาดไปสักนิด เมื่อปรากฏเอาเข้าจริงๆแล้ว The Guillotines จะบอกว่าเป็นหนังที่น่าผิดหวังรับต้นปีของผมเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากตัวหนัง จะขาดแคลนฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ เจ๋งๆ ไม่เหมือนกับที่ตัวอย่างขายแล้ว ในด้านตัวบท และ การตัดต่อ ของตัวหนัง ยังถือได้ว่าออกมามั่วสุดๆไม่แพ้กับ Flying Sword of Dragon Gates ของ เจ็ท ลี และผู้กำกับ ฉีเคอะ เมื่อต้นปีก่อนเลย ซึ่งถ้าหากตัวหนัง The Guillotines ขาดแคลนฉากแอ็คชั่น แต่เอาเวลาไปพัฒนาด้านบทให้น่าสนใจ ก็จะถือว่าเป็นสิ่งที่พอแลกกันได้นัก แต่ดูเหมือนตัวหนังจะไม่ได้เอาเวลาที่สูญเสียไป ไปใช้ได้เกิดประโยชน์สักเท่าไหร่

เพราะสิ่งที่ดูเหมือนจะน่าเสียดายที่สุดใน The Guillotines นอกจากการตัดต่อ ที่เละเทะจนไม่น่าจะใช่หนังของ แอนดรูว์ เลา แล้ว ตัวหนังมันยังดูเหมือนจะมาถูกทาง และเกือบที่จะไปจับแตะเอาประเด็นที่ปูมาตั้งแต่ต้น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่าง เข้มข้น และ น่าสนใจ แล้วเชียว ถ้าหากมันไม่พังทะลายเสียก่อนด้วยการตัดทิ้งไปอย่างดื้อๆ กับการที่ตัวหนังปูมาให้ตัวละครหลักทั้ง 2 เป็น คนชนชั้นเบี้ยล่าง ที่คนนึงยอมรับกับสิ่งที่ตนเป็น กับอีกคน ที่ปล่อยให้รูปลักษณ์ และ ฐานะ ภายนอก มาเป็นคนตัดสินเสียมากกว่า ที่ท้ายสุดเมื่อ 2 ตัวละครนี้ต้องมาฟาดฟันกัน ตัวหนังมันก็น่าจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ปูได้ดีกว่านี้ เช่นเดียวกับด้านของประเด็น เกียรติศักดิ์ และ ความจงรักภักดี ที่ตัวหนังมีแตะๆแคะๆ แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่กลับไม่ได้ลงลึกไปเหมือนผลงานเก่าอย่าง 2 คน 2 คม เลยนะ

จนท้ายสุดมันจึงทำให้สิ่งที่ตัวหนังพยายามสร้างมิติให้กับตัวละครทั้งหมด 7-8 ตัว ต้องมาจบลงและกลายเป็นเหมือนสิ่งที่ตัวหนังพยายามยัดเยียดให้คนดูซึ้งเท่านั้น โดยสิ่งที่ยังดูเหมือนว่ายังคงโดดเด่นใน The Guillotines และผู้กำกับยังคงประครองมาให้จนถึงฝั่งได้ คงหนีไม่พ้นการที่ตัวหนังได้แสดงถึง ความดำมืด และ ชั่วช้า ของตัวละครทั้ง 2 ฝ่ายได้ชัดเจน ฝ่ายนึงฆ่า กดขี่ ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่น้อยหน้า จนหลอกล่อคนดูให้อยู่ฝ่ายกลาง โดยที่ไม่ได้เอาใจช่วยตัวละครฝ่ายไหนได้อย่างชัดเจน จนทำให้คนดูตกอยู่ในสภาวะหลงทาง เช่นเดียวกับจิตใจของตัวละครหลัก ซึ่งถ้าองค์ประกอบอื่นๆในตัวหนังมันทำออกมาดีกว่าที่เป็นอยู่นี่

