Aqua.c1ub.net
*
  Sat 02/Aug/2025
หน้า: 1 ... 151 152 153 154 155 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 757778 ครั้ง)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4560 เมื่อ: 25/10/13, [13:33:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อีกซักเรื่องครับ (วันนี้มี2เรื่องเเบบเบาๆ)
เรื่องอะไรครับ???????????????????

17 againใช่เปล่าครับ คุ้นๆ อีกเรื่องไม่เคยดูเลยครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4561 เมื่อ: 25/10/13, [15:28:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

hansel & gretel witch hunters นักล่าแม่มดพันธุ์ดิบ

หนังดัดแปลงจากนิทานเทพนิยายกริมม์ ที่ถูกนำเอามาดัดแปลงเป็นหนังแนวแอ็คชั่นตีความใหม่ ที่ตามจริงแล้วตัวหนังมีกำหนดฉายกันตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เนื่องด้วยปัญหาที่ต้องนับกลับไปถ่ายทำซ่อม และแก้ฉากมากมายใหม่ ตัวหนังเลยท้ายสุดแล้วได้ฉายในสิ้นเดือนมกราคม ของปีนี้ แทน แถมยังในระบบ 3D ด้วย

การกลับมาอีกครั้งที่จะทำให้คุณได้รับรู้เรื่องราวอันเป็นไปใน 15 ปี ให้หลังของสองพี่น้อง ฮันเซล และ เกรเทล หลังจากหลายปีก่อน เขาทั้งคู่เอาตัวรอดออกมาจากบ้านขนมปังที่เกือบถูกแม่มดใจร้าย ย่างพวกเขาสด ๆ มาได้ และกำจัดนางในเตาอบขนมปัง ณ บ้านนั้น จวบจนวันนี้ ความแค้นของทั้งคู่ยังคุกกรุ่น สองพี่น้องกับแม่มดเป็น อะไรที่ไม่ถูกกัน พวกเขากลายเป็นนักล่าแม่มดตัวยงของเมือง ซึ่งต่อมาไม่นาน หน้าที่ของทั้งสองได้ถูกทดสอบครั้งใหญ่กับแม่มดตน ใหม่ ที่พร้อมจะคร่าชีวิตเด็กผู้บริสุทธิ์ยกเมืองในพิธีกรรมของเจ้าหล่อน ทำให้ทั้งคู่ต้องยับยั้งเหตุการณ์ความชั่วร้ายครั้งนี้ของนางให้ได้ ก่อนที่เด็กบริสุทธิ์จะหายไป

Hansel and Gretel : Witch Hunters เป็นผลงานการกำกับของผกก.ชาวนอร์เวย์อย่าง ทอมมี่ เวอร์โคล่า ที่สร้างชื่อของตัวเองด้วยการทำหนังคัลต์ นาซี ซอมบี้ สุดเถื่อนอย่าง Dead Snow จนไปเข้าตาขาหนังแนวนี้กันหลายต่อหลายคนแล้ว โดยในผลงานหนังใหญ่เรื่องแรกของเขาอย่างเรื่องนี้ เขาก็ยังคงไม่ทิ้งลายความดิบเถื่อน และ ลูกบ้า จนทำให้ตัวหนังได้เรท R ไปแบบไม่ต้องสงสัย โดยหลังจากในปีที่แล้วเราเคยมีหนังที่สร้างมาจากนิทานแฟนตาซี และนำมาตีความใหม่หลากเรื่อง ไม่ว่าจะว่าเป็น Snow White and the Huntsman หรือแม้แต่อีกหลายๆเรื่องที่กำลังจะตามมา ซึ่งจากที่ส่วนตัวผมได้ลองอ่านเนื้อเรื่องย่อของหนังเหล่านั้นดูแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่ Hansel and Gretel : Witch Hunters นี่แหละ ที่ตัวเรื่องดูจะเขียนต่อจากเทพนิยายเหล่านั้นได้อย่างน่าสนใจดี

ซึ่งถ้าหากใครเคยอ่านเทพนิยายเรื่องนี้ก็คงจะสงสัยมากมาย ว่าหลังจากพี่น้อง ฮันเซล และ เกรเทล ได้ฆ่าแม่มดแล้ว อะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น และผกก. เวอร์โคล่า ก็ได้นำมันมาตีความใหม่ด้วยสไตล์ความแนว และ อารมณ์ต้นทุนแบบคัลต์กันเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่เมื่อด้านของ ความสนุก ของตัวหนังกลับไม่ได้แม้แต่ครึ่งนึงของความคิดสร้างสรรค์ที่ผู้กำกับทำมา โดยส่วนนึงคงหนีไม่พ้นการเล่าเรื่องด้วยจังหวะแปลกๆ จนมีอารมณ์เหมือนว่าคนดูกำลังกดปุ่ม Fast Forward และหยุด และกดใหม่ๆเรื่อยๆตลอดเวลา 88 นาที จนทำให้ฉากแอ็คชั่น และ ไคล์แมกซ์ ที่ดูเหมือนจะสนุก และ มันส์มากกว่านี้

ต้องกลายเป็นฉากที่คนดูกำลังกด Fast Forward แบบฉบับ 20x จนความสนุกหายไปทั้งที่ยังไม่ทันได้หายใจออกเลยสักนิด เช่นเดียวกับตัวเรื่องของหนัง ที่เต็มไปด้วยจังหวะ ขรุขระ และ น่าเบื่อ โดยเฉพาะฉากหยุดนิ่งรำลึกถึงอดีต และ ปมปัญหา ของคู่พี่น้อง ที่นำเอาความแปลกในตัวคาแรกเตอร์มาเล่นในช่วงแรก พร้อมทั้งเรื่องราวการหักตัวเรื่อง และ ประเด็นด้านของจริยธรรมเล็กๆ ที่ในตอนแรกดูเหมือนว่าตัวหนังจะพาเรื่องเหล่านั้นไปไกลกว่าที่เห็น ทั้งที่จริงแล้วตัวหนังกลับทิ้งเอากลางทางทั้งหมด แต่ก็ยังจะพยายามใส่ประเด็นใหม่ๆที่ไม่มีจุดจบของสิ่งเหล่านั้นเข้ามาเรื่อยๆ จนตั้งคำถามอีกมากมายให้กับคนดู ที่เรียกได้ว่า อาวุธเจ๋งๆ และ ลูกบ้า ที่เต็มไปด้วยเลือดในฉากแอ็คชั่นยังไม่สามารถช่วยดึงหนังออกมาจากความผิดหวังได้ โดยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นในหนัง

