Aqua.c1ub.net
*
  Wed 06/Aug/2025
หน้า: 1 ... 149 150 151 152 153 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 759489 ครั้ง)
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4500 เมื่อ: 22/10/13, [10:59:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


The Book of Eli คัมภีร์พลิกชะตาโลก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22/10/13, [11:05:59] โดย จอมใจไร้รัก »
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4501 เมื่อ: 22/10/13, [11:12:05] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?

Blood Diamond เทพบุตร เพชรสีเลือด
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4502 เมื่อ: 22/10/13, [11:15:38] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

The Social Network
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4503 เมื่อ: 22/10/13, [15:03:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4504 เมื่อ: 22/10/13, [15:04:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4505 เมื่อ: 22/10/13, [15:05:59] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4506 เมื่อ: 22/10/13, [15:07:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?ภาคอะไร ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4507 เมื่อ: 22/10/13, [15:10:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

หนังค้างหน้า 150 อีก 3 เรื่องครับ
T.Dark ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4508 เมื่อ: 22/10/13, [17:02:35] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
Shutter Island







เรื่องอะไรครับ ?ภาคอะไร ?
The Lord of the Rings: The Two Towers








เรื่องอะไรครับ ?
American Gangster






เรื่องอะไรครับ ?
Munich







เรื่องอะไรครับ ?
Unstoppable
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4509 เมื่อ: 23/10/13, [08:32:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ค้าง
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4510 เมื่อ: 23/10/13, [10:07:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ค้าง
Mama ผีหวงลูก
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4511 เมื่อ: 23/10/13, [10:41:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Mama เป็นชื่อภาพยนตร์ที่ตั้งได้ตรงไปตรงมา แค่เพียงเห็นก็พอที่จะเดาได้ไม่ยากเลยว่าหัวใจของเรื่องนั้นเกี่ยวกับอะไร สำหรับเรื่องนี้นำเสนอในแนวระทึกขวัญเหนือธรรมชาติ และเป็นเช่นเดียวกับชื่อ! ตัวหนังเล่าเรื่องไม่ยอกย้อน เรียกได้ว่าเปิดเผยด้วยซ้ำ ว่านำเสอนตัวเองอยู่ในระดับใดและทำให้ผู้ชมได้รับทราบ (และยอมรับ) กับสิ่งที่กำลังจะตามมา?

ทั้งโปสเตอร์ ตัวอย่าง หรือแม้กระทั่งฉากเครดิตตอนเปิดหนัง ที่พยายามใช้ชื่อของ กิลเลอร์โม เดล โตโร่ ผู้กำกับชื่อดัง ราวกับว่าตัวเขานั้นเป็นผู้กำกับ! ทั้งที่จริงเขาทำหน้าที่ในฐานะผู้อำนวยการสร้างต่างหาก (แต่ปีนี้เราจะได้ชมผลงานกำกับเรื่องใหม่ของเขา Pacific Rim (2013)) ทำให้เราแทบจะไม่รู้เลยว่า Mama นั้นที่จริงกำกับโดย แอนเดรียส มูเชสต์ติ

เรื่องราวใน Mama เริ่มต้นขึ้นเมื่อเหตุการณ์วิกฤติการณ์เงินของสหรัฐฯ เมื่อปี 2008 (Financial Crisis of 2007?2008) พ่อของวิคตอเรีย?(เมแกน คาร์เพนเทียร์) วัย 3 ปี และ ลิลลี่ (อิซาเบลล์ เนลิสส์) วัย 1 ปี ได้นำพาพวกเขาทั้งสองมายังกระท่อมกลางป่าเพื่อจะจบชีวิต จากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา หลังจากที่เขาได้สังหารหุ่นส่วนทางธุรกิจและภรรยาของตนเอง แต่แล้ววิคตอเรียกับลิลลี่สามารถรอดชีวิตได้อย่างปฏิหารย์และอาศัยอยู่ใน กระท่อมกลางป่าเป็นเวลากว่า 5 ปี ลูคัส (นิโคลาจ คอสเตอร์-วัลโด) ผู้เป็นอาและแฟนสาวชาวร็อคแอนนาเบล (เจสซิก้า แชสแท่น) จึงค้นพบพวกเธอ แอนนาเบลและลูคัสพยายามดูแลและสอนเด็กทั้งสองให้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบคน ธรรมดา แต่ทว่าเหมือนเด็กทั้งสองจะมีบางสิ่งที่ดูแลพวกเขาอยู่ก่อนแล้วที่พวกเธอ เรียกว่า มาม่า!!

ตัวหนังมาพร้อมกับบรรยากาศลึกลับและไม่น่าไว้วางใจ รวมถึงดนตรีประกอบที่ทำให้รู้สึกหลอนๆ อยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่เห็นเด็กทั้งสอง และอาจจะกล่าวได้ Mama ไม่ใช่หนังแนวลึกลับน่ากลัวเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อพิจารณาตัวหนังในภาพรวมแล้ว หนังมีความแฟนตาซีผสมอยู่มากทีเดียว! ซึ่งชัดเจน ว่าเป็นแนวทางถนัดของ เดล โตโร่ ที่ในความแฟนตาซีมักจะใส่อะไรที่มันดูจริงจังลงไป และในเรื่องนี้คือ ว่าด้วยเรื่องของรักของแม่ที่มีต่อลูก! ในแบบไม่ปกติสักเท่าไหร่กับผีมาม่าที่เลี้ยงดูเด็กๆ มา และหญิงสาวชาวร็อคที่ต้องมาเป็นแม่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!