ตัวหนัง The Guillotines คงจะเป็นหนังจีน กำลังภายใน ที่แฝงปรัญชา และ ลูกเล่น ได้อย่างสนุกสนานแน่นอน แต่ในเมื่อความจริงแล้วตัวหนังกลับทำออกมาได้น่าผิดหวังทั้ง การตัดต่อ ตัวบท และ ฉากแอ็คชั่น ก็ดูเหมือนเราก็คงไม่ต้องแปลกใจกันอีกแล้ว ว่าทำไมตัวหนังถึงทำรายได้ค่อนข้างน้อยแม้แต่ในบ้านเกิดตน

6/10

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

upside down นิยามรักปฏิวัติสองโลก

ไอเดียแปลกตา ไม่เคยหมดไปจากโลกนี้จริงๆ และนี้ก็คือหนังตัวอย่างของข้อความดังกล่าวนั้น กับ Upside Down ที่ขายเรื่องราวของ 2 โลกที่มาบรรจบกันเพราะแรงโน้มถ่วง โดยตัวหนังมีนักแสดงอย่าง เคิร์ทเท่น ดัสท์ และ จิม สเตอร์เจส ประกอบคู่กัน พร้อมกับอีกหลายนักแสดงคุ้นหน้าคุ้นตาอีกด้วย

อดัม เด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีชีวิตเรียบง่ายอาศัยอยู่ในจักรวาลอันบิดเบี้ยว เมื่อวิถีแห่งแรงโน้มถ่วงได้ทำให้โลกถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน มีเพียงท้องฟ้าเบื้องบนเท่านั้นที่มาบรรจบเข้าหากัน ซึ่ง อดัม อาศัยอยู่ในโลกเบื้องล่างที่ๆเป็นของคนชนชั้นกรรมกรอาศัยอยู่ รักแรกพบของเขากับ อีเด็น มันเป็นความฝั่งใจที่เขาไม่เคยลืมและเขารู้สึกได้เลยว่า อีเด็น เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวผู้น่ารักจิตใจดีที่มาจากโลกเบื้องบน จนกระทั่งความบังเอิญที่ได้ถูกกำหนดให้ อดัม และ อีเด็น ได้พบกันอีกครั้ง แต่ด้วยเพราะกฎเหล็กห้ามไม่ให้คนทั้งคู่ได้พบรักกัน ข้อห้ามของแรงดึงดูดและกฎหมายอาจจะเป็นแค่หนาม ที่รอให้เขาก้าวข้ามผ่านมัน

Upside Down ผลงานการกำกับของผู้กำกับ ฮวน โซลานาส ผู้กำกับที่เคยเป็นทั้งช่างภาพ และ มือเขียนบท ให้กับหนังฝรั่งเศสหลายเรื่องมาแล้ว โดยในหนังฟอร์มใหญ่เรื่องใหม่ของเขาอย่าง Upside Down นี้ ก็ไม่รู้เพราะด้วยเหตุเพราะนำเอาฟีลม์ไปแปลงเป็น 3D หรือเพราะการถ่ายทำล่าช้า จึงทำเอาตัวหนังโดนดองมานานพอสมควร จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไม 2 พระนางถึงหน้าเด็ก โดยเฉพาะ ดัสท์ นั้นเอง ซึ่งตัวหนังเรื่องนี้เป็นตัวหนังกึ่งลูกครึ่ง แคนาดา และ ฝรั่งเศส แต่ดาราส่วนมากจะมาจากฮอลลีวู้ด ที่ไอเดียการเขียนบทของตัวหนัง ก็เป็นของตัวผู้กำกับ ฮวน โซลานาส เองเสียด้วย โดยไอเดียนำเอา 2 โลก มาบรรจบกัน พร้อมกับการคิดทฤษฏี แรงโน้มถ่วง ของตัวหนัง ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และ น่าจะดีที่สุดในหนังเลยก็ว่าได้ กับไอเดีย และ ตัวเรื่องที่ขายโปรดักชั่นอาร์ท

เพราะถึงแม้การที่ตัวหนังจะมีการใช้โทนภาพเป็นสีแบบเข้มๆ เงาๆ จัด ก็ยังไม่สามารถบดบง อาร์ท ไดเรกเตอร์ ของตัวหนัง ที่สามารถเนรมิตโลกที่มาบรรจบกันออกมาได้อย่างสวยงาม และ อลังการ ที่ตัวหนังจะสามารถทำให้เราเห็นทั้งมุมมองของโลกทั้ง 2 ได้ตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้คนดูอาจจะสงสัยว่า การที่ตัวหนังเปลี่ยนมุมมองของ โลกข้างบน และ โลกด้านล่างบ่อยๆ ตัวหนังพยายามจะสื่อเรื่องมุมมองของคน 2 โลก จนทำให้พวกเขาแตกต่างกันรึปล่าว แต่เมื่อตัวหนังจบลง ก็ดูเหมือนคนดูจะได้รับคำตอบนั้นแล้ว ว่าที่จริงตัวหนัง Upside Down ก็เป็นเพียงแค่หนังที่มาพร้อมกับการขายโปรดักชั่น แต่กลับไม่ใช่ด้านบทหนัง

เพราะการที่ตัวหนังยังเอาคำที่ว่า 'ความรักชนะทุกสิ่ง' มานำเสนอ และ ดันให้มันดูเป็นเหตุผลหลักมากกว่าความสมเหตุสมผล ของกฏ แรงโน้มถ่วง และ โลกทั้ง 2 ใบ ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ผิดพลาดมาก จนทำให้ตัวหนังนั้นเต็มไปด้วยช่องโหว่ ช่องว่าง ที่ทำให้ตัวหนังสเกลใหญ่เรื่องนี้ดูขาดๆเกินๆ ทั้งเรื่องของ ความรัก และ ประเด็นชนชั้น ที่ในตอนแรกตัวหนังดูเหมือนพยายามจะดันให้มันควบคู่ไปกับเรื่องราวความรักของ 2 พระนาง แต่ก็ดูเหมือนท้ายสุดการที่ผู้กำกับ ต้องการที่จะขายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ความรัก , ชนชั้น และ ฉากอลังการ ภายในเวลาเพียง 100 นาที จะกลายเป็นความล้มเหลวในแทบทุกด้าน โดยหนำซ้ำสิ่งที่ดูเหมือนจะล้มเหลวที่สุดในหนังคงยังหนีไม่พ้นเรื่อง ความรัก ของพระนาง ที่ดูเหมือนตัวหนังจะรีบๆร้อนๆตั้งแต่ช่วงปูบทตอนแรกของหนัง

จึงไม่แปลกใจถ้าหากคนดูส่วนมากจะไม่อินไปกับการฝ่าอุปสรรค์ความรักครั้งนี้ ที่ทุกอย่างดูรีบๆร้อนๆจนลืมไปว่าบางที หลายเหตุผลของการขึ้นไปด้านบนของตัวเอก หรือแม้แต่สิ่งอื่นๆอีกมากมาย มันไปทับซ้อนกับเหตุผล และ กฏแรงโน้มถ่วงที่ตัวหนังตั้งขึ้นมาเอง และพยายามให้คนดูลืมๆมันไปซะเช่นเดียวกับการที่พระเอกลืมจุดยืนของตัวเองเช่นเดียวกัน โดยในด้านของนักแสดง 2 คนอย่าง จิม สเตอร์เกส และ เคียร์สเทน ดันสต์ ไม่รู้ว่าตัวบทไม่ส่ง หรือ เคมีของคู่นี้มันไม่เข้ากันจริงๆ จึงทำให้ตัวหนังดูก่ำๆกึ่งๆระหว่าง โรแมนติค และ โรแมนตก แต่ถ้าหากมองเป็นรายคนแล้ว ด้านนักแสดงชายอย่าง สเตอร์เกส ดูมีอนาคตไกล

โดยเฉพาะเสน่ห์ และ หน้าตา ที่น่าจะมีสิทธิ์ได้เล่นหนังรางวัลกับเขาบางในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วผมถือว่า Upside Down เป็นหนังที่ค่อนข้างน่าผิดหวังตั้งแต่ต้นปี ตั้งแต่ด้าน บท ที่รีบร้อนๆ และ ประเด็น ที่ไปไม่สุด จะมีดีก็แต่ด้านของ โปรดักชั่น ที่ออกมายิ่งใหญ่อลังการเช่นเดียวกับไอเดียหนังนั้นเอง

6/10

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Jack Reacher ยอดคนสืบระห่ำ

ฐานทั้งหมดได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งซึ่งถูกนำตัวมาสอบสวน ในระหว่างการสอบปากคำ ผู้ต้องสงสัยนั้นได้เขียนข้อความเพียง ?หา แจ็ค รีชเชอร์!? นี่คือจุดเริ่มต้นของการตามล่าหาความจริงที่แบบเหนือกฏเกณฑ์ การท้าชนของ แจ็ค รีชเชอร์ กับ ศัตรูที่คาดไม่ถึง ด้วยการใช้ทักษะการต่อสู้แบบตาต่อตาที่โหดเหี้ยมจึงเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ แจ็ค รีชเชอร์ สืบเข้าไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่า คดีนี้ มันมีลับลมคมใน มากกว่ารูปพรรณนาที่เห็นเสียอีกด้วยหละสิ

Jack Reacher เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ แม็คคัวรี่ย์ ที่หลังจากเมื่อปี 2000 เคยเปิดตัวด้วยหนังแนวอาชญากรรมเล็กๆไปแล้วใน The Way of Gun แถมยังไปเป็นมือเขียนบทให้กับหนังแนวสายลับมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Valkyrie , The Tourist แม้แต่กระทั่ง The Usual Suspects ด้วย โดยหลังจากไปอยู่ในฐานะมือเขียนบทอยู่หลายปี ในปีนี้ก็ได้ฤกษ์ที่เขาจะกลับมากำกับหนังอีกครั้ง ในหนังที่สร้างมาจากหนังสือนิยายชุด แจ็ค รีชเชอร์ ที่ตอนที่ในหนังหยิบเอามาใช้นั้นเป็นชื่อตอนว่า One Shot ที่เขียนโดย ลี ไชลด์ โดยนอกจาก ทอม ครูซ จะนำแสดงเองในหนังเรื่องนี้ เขายังเป็นป๋าดันโดยการเป็นโปรดิวเซอร์ และกำลังเล็งตัวผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ แม็คคัวรี่ย์ เพื่อมากำกับ Mission Impossible 5 หลังจาก แบรด เบิร์ด ถอนตัวออกไปอีกด้วยหละครับ

ซึ่งโดยส่วนตัวผมนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบหนังแนว สืบสวน มากพอสมควร ไม่ว่าจะสืบสวนด้วยวิธีอะไร และ ตัวเอกมีอาชีพอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น Se7en , The Usual Suspects หรือแม้แต่ The Lincoln Lawyer ที่ถ้าหากจะให้ผมเปรียบ Jack Reacher เป็นหนังที่มีอารมณ์คล้ายกับเรื่องไหนมากที่สุด ผมคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวหนังมีความเป็น Drive และใช้วิธีการต่อจิ๊กซอว์คดีที่หนังเปิดมา ได้คล้ายหนังสืบสวนเรื่องต่างๆที่ผมยกตัวอย่างมามากพอสมควร เพราะฉะนั้นก็คงจะเป็นกันไปตามกฏระเบียบ ในเมื่อตัวหนังยังคงใช้วิธีการสืบสวน และ หักมุม ตามประสาของหนังแนวนี้เดิมๆ ตัวหนังก็คงจะมีการถูกเปรียบว่าซ้ำบ้าง จำเจบ้าง