คงจะมีแต่การแสดง และ ลูกเล่น 3D ที่ในด้านการนำเอา เจเรมี่ เรนเนอร์ และ เจมม่า อาร์เทนตั้น มาเข้าคู่กัน ผลลัพธ์ที่ออกมาโดยรวมถือว่าดีเกินคาด กับการที่นำเอา หนุ่มวัย 40 กว่า มาเข้าขากับสาวที่อายุยังไม่เหยียบเลข 3 ส่วนนึงคงเพราะการเข้าขา และ เคมี่ ที่เข้ากันของ 2 แสดง ที่รวยเสน่ห์แต่ไม่ชิงดีชิงเด่นกัน ถึงแม้จะมีหลายๆฉากที่เรารู้สึกได้ว่า 2 คนนี้มันข้ามขั้นความเป็นพี่น้องกันไปแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับในระบบ 3D ที่น่าจะตอบสนองสำหรับใครที่ต้องการสิ่งของพุ่งเข้าหน้าเข้าตา ที่มาเป็นระยะๆไม่ให้หลับไปก่อนได้ ซึ่งรอบที่ผมได้ดูก็เป็นในระบบ 4DX ด้วย ซึ่งก็สามารถเพิ่มอรรถรสในฉากสะดุ้ง และ แอ็คชั่น ได้ในระดับนึง ถึงแม้จะแอบโยกมั่ว และยังโชว์เอฟเฟกต์น้อยไปนิด ถ้าหากนำเอาไปเทียบกับ Fright Night ที่ได้ดูในระบบ 4DX เช่นเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว

ซึ่งโดยสรุปแล้วผมคิดว่า Hansel and Gretel จัดได้ว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง เพราะหนังมีวัตถุดิบดีๆอย่าง ตัวบทที่สร้างสรรค์ ลูกบ้า และ เหล่าแม่มดที่ครีเอ็ทกันมาน่าสนใจ แต่ไหงพอผลลัพธุ์ออกมาจริงๆกลับเละเทะ เช่นเดียวกับสมองที่กระจัดกระจายของ คน และ แม่มด ที่มาเป็นระยะๆในตัวหนังด้วยนะ

6/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4562 เมื่อ: 25/10/13, [15:32:01] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Les Miserables

คนเรามักแสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปบนโลกที่เรื่องเลวร้ายมักเกิดมากกว่า เรื่องดีๆ นี้ได้ ใครยึดถือสิ่งใดการกระทำหรืออุปนิสัยก็จะแสดงออกมาตามสิ่งที่ยึดนั้น บางคนนำศาสนามายึดเหนี่ยวและนำทาง บางคนยึดถือเป้าหมายและพยายามมุ่งไปที่นั้น บางคนยึดถือกฎหมายว่าสิ่งนี้คือความถูกต้องเที่ยงธรรม บางคนยึดถือผลประโยชน์และเงินตรายิ่งมากยิ่งดีโดยไม่คำนึงว่าจะได้มาด้วย วิธีการใด บางคนยึดในตัวบุคคลที่จะต้องปกปักษ์ดูแล หรือบางคนยึดถือศีลธรรมการกระทำที่พึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่มีใครบอกได้ว่าสิ่งที่แต่ละคนยึดถือนั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือถูก แต่ละคนล้วนมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง มาตรวัดความดีความเลวของแต่ละคนนั้นก็ไม่เท่ากัน เช่นเดียวกับตัวละครทุกตัวใน Les Miserables ที่จะว่าไปก็น่ายกย่อง เพราะทุกตัวละครยึดถือในสิ่งที่ตัวเองเชื่อและมุ่งมั่นไปให้สุดทางตามเส้นทางที่ตัวเองได้เลือกแล้ว?

Les Miserables กำกับโดย ทอม ฮูเปอร์ ผู้ฝากผลงาน The King?s Speech (2010) ที่ได้ 4 รางวัลออสการ์เป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมในฝีมือของเขา เริ่มแรก Les Miserables คือวรรณกรรมของนักเขียนชาวฝรั่งเศส วิกเตอร์ อูโก้ ตั้งแต่ปี ค. ศ. 1862 ก่อนที่จะถูกดัดแปลงมาเป็นละครบรอดเวย์จนโด่งดังไปทั่วโลก!

Les Miserables เล่าเรื่องราวชีวิตของ ฌอง วัลฌอง (ฮิวจ์ แจ็คแมน) นักโทษที่ถูกขุมครั้งร่วม 20 ปี ในข้อหาขโมยขนมปัง ซึ่งได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระชั่วคราวโดย ฌาแวร์ (รัซเซลลฺ์ โครว์) ผู้รักษากฎหมายที่ไม่เชื่อว่าจะมีคนเลวใครกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ฌองใช้ชีวิตบนโลกภายนอกอย่างยากลำบาก แต่ด้วยเมตตาของบิชอป ทำให้ ฌอง เลือกที่จะเปลี่ยนตัวเองได้สำเร็จ

8 ปีต่อมา ฌอง ได้เป็นเมอซิเออร์มาดเลนเจ้าของโรงงานและเป็นนายกเทศมนตรีที่ได้รับการนับ หน้าถือตา แต่เขาต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงเหตุจากการหลบหนีทัณฑ์บน! ฟองทีน (แอน แฮตธาเวย์) หนึ่งในคนงานของเขาได้ถูกไล่ออกจากงานด้วยเหตุผลอันไม่สมควร ฟองทีน ขอความช่วยเหลือจากวัลฌองแต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแล ชีวิตของเธอตกต่ำลงเมื่อต้องขายตัวแลกกับเงินที่จะส่งไปให้ลูกสาว จิตใจและร่างกายของเธอบอบช้ำอย่างหนัก ก่อนตายเธอได้ฝากฝังลูกสาวนามโคเซตต์ไว้ให้กับ ฌอง ซึ่ง ฌองสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเป็นการไถ่โทษความผิดที่ไม่ได้ช่วยเหลือ เธอ!

หลายปีต่อมา ฌอง และ โคเซตต์ (อแมนด้า เซย์เฟรด) มีชีวิตที่ต้องคอยหลบหนีกาตามล่าของ ฌาแวร์ จนทั้งสองต้องไปพัวพันกับเหตุการณ์การปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ทำให้โคเซตต์ได้พบกับ มารีอุส (เอ็ดดี้ เรดเมย์เน่) หนึ่งในนักปฏิวัติ ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน ฌอง จึงวางใจว่ามีโคเซตต์มีคนดูแล และรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขากับฌาแวร์ต้องมาจบเรื่องราวที่กินเวลามาอย่าง ยาวนาน?

ผู้กำกับ ทอม ฮูเปอร์ เลือกที่จะยก Les Miserables ฉบับบรอดเวย์มาสู่จอภาพยนตร์ ดำเนินเรื่องราวทั้งหมดด้วยการขับร้องบทเพลงตั้งแต่ต้นไปจนจบ ด้วยเทคนิคการร้องสดเพื่อให้นักแสดงถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาให้ได้มาก ที่สุด! และมาพร้อมกับความอลังการของฉากต่างๆ ช่วยเสริมให้ฉบับภาพยนตร์ดูยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น! หากใครที่ไม่คุ้นเคยกับการดำเนินเรื่องที่นักแสดงขับร้องบทเพลงโต้ตอบแทนบท สนทนาตามปกติแล้วละก็ นี่จะเป็นประสบการณ์อันแปลกใหม่ ที่หากปรับตัวได้แล้วละก็คุณจะได้ดื่มด่ำไปกับเสน่ห์ของบทเพลงและทึ่งในความ สามารถของนักแสดงที่สื่ออารมณ์ออกมาได้ดี ทั้งการร้องและการแสดง

แต่ละบทเพลงถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงพลัง เนื้อหาของบทเพลงกินใจ แม้จะถูกนำมาแปลเป็นซับภาษาไทยให้ได้อ่าน แต่ก็ไม่อาจปิดบังความงดงามของภาษาและความหมายที่ยังคงร่วมสมัย ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษเห็นจะเป็นตรงช่วงท่อนประสานเสียง ที่แต่ละตัวละครต่างใช้ทำนองเพลงเดียวกันแต่ร้องด้วยเนื้อร้องที่แตกต่าง ทั้งคำร้องและความหมาย เป็นการสื่อให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์แห่งท่วงทำนองอย่างแท้จริง!

ฮิวจ์ แจ็คแมน ได้รับบทบาทหนักเพราะเขาต้องแบกหนังไว้ทั้งเรื่องแต่เขาก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกับ แอน แฮทธาเวย์ แม้บทฟองทีนจะมีไม่มากนักแต่เธอก็สามารถสร้างซีนที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ ขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้ หากมองในภาพรวมนักแสดงทุกคนในเรื่องต่างก็แสดงฝีมือทั้งการร้องและการ แสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ และทำให้ด้านการแสดงของ Les Miserables เป็นส่วนที่เข้มแข็งอีกส่วนหนึ่งนอกจากบทเพลง!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้ชมกำลังเพลิดเพลินไปกับบทเพลงอยู่ อารมณ์กลับต้องสะดุดหยุดลง เมื่อการตัดต่อมาทำให้ทุกอย่างที่ทำได้ดีมาตลอดต้องมีตำหนิ จากความไม่แนบเนียนและไม่ต่อเนื่องอยู่บ้างในการตัดฉากไปสู่ฉากใหม่ ซึ่งนี่อาจเป็นจุดบอดที่สำคัญของการนำบรอดเวย์มาสู่จอเงิน เพราะในขณะที่เรื่องราวกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น การตัดสลับไปอีกฉากเพื่อรักษาความต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่เนื่องจากหนังเรื่องนี้นอกจากขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวตามปกติแล้วยังขับ เคลื่อนด้วยท่วงทำนองและบทเพลงอีกด้วย การตัดฉากไปสู่อีกฉากโดยบทเพลงยังไม่จบลงสมบูรณ์ทำให้อารมณ์ของผู้ชมนั้น ต้องขาดตอน คล้ายกับขณะกำลังทานอาหารอยู่อย่างอร่อยแต่กลับถูกเรียกให้หยุดทานซะอย่าง งั้น! แม้จะทำให้ผู้ชมสามารถตามเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่มันก็แลกด้วยความดื่มด่ำในบทเพลงที่รู้สึกว่าพร่องลงไป ยังรวมถึงการให้กล้องจับภาพสีหน้าของนักแสดงเพื่อสื่ออารมณ์ของบทเพลงนาน เกินไป จนละเลยที่จะนำจังหวะนี้มาใช้ประโยชน์จากฉากสุดตระการตาที่อุตส่าห์เนรมิต ขึ้นมาอย่างน่าเสียดาย!

ทุกตัวละครใน Les Miserables ต่างเป็นคนที่ยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อและก้าวเดินไปบนเส้นทางนั้นอย่าง ไม่ลังเลหรือเปลี่ยนแปลง บางคนก็ยึดถือในสิ่งที่มาตรวัดทางสังคมมองว่าคือความดี แน่นอนย่อมมีด้านตรงข้ามคือความเลวด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรหนังก็นำพาผู้ชมไปรับทราบบทสรุปในตอนท้าย! หนังไม่ได้ทำตัวเป็นกรรมกการตัดสินว่าสิ่งที่แต่ละตัวละครยึดมั่นนั้นสิ่งใด ถูกสิ่งใดผิด แต่ผู้ชมจะรับรู้ได้ด้วยมาตรวัดของแต่ละคน แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดและปรากฎในทุกตัวละคร คือความแน่วแน่ในเส้นทางที่แต่ละตัวละครได้เลือกเดิน ที่เมื่อตัดสินเลือกมันแล้วก็อย่าได้หวั่นไหวกับสิ่งที่ตัวเองยึดถือว่าถูก ต้อง แม้สุดท้ายปลายทางคือความตายแต่มันก็เป็นความตายที่สง่างาม!

Les Miserables เป็นหนังเพลงเรื่องยิ่งใหญ่ที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ เป็นการนำเสน่ห์ของภาพยนตร์และบทเพลงมาผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงในความยอดเยี่ยมจะมีจุดบกพร่องอยู่บ้าง แต่วิธีการความเข้มข้นของเรื่องราวและวิธีการนำเสนอด้วยการร้องสด ก็มีพลังมากพอที่จะทำให้เรามองข้ามปัญหาเหล่านั้นไปได้บ้าง นอกจากนี้ตัวหนังยังถ่ายทอดเนื้อหาที่แฝงสาระข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้ กลับไปขบคิดเป็นอาหารสมอง และที่น่ายกย่องเหนืออื่นใดคือ ตัวบทประพันธ์ของ วิกเตอร์ อูโก้ ที่ผ่านกาลเวลามายาวนานเท่าใด แต่แก่นแท้ของเรื่องมันยังคงร่วมสมัยอยู่ไม่ว่าจะปัจจุบันนี้หรืออนาคตข้างหน้า!

8.5/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4563 เมื่อ: 25/10/13, [15:34:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

the last stand นายอําเภอคนพันธุ์เหล็ก

The Last Stand เป็นเรื่องราวของ เรย์ โอเว่นส์ (อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์) เจ้าหน้าที่ตารวจที่เคยทาผิดพลาดในอดีต เขารู้สึกผิดและตัดสินใจย้ายออกจากแอลเอ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นนายอาเภอในเมืองโซเมอร์ตัน เมืองเล็กๆที่อยู่แถบชายแดนแต่ในขณะที่ทุกๆอย่างในชีวิตของ เรย์ ดูเหมือนจะไปได้ดี ความสงบสุขก็ถูกทาลายลงอีกครั้ง เมื่อ กาเบรียล คอร์เตส หัวหน้าแก๊งค้ายารายเบิ้มหลบหนีออกมาจากคุกพร้อมตัวประกัน และก็กาลังมุ่งหน้ามายังเมืองโซเมอร์ตัน ที่เป็นทางผ่านในการหลบหนีข้ามประเทศ เรย์ จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นปราการด่านสุดท้ายให้จงได้ ก่อนที่มันจะผ่านเขาไปแบบไม่ตั้งตัว

The Last Stand ผลงานการกำกับของ คิมจีวุน ผู้กำกับชาวเกาหลี ที่เรื่องนี่เป็นผลงานการโกอินเตอร์ชิ้นแรกของผู้กำกับ ที่บ้านเราคงจะรู้จักผู้กำกับคนนี้ก็จากเรื่อง A Tale of Two Sisters หรือ ตู้ซ่อนผี ส่วนใครที่เป็นขาท่องโลกอินเตอร์เน็ตหน่อย ก็อาจจะรู้จัก และ ติดอกติดใจผู้กำกับคนนี้ มาจากหนังล้างแค้นระห่ำอย่าง I Saw the Devil ที่ในผลงานโกอินเตอร์ชิ้นแรกของผู้กำกับ ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่เปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆเลยจริงๆ เพราะในผลงานชิ้นใหม่นี่ เขาได้เลือกทำเป็นหนังแนว แอ็คชั่น เต็มตัว หลังจากมีทั้ง ทริลเลอร์ , ตลก , สยองขวัญ และ ผจญภัย มาแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ผู้กำกับ คิมจีวุน แกเลือกทำในแนวแอ็คชั่นดาดๆแบบนี้เป็นเพราะสมัยก่อนตัวผู้กำกับเองนั่น ชื่นชอบหนังแนว คาวบอย ตะวันตก เป็นอย่างมาก กับการที่เห็นได้จากลีลาการกำกับใน The Good, Bad

ซึ่งใน The Last Stand ถ้าให้พูดตรงประเด็นจริงๆเลยคือ ตัวหนังไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าหนังแอ็คชั่นดาดๆ เกลื่อนตลาดทั่วไป เรื่องนึงเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านตัวบท ที่ออกมาแสนธรรมดา แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นแนวทางของผู้กำกับที่พยายามจะให้ตัวหนังเป็นไป ด้วยการพยายามให้โทนของตัวหนังตลอดเรื่องอยู่ในอารมณ์ประมาณหนังแอ็คชั่นยุค 80 และ 90 ในสมัยที่พระเอก อาร์โนลด์ และ ผองเพื่อน กำลังโด่งดัง แถมเติมผสมผสานกลิ่นของความเป็น คาวบอย ตะวันตก เข้าไปอยู่มากในระดับนึง และผลลัพธุ์ที่ได้ออกมาของตัวหนังคือ มันทำให้คนที่เคยหลงใหลหนังแอ็คชั่นในสมัยที่กล่าวไปข้างต้น จะรู้สึกสนุก และ มันส์ ได้

โดยถ้าหากคุณเคยรับชมหนังของ อาร์โนลด์ จำพวก Commando , True Lies หรือแม้แต่ Eraser ก็ขอให้ลองนึกถึงฉากแอ็คชั่นเหล่านั่น และเพิ่มเติมความสดใหม่ของฉากแอ็คชั่นสมัยนี้สไตล์ The Fast and the Furious โดยเพิ่มเติมกลิ่นความเป็นคาวบอยจากหนังของ คลินท์ อีสต์วู้ด ลงไป คุณก็จะได้อารมณ์ความสนุกแบบที่ The Last Stand กำลังมอบให้ผู้ชม โดยอย่างที่บอกไปแล้วว่าในด้านของตัวบท และ ฉากแอ็คชั่น อาจจะไม่ได้ออกมาซับซ้อน หรือว่า น่าทึ่ง อะไรมากมาย แถมหนำซ้ำอาจจะทำให้นักดูหนังรุ่นใหม่ในสมัยนี้รู้สึกว่ามัน เชย และ ไม่มีอะไรแปลกใหม่มานำเสนอ ไม่เหมือนหนังแอ็คชั่นสมัยนี้เขาทำกัน แต่ถ้าหากใครที่เป็นแฟนหนังของ อาร์โนลด์ ในสมัยก่อนแล้วจะสัมผัสได้เลยว่า นี่แหละ คือการกลับมาที่สมศักดิ์ศรี ของพระเอกนักบู๊ตลอดกาลเลยก็ว่าได้

ซึ่งอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สร้างสีสันได้ดีไม่แพ้กับฉากแอ็คชั่น และ อารมณ์ความมันส์สไตล์ยุคเก่าเก๋า คงจะหนีไม่พ้น อารมณ์ขันที่ผู้กำกับพยายามสร้างมาตลอดเรื่อง ที่ความดีความชอบก็คงต้องยกให้แก่ 2 นักแสดงอย่าง หลุยส์ กัซแมน และ จอห์นนี่ น๊อกวิลล์ ที่รายหลังมาจาก Jackass นั่นเอง ที่สามารถเล่นลีลา กับตัวละครของตน ให้มีอารมณ์คล้ายกับความเป็นคู่หูตำรวจ ที่คอยหยอดมุก ปล่อยมุก แบบหนังยุค 80-90 นั่นเอง โดยถ้าหากใครที่เคยดูผลงานเก่าๆของผกก.มาก่อน และจะไม่ค่อยเห็นลายเส้นของเขาใน The Last Stand ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะผู้กำกับเขากำลังหาแนวทางของตัวเองอยู่ แต่ก็ดูจะเข้าท่าทุกแนวเลย

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วผมคิดว่าใครที่เคยติดตามหนังแอ็คชั่นยุค 80-90 ของ เฮีย อาร์โนลด์ และ เป็นแฟนคลับตัวยง คงจะสนุกสนานกับการกลับมาในแบบสไตล์เดิม แต่ยุคสมัยใหม่ของเฮียแกแน่นอน ที่จะพกมาทั้งความ โหด มันส์ ฮา แต่ก็อาจจะผิดหวังนิดๆถ้าหากใครที่หวังจะเห็นอะไรมากกว่าฉากแอ็คชั่นเก่าๆ

8/10

จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4564 เมื่อ: 25/10/13, [15:35:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

the man with the iron fists วีรบุรุษหมัดเหล็ก

หลังจากหลบทำอยู่หลังฉากมาก็นานกับการเป็นนักแต่งดนตรีประกอบให้กับหนังของผู้กำกับแนวๆอย่างเควนตินทารันติโน่ไม่ว่าจะเป็น Kill Bill ทั้ง 2 ภาคและอีกมากมายว่าแล้วในวันนี้อาร์ซีเอแร็พเพอร์ชื่อดังจึงขอโดดมาทำหนังตามฝันของเขาบ้างกับแนวกังฟูเลือดสาดตามสไตล์ลายเซ็นของเขานั้นเอง