หนังเลือกที่จะเปิดเผยตัวมาม่าตั้งแต่ต้นๆ ในแบบที่ให้รู้กันไปเลยว่าคือ ผีสาว! ที่คอยปกป้องเด็กๆ นั้นเกิดความผูกพันธ์จึงทำให้ติดตามมาจนเกิดเป็นเรื่องราวต่างๆ ซึ่งผีสาว! เป็นซีจีที่ไม่เนียนเท่าไหร่ (ยังมองออกว่าเป็นซีจี) แต่ความไม่เนียนนั้นก็แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว! ที่มาที่ไปของผีสาวตัวนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ มันมีฉากที่เผยให้ผู้ชมรวมถึงตัวละครแอนนาเบลผู้เป็นดั่งแม่บุญธรรมของ สองพี่น้อง ได้รู้ความจริงว่า ไฉนมาม่าถึงกลายเป็นผี ด้วยการใช้ความฝันเป็นตัวบอกเล่า ซึ่งฉากฝันนี้นำเสนอในลักษณะมุมมองของบุคคลที่หนึ่ง ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในความฝันและเข้าใจในมุมมองของตัวละครผี มากขึ้นด้วย ซึ่งนับเป็นฉากที่เก๋ไก๋ฉากหนึ่งของเรื่องเลยทีเดียว รวมถึงเทคนิคการตัดฉากระหว่างความฝันและความจริง ในหลายฉากที่ทำออกได้อย่างสร้างสรรค์และทำให้ผู้ชมรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ เห็นเมื่อก่อนหน้านี้คือความฝัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะบอกเล่าความเป็นมาของมาม่าและสิ่งที่เธอต้องการ แต่เราก็ยังสงสัยถึงขอบเขตอำนาจของมาม่าที่ดูจะมากล้นเกินไปสักนิด! หรือจะเปรียบเปรยได้ว่าพลังของมาม่าก็คือพลังของผู้เป็นแม่ (ในเชิงลบ) นั่นเอง!

นักแสดงเด็กทั้งสอง เมแกน คาร์เพนเทียร์ และ อิซาเบลล์ เนลิสส์ ต่างทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรกับการแสดงออกของพฤติกรรมแบบสัตว์ป่าก่อนที่จะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาเหมือนคนปกติมากขึ้น อิซาเบลล์ใน บทของลิลลี่ สามารถใช้แววตาในการสื่ออารมณ์ออกมาได้ดี ดูเหมือนสายตาของสัตว์ที่มองสิ่งรอบตัวด้วยความระแวดระวังและไม่วางใจอะไร ง่ายๆ ส่วนเมแกนในบทวิคตอเรีย ถือเป็นตัวละครเด็กที่ต้องรับบทหนักในเรื่องพอสมควร กับการต้องแสดงสีหน้าและแววตาที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเสียใจกับสิ่งที่เธอทำเหมือนหักหลังมาม่า ในขณะที่เธอก็ต้องการกลับมามีชีวิตตามปกติและไม่ต้องการให้มาม่าจัดการกับ ใครอีก!

นักแสดงอีกคนที่ขอกล่าวถึง เจสซิก้า แชสแท่น ที่ผู้อ่านบางท่านอาจเพิ่งผ่านตากับการแสดงอันสุดยอดของเธอใน Zero Dark Thirty ที่ในเรื่องนี้รับบทเป็นแอนนาเบล สาวร็อคผมสั้นสักลายตามตัว (เปลี่ยนไปเยอะจนเกือบจำไม่ได้) ที่จับผลัดจับผลูต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กทั้งสอง แชสแท่นเธอ แสดงบทบาทจากหญิงสาวนิสัยกระด้างที่ค่อยๆ มีความรักของแม่ได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้บทจะไม่ส่งเท่าไหร่ รวมถึงไม่มีการบอกเล่ารายละเอียดของตัวละครแอนนาเบลมากนัก แต่ก็ทำให้เรารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักและจริงใจ

บทสรุปของเรื่องไม่เกินจากที่คาดคิด (หากเข้าใจจุดประสงค์ในการคงอยู่ของมาม่า) ส่วนจะเป็นบทสรุปที่น่าพอใจหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเรามองเรื่องราวชีวิต อันรันทดของมาม่าอย่างไรในช่วงที่เธอมีชีวิตอยู่ หากคุณเห็นใจเธอ คุณคงพอใจกับทางออกของหนังในรูปแบบนี้ และตอบแทนกับสิ่งที่เธอได้ทำไว้กว่า 5 ปี แต่หากคุณรู้สึกว่าการที่เธอวนเวียนอยู่ไม่หายไปไหน มันคือความยึดติด และไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอใช้อำนาจของเธอทำ คุณอาจจะเห็นว่าบทสรุปมันอาจไม่ยุติธรรมกับบุคคลที่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็นับว่า Mama มีบทสรุปที่ลงตัวในแบบที่คงเรียกร้องอะไรไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว กับเรื่องราวหลอนๆ ที่แฝงนัยยะด้านความรักของแม่?

5/10
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23/10/13, [10:44:29] โดย จอมใจไร้รัก »
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4512 เมื่อ: 23/10/13, [10:42:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

the last tycoon เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย

เรื่องราวของวงการมาเฟียจีนที่ไม่ได้ผ่านสายตานักดูหนังชาวไทยมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะด้วยกระแสเจ กระแสเค ที่เข้ามาตีตลาดในไทยจนกระจุย จนทำให้กระแสซี ที่เคยโด่งดังและเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยมาโดยตลอดได้หลบเลือนไป ภาพยนตร์จีนหรือฮ่องกงที่เข้ามาฉายในไทยก็ลดน้อยลง มิพักเอ่ยถึงทีวีที่ทุกวันนี้นึกไม่ออกเลยมีหนังจีนด้วยหรือไม่? The Last Tycoon หรือชื่อภาษาไทยที่สื่อได้ชัดเจนยิ่งกว่าว่า เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย คือภาพยนตร์ที่จะทำให้นักดูหนังรุ่นเก๋าได้หวนรำลึกความหลัง และนักดูหนังรุ่นใหม่ ควรจะได้ชมเพื่อจะได้รู้ว่าเสน่ห์ของหนังแก๊งสเตอร์เอเชียมันต่างจากแก๊งสเตอร์ตะวันตกอย่างไร?

The Last Tycoon ได้ แอนดรูว์ เลา ผู้เคยสร้าง Infernal Affairs และ The Storm Riders จนโด่งดังในระดับปรากฎการณ์มาแล้ว มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ไม่ใช่ผู้กำกับ! แต่เพราะลูกเล่นการประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยที่อาศัยชื่อเสียงของ แอนดรูว์ เลา อาจทำให้ผู้ชมบางส่วนเข้าผิดว่า แอนดรูว์ เลา กำกับ ซึ่งแท้จริงแล้วคนที่กำกับเรื่องนี้คือ หว่อง จิง และยังได้ หยีชุงมั่น นักออกแบบงานสร้างมือหนึ่งของเอเชีย ที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ Curse of the Golden Flower ก็มารับหน้าที่เนรมิตเมืองเซี่ยงไฮ้ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้? นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงด้วยว่า ความโด่งดังของ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ของ TVB ประเทศฮ่องกง เมื่อหลายสิบปีก่อน ที่โจวเหวินฟะเคย แสดงไว้ในมาตรฐานระดับสูง ทำให้กว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องรอให้เวลาผ่านมากว่า 27 ปี ถึงจะมีการสร้างเรื่องราวที่เกี่ยวกับเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ขึ้นอีกครั้ง? และที่พิเศษที่สุดคือ หากโจวเหวินฟะไม่ตกลงมาแสดงนำ โครงการภาพยนตร์ The Last Tycoon ก็จะเป็นหมันไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง!