แต่ถ้าหากจะให้พูดในมุมมองส่วนตัวของผมในฐานะที่ชื่นชอบหนังแนวสืบสวนเป็นทุนเดิม ก็คงต้องขอบอกเลยว่า ถึงแม้ตัวหนังจะมีการดำเนินเรื่อง และ แกะหาหลักฐาน ตามในแบบฉบับสูตรเดิมๆของหนังสืบสวนอยู่มากพอสมควร แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า ตัวหนัง Jack Reacher ก็สามารถดึงเอาส่วนอื่นๆมาหักล้างกับการดำเนินเรื่องตามสูตรที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ ได้อย่างสนุกสนาน และ ทำให้คนดูเอาใจช่วยตัวละครได้ ซึ่งสิ่งที่ดูเหมือนว่า Jack Reacher จะคิดถูกในด้านนึงคือการที่นำเอาเรื่องราวของ การสืบสวน ขึ้นหน้ามาให้โดดเด่นมากกว่า ฉากแอ็คชั่น และปล่อยให้การแกะรูปคดีต่างๆเป็นตัวดำเนินเรื่อง โดยจะใส่ฉากแอ็คชั่นเข้ามาเมื่อมีจังหวะเหมาะ ด้วยสไตล์ฉากแอ็คชั่นของตัวผู้กำกับ ก็ถือว่าเป็นอีกส่วนนึงที่น่าสนใจ กับการที่ตัวหนังไม่ได้สกอร์บิ้วคนดูเข้ามาเลย

แต่ปล่อยให้อารมณ์ความดิบ เถื่อน เท่ห์ ของ ทอม ครูซ เป็นตัวนำพาอารมณ์ความมันส์ของคนดูเสียมากกว่า พร้อมทั้งมีการใส่เรื่องราวของ ความยุติธรรม และ ความบริสุทธิ์ เข้ามาให้คล้ายกับ The Lincoln Lawyer ถือว่าเป็นอีกหนึ่งน้ำจิ้มที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งถึงแม้ความพยายามของตัวหนัง ที่จะสร้างตัวละคร แจ็ค รีชเชอร์ ของ ทอม ครูซ ให้คล้ายกับ นักขับรถ ไรอัน กอสลิ่ง ใน Drive จะล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะตัวหนังไม่ได้เสริมสร้างมิติ และ รูปคดี ที่ทำให้ตัวละครรู้สึกโดดเด่นเท่าเรื่องดังกล่าว แต่กระนั้นในฉากที่ ทอม ครูซ ต้องโชว์พลังคาแรกเตอร์เพื่อล้างแค้น มันก็ยังแลดูดุเดือด และ เท่ ไปไม่แพ้กันเลยหละ

เพราะฉะนั้นโดยรวมแล้ว Jack Reacher อาจจะดำเนินเรื่องตามสูตรหนังแนวสืบสวนแทบจะทุกระเบียบ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ตัวหนังดูสนุกน้อยลงเลยสักนิด แถมหนำซ้ำ คาแรกเตอร์ แจ็ค รีชเชอร์ ของ ทอม ครูซ ก็ยังถือว่าดูเท่ และ ทำสำเร็จใน ฉากแอ็คชั่น ที่ทำให้เรารู้สึกเอาใจช่วย และ มันส์ ไปกับยอดนักสืบได้

8/10

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

[จอมใจไร้รัก]

เรื่องอะไรครับ ?

[เอสวา]

เรื่องอะไรครับ ?

Zodiac วิ่งปล้นฟัด

[เอสวา]

เรื่องอะไรครับ ?

Wreck it Ralph ราล์ฟ วายร้ายหัวใจฮีโร่ สนุกครับ ให้ 7/10 ครับ

[TeW]

เรื่องอะไรครับ ?

pitch perfect  [เจ๋ง]

[TeW]

เรื่องอะไรครับ ?

คุณนายโฮ ครับ [เจ๋ง]

[theone01]

เรื่องอะไรครับ ?

ColdWar2คมล่าถล่มเมือง

[ROMMY]

โอ่ยย คุณทอม คุณเอก ผมหายไปนานต่อไม่ติดเลยครับ5555 รอๆๆ ลีอตใหม่เเล้วจะมาเล่นด้วยครับ  [เจ๋ง]

[TeW]

เรื่องอะไรครับ