เรื่องราวของช่างตีเหล็กที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่กำลังจะโดนกวาดล้างโดยเหล่าผู้มีอิทธิพลทั้ง 7 สำนักที่ความหวังเดียวของหมู่บ้านตกอยู่ที่เขาเขาจึงได้เริ่มตีแขนเหล็กเพื่อเอามาต่อสู้กับเหล่าวายร้ายทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นนักฆ่าผู้ชำนาญด้านปืนและมีดอย่างรัซเซลโครว์ ,หญิงดุแบบลูซี่ลิวและมนุษย์เหล็กทองคำอย่างบาติสต้าที่เขาจะต้องปลิดชีพเหล่าวายร้ายให้หมดให้จงได้ก่อนพวกเขาจะเริ่มทำลายหมู่บ้านจนเสียหายเพื่อแย่งชิงทองคำจากรัฐบาลที่ท้ายสุดแล้วทองคำจะตกอยู่ที่ใครและช่างตีเหล็กของหมู่บ้านจะสามารถกอบกู้ชาวบ้านได้ไหมศึกทั้งหมดจะเกิดขึ้นอยู่ในซ่องนางโลมของมาดามบานฉ่ำผู้แสนโหด

The Man with the Iron Fists กำกับการแสดงโดยอาร์ซีเอแรพเพอร์ชื่อดังอย่างที่บอกไปข้างต้นที่ได้โดดมากำกับหนังใหญ่เรื่องแรกโดยก็มีรุ่นพี่หนุนหลังให้มากมายไม่ว่าจะเป็นการที่ได้เควนตินทารันติโน่มาช่วยเป็นป๋าดันให้หนังอยู่ห่างๆและอิไลร๊อธเพื่อนสนิทของทั้งคู่มาทำหน้าที่คอยเกลาบทให้กับหนังที่ทำตามความชอบความคลั่งในตอนเด็กของผู้กำกับกับแนวกังฟูยอดพลังที่เรื่องนี้ก็มีตัวละครแปลกๆให้เราเลือกที่จะมึนงงกันมากมายไม่ว่าจะเป็นช่างตีเหล็กกำปั้นจอมพลัง , นักฆ่ามีดสังหาร , ก๊กสิงโต , มาดามใจดุหรือแม้แต่มนุษย์เหล็กทองคำที่รับบทโดยบาติสต้าโดยจากการที่ตัวผมนั่นเคยได้เห็นตัวอย่างผ่านตามามากมายก่อนจึงไม่แปลกที่อาจจะค่อนข้างตั้งความหวังกับตัวหนังไว้มากพอสมควรก็เพราะตัวอย่างและทีมนักแสดงที่ตัดออกมาน่าดูชม

ทั้งที่จริงแล้วผลออกมากลับต้องขอบอกว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ค่อนข้างน่าผิดหวังถึงแม้จะมีบุคคลเก๋าๆแนวๆมาช่วยเกลาบทแล้วก็ตามทีเพราะสิ่งที่น่าผิดหวังของตัวหนังก็โชยมาให้ได้กลิ่นกันตั้งแต่ช่วงเริ่มปูบทที่นำเอาตัวละครมากมายและยังมีฝั่งมีฝาอีกเพียบมาต่อสู้ประลองยุทธเพื่อทองคำกล่องเดียวที่ฟังดูจะพาลไปทำให้นึกถึงสำนวนน้ำผึ้งหยดเดียวที่แสดงถึงความโลภและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ยอมทำทุกสิ่งเพียงเพื่อของนอกกายแต่ก็น่าเสียดายที่ท้ายสุดการผูกเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวของตัวหนังยังออกมามีปัญหามีช่องโหว่และขาดเสน่ห์ในตัวละครเพี้ยนๆที่ตัวหนังน่าจะใช้ประโยชน์จากกลุ่มตัวละครอีกนะ

ในขณะเดียวกันการที่ตัวหนังพยายามจะสร้างฉากแอ็คชั่นพร้อมกับวิธีการเล่าเรื่องให้เคารพหนังกังฟูในแบบฉบับเก่าๆและพยายามใส่ลายเซ็นความแนวของตัวผู้กำกับเข้าไปเองด้วยถือว่าเป็นความคิดที่เมื่อผสมผสานกันออกมาแล้วค่อนข้างไม่เข้าท่าโดยเฉพาะการนำเอาเพลงประกอบแนวฮิปฮอปมาใส่ในฉากแอ็คชั่นในสไตล์กังฟูเก่าๆเน้นโชว์โหดและอุปกรณ์เท่ๆที่ผลลัพธ์ที่ออกมานอกจากจะไม่สามารถบิ้วคนดูให้มันส์ไปกับฉากแอ็คชั่นได้แล้วมันยิ่งกลับกลายเป็นทำให้ตัวหนังดูตลกแบบที่ไม่ได้ตั้งใจอยู่หลายฉากกับการพยายามโหดในแบบเกรดบีพร้อมกับมันส์แบบเกรดเอไปพร้อมๆกันซึ่งสิ่งยังคงทำให้ตัวหนังพอดูเพลินในความเห็นส่วนตัวนั่นก็คือฉากแอ็คชั่นเหล่านั้นนั่นแหละที่มันอาจจะออกมาไม่มันส์และดูไร้สาระแต่ถ้าใครที่ชื่นชอบหนังกังฟูเป็นทุนเดิม

หนังเรื่องนี้ก็จะมีลีลาการเตะๆต่อยๆสวยๆเท่ๆมาให้คุณชมมากมายในแบบฉบับกวนๆอีกด้วยเช่นเดียวกับด้านของทีมนักแสดงที่นำโดยรัซเซลโครว์และลูซี่หลิวที่ไม่รู้ว่าควรจะเป็นข้อดีไหมกับการที่ตัวหนังได้แชร์เวลาให้กับแต่ละตัวละครในหนังได้อย่างเท่าเทียมกันซึ่งนั่นก็หมายความว่าไม่มีตัวละครไหนโดดเด่นเป็นพิเศษเลยตั้งหากจึงรู้สึกได้แค่ว่าการเอาโครว์ , หลิวและบาติสต้ามาเล่นเป็นเพียงแค่กลยุทธที่จะนำมาเพื่อเรียกแขกรุ่นเล็กรุ่นใหญ่เท่านั้นโดยที่ผู้กำกับอาร์ซีเอไม่ได้เน้นฉากให้ใส่เสน่ห์ของความเป็นนักแสดงแถวหน้าเข้าไปเลยสักนิดเช่นเดียวกับตัวด้านของเสน่ห์ในวรยุทธกังฟูด้วย