หนังเล่าเรื่องราวตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต!ของ เฉิงต้าชี่ (หวงเสี่ยวหมิง/โจวเหวินฟะ) เด็กหนุ่มชนบทมีความฝันว่าจะเป็นใหญ่ในเซี่ยงไฮ้และมีคนรักนาม เหย่จือฉิว (หยวนเฉวียน) ซึ่งเธอฝันจะเป็นนักแสดงอุปรากรจีนชื่อดังในปักกิ่ง แต่วันหนึ่งเฉิงกลับถูกใส่ร้ายในข้อหาข่มขืนและฆ่าคนตาย แต่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้การเหมา (อู๋เจิ้นยี่) ช่วยให้แหกคุกออกมาได้ จือฉิวได้ออกทางไปยังปักกิ่งแล้ว เฉิงจึงเดินทางเข้าเซี่ยงไฮ้มาตามความฝัน เป็นนักเลงร้านถิ่นจนได้มาเข้าสังกัดของฮงชูหทิง (หงจินเป่า) ด้วยความซื่อสัตย์ต่อนายและเฉลียวฉลาด เฺฉิงสามารถไต่เต้าขึ้นมาจนเป็นใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ได้สำเร็จความเป็นผู้มี อิทธิพลในเซี่ยงไฮ้ ทำให้เขาถูกหมายหัวจากทางการญี่ปุ่นที่กำลังสร้างความยิ่งใหญ่ของกองทัพแห่ง มหาเอเชียบูรพาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุการณ์ได้บานปลาย ผู้คนมากมายที่เขารักและบุคคลที่เขาเคารพถูกทำร้าย เฉิงซึ่งเป็นเจ้าพ่อแห่งเซี่ยงไฮ้วางแผนเขาต่อต้านทางการญี่ปุ่นในที่สุด!

จะว่าไปแล้วด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ วงการมาเฟียแห่งเซี่ยงไฮ้ ก็มีความกดดันมากพออยู่แล้ว แต่การมีทีมงานสร้างที่มีชื่อเสียงและรวมถึงการเป็นแหล่งรวมนักแสดงชั้นนำ ที่ชาวเอเชียค่อนข้างคุ้นเคย (แน่นอนรวมถึงชาวไทย) รวมถึงดารานำที่เคยไปโลดแล่นในฮอลลีวู้ดมาแล้วอย่าง โจวเหวินฟะ มานำแสดง ยิ่งเป็นการเพิ่มความกดดันและความคาดหวังจากผู้ชมมากยิ่งขึ้นไปอีก

ในหนังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่หากใครคุ้นเคยหรือยังจำได้กับภาพยนตร์แนว มาเฟียของจีนจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องราวของคนจะเป็นใหญ่ใจต้องเหี้ยม ผู้มีอิทธิพลที่ประชาชนเคารพ ข้าราชการยำเกรง ผ่านร้อนผ่านหนาวจนก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุด ที่เต็มไปด้วย เรื่องราวการตามความฝัน มาเฟียคุณธรรมที่ดำรงชีวิตด้วยวิธีทางสุจริต ข้าราชการทุจริต ความรัก 3 เส้า บุญคุณความแค้น การเสียสละและการหักหลัง ฯลฯ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันมีความน้ำเน่าอยู่ในเรื่องที แต่เป็นน้ำเน่าในระดับที่ถูกจริตกับคนไทย ที่กล่าวมาทั้่งหมดคือเสน่ห์ของหนังแก๊งสเตอร์เอเชียที่นักดูหนังรุ่นก่อน รัก

หนังต้องการใช้พลังดาราของ โจวเหวินฟะ ให้มากที่สุด การดำเนินเรื่องจึงเป็นลักษณะของการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นปัจจุบันตัด สลับกับเรื่องราวในอดีต เป็นลักษณะของรู้ผลแล้วค่อยย้อนไปดูเหตุ! การดำเนินด้วยวิธีนี้เป็นแนวคิดที่น่าสนใจกว่าการดำเนินเรื่องตามแนวทางปกติ แต่ในช่วงครึ่งแรก ตัวหนังกลับประสบปัญหาจากการตัดต่อที่ทำออกมาได้ค่อนข้างหยาบ ห้วนและดูจะเร่งร้อนที่จะเล่าเรื่องมากเกินไป แม้ โจวเหวินฟะ จะมีความคล้ายคลึงกับ หวงเสี่ยวหมิง แต่ในสายตาของผู้ชมย่อมต้องใช้เวลาอยู่บ้างในการทำให้รู้สึกคุ้นชิน การเห็นเฉิงต้าชี่ที่แสดงโดย โจวเหวินฟะ เข้าฉากกับ หงจินเป่า และ อู่เจิ้นยี่ ในตอนต้นเรื่องที่เล่าเหตุการณ์ในปัจจุบันจึงดูค่อนข้างประดักประเดิดอยู่บ้าง! เพราะก่อนหน้านั้นเราเพิ่งเห็นเฉิงต้าชี่ที่แสดงโดย หวงเสี่ยวหมิง ไปไม่นาน และเราก็รับรู้ว่าเฉิงต้าชี่มีวัยที่อ่อนเยาว์กว่าพวกเขาทั้งสอง! แต่เมื่อตัดฉากมายังปัจจุบันเรากลับไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของช่วงวัยทำให้ ระหว่างชมเกิดความรู้สึกต่อต้านอยู่บ้าง!

การออกแบบงานสร้างในเรื่องนี้นับว่าโดดเด่น ฉากเมืองเซี่ยงไฮ้ที่กว้างใหญ่และมีชีวิตชีวา ทำให้เชื่อว่าที่แห่งนี้คือสถานที่มีโอกาสและสามารถสร้างคนธรรมดาให้ขึ้นมา เป็นใหญ่เป็นโตได้ ฉากกองบินญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิดที่เซี่ยงไฮ้เป็นอีกฉากหนึ่งที่ทำออกมาได้ถึง!

แม้จะดูออก ?ว่า? มันคือซีจีในบางส่วนแต่การเห็นอาคารบ้านช่องเสียหายและเสียงอึกทึกอึงอล ทำให้รู้สึกถึงความสมจริงมากยิ่งขึ้น และดูเหมือนผู้สร้างจะเสียดายฉากระเบิดที่ถ่ายทำออกมา จึงได้นำมาใช้เยอะมากจนเกิดความรู้สึกเกินพอดีไปสักนิด!

ฉากแอ็คชั่นในเรื่องก็เป็นรูปแบบเฉพาะของหนังมาเฟีย ที่ตัดสินกันด้วยพละกำลังและกระสุนปืน การออกแบบฉากการต่อสู้ในภาพรวมทำออกมาได้มันสะใจ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาและทำให้ความจริงจังที่หนังสร้างมาโดยตลอดต้องมลายหายไป คือกลยุทธ์ในการต่อต้านญี่ปุ่นซึ่งเป็นส่วนไคลแม็กซ์ของเรื่อง น่าเสียดาย! กับการสร้างเงื่อนไขขึ้นมาให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกว่าสถานการณ์ในเรื่องดู สิ้นหวังและยากจะกู้คืนเซี่ยงไฮ้จากญี่ปุ่นได้ การหาทางออกของสถานการณ์ที่เสียเปรียบทุกอย่างควรทำให้สนุกเหลือคาดและดูสม เหตุสมผล แต่บทสรุปกลับเป็นในทางตรงกันข้าม ทุกอย่างดูง่ายดายไปหมดจนไม่มีอะไรให้ลุ้นมากนัก แถมยังเป็นการลดความน่าเกรงขามของกองทัพญี่ปุ่นให้หมดลง กับการที่ถูกลูกน้องของเฉิงต้าชี่ทำความเสียหายถึงขนาดนั้น!

ท้ายที่สุด The Last Tycoon คือหนังที่เรียกความทรงจำเก่าๆ และความประทับใจที่เคยมีต่อหนังมาเฟียจีนให้กลับมาอีกครั้ง แม้จุดบกพร่องจะมีปรากฎให้เห็นอยู่พอสมควร แต่การแสดงของเหล่านักแสดงชั้นนำที่ต่างทำหน้าที่ของตนเองได้ดีทุกคน รวมถึงฉากเมืองเซี่ยงไฮ้ที่งดงามตระการตา ก็ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังมาเฟียจีนอีกเรื่องที่น่าประท้บใจ!

7/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4513 เมื่อ: 23/10/13, [10:46:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

จันดารา ปัจฉิมบท

หลังจากในภาคที่แล้ว ทำออกมาเข้มข้น จนมีแฟนๆติดหนึบหนับกันไปกับ จันดารา ฉบับ มาริโอ้ และ ตั๊ก บงกช ว่าแล้วทางผู้กำกับ หม่อมน้อย จึงไม่รีบรอช้าที่จะเข็นออกมาให้ชมกันแบบเร็ววัน โดยได้ทีมนักแสดงชุดเดิม พร้อมในภาคนี้เสริมพิเศษด้วยแขกรับเชิญอีกเพียบด้วยนะ

หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านพิจิตร วานิช ทำให้ ?จัน ดารา? (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ ?เคน กระทิงทอง? (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) สหายสนิทของเขาต้องหนีภัยอันเกิดจากการกระทำอันเหี้ยมโหดของ ?คุณหลวงวิสนันท์เดชา? (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้านานถึง 17 ปี ไปพำนักอยู่กับ ?คุณท้าวพิจิตรรักษา? (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร ช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่เมืองพิจิตรนี้ จันเป็นสุขทั้งกายใจ และรู้สึกถึงอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง เขายังคงติดต่อทางจดหมายกับ ?ไฮซินธ์? (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงในดวงใจอันเป็นรักบริสุทธิ์ของเขาอยู่เสมอมา และคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับการตามค้นหาพ่อแท้ๆ พร้อมการกลับมาล้างแค้นคุณหลวงที่เคยทำชีวิตวัยเด็กของเขาสลายไปด้วย

จันดารา ปัจฉิมบท ยังคงเป้นการกลับมากำกับเองของ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล จาก ภาคแรก และ ชั่วฟ้าดินสลาย ที่ยังคงลายเส้นของเขาเอาไว้อย่างชัดเจนในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสนอกสนใจในด้านของ รายละเอียด ฉากเฉิก และ ฉากโป๊โจ่งครึ่มๆที่กลายเป็น Talk of the Town จนมีคนมากหน้าหลายวัยอยากตีตั๋วเข้าไปดูตลอดไม่ขาดสาย ซึ่งไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านคนอื่นเคยดูฉบับเก่าของ พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร หรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวความเห็นจากผมที่เคยได้ดูเวอร์ชั่นดังกล่าวมาแล้ว อยากจะบอกได้ว่าส่วนตัวนั้นเป็นคนนึงที่ค่อนข้างชื่นชอบ 30 นาทีสุดท้ายของตัวหนังเป็นเอามาก เพราะอารมณ์ของความมือม่น และ ป่นปี้ พร้อมทั้งอารมณ์ความทุเรศ อุบาทว์ ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเนื้อเรื่อง 30 นาทีสุดท้ายของ จันดารา ภาคนั้นแหละ ก็เป็นเนื้อเรื่องเดียวกันกับ จันดารา ปัจฉิมบท ที่มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง

โดยถ้าหากว่า ปัจฉิมบท สามารถใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากภาคก่อน ได้เช่นเดียวกับการที่ภาค ปฐมบท ได้ทำไว้ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับภาค ปัจฉิมบท ที่ไม่สามารถทำออกมาได้ดีถึงครึ่งของ ปฐมบท เลยสักนิด เพราะอารมณ์ทั้งหมดที่สัมผัสได้จากภาคนี้กลับเห็นจะเป็น ความอืดอาด ยืดยาด ในตัวบท ที่วนเวียนๆอยู่กับการรำพึงรำพันถึงชีวิตของ จันดารา โดยที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสำนึกผิดของการล้างแค้นครั้งนี้ หนำซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือไม่ ที่จะทำให้ตัวหนังสอดแทรกสถานการณ์ตลกๆเป็นระยะๆ นั่นถือว่าเป็นอีกด้านนึงที่ทำลายความตึงเครียด และ อารมณ์ความอาลัยตายจาก ในภาคนี้จนหมดสิ้นไม่ต่างจากภาคที่แล้วเลยสักนิด

ซึ่งสิ่งที่เห็นว่าจะเป็นความพัฒนาในภาคนี้ คงเห็นจะมีแต่การที่ผู้กำกับ ได้ลดเลิกให้ความสนใจกับฉากการมีเพศสัมพันธุ์ และ ฉากโป๊ โดยไม่จำเป็น ให้ลดน้อยลงไม่เท่าภาคที่แล้ว และเอาเวลามาสนใจกับเนื้อเรื่องหลักเสียๆซะส่วนใหญ่ (ที่น่าเสียดายเมื่อมันออกมาแล้วกลับแย่กว่าภาคที่แล้ว) จนทำให้รู้สึกว่าฉากการมีเพศสัมพันธุ์ของตัวละครแต่ละตัว ดูมีความหมายที่จะใส่เข้ามา และ ดึงพาอารมณ์ความอุบาทว์ในบ้านหลังนี้จากคนดูได้ดีกว่าภาคที่แล้วเยอะพอสมควร

ในทางกลับกัน ด้านของ นักแสดง ในภาคนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นน่าผิดหวังพอสมควร ไม่ว่ามันจะเกิดจากบทสนทนาที่เหมือนพูดเป็นคำๆ หรือว่าการแสดงที่แข็งเป็นท่อนไม้ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือการที่ตัวหนังเต็มไปด้วยการแสดงๆแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ล้นแต่ก็ไม่เต็ม โดยเฉพาะหลายๆตัวละครหลัก ตั้งแต่ มาริโอ้ ยันถึง โช นิชิโนะ ที่เห็นก็จะมีแต่ คุณหลวง อย่าง คุณ ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ และ นิว ชัยพล ในบท เคน กระทิงทอง ที่ยังคงรักษามาตรฐานการแสดงของตนได้อย่างน่าสนใจ

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วผมจึงคิดว่า จันดารา ปัจฉิมบท เป็นภาคที่ด้อยกว่าภาคแรกในแทบทุกด้าน ตั้งแต่ ด้านบท ลามกันไปถึงด้านของ อารมณ์ของหนัง ที่ดูไปดูมาแล้วยังออกแนวด้อยกว่า 30 นาทีสุดท้ายในภาคของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เสียอีกหละครับ

6/10

จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4514 เมื่อ: 23/10/13, [10:47:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

ทองสุก 13

วันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงก็ทำให้ทุกคนต้องลืม เพื่อนคนนี้ไม่ลงไปตลอดชีวิต เมื่อทุกคนนัดกันหนีทองสุกไปเที่ยวกันที่เกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบเวิ้งว้างแห่งหนึ่ง โดยมีโจทย์ง่ายๆว่า งานนี้ต้องไม่มีทองสุก แต่ใครจะรู้ว่า ทองสุก แอบไปเซอร์ไพร์สที่นั่น และในคืนนั้นดันไปตรงกับวัน ศุกร์ 13 ที่ว่ากันว่าเป็น ?คืนผีแดก? คืนที่วิญญาณผีร้ายออกมากินเครื่องเซ่นสังเวย เพื่อนๆจึงตอบแทนทองสุกด้วยการแกล้งด้วยการขังในตู้ที่ปิดตาย หารู้ไม่ว่าคนในกลุ่มได้รับบทเรียนที่ขำไม่ออก ในคืนที่เต็มไปด้วยความหลอนและไม่มีใครไว้ใจใครแม้กระทั้งตัวเอง ทั้งหมดจะรอดจากหายนะนี้ได้หรือไม่ ทองสุกจะรอดพ้นจากทั้งคนทั้งผีได้หรือไม่ในเกาะนี้

ทองสุก 13 เป็นผลงานการกำกับของคุณ ทวีวัฒน์ วันทา ผู้กำกับที่ผลงานในเครดิตก็แสดงถึงความคัลท์กันเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ขุนกระบี่ ผีระบาด และ อสุจ๊าก ที่ในผลงานเรื่องใหม่อย่าง ทองสุก 13 เขายังได้ตัว เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ นักเขียนการ์ตูนไทยแนวจิตหลุด ที่ขาแนวคงรู้จักกัน มาเป็นมือเขียนบทให้ โดยอิงจากเรื่องจริงในชีวิตของเขา เมื่อมีเพื่อนคนนึงที่หายไปเป็นปีๆ แล้วอยู่ดีๆก็กลับมา ซึ่งโดยส่วนตัวถึงแม้ว่าจะรู้ข้อมูลมาก่อนแล้ว ว่าตัวหนัง ทองสุก 13 เป็นการคารวะ และ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสยองฝรั่งอย่าง Evil Dead เพราะฉะนั้นการที่ได้เห็นตัวหนังเป็น และ มีอารมณ์คล้าย หนังเรื่องดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายมากกว่านั้นคือ การที่ตัวหนังดูเหมือนจะไม่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Evil Dead เต็มๆเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นนะ

เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว ทองสุก 13 มันเหมือนเป็นหนังที่คารวะหนังสยองขวัญเก่าๆมากมาย ด้วยการหยิบยืมทั้ง ฉาก อารมณ์ และ โปรดักชั่น เข้ามาผสมผสานรวมกันจนเกิดเป็นหนังไทยที่มีกลิ่นไอของหนังฝรั่งอย่างเต็มเปี่ยม ที่ถึงแม้ว่าตัวหนังนั้นอาจจะไม่ได้ออกมาขั้นเทพคล้าย Cabin in the Wood ที่คารวะได้ดีอย่างเต็มเปี่ยม แถมหนำซ้ำตัวละครยังพาลดูน่ารำคาญ และ ไม่น่าเอาใจช่วยอีกด้วย (โดยในส่วนนึงคงเป็นเพราะการที่ตัวหนังเล่นวิธีการเล่าเรื่องทำให้คนดูมึนงง ไม่รู้ว่าตัวเราเองควรจะเห็นใจ ทองสุก หรือว่าควรจะสมน้ำหน้าพวก น้ำชา ดี) แต่กระนั้นแล้ว การที่ดูเหมือนว่าตัวหนังจะรู้ตัวเองดี ว่าไม่สามารถเล่นกับสถานการ์ณบีบคั้น

อารมณ์ของคนดู ได้ดีเท่ากับหนังที่ตัวเองได้รับแรงบันดาลใจมา หนังจึงมีแต่การยัดฉาก พีค อารมณ์ของคนดู และ ฉากที่ตื่นเต้นดูเพลินๆเข้ามาตลอดเรื่อง จนทำให้ท้ายสุดตัวหนังก็ทิ้งทวนอารมณ์ความเป็นหนังผี ที่ไม่น่ากลัว ไม่หลอน แต่ดูสนุก ให้กับคนดูได้ตามโจทย์ที่ตัวหนังวางไว้ตั้งแต่ พร้อมกับจุดหักมุมของตัวหนัง ที่ถึงแม้จะหยิบยืมหนังฝรั่งเรื่องนึงมาใช้อย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นแล้วถ้าหากนับเป็นการคารวะ ก็ถือว่าเป็นการทำที่กวนดีแท้ๆเลยหละ แต่ก็อย่างที่ได้บอกไปตั้งแต่ต้นว่าตัวหนังไม่ได้เทพถึงขั้นอะไรมากมาย เพราะฉะนั้นตัวหนังจึงอาจจะยังเต็มไปด้วยจุดรั่วมากมาย นอกจาก ความน่ารำคาญของกลุ่มตัวละครหลัก

ไม่ว่าจะเป็นการไม่บอกที่มาที่ไปของสร้อยคอ และ อีกหลายๆอย่างเกี่ยวกับตำนานเกาะร้าง ที่พาลทำให้ไดอะล๊อกหนังแปลกๆ จนอาจจะพาลทำให้แฟนนักเขียนการ์ตูนอย่าง เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ผิดหวังเอาได้ ที่ผลงานการเขียนบทครั้งนี้ยังทำได้ดีไม่เท่าตอน หลุด 4 หลุด และการ์ตูนของตนเอง เช่นเดียวกับผู้กำกับ ทวีวัฒน์ วันทา ที่ยังทำตัวหนังออกมาได้ดูแค่เพลินๆ ไม่ถึงขั้นคัลท์จนน่าปรบมือแบบ ขุนกระบี่ ผีระบาด ซึ่งทางด้านนักแสดงที่ขนแพ็คมาแต่ดาราที่รู้จักดี อย่าง น้ำชา , น๊อต และ ฌอห์ณ โดยรวมก็ถือว่าทุกคนสามารถทำหน้าที่ได้ดี ถ้าเทียบกับผลงานการแสดงหนังครั้งแรก จะมีก็แต่ ชิน ที่ดูเหมือนจะได้รับบทที่ผิดคาแรกเตอร์ จนพาลทำให้การแสดงที่พยายามทำให้คาแรกเตอร์ของ ทองสุก เป็นเด็กเอ๋อลึกลับพาลดูตลกไปด้วย

แต่อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วผมก็คิดว่า ทองสุก 13 เป็นหนังผีที่สามารถทำออกมาได้ดูสนุกพอตัว เพราะการที่ตัวหนังมีการคารวะ และ ออกแนวยกย่องหนังที่ตัวเองหยิบมาเป็นแรงบันดาลใจได้ดีในระดับนึง ถึงแม้มันจะออกมาไม่เพอร์เฟ็ค ไม่หลอน และ ไม่น่ากลัว กวนตีน เท่ากับของต้นฉบับเท่านั้นเอง


7/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4515 เมื่อ: 23/10/13, [10:49:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Zero Dark Thirty ยุทธการถล่ม บิน ลาเดน

แค่การนำเรื่องราวของ การบุกลอบสังหาร?อุซามะฮ์ บิน ลาดิน (Osama Bin Laden) ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ (Al-Qaeda) ผู้เป็นชนวนเหตุสำคัญให้เกิดเหตุการณ์ 9/11 ที่โลกตกตะลึง ก็เพียงที่จะปลุกเร้าความน่าสนใจของผู้ชมต่อภาพยนตร์ Zero Dark Thirty ได้มากพอแล้ว แต่เมื่อได้ชมตัวหนัง เรากลับพบว่ามันมีอะไรมากกว่าหน้าหนังที่เราเห็นมากมายนัก จังหวะการเล่าเรื่องเปรียบไปก็ดั่งมหาสุมทรที่คลื่นลมสงบ ที่ค่อยๆ แปรปรวน จนคลุ้มคลั่งมิอาจหยุดยั้ง จนเมื่อช่วงไคล์แม็กซ์ค่อยหนังผ่านไปก็กลับมาเป็นมหาสมุทรที่มีแต่ความสงบ เช่นเดียวกับตอนแรก

Zero Dark Thirty กำกับโดยผู้กำกับหญิงที่มีรางวัลออสการ์เป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมของ แคธรีน บิเกโลว์ ที่ผลงานล่าสุดยังคงวนเวียนเกี่ยวกับสงครามยุคใหม่ ที่ศัตรูอยู่ในที่มืดและใช้รูปแบบการโจมตีในจังหวะที่คาดไม่ถึง ซึ่งเรารู้จักกันดีในนาม ผู้ก่อการร้าย (Terrorists) เล่าเรื่องราว การตามหาบุคคลอันดับหนึ่งในทางการสหรัฐฯ ต้องการตัวมากที่สุด นั่นคือ?อุซามะฮ์ บิน ลาดิน เพราะหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาก็เหมือนกับหายสาบสูญไป แต่ว่าทีมสอบสวนของอเมริกาก็ยังคงทำหน้าที่ในการตามล่าตามล้างเหล่าผู้ก่อ ร้ายทั่วโลกโดยมี บิน ลาดิน เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ซึ่ง มายา (เจสสิก้า แชสแท่น) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของซีไอเอ ซึ่งเธอทำหน้าที่ของเธออย่างแข็งขันเป็นเวลาหลายปี สิ่งแวดล้อมและหน้าที่การงานเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอและทีมงานได้พบ อะบู อาห์เม็ด บุคคลซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญหนึ่ง! ที่อาจนำไปสู่การค้นพบคนที่เธอตามล่ามาตลอด อุซามะฮ์ บิน ลาดิน

หนังขึ้นต้นว่า สร้างมาจากปากคำของผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ราวกับเป็นการชวนเชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังจะได้เห็นต่อไปจากนี้ประกอบไปด้วย ความจริงมากกว่าการแต่งแต้มขึ้นมา แน่นอน! ว่ารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับแผนการจู่โจมบ้านในแทบ แอบบอตทาบัด (Abbottabad) ในประเทศปากีสถาน เป็นเรื่องจริงที่เราทุกคนส่วนใหญ่ยังจำได้! แต่ว่ารายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ คือการเติมเต็มให้เรื่องราวเกิดความสมบูรณ์ ในการที่จะประสานเรื่องจริงกับจินตนาการเข้าด้วยกัน ต้องเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ ซึ่ง แคธรีน บิเกโลว์ ซึ่งเคยสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีชอย่าง The Hurt Locker (2009) ได้สร้างจิตวิญญาณให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่โดยพื้นฐานแล้วชาวต่างชาติอย่างเราอาจไม่อินกับเหตุการณ์นี้เท่ากับคน อเมริกา ให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกขึ้นระหว่างที่ชมหนังเรื่องนี้ ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของหนัง เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เป็นตัวกำหนดอนาคตของโลกนี้ก็ไม่ปาน!

เจสซิก้า แชสแท่น นักแสดงวัย 35 ปี ที่มารับบท มายา เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนของซีไอเอ ซึ่งคาดว่าจะเป็นบทหนังที่ดีที่สุดในชีวิตการแสดงของเธอ เพราะเธอคือผู้ที่แบกหนังไว้ทั้งเรื่องด้วยตัวเพียงคนเดียว การแต่งกายที่ทะมัดทะแมงและบุคลิกนิ่งๆ ช่วยเสริมให้ตัวละคร มายา เป็นผู้หญิงในแบบที่ทุกคนไม่กล้าตอแยกับเธอ! ซึ่งแชสแท่นมอบการแสดงในระดับที่น่าทึ่ง! เราได้เห็นถึงความกดดันในการทำงานที่ใช้เวลาไปเท่าไหร่ก็มิอาจหาทางออกได้ ความขัดแย้งของทีมงานอันเกิดจากการคำนวนผิดพลาด จนเกิดเหตุการรณ์ก่อการร้ายขึ้นในหลายๆ ประเทศ ปมปัญหาของตัวละครที่เป็นเหตุผลว่าทำไม มายา ถึงต้องการค้นหา บิน ลาดิน ให้เจอ! จะว่าไปแล้ว มายา เป็นตัวละครที่ผู้ชายทุกคนคงไม่อยากพบเจอในชีวิตจริง เพราะเธอไม่มีเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิงหรือแม้กระทั่งผู้หญิงด้วยกันเองยัง ไม่แน่ใจกับการคบหากับเธอ!

แชสแท่น และ บิเกโลว์ ช่วยกันสร้าง ให้มายาเป็นผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ แต่เราก็พอจะรู้ว่ามันก็คงเปลี่ยวเหงา สังเกตจากตอนต้นและตอนจบของเรื่อง! แต่ที่เด่นชัดที่สุดคือการที่ตัวละครหญิงสาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สอบสวนเช่นเดียวกับเธอ ได้ถามมายาในร้านอาหารว่า เธอเคยมีเพื่อนหรือเปล่า? นั่นคือคำจำกัดความของตัวละครตัวนี้ได้อย่างดีที่สุด!

ทั้งนี้หนังนำเสนอตัวเองในลักษณะหนังแนวสืบสวนสอบสวน ที่กินเวลาร่วม 10 ปี กับการตามหาเบาะแสที่จะชี้ให้ทราบว่า บิน ลาดิน อยู่ที่ไหน หนังค่อยๆ ให้ข้อมูลอย่างไม่เร่งรัดหรือยัดเยียดมากจนผู้ชมจับต้นชนปลายไม่ถูก ซึ่งช่วยให้เราสามารถติดตามเรื่องราวและเข้าใจถึงสถานการณ์ในภาพรวมว่า การค้นพบ บิน ลาดิน คือหลักชัยหนึ่งในการหยุดยั้งการโจมตีจากเหล่าผู้ก่อการร้ายได้ และทำให้เวลากว่า 2 ชั่วโมงที่ผ่านไปกับการติดตามประเด็นการสืบสวนและการกระทำของมายาเป็นไปด้วย ความเพลิดเพลินกว่าที่คิด!

และการที่ผู้สร้างสามารถทำให้ผู้ชมสนุกไปกับการสืบสวนและค้นหาเบาะแส ต่างๆ แล้วละก็ เมื่อหนังเดินทางมาถึงช่วงของการปฏิบัติการครั้งสำคัญที่โลกต้องจารึก จึงเป็นอะไรที่สนุก ตื่นเต้นและลุ้นระทึกไปกับวิธีการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบของหน่วยซีล (SEALs) ทีม 6 แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ที่แต่ละการกระทำ แต่ละย่างก้าวของหน่วยซีลนั้น ทำให้แทบลืมหายใจ! การไม่ใส่ดนตรีประกอบใดๆ เข้ามาเร้าผู้ชมให้ตื่นเต้นกับสถานการณ์ในขณะนั้น แต่ให้ผู้ชมได้รับรู้และซึมซับบรรยากาศความตรึงเครียดด้วยตัวเอง ที่ทำให้ผลที่เลิศยิ่งกว่า ในด้านความสมจริงและรู้สึกคล้ายกับว่าเรากำลังร่วมอยู่ในปฏิบัิติการด้วยก็ ไม่ปาน นับเป็นฉากอันสุดแสนประทับใจและต้องเป็นที่กล่าวถึงในทุกครั้งที่พูดถึง Zero Dark Thirty ซึ่งแสดงให้เห็นว่า?บิเกโลว์ ทำฉากสำคัญฉากนี้ด้วยความเข้าใจ มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ของฉากนี้จะไม่ยอดเยี่ยมอย่างที่เป็นอยู่! หากไม่ใช่บิเกโลว์เป็นคนทำ!

ผู้สร้างตรงไปตรงมากับการนำเสนอเรื่องราวที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน โดยไม่เข้าข้างหรือเชิดชูอเมริกาตามธรรมเนียมของหนังประเภทนี้ส่วนใหญ่ที่ มักจะทำกัน แถมยังมีฉากจิกกัดอเมริกาแบบเนียนๆ ต่อการกระทำที่ปลิ้นปล้อนตลบแตลงต่อชาวโลก และหนังไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าการที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จคือชัยชนะ! ที่ควรจะภูมิใจหรือได้รับการยกย่อง มันกลับหดหู่และดูไร้แก่นสาร เมื่อคำนึงถึงทรัพยากรที่หมดไปมากมายมหาศาล ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและที่สำคัญคือทรัพยากรบุคคล! ที่ไม่รู้ว่ามีผู้เสียชีวิต พิการ บาดเจ็บ ไปมากน้อยเพียงไร กับการตามล่าเหล่าแกนนำผู้ก่อการร้ายหรือแม้กระทั่งการก่อสงคราม!

ที่บทสรุปสุดท้ายไม่มีใครที่ได้เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง จะมีก็แต่ผู้พ่ายแพ้มากมาย เฉกเช่นเดียวกับมายาหลังจากทำหน้าที่ของเธอเสร็จสิ้น ราวกลับเป็นการเย้ยหยัน! เมื่อสิ่งที่เธอได้รับไม่ใช่การแสดงความยินดีและสรรเสริญในการทำหน้าที่ของ เธอ แต่มันคือความอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว ไม่เหลือใคร ในขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับอเมริกา เธออาจกำลังตั้งคำถามอยู่ว่า สิ่งที่เธอได้ทำสำเร็จนั้นมันมีคุณค่าและความหมายอะไรสำหรับชีวิตของเธอ!?

9/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4516 เมื่อ: 23/10/13, [10:51:59] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4517 เมื่อ: 23/10/13, [10:53:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4518 เมื่อ: 23/10/13, [10:54:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4519 เมื่อ: 23/10/13, [10:55:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4520 เมื่อ: 23/10/13, [10:55:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4521 เมื่อ: 23/10/13, [12:24:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Les Miserables เป็นหนังที่ดูยากมาก ทนดูจนจบเพราะเสียดายเงินค่าตั่ว เป็นหนังที่โต้ตอบกันด้วยเพลง(หรือบทกวี)เสียดายเอาดาราดังมาเล่นหลายคน อย่าง Huge Jackman Russel Crowe Anne Hathaway ให้ 6.5/10
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23/10/13, [12:33:26] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4522 เมื่อ: 23/10/13, [12:29:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Man With the Iron Fists วีรบุรุษหมัดเหล็ก เป็นหนังที่จัดว่าห่วยเรื่องหนึ่ง ลงทุนเอาดาราอย่าง Russel Crowe กับ  Lucy Liu มาแสดง ให้ 6/10 ครับ
TeW ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4523 เมื่อ: 23/10/13, [19:38:47] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อยากสอบถามพี่ๆในนี้หน่อยครับ
คือผมเคยดูคลิปหนังตัวอย่างเรื่องหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเป็นหนังนานแล้วรึยัง หรือว่าเป็นหนังใหม่ที่ยังไม่เข้าโรง
หรือ อาจจะเข้าโรงอยู่

ซึ่งในคลิปนั้นผมจำได้คร่าวๆว่า
เป็นหนังออกแนวชีวิต
ตัวเอกเป็นผู้ชายผิวดำ
ทำงานเป็นพ่อบ้านของประธานาธิบดี
จำได้ประมาณนี้แหละครับ
ช่วยหน่อยนะครับ อยากทราบว่าชื่อหนังว่าอะไร



TeW ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4524 เมื่อ: 23/10/13, [19:39:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Last Stand  [เจ๋ง]
T.Dark ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4525 เมื่อ: 23/10/13, [21:25:15] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Hansel & Gretel: Witch Hunter
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4526 เมื่อ: 24/10/13, [01:05:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อยากสอบถามพี่ๆในนี้หน่อยครับ
คือผมเคยดูคลิปหนังตัวอย่างเรื่องหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเป็นหนังนานแล้วรึยัง หรือว่าเป็นหนังใหม่ที่ยังไม่เข้าโรง
หรือ อาจจะเข้าโรงอยู่

ซึ่งในคลิปนั้นผมจำได้คร่าวๆว่า
เป็นหนังออกแนวชีวิต
ตัวเอกเป็นผู้ชายผิวดำ
ทำงานเป็นพ่อบ้านของประธานาธิบดี
จำได้ประมาณนี้แหละครับ
ช่วยหน่อยนะครับ อยากทราบว่าชื่อหนังว่าอะไร




เป็นหนังเข้าโรงฯตอนนี้ครับ แต่เข้าเฉพาะบางโรงฯครับ น่าจะหาดูได้ยากในต่างจังหวัด
ชื่อ  The Butler ผลงานกำกับเรื่องใหม่จากลี แดเนียลส์ ผู้กำกับจาก Precious และ The Paperboy
หนัง The Butler ผลงานล่าสุดของผู้กำกับลี แดเนียลส์ จากหนังสองรางวัลออสการ์ Precious ได้ปล่อยภาพนิ่งแรกออกมาแล้วครับ และมีฟอเรสต์ วิเทเกอร์ แต่งตัวเป็นยูจีน แอลเลน ตัวละครเอกของเรื่อง ในห้องที่หรูหราของทำเนียบขาวครับ
หนังดัดแปลงจากบทความของวอชิงตันโพสต์ A Butler Well Served By This Election ว่าด้วยเรื่องจริงของชายหนุ่มที่เริ่มทำงานในทำเนียบขาวปี 1952 ในตำแหน่งคนเสิร์ฟอาหาร ยุคสมัยที่คนผิวดำยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องน้ำสาธารณะที่รัฐเวอร์จิเนีย บ้านเกิดของเขา แล้วต่อมาเขาก็ได้มีโอกาสรับใช้ประธานาธิบดีสหรัฐถึง 8 ท่าน ได้พบเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและประวัติศาสตร์เรื่องสีผิวในสหรัฐในแบบวงในกว่าใคร ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม, การรณรงค์เรียกร้องสิทธิพลเมือง, รวมถึงการลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิงก์, จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และ โรเบิร์ต เคนเนดี้ครับ
หนังเรื่องนี้นอกจากได้วิเทเกอร์มาแสดงนำแล้ว ยังเป็นการรวมนักแสดงชั้นนำระดับคุณภาพไว้มากมาย ได้แก่โอปราห์ วินฟรี่ ซึ่งกลับมาแสดงหนังอีกครั้งหลังจาก Beloved ในปี 1998 ในบทของกลอเรีย เกนส์ ภรรยาของแอลเลน ร่วมด้วยอเล็กซ์ เพ็ตตีเฟอร์, โรบิน วิลเลียมส์, จอห์น คูแซ็ค, อลัน ริคแมน, เจน ฟอนดา, เทอเรนซ์ เฮาเวิร์ด, คิวบา กูดดิ้ง จูเนียร์, ลิฟ ชไรเบอร์, เลนนี คราวิทซ์, เจมส์ มาร์สเดน, มินกา เคลลี, เมลิสซา ลีโอ, วาเนสซา เรดเกรฟ และมารายห์ แครี่ ครับ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4527 เมื่อ: 24/10/13, [01:10:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/10/13, [09:28:35] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4528 เมื่อ: 24/10/13, [09:30:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4529 เมื่อ: 24/10/13, [09:37:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


หน้า: 1 ... 149 150 151 152 153 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: