The Last Stand เป็นเรื่องราวของ เรย์ โอเว่นส์ (อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์) เจ้าหน้าที่ตารวจที่เคยทาผิดพลาดในอดีต เขารู้สึกผิดและตัดสินใจย้ายออกจากแอลเอ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นนายอาเภอในเมืองโซเมอร์ตัน เมืองเล็กๆที่อยู่แถบชายแดนแต่ในขณะที่ทุกๆอย่างในชีวิตของ เรย์ ดูเหมือนจะไปได้ดี ความสงบสุขก็ถูกทาลายลงอีกครั้ง เมื่อ กาเบรียล คอร์เตส หัวหน้าแก๊งค้ายารายเบิ้มหลบหนีออกมาจากคุกพร้อมตัวประกัน และก็กาลังมุ่งหน้ามายังเมืองโซเมอร์ตัน ที่เป็นทางผ่านในการหลบหนีข้ามประเทศ เรย์ จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นปราการด่านสุดท้ายให้จงได้ ก่อนที่มันจะผ่านเขาไปแบบไม่ตั้งตัว
The Last Stand ผลงานการกำกับของ คิมจีวุน ผู้กำกับชาวเกาหลี ที่เรื่องนี่เป็นผลงานการโกอินเตอร์ชิ้นแรกของผู้กำกับ ที่บ้านเราคงจะรู้จักผู้กำกับคนนี้ก็จากเรื่อง A Tale of Two Sisters หรือ ตู้ซ่อนผี ส่วนใครที่เป็นขาท่องโลกอินเตอร์เน็ตหน่อย ก็อาจจะรู้จัก และ ติดอกติดใจผู้กำกับคนนี้ มาจากหนังล้างแค้นระห่ำอย่าง I Saw the Devil ที่ในผลงานโกอินเตอร์ชิ้นแรกของผู้กำกับ ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่เปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆเลยจริงๆ เพราะในผลงานชิ้นใหม่นี่ เขาได้เลือกทำเป็นหนังแนว แอ็คชั่น เต็มตัว หลังจากมีทั้ง ทริลเลอร์ , ตลก , สยองขวัญ และ ผจญภัย มาแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ผู้กำกับ คิมจีวุน แกเลือกทำในแนวแอ็คชั่นดาดๆแบบนี้เป็นเพราะสมัยก่อนตัวผู้กำกับเองนั่น ชื่นชอบหนังแนว คาวบอย ตะวันตก เป็นอย่างมาก กับการที่เห็นได้จากลีลาการกำกับใน The Good, Bad
ซึ่งใน The Last Stand ถ้าให้พูดตรงประเด็นจริงๆเลยคือ ตัวหนังไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าหนังแอ็คชั่นดาดๆ เกลื่อนตลาดทั่วไป เรื่องนึงเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านตัวบท ที่ออกมาแสนธรรมดา แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นแนวทางของผู้กำกับที่พยายามจะให้ตัวหนังเป็นไป ด้วยการพยายามให้โทนของตัวหนังตลอดเรื่องอยู่ในอารมณ์ประมาณหนังแอ็คชั่นยุค 80 และ 90 ในสมัยที่พระเอก อาร์โนลด์ และ ผองเพื่อน กำลังโด่งดัง แถมเติมผสมผสานกลิ่นของความเป็น คาวบอย ตะวันตก เข้าไปอยู่มากในระดับนึง และผลลัพธุ์ที่ได้ออกมาของตัวหนังคือ มันทำให้คนที่เคยหลงใหลหนังแอ็คชั่นในสมัยที่กล่าวไปข้างต้น จะรู้สึกสนุก และ มันส์ ได้
โดยถ้าหากคุณเคยรับชมหนังของ อาร์โนลด์ จำพวก Commando , True Lies หรือแม้แต่ Eraser ก็ขอให้ลองนึกถึงฉากแอ็คชั่นเหล่านั่น และเพิ่มเติมความสดใหม่ของฉากแอ็คชั่นสมัยนี้สไตล์ The Fast and the Furious โดยเพิ่มเติมกลิ่นความเป็นคาวบอยจากหนังของ คลินท์ อีสต์วู้ด ลงไป คุณก็จะได้อารมณ์ความสนุกแบบที่ The Last Stand กำลังมอบให้ผู้ชม โดยอย่างที่บอกไปแล้วว่าในด้านของตัวบท และ ฉากแอ็คชั่น อาจจะไม่ได้ออกมาซับซ้อน หรือว่า น่าทึ่ง อะไรมากมาย แถมหนำซ้ำอาจจะทำให้นักดูหนังรุ่นใหม่ในสมัยนี้รู้สึกว่ามัน เชย และ ไม่มีอะไรแปลกใหม่มานำเสนอ ไม่เหมือนหนังแอ็คชั่นสมัยนี้เขาทำกัน แต่ถ้าหากใครที่เป็นแฟนหนังของ อาร์โนลด์ ในสมัยก่อนแล้วจะสัมผัสได้เลยว่า นี่แหละ คือการกลับมาที่สมศักดิ์ศรี ของพระเอกนักบู๊ตลอดกาลเลยก็ว่าได้
The Man with the Iron Fists กำกับการแสดงโดยอาร์ซีเอแรพเพอร์ชื่อดังอย่างที่บอกไปข้างต้นที่ได้โดดมากำกับหนังใหญ่เรื่องแรกโดยก็มีรุ่นพี่หนุนหลังให้มากมายไม่ว่าจะเป็นการที่ได้เควนตินทารันติโน่มาช่วยเป็นป๋าดันให้หนังอยู่ห่างๆและอิไลร๊อธเพื่อนสนิทของทั้งคู่มาทำหน้าที่คอยเกลาบทให้กับหนังที่ทำตามความชอบความคลั่งในตอนเด็กของผู้กำกับกับแนวกังฟูยอดพลังที่เรื่องนี้ก็มีตัวละครแปลกๆให้เราเลือกที่จะมึนงงกันมากมายไม่ว่าจะเป็นช่างตีเหล็กกำปั้นจอมพลัง , นักฆ่ามีดสังหาร , ก๊กสิงโต , มาดามใจดุหรือแม้แต่มนุษย์เหล็กทองคำที่รับบทโดยบาติสต้าโดยจากการที่ตัวผมนั่นเคยได้เห็นตัวอย่างผ่านตามามากมายก่อนจึงไม่แปลกที่อาจจะค่อนข้างตั้งความหวังกับตัวหนังไว้มากพอสมควรก็เพราะตัวอย่างและทีมนักแสดงที่ตัดออกมาน่าดูชม
แต่อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วตัวหนัง The Man with the Iron Fists อาจจะออกมามั่วๆในด้านบทฉากแอ็คชั่นที่พยายามสร้างสรรค์แลดูล้มเหลวและยังไม่อาจสามารถดึงเสน่ห์ในตัวละครและนักแสดงออกมาได้ดีนักแต่ถ้าพูดถึงด้านความบันเทิงของแฟนคลับเฮียเควนตินและร็อธก็น่าจะพอใจในระดับนึงครับ
เป็นหนังที่ต้องเลื่อนฉายเพราะว่าเหตุการณ์การยิงกันในโรงหนังระหว่างการฉาย The Dark Knight Rises ที่เผอิญว่าหนังเรื่องนี้ก็ดันไปมีฉากการยิงกันในโรงหนังอยู่ในเรื่องเสียด้วย จึงทำให้ตัวหนังต้องเลื่อนฉายมาปีหน้า หนำซ้ำยังต้องตัดฉากดังกล่าวออก เพื่อเป็นการไว้อาลัย ต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ด้วย