แต่อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วตัวหนัง The Man with the Iron Fists อาจจะออกมามั่วๆในด้านบทฉากแอ็คชั่นที่พยายามสร้างสรรค์แลดูล้มเหลวและยังไม่อาจสามารถดึงเสน่ห์ในตัวละครและนักแสดงออกมาได้ดีนักแต่ถ้าพูดถึงด้านความบันเทิงของแฟนคลับเฮียเควนตินและร็อธก็น่าจะพอใจในระดับนึงครับ

 6/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4565 เมื่อ: 25/10/13, [15:37:58] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

gangster squad แก๊งกุดหัวเจ้าพ่อ

เป็นหนังที่ต้องเลื่อนฉายเพราะว่าเหตุการณ์การยิงกันในโรงหนังระหว่างการฉาย The Dark Knight Rises ที่เผอิญว่าหนังเรื่องนี้ก็ดันไปมีฉากการยิงกันในโรงหนังอยู่ในเรื่องเสียด้วย จึงทำให้ตัวหนังต้องเลื่อนฉายมาปีหน้า หนำซ้ำยังต้องตัดฉากดังกล่าวออก เพื่อเป็นการไว้อาลัย ต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ด้วย

ที่ลอส แองเจลิส เมื่อปี 1949 มิคกี้ โคเฮ็น ราชาผู้ทรงอิทธิพลชาวบรูคลินผู้โหดเหี้ยม (ฌอน เพ็นน์) ดำเนินธุรกิจในเมืองแห่งนี้โดยการตักตวงผลประโยชน์โดยมิชอบจากยา ปืน โสเภณี และหากเขามีช่องทางที่รวมถึงการรับพนันทางโทรศัพท์ที่อยู่ทางตะวันตกของ ชิคาโก ซึ่งเขาลงมือทุกอย่างโดยไม่ได้รับการคุ้มกันจากมือปืนรับจ้างส่วนตัวของเขา เท่านั้น แต่รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ นักการเมือง และผู้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาด้วย เท่านั้นก็เพียงพอที่จะขู่ขวัญตำรวจผู้โชกโชนและกล้าหาญได้แล้ว เว้นแต่ทีมงานลับขนาดย่อมนอกวงการ LAPD ที่นำโดย จอห์น โอ?มาร่า (จอช โบรลิน) และเจอร์รี่ วูเทอร์ส (ไรอัน กอสลิง)

Gangster Squad กำกับการแสดงโดย รูเบน เฟรนเชอร์ ผู้กำกับที่โด่งดัง และเป็นที่ชื่นชอบของชาวมะกันอย่างมาก จากหนังเรื่อง Zombieland และ 30 Minute or Less ที่เรื่องแรกนอกจากจะทำเงินแล้ว ยังกอบโกยคำวิจารณ์ไปล้นหลามอีกด้วย ซึ่งในหนังเรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Gangster Squad ถือได้ว่าเป็นหนังแอ็คชั่น ทริลเลอร์ ฟอร์มใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับ เพราะก่อนหน้าตัวเขามักแต่จะเคยจับงานประเภท ตลก เสียมากกว่า โดยส่วนตัวเองผมก็แอบตระหนกถึงการมาทำหนังแนวแอ็คชั่นครั้งแรก ของผู้กำกับหนังแนวตลกคนนี้มากอยู่เหมือนกัน แถมไหนจะ นักแสดงแถวหน้า ที่มาร่วมกันอยู่ในจออย่างล้นหลามอีก แต่ก็ดูเหมือนว่า สถิติการสอบทำหนังแนวแอ็คชั่นของผู้กำกับ รูเบน เฟรนเชอร์ จะผ่าน แถมยังทำได้ดีกว่าผู้กำกับหนังแนวแอ็คชั่นบางเรื่องอีกด้วย

โดยลูกเล่นอย่างนึงที่ทำให้ Gangster Squad ดูแล้วรู้สึกสนุก และ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ยังคงหนีไม่พ้นการที่ผู้กำกับ รูเบน เฟรนเชอร์ รู้ว่าควรจะจับเอาตัวละครแต่ละตัวไปในทิศทางไหน และใช้วิธีไหนที่จะทำให้มันโดดเด่น โดยผลปรากฏที่ออกมานั้นก็คงหนีไม่พ้นการที่ผู้กำกับได้เนรมิต นายตำรวจ 6 คน และ 1 เจ้าพ่อ ออกมาได้อย่างเกรงขาม และ เท่สุดๆ โดยถึงแม้ว่าบท และ มิติ ของแต่ละตัวละคร ตัวหนังอาจจะไม่ได้ส่งให้มันเจิดจรัสอะไรมากมาย โดยเฉพาะบท มิคกี้ โคเฮน ของ ณอน เพนน์ ที่การกระทำทั้งหลายดูแล้วยังไม่ได้ส่งผลถึงความโหดเหี้ยมได้ดีสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น ผู้กำกับ จึงดูเหมือนจะเรียกใช้นักแสดงได้ถูกกลุ่ม

ที่ฝีไม้ลายมือของแต่ละคน ทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ ก็ล้วนแต่สามารถสร้างตัวละครในแบบฉบับของตนเองออกมาได้อย่างมีสไตล์ และสามารถทำให้คนดูเอาใจช่วยไปกับกลุ่มของตัวเอกได้ไม่ยาก ผสมผสานไปกับฉากแอ็คชั่น ที่อัดแน่นมาตลอดเรื่อง ลากยาวจนไปถึงการออกแบบ ลอส แองเจลิส ในสมัย 1949 ที่เต็มไปด้วย บาร์ และ แสงสี จนทำให้เราเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนั้นจริงๆเมื่ออยู่ในฉากดังกล่าว โดยถึงแม้ว่าหลายๆช่วงของตัวหนัง รวมไปถึงฉากแอ็คชั่น อาจจะมีการตัดต่อ และ วิธีการวกวนเข้าสู่ตัวเรื่องหลักได้ค่อนข้างมึนๆ และขรุขระไปนิด รวมไปถึงการที่ตัวหนังไม่ค่อยได้สานต่อเรื่องที่สร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นด้านของ อธรรม และ ความดี หรือแม้แต่ การล้างแค้น ที่ทำให้หน่วยตำรวจต้องถลำลึกเข้าไป ไม่ได้อะไรจาก มิคกี้ โคเฮน ชายหนุ่มที่พวกเขาหมายหัวไว้

ที่ท้ายสุดตัวหนังกลับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการกระทำ หรือส่วนไหนของตัวหนังที่บ่งบอกไว้ว่า ตัวละครท ได้เข้าใจจากคำว่า ความดี ความชั่ว นอกจากตัวบทที่หนังล๊อคให้ตัวละครคนนี้มีจิตใจเป็นแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก จนอาจจะทำให้นักวิจารณ์ และ คนดู หลายๆคน ที่ชอบหนังแนว แก๊งสเตอร์ เจ้าพ่อ อาจจะมีผิดหวังกันได้บ้างในด้านของประเด็น และ มุมมองของแต่ละตัวละคร ที่อาจจะดูแล้วไม่ค่อยมีเนื้อมีหนัง หรือน่าเกรงขามเท่าหนังแนวนี้ในยุคเก่าๆ แต่รับรองว่าถ้าหากใครเป็นคอหนังแอ็คชั่น แนวยิงตูมตาม และหวังจะหาอะไรบันเทิงใจในช่วงนี้ Gangster Squad จะเป็นหนังที่เหมาะสำหรับคุณ และคุณน่าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว Gangster Squad อาจจะเป็นหนังแนวแก๊งส์เตอร์ ที่ด้านตัวบท และ การตัดต่อ อาจจะไม่เฉียบคม แถมมีมึนงงในบางส่วน แต่ถ้าหากพูดถึงฉากแอ็คชั่น และ พลังดารา ในหนังเรื่องนี้แล้ว รับรองว่าใครที่เป็นแฟนคลับทั้ง ผู้กำกับ และ นักแสดง ของตัวหนังเรื่องนี้จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนเลย

8/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4566 เมื่อ: 25/10/13, [15:40:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4567 เมื่อ: 25/10/13, [15:41:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4568 เมื่อ: 25/10/13, [15:42:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4569 เมื่อ: 25/10/13, [15:42:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4570 เมื่อ: 25/10/13, [15:42:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4571 เมื่อ: 26/10/13, [09:59:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Jack Reacher  ยอดคนสืบระห่ำ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4572 เมื่อ: 26/10/13, [10:00:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Guillotines พยัคฆ์ร้ายกิโยติน
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4573 เมื่อ: 26/10/13, [10:01:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Upside Down นิยามรักปฏิวัติสองโลก
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4574 เมื่อ: 26/10/13, [10:09:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

The Book of Eli คัมภีร์พลิกชะตาโลก
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] The Book of Eli คัมภีร์พลิกชะตาโลก
โลกแห่งอนาคต 30 ปีหลังจากสงครามมนุษยชาติครั้งสุดท้าย ชายคนหนึ่งเดินทางผ่านดินแดนรกร้างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองร้าง ถนนที่ทรุดโทรม แผ่นดินที่แตกระแหง ทุกอย่างรอบตัวเขาล้วนแต่บ่งบอกถึงการทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่ ที่นี่ไม่มีอารยธรรม ที่นี่ไร้กฎหมาย ถนนเป็นที่ที่คนฆ่ากันได้ง่ายๆ เพื่อเพียงแย่งชิงรองเท้าสักคู่ น้ำสักแก้ว หรือไม่ก็แค่ฆ่าไปงั้นๆ เอง
อีไล (เดนเซล วอชิงตัน) เป็นนักสู้ด้วยความจำเป็น เขาคือชายผู้ต้องการเพียงความสงบสุข แต่ถ้าเขาถูกท้าทายเมื่อไร เขาก็จะล้มคู่ต่อสู้ของเขาก่อนที่พวกนั้นจะทันรู้ซึ้งถึงความผิดพลาดของตัวเอง สิ่งที่เขารักษาอย่างหวงแหนไม่ใช่ชีวิตของเขาเอง หากแต่เป็นความหวังสำหรับอนาคต มันเป็นความหวังที่เขาอุ้มชูและคุ้มครองมากว่า 30 ปี และมุ่งหวังที่จะทำให้มันกลายเป็นจริง ด้วยความมุ่งมั่นและแรงศรัทธาในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง อีไลทำสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตรอด และเดินหน้าต่อไป
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4575 เมื่อ: 26/10/13, [10:21:01] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Blood Diamond เทพบุตร เพชรสีเลือด
ถกต้องครับ  [เจ๋ง]  Blood Diamond เทพบุตรเพชรสีเลือด
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายและสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 1990 ใน เซียร์รา ลีโอเน ทหารรับจ้างชื่อ แดนนี่ อาร์เชอร์ (ลีโอนาโด ดิคาปริโอ) และ โซโลมอน แวนดี้ (ไจมอน ฮอนซู) ชาวประมงชาวมองเด ทั้งคู่เป็นชาวแอฟริกัน แต่ประวัติชีวิตและสถานภาพของพวกเขาต่างกันสุดขั้ว จนกระทั่งชะตาของพวกเขาต้องมาร่วมกัน ในการออกเดินทางตามหาเพชรสีชมพูหายากที่อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขา
ในระหว่างที่ถูกคุมขังด้วยข้อหาค้าของเถื่อน อาร์เชอร์ได้เรียนรู้ว่าโซโลมอน ซึ่งถูกพรากจากครอบครัวและถูกบังคับให้ทำงานในเหมืองเพชร ได้พบเพชรเม็ดพิเศษและแอบซุกซ่อนเอาไว้ ด้วยความช่วยเหลือของ แมดดี้ โบเวน (เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี) นักข่าวสาวอเมริกัน ผู้ซึ่งอุดมการณ์ของเธอถูกสั่นคลอนโดยความรู้สึกลึกล้ำที่มีต่ออาร์เชอร์
สองชายออกเดินเท้าผ่านอาณาเขตของกบฏ การเดินทางนี้เป็นมากกว่าการค้นหาอัญมณีล้ำค่า มันอาจช่วยปกป้องครอบครัวของโซโลมอน และทำให้อาร์เชอร์มีโอกาสครั้งที่สองจากที่เขาเคยคิดไว้ว่าไม่มีอีกแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26/10/13, [10:23:21] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4576 เมื่อ: 26/10/13, [10:32:04] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

The Social Network
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] The Social network เดอะโซเชียลเน็ตเวิร์ก
เดอะโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นภาพยนตร์แนวดรามาที่กำกับโดย เดวิด ฟินเชอร์ และมี เควิน สเปซีย์ นักแสดงรางวัลออสการ์ เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วม เนื้อหาเกี่ยวข้องกับประวัติการก่อตั้งเฟซบุ๊ก บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ชั้นนำของโลก ดัดแปลงจากหนังสือ "แบบว่า...
วันที่ออกฉาย: 24 กันยายน 2553 (สหรัฐอเมริกา)
ผู้กำกับ: เดวิด ฟินเชอร์
ความยาว: 120 นาที
รางวัลที่ได้: รางวัลออสการ์ สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
นักแสดง Jesse Eisenberg, Andrew Garfield, Justin Timberlake, Rooney Mara. Harvard student

ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4577 เมื่อ: 26/10/13, [21:17:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

17 againใช่เปล่าครับ คุ้นๆ อีกเรื่องไม่เคยดูเลยครับ

ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]



จัดไปตามที่ขอครับคุณเอก
เรื่องอะไรครับ...?


เฉลยครับ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4578 เมื่อ: 27/10/13, [11:25:54] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Texas Chainsaw  สิงหาต้องสับ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4579 เมื่อ: 27/10/13, [11:35:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Shutter IslandThe Lord of the Rings: The Two TowersAmerican GangsterMunichUnstoppable
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] Shutter Island เกาะนรกซ่อนทมิฬ
ในปี 1954 ที่สงครามเย็นยังคงคุกรุ่น เมื่อตำรวจศาล เท็ดดี้ แดเนียลส์ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลอคาเดมี อวอร์ด) และคู่หูใหม่ของเขา ชัค โอล (มาร์ค รัฟฟาโล) ได้ถูกเรียกตัวไปยังเกาะชัตเตอร์ เพื่อสืบสวนการหายตัวไปจากห้องขังอย่างลึกลับของฆาตกรผู้ชาญฉลาด ภายในโรงพยาบาลแอชคลิฟฟ์ ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ท่ามกลางจิตแพทย์และคนไข้โรคจิตบนเกาะที่ห่างไกลผู้คน พวกเขาได้เจอกับบรรยากาศแปลกประหลาดที่ผันแปรเสมอ ที่บ่งบอกให้พวกเขารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นอย่างที่เห็น
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4580 เมื่อ: 27/10/13, [11:44:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Shutter IslandThe Lord of the Rings: The Two TowersAmerican GangsterMunichUnstoppable
[/quoteถูกต้องครับ [เจ๋ง] The Lord of The Rings 2 :The Two Towers อภินิหารแหวนครองพิภพ ศึกหอคอยคู่กู้พิภพ 2
        ภาพยนตร์ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน ศึกหอคอยคู่กู้พิภพ เป็นภาพยนตร์ตอนที่สองของภาพยนตร์ไตรภาคเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ กำกับโดย ปีเตอร์ แจ็คสัน และออกฉายครั้งแรกในปี ค.ศ.2002 ภาพยนตร์สร้างจากนิยายแฟนตาซีเลื่องชื่อ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ของ เจ. อาร์. วิกิพีเดีย
        วันที่ออกฉาย: 5 ธันวาคม 2545 (นครนิวยอร์ก)
        ผู้กำกับ: ปีเตอร์ แจ็คสัน
        ความยาว: 235 นาที
        รางวัลที่ได้: รางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม, รางวัลออสการ์ สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม
        ดัดแปลงจาก: ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน หอคอยคู่พิฆาต, เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์
        นักแสดง
        เอไลจาห์ วูด (โฟรโด แบ๊กกิ้นส์)
        เอไลจาห์ วูด
        โฟรโด แบ๊กกิ้นส์
        วิกโก มอร์เทนเซน (อารากอร์น)
        วิกโก มอร์เทนเซน
        อารากอร์น
        ออร์แลนโด บลูม (เลโกลัส)
        ออร์แลนโด บลูม
     
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4581 เมื่อ: 27/10/13, [12:02:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Shutter IslandThe Lord of the Rings: The Two TowersAmerican GangsterMunichUnstoppable
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] American Gangster โครตคน ตัดคมมาเฟีย
American Gangster โคตรคนตัดคมมาเฟีย  สร้างจากเรื่องจริงของเจ้าพ่อค้ายาเสพติดในยุค ’70 ที่ชื่อว่า แฟรงค์ ลูกัส เขาสร้างตัวด้วยการเดินทางมายังสามเหลี่ยมทองคำ แหล่งผลิตที่ให้ผลผลิตชั้นเยี่ยม จนทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อชื่อดังของนิวยอร์ค แต่อำนาจบารมีที่ได้มาด้วยความทุจริตนั้นไม่คงทน เมื่อทางการส่ง ริชชี่ โรเบิร์ตส์ สายสืบตำรวจใจซื่อฝีมือดีมาทลายขบวนการค้ายาเสพติดของนิวยอร์ค เส้นทางการยาเสพติดของเจ้าพ่อแฟรงค์ ลูกัส ที่ใช้ซ่อนไว้ในโรงศพของทหารอเมริกันที่ส่งกลับจากเวียดนาม จึงถูกเปิดโปงและนำไปสู่การกวาดล้างแก๊งค์ค้ายาเสพติดทั้งหมดของนิวยอร์ค ที่สาวไปถึงพวกตำรวจคอร์รัปชั่นที่รับส่วยอีกมากมาย จนกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่สะเทือนวงการ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4582 เมื่อ: 27/10/13, [12:52:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Shutter IslandThe Lord of the Rings: The Two TowersAmerican GangsterMunichUnstoppable
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] MUNICH มิวนิค
unich ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เล่าถึงเรื่องราวปี 1972 การแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ณ.เมืองมิวนิค ได้เกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย บุกสังหารนักกีฬาของทีมอิสราเอล หลังเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว แอฟเนอร์ ( อีริก บาน่า ) ได้ถูกเรียกตัว เพื่อเข้าร่วมภารกิจลับสุดยอด คือการตามเก็บพวกที่ก่อเหตุการณ์ในครั้งนั้น จากผู้ล่ากลับกลายเป็นผู้ถูกล่า เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/10/13, [12:57:13] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4583 เมื่อ: 27/10/13, [13:06:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Shutter IslandThe Lord of the Rings: The Two TowersAmerican GangsterMunichUnstoppable
ถุกต้องครับ  [เจ๋ง] Unstoppable ด่วนวินาศหยุดไม่อยู่

เรื่องย่อหนัง Unstoppable Unstoppable หนังแอ็คชั่นเรื่องใหม่ของ Denzel Washington และ Chris Pine เมื่อทั้งสองหนุ่มต้องมาหยุดรถไฟที่บรรทุกสารเคมีมาด้วยในขบวณ ก่อนที่รถไฟขบวณนี้จะตกราง และสารเคมีในเครื่องจะทำปฏิกิริยาจนเกิดการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ขนาดทำลายเมืองให้ย่อยยับได้ รายชื่อนักแสดงนำ เดนเซล วอชิงตัน คริส ไพน์ ผู้กำกับ โทนี่ สก๊อตต์
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4584 เมื่อ: 27/10/13, [13:08:08] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4585 เมื่อ: 27/10/13, [13:09:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4586 เมื่อ: 27/10/13, [13:11:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4587 เมื่อ: 27/10/13, [13:14:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
ค้างทายครับ
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4588 เมื่อ: 27/10/13, [13:15:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?

district 9   [on_055]
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4589 เมื่อ: 27/10/13, [13:16:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ










เรื่องอะไรครับ ?
[/quoteค้างทายครับ
หน้า: 1 ... 151 152 153 154 155 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: