Aqua.c1ub.net
*
  Sun 03/Aug/2025
หน้า: 1 ... 148 149 150 151 152 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 758339 ครั้ง)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4470 เมื่อ: 21/10/13, [12:26:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/10/13, [12:33:24] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4471 เมื่อ: 21/10/13, [12:27:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4472 เมื่อ: 21/10/13, [12:29:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4473 เมื่อ: 21/10/13, [12:32:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ










เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4474 เมื่อ: 21/10/13, [14:57:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?

Prince of Persia เจ้าชายแห่งเปอร์เซีย
T.Dark ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4475 เมื่อ: 21/10/13, [19:02:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
The Fugitive







เรื่องอะไรครับ ?
Date Night
Wars ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4476 เมื่อ: 21/10/13, [19:17:30] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?

LET ME IN ครับ
kenaqua ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4477 เมื่อ: 21/10/13, [19:18:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?

Machete  ระห่ำกระฉูด  thr01
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4478 เมื่อ: 21/10/13, [23:38:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Beautiful Creatures แม่มดแคสเตอร์

เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ของปีนี้ที่ได้รับการคาดหมายว่า จะสร้างปรากฎการณ์เช่นเดียวกับที่ The Twilight Saga เคยทำไว้ แต่นั่นก็เป็นแค่ลูกเล่นทางการตลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ใช้ในการดึงให้คนสนใจตีตั๋วเข้าไปชมหนังเรื่องนี้ แต่สุดท้ายสิ่งที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเป็นปรากฎการณ์นั้น มันก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งหลังจากที่ชมแล้วก็ต้องบอกว่า Beautiful Creatures มีองค์ประกอบที่จะเป็นปรากฎการณ์ในเกือบทุกด้าน แต่มันมีในระดับที่น้อยเกินกว่าจะสำแดงพลังใดๆ ออกมา ไม่ต่างจากแคสเตอร์ที่ไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้เต็มที่!

Beautiful Creatures เรียกว่าเดินรอยตาม The Twilight Saga มาเลยก็ไม่ปาน เมื่อเดิมทีมันคือวรรณกรรม 4 เล่ม ของ แคมี่ การ์เซีย และ มาร์กาเร็ธ สโตฮ์ล ในขณะที่ Twilight เป็นเรื่องราวความรักที่เกี่ยวข้องกับแวมไพร์และหมาป่า Beautiful Creatures ก็เกี่ยวกับระหว่างแม่มดที่ในเรื่องใช่คำว่า แคสเตอร์ โดยเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ ริชาร์ด ลากราเวนเนส ที่เคยกำกับรักซึ้งๆ อย่าง P.S. I Love You (2007) มาก่อน

Beautiful Creatures มีฉบับแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ จันทราลิขิต เป็นเรื่องราวของ ลีน่า (อลิซ อิงค์เลิร์ต) เด็กสาวผู้มีพลังเวทมนตร์ ซึ่งเป็นมนุษย์อีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เรียกตัวเองว่า แคสเตอร์ ซึ่งย้ายเข้ามาเรียนในเมืองแกทลินพร้อมข่าวลือต่างๆ นาๆ ว่าตระกูลเธอเป็นพวกนับถือซาตาน และอาจเป็นตัวนำเรื่องร้ายมาสู่เมืองนี้ แต่นั่นไม่ทำให้ อีธาน เวท (เอลเดน อีห์เรนริช) หมดความสนใจในตัวเธอ เพราะลีน่าช่างเหมือนกับผู้หญิงในฝันที่เขาฝันถึงมาตลอด ความรักของทั้งคู่จึงเริ่มต้น! อย่างไรก็ดีความรักของพวกเขากำลังจะถูกทดสอบ เมื่อตระกูลของลีน่าต้องคำสาป เธอจะถูกกำหนดชะตาว่าเธอจะเป็นแคสเตอร์แห่งแสงสว่างหรือความมืดเมื่อถึงอายุ 16 ปี สถานาการณ์ต่างๆ เหมือนชี้นำให้เธอเป็นแคสเตอร์ฝ่ายมืด ตามแผนการของพี่สาวริดลี่ย์ (เอมี่ รอสซั่ม) และ เซลาฟีน (เอ็มม่า ธอมป์สัน) อีธานและลุงเมคอน (เจเรมี่ ไออ่อนส์) จึงต้องช่วยกันไม่ให้ลีน่ากลายเป็นแคสเตอร์แห่งความมืดที่ทรงอำนาจที่สุด!

เพียงแค่อ่านเรื่องย่อ เราก็รับรู้ได้เลยว่าตัวเรื่องมันองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่สามารถจะสร้างปรากฎการณ์เช่นเดียวกับ Twilight (ถ้าแฟนๆ ไม่เบื่อเรื่องราวแบบนี้เสียก่อน) หนังใช้เวลาในช่วงต้นจนถึงกลางเรื่องในการปูเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องราวของแคสเตอร์ คำสาป การถูกกำหนดชะตาเมื่ออายุ 16 ปี ความรักของลีน่าและอีธาน รวมถึงองค์ประกอบปลีกย่อยอีกพอสมควร ซึ่งจะว่าไปก็เป็นการดีที่ทำให้ผู้ชมจินตนาการถึงโลกของ Beautiful Creatures ได้แบบไม่มีข้อกังขามากนัก แต่มันก็ส่งผลเสียคือทำให้กว่าครึ่งเรื่องดำเนินไปด้วยความอืดอาด ที่อาจทำให้บางคนรู้สึกเบื่อๆ ได้ แต่เมื่อทุกอย่างถูกปูอย่างเรียบร้อย หนังก็กลับมาสู่จังหวะที่ควรจะเป็น และการมีโชว์พลังเวทย์และฉากแอ็คชั่นก็ช่วยให้รู้สึกคึกคักและทำให้หนังมี ชีวิตชีวาขึ้น!

ในเมื่อเรื่องราวของ Beautiful Creatures มีความรักเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขและเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้ชมลุ้น และติดตาม ความรักของพระนางก็ต้องสามารถทำให้ผู้ชมเข้าถึงด้วย ผู้กำกับริชาร์ดทำได้ดีในส่วนนี้ ที่ทำความรักประเภทนางในฝันออกมาไม่ดูเลี่ยนจนเกินไป และรวดเร็วจนไม่อิน ความรักของอีธานและลีน่าก็เป็นรูปแบบความรักในแบบคลาสสิค ที่ทั้งสองต่างหลงรักซึ่งกันและกันแต่ความแตกต่างกันระหว่างชายหญิงทั้งสอง เป็นอุปสรรคของความรัก ที่ชายหญิงแสดงให้เห็นว่า ความรักคือการยอมรับอีกฝ่าย และพร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างกันเมื่อเกิดปัญหาขึ้น รวมถึง รักคือการเสียสละ ซึ่งทั้งหมดคือสิ่งที่ Beautiful Creatures มี

หนังค่อยๆ ให้ลีน่าและอีธานค่อยๆ เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันผ่านบทกวีและวรรณกรรมอันเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนต่างชื่นชอบ เอลเดน อีห์เรนริช และ อลิซ อิงค์เลิร์ต ไม่ใช่คู่พระนางที่หล่อสวยเลอเลิศอะไร แต่สิ่งที่โดดเด่นของทั้งคู่คือความมีเสน่ห์ที่สื่อออกมาจากท่าทางและแววตา ที่ทำให้เรารู้สึกอินกับความรักของลีน่าและอีธานได้ ทำฉากที่อีธานจีบลีน่าคือสิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้!

นักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง เอ็มม่า ธอมป์สัน และ เจเรมี่ ไออ่อนส์ มอบการแสดงที่เข้าถึงบทบาท ชวนติตดาม และช่วยหนังได้เยอะมากจากบทแคสเตอร์ฝ่ายมืดผู้ทรงพลังและลุงผู้หวังดีต่อ หลานตามลำดับ ที่ทำให้เรื่องราวในภาพรวมดูเข้มข้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด!? ผิดกับตัวละคร ริดลี่ย์ ที่จากตัวอย่างหนังมีการเล่าเรื่องราวการลิขิตของเธอ ที่ทำให้เราคาดหวังกับตัวละครตัวนี้เป็นพิเศษ แต่ลงท้ายต่อให้ได้ เอมี่ รอสซั่ม มาสวมบทบาทสุดเซ็กซี่ก็ไม่ช่วยอะไร น่าเสียดายกับความทุ่มเทของเธอ ที่สุดท้ายก็ไม่ทำให้ริดลี่ย์รอดพ้นจากการเป็นตัวละครที่ดูเด่นในทีแรกแต่ ว่างเปล่าในตอนท้าย!

เพราะจะว่าไปแล้วหนังทำได้ดีในส่วนของเรื่องราวความรักเท่านั้น ในส่วนของดราม่าที่กล่าวถึงคำสาปของตระกูล เรื่องราวของการชิงตัวลีน่าระหว่างแคสเตอร์ฝ่ายสว่างและความมืดนั้น นำเสนอออกมาแบบทื่อด้านตรงไปตรงมามากไปนิด ไม่มีลูกเล่นล่อหลอกผู้ชม ทำให้ไม่รู้สึกลุ้นไปกับการลิขิตชะตาแคสเตอร์ของลีน่าเท่าที่ควร รวมถึงผลของการลิขิตก็ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าหาก ลีน่าอยู่ฝ่ายสว่างจะส่งผลดีอย่างไร (ซึ่งในหนังบอกเพียงแค่ฝ่ายมืดเท่านั้น!) หรือกระทั่งผลลัพธ์แบบในตอนท้ายจะส่งผลต่อโลกแคสเตอร์หรือต่อตัวลีน่า อย่างไร รวมถึงว่าทำไมอีธานมีอำนาจหยุดยั้งมนต์ของแคสเตอร์ได้ ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ ซึ่งนั่นคือความค้างคาที่คงต้องรอคำตอบในภาคต่อไป

ในส่วนของฉากโชว์พลังเวทย์รวมถึงฉากแอ็คชั่นในตอนท้ายเรื่องก็ทำออกมาได้ ธรรมดาไป ทั้งที่พลังเวทย์ของแคสเตอร์น่าจะสามารถสร้างฉากที่ดูยิ่งใหญ่ตระการตาหรือ ดูล้ำกว่านี้ได้อีก อันส่งผลให้ไคลแม็กซ์ของเรื่องดูจืดจางกว่าที่ควรจะเป็น รวมถึงปัญหาของตัวบทดังที่กล่าวไว้ข้างต้นก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ผลออกมาล่ะ อืม?แล้วไงต่อ?

น่าเสียดายกับองค์ประกอบของ Beautiful Creatures ที่มีอะไรหลายอย่างน่าสนใจ ชวนติดตามกับโลกของแคสเตอร์และเรื่องราวของความรักของอีธานและลีน่า ที่เหมือนจะต้องมาจูนกันใหม่อีกครั้ง! หากแต่ผลลัพธ์ของหนังที่ให้ความรู้สึกกลางๆ ไปเสียหมด คำถามคือภาคต่อนั้นจะมีโอกาสเกิดขึ้นไหม? ก็ได้แต่เอาใจช่วยขอให้มีภาคต่อออกมา แต่สิ่งที่พอจะเดาได้เลยหลังจากที่ชมจบนั่นก็คือ ปรากฎการณ์แคสเตอร์ (ถ้ามี) คงสู้ปรากฎการณ์แวมไพร์กับหมาป่าไม่ได้หรอก!

6.5/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4479 เมื่อ: 21/10/13, [23:38:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



ถูกต้องครับ

Snitch โคตรคนขวางนรก

ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟนคลับ และ คอหนัง ของเฮียแก เพราะดูเหมือน เดอะ ร็อค จะกลับมาโชว์กล้ามบู๊แบบเต็มกำลังแล้วแน่นอน หลังจากไปหลอกเด็กๆใน The Game Plan และ The Tooth Fairy อยู่นาน และก่อนจะถึงหนังแอ็คชั่นสุดมันส์ที่ป๋า ร็อค แกจะได้เป็นตัวเอก และ ตัวประกอบ อย่าง G.I.Joe 2 และ Fast & Furious 6 เฮียแกก็ขอส่งหนังเรื่องนึงที่ไปลุยเดี่ยวกันมาก่อนใน Snitch

โดยเขารับบทพ่อที่ลูกชายถูกกล่าวหาว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฏหมายและกลาย เป็นแพะรับบาปต้องโทษจำคุกถึง 10 ปี เขาต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลูกชายจึงรับอาสาเข้าไปเป็นไส้ศึกใน ขบวนการค้ายาให้ตำรวจเพื่อสาวไปถึงตัวการที่แท้จริง ชีวิตที่ต้องเสี่ยงต่อการถูกจับได้ โดยที่เขาเองก็ไม่เคยถูกฝึกฝนมารับมือกับสถานการณ์อันตรายที่พลาดพลั้งเพียง นิดก็อาจหมายถึงชีวิต สร้างจากเรื่องจริงของปฏิบัติการณ์ล้างบางเจ้าพ่อค้ายาที่ลือกระฉ่องอเมริกา วีรบุรุษติดดินผู้บ้าเหนือนรก

Snitch กำกับการแสดงโดย ริค โรแมน วอห์น ผู้กำกับหน้าใหม่ที่ก้าวจากการเคยเป็นสตันท์ มากำกับหนังแทน โดยหลังจากในปี 2008 เขาเคยเปิดตัวของเขาด้วยหนังทุนต่ำ แต่คำวิจารณ์ออกมาค่อนข้างดีกันไปแล้วกับ Felon ที่คราวนั้นได้ วาล คิมเมอร์ มาร่วม และในคราวนี้เขากลับมาพร้อมกับหนังเรื่องใหม่ที่ได้ เดอะ ร็อค มารับบทเป็น พ่อยอดนักสู้ โดยหลายๆท่านอาจจะเคยเห็นหนังแอ็คชั่น ที่ปะหัวตัวเองไว้ว่า สร้างจากเหตุการณ์จริง แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ตัวหนังเหล่านั้นต่างนำเสนอ ก็เห็นจะเพิ่มสี แต่งกลิ่น ให้กับเรื่องราวจนเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตกลงแล้วส่วนไหนที่ตัวหนังบอกว่า สร้างจากเหตุการณ์จริง กันแน่ เพราะทุกอย่างทั้งมวลมันดูแลเป็นหนังไปหมด ว่าแล้วดูเหมือนผกก.ของ Snitch จะทำการบ้านมาดี ด้วยการดำเนินเรื่อง พยายามยึดตามหลักของ เหตุการณ์จริงแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์บีบคั้น ฉากแอ็คชั่นที่ดูไม่เว่อเกินเหตุ หรือแม้แต่ตัวนักแสดงก็ตาม

และผลของมันที่ออกมาก็ถือได้ว่ามีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย ในการยึดตามหลักความจริงของเหตุการณ์ที่ตัวหนังยืมมาทำ โดยในข้อดีของตัวหนังที่ต้องขอชื่นชมคือ การที่ตัวหนังสามารถสร้างน้ำ สร้างเนื้อ ให้กับตัวละครทั้งหมดทั้งมวล ดูแล้วรู้สึกว่า ‘เออ เอ็งเป็นคนปกติธรรมดา ไม่ใช่ฮีโร่ผู้เก่งกล้ามาจากไหน’ แม้แต่กระทั่ง เดอะ ร็อค ที่เรื่องนี้ต้องใช้ฝีมือการแสดง มากกว่าโชว์พละกำลังแบบหนังแอ็คชั่นตลาดเรื่องก่อนๆ และผลลัพธ์ของสิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าออกมาค่อนข้างโอเคพอสมควรเลยทีเดียว เพราะเมื่อการที่ตัวหนังไม่ได้มีฉากที่เว่อจนเกินเหตุ จึงทำให้หลายๆฉากในการแฝงตัวเข้าไปสืบสวนของ ตัวละครเอก สามารถสร้างสถานการณ์ที่บีบคั้นได้ในประมาณนึง และการแสดงในบทดราม่าของ เดอะ ร็อค ก็ดูไม่แย่ไปซะทีเดียวเลยด้วยเช่นกัน จนทำให้เมื่อทั้ง สถานการณ์ ตัวละคร และ การแสดง ที่ออกมันจึงดูแล้วรู้สึกจริง สามารถจับต้องความเป็นผู้เป็นคนได้ แบบที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นหนังทริลเลอร์ที่แปะหัวว่า สร้างจากเหตุการณ์จริง ทำได้ดีเท่านี้สักเท่าไหร่นัก

แต่ในขณะเดียวกัน การที่ตัวหนังพยายามไม่พึ่งเหตุการณ์เว่อๆ หรือฉากแอ็คชั่นที่ดูเก่งเกินผู้เกินคน มันจึงทำให้สิ่งนึงที่ตัวหนังดูแล้วรู้สึกขาดไปจึงอยู่ที่ ความสนุก ซะส่วนใหญ่ เพราะในเมื่อการที่ตัวหนังพยายามเดินตามหลักเหตุการณ์จริงไปซะทุกอย่าง มันจึงวทำให้ตัวหนังจากที่ปะหัวไว้ที่ตัวอย่าง และ ชื่อไทย ที่ดูเหมือนจะแอ็คชั่นมันส์สนั่นจอ กลับกลายเป็นหนัง ดราม่า ทริลเลอร์ ที่เต็มไปด้วยบทสนทนา โดยขาดแคลนฉากแอ็คชั่นเด็ดๆในทันที และรวมไปถึงเหตุผลรองรับในด้านอื่นๆด้วยเช่นเดียวกัน จนอาจจะทำให้ในที่สุดแล้วใครที่คาดหวังจะให้ เดอะ ร็อค กลับมาเตะตูดวายร้ายอาจจะต้องผิดหวัง เพราะในคราวนี้ดูเหมือนเฮียแกจะเน้นไปทางสายดราม่า ทริลเลอร์ ที่อยากโชว์ลีลาการแสดงมากกว่าพละกำลังเสียมากกว่าครับ

เพราะฉะนั้นโดยสรุปผมคิดว่า ใครที่อยากเห็นหนังทริลเลอร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริง และค่อนข้างพยายามจะซื่อสัตย์ต่อเหตุการณ์ที่ตนนำมาใช้ ตัวละครมีน้ำมีเนื้อ จับต้อง ความเป็นคนได้ Snitch ก็น่าจะเป็นหนังที่เหมาะกับคุณ แต่ถ้าหากใครที่หวังจะเห็นฉากแอ็คชั่นตูมตาม ระเบิดภูเขาเผากระท่อม สไตล์ เดอะ ร็อค ก็คงจะต้องผิดหวังกันไปเป็นแถวๆ เพราะเรื่องนี้เฮียแกเน้นโชว์สปิริตในบท พ่อ มากกว่าจ้า

6/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4480 เมื่อ: 21/10/13, [23:38:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Bachelorette ปาร์ตี้ชะนี โชคดีมีผัว

จากชื่อหนังภาษาอังกฤษของ Bachelorette ที่บอกตัวเองอย่างชัดเจน รวมถึงชื่อ ปาร์ตี้ชะนี โชคดีมีผัว (น่าจะเป็นหนึ่งในชื่อหนังภาษาไทยที่โดดเด่นที่สุดของปีนี้) รวมถึงโปสเตอร์หนังที่ชัดเจนในตัวเอง ก็คงไม่ต้องแปลกใจว่ากลุ่มลูกค้าของเรื่องนี้คือใคร? ส่วนจะโดนใจแค่ไหนนั้นคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การเข้าฉายในช่วงที่เต็มไปด้วยหนังรักและหนังแอ็คชั่นแข็งๆ ก็นับว่าค่ายหนังกล้าพอสมควร (หรือไม่คาดหวัง) กับหนังเรื่องนี้ ซึ่งผลลัพธ์ของหนังเรื่องนี้ เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกกลางๆ ไปเกือบหมด ทั้งความประทับใจและความบ้าบิ่นของเรื่องนี้ (มีรู้สึกแย่เป็นบางช่วง) หรืออาจเป็นเพราะมันเป็นหนังที่น่าจะถูกจริตกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายก็เป็น ได้!

Bachelorette กำกับและเขียนบทโดย เลสลี่ย์ เฮดแลนด์ เล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรักสาว 4 คน ประกอบด้วย เบ็กกี้ (รีเบล วิลสัน), เรแกน (เคิร์สเท่น ดันสท์), จีน่า (ลิซซี่ แคปแล่น) และ เคธี่ (อิสลา ฟิชเชอร์) ที่แต่ละคนนั้นสวยโดดเด่งและน่าจะได้เข้าสู่ประตูวิวาห์กันทั้่งนั้น ยกเว้น เบ็กกี้ สาวสมบูรณ์ประจำกลุ่ม ที่สุดท้ายกลายเธอคือคนแรกที่จะได้แต่งงานกับชายหนุ่มสุดเพียบพร้อมอย่าง เดล (เฮย์ส แม็คอาร์เธอร์) แม้สาวๆ อีก 3 คน จะรู้สึกอิจฉามากแค่ไหน แต่เพื่อนก็คือเพื่อน พวกเขาจึงรวมตัวกันเพื่อชัดปาร์ตี้สละโสดให้กับเบ็กกี้ แต่แล้วทุกคนก็ต้องผิดหวัง เพราะเบ็กกี้ต้องการจัดปาร์ตี้กันแบบส่วนตัวและไม่หวือหวา เรแกน จีน่า เคธี่ จึงต้องไปปาร์ตี้กันเอง แต่แล้วก็เกิดเรื่อง เมื่อชุดแต่งงานของเบ็กกี้เสียหายและต้องใช้ในวันรุ่งขึ้น! ปฏิบัติการซ่อมชุดแต่งงานในเวลาเพียง 1 คืน จึงเริ่มขึ้น ท่ามกลางปัญหาหัวใจของแต่ละคน!

จะว่าไปแล้ว Bachelorette ก็เหมือนกับหนังที่มุ่งเน้นในการเล่าเรื่องราวของผู้หญิงทั่วๆ ไป ที่นอกจากหน้าที่การงาน กับเพื่อนฝูงแล้ว อ่อ รวมถึงการช้อปปิ้งแล้ว ยังมีเรื่องของการแต่งงานที่สาวๆ หลายคนมองว่าคือหลักชัยหนึ่งของชีวิต ที่ได้มีใครที่เธอรักและเขาก็รักเธอ และพร้อมจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอด ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงที่มีหน้าตารูปร่างดี มีโอกาสที่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝา แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะผู้ชายไม่ได้เลือกผู้หญิงที่เขาพร้อมจะใช้ชีวิตด้วยกันแค่หน้าตาเพียง อย่างเดียว!

แน่นอนกับความอิจฉาริษยาที่ถูกผูกติดกับอุปนิสัยความเป็นหญิง เช่นเดียวกับ ความรุนแรงที่อยู่คู่กับผู้ชาย ซึ่งตัวหนังทำออกมาดูจริงมากในส่วนนี้ กับความรักและความอิจฉาในวงเพื่อนฝูง แต่ก็ดีใจไปกับเพื่อนและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้งานสุดสำคัญในชีวิตของ เพื่อนต้องเสีย!

หนังเต็มไปด้วยเหตุการณ์แปลกๆ ที่เหมือนพยายามยัดเยียดเข้ามาอยู่ตลอดทั้่งเรื่อง เพื่อให้รู้สึกถึงความอลเวงวุ่นวายที่่นอกจากจะไม่ทำให้รู้สึกถึงความสนุก แล้ว ยังเป็นการทำลายตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกว่า เรแกน จีน่า และ เคธี่ ไม่น่ารักเลย ทั้งเสพย์ยา บ้าเซ็กซ์ ดื่มหนัก ลักขโมย พูดจาขวานผ่าซาก และที่แย่ที่สุดคือพฤติกรรมนอกใจแฟน ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการสมควรแล้วที่เบ็กกี้จะได้แต่งงานก่อนใครเพื่อน หรืออาจจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดเจนขึ้นไปอีกว่า ผู้หญิงที่น่ารักไม่จำเป็นต้องสวย และผู้หญิงที่ดูดีมาจากคำพูดและการกระทำ! และในเมื่อเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงค่ำคืนปาร์ตี้ฉลองสละโสด ไม่สามารถทำให้เราสนุกได้แล้ว เวลาที่เหลือจึงผ่านไปด้วยความน่าเบื่อ และไม่เข้าใจกับความคิดและการแก้ปัญหาของสาวๆ เหล่านี้

อย่างที่ได้กล่าวในตอนต้น Bachelorette อาจเป็นหนังที่เหมาะกับผู้ชมที่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่มองอีกมุมการกระทำแปลกของตัวละครและเรื่องเพี้ยนๆ ก็อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องไปเข้าใจมันก็ได้ เพราะสิ่งที่ได้ก็อาจไม่มีคุณค่าอะไรให้เราได้จับต้อง!

เหมือนเมฆหมอกยามค่ำคืนที่มองไปก็เห็นแต่ความมืดมิด และแสงไฟก็น้อยเกินกว่าจะแทงทะลุเมฆหมอกออกไป ต้องรอจนกว่าแสงแรกของเช้าที่ช่วยปัดเป่าความมืดและนำความสดใสมาแทนที่ กับวันรุ่งขึ้นในฉากแต่งงานที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ ก็ช่วยให้ความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อหนังลดลงไปได้บ้าง

ลงท้ายในมุมมองของผู้ชายคนหนึ่ง Bachelorette จึงเป็นหนังที่มีหน้าหนังที่น่าสนใจและมีชื่อภาษาไทยที่โดดเด่น แต่เรื่องราวและบทกลวงโบ๋ ไม่อาจนำมาให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมของปาร์ตี้สละโสดและุอะไรได้เลย!

2/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4481 เมื่อ: 21/10/13, [23:39:10] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?


ถูกต้องครับ

Warm Bodies  ซอมบี้ที่รัก

ซอมบี้ ดูจะเป็นอีกจินตนาการหนึ่งของมนุษย์ ที่ถูกทำให้มีตัวตน เขียนเป็นหนังสือ สร้างเป็นหนังลามไปถึงเกมส์ ซํ้าแล้วซํ้าเล่าไม่แพ้ แวมไพร์ กับ มนุษย์หมาป่า ทว่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีเรื่องไหนที่มอง ซอมบี้ ในแง่ดีหรือเปิดโอกาสให้ซอมบี้เป็นตัวละครหลักที่ ผ่านมาภาพที่เห็นจนชินตาคือ ซอมบี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ น่าเกลียดน่ากลัว กระหายเลือด ไร้ความรู้สึก โง่ เราจึงสะใจทุกครั้งที่ได้เห็นเวลา ซอมบี้ ถูกระเบิดสมองกระจาย โดนฟันหัวหลุด กระทั่ง Warm bodies ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากนิยายชื่อเดียวกันที่ขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์กับพล็อต แปลกแหวกแนวที่นอกจากจะให้ตัวละครหลักเป็น หนุ่มซอมบี้ แล้ว ยังทำให้เขารักกับมนุษย์อีกต่างหาก เรียกว่าใหม่สุดๆจนต้องนิยามว่าเป็นหนังแนวโรแมนติกซอมบี้
เนื้อหา ของหนังว่าด้วยเรื่องราวของ อาร์ (นิโคลัส ฮอลท์ จาก About A Boy ,X-Men: First Class) ซอมบี้หนุ่มที่อาศัยอยู่ในสนามบิน มันเป็นยุคที่ซอมบี้ขยายพันธุ์ไปทั่วโลก สวนทางกับมนุษย์ที่ลดจำนวนลงเรื่อยๆจนต้องสร้างกำแพงใหญ่ขึ้นมากั้นอาณเขต

อาร์ เป็นซอมบี้ไม่กี่ตัวที่มีความนึกคิด เขาตั้งคำถามกับชีวิตที่ต้องเดินเตร่ไปมาวันแล้ววันเล่า กระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขากับกลุ่มเพื่อนซอมบี้กำลังล่าเหยื่อ อาร์ ได้พบกับ จูลี่ (เทเรซา พาล์มเมอร์ จาก The Sorcerer’s Apprentice) ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง

เขาช่วยชีวิตเธอจากเหล่าซอมบี้ โดยให้เธอแกล้งเป็นพวกเดียวกับเขา และพาเธอมาพักที่เครื่องบินซึ่งเป็นบ้านของเขา ช่วงแรก จูลี่ ขวัญเสียร้องไห้ด้วยความกลัว จนเวลาผ่านไป2-3วัน เมื่อใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆเธอก็รู้สึกว่าเขาไม่เหมือนซอมบี้ตัวอื่นๆจู ลี่ กลับเมืองโดยมี อาร์ เดินทางไปส่ง ระหว่างทาง อาร์ สารภาพว่าเขาเป็นคนฆ่าแฟนหนุ่มของเธอ เช้าวันใหม่ จูลี่ แยกกัน อาร์ เดินไปตามทางของตัวเอง จูลี่ รู้สึกว่าเธอตกหลุมรักซอมบี้ อาร์ รู้สึกว่าเขากำลังเปลี่ยน จากที่พูดได้แค่เป็นคำๆก็เริ่มพูดเป็นประโยคสั้นๆได้ แถมเขายังเริ่มฝันอีกด้วย
ขากลับเขาพบกับเพื่อนซอมบี้กลุ่มหนึ่ง ที่มาแจ้งข่าวว่า โบนี่ โครงกระดูกน่ากลัวที่กินทุกอย่างกำลังตามล่าเขา อาร์ พบว่าไม่เฉพาะเขาที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพื่อนซอมบี้ของเขาก็กำลังเปลี่ยนเช่นกัน อาร์ จึงต้องเสี่ยงชีวิตเขาไปในเมืองตามหา จูลี่ เพื่อบอกให้เธอรู้กระนั้น อุปสรรคชิ้นใหญ่คือ พ่อของจูลี่ (จอห์น มาโควิช) ที่เกลียดซอมบี้เข้ากระดูกดำ

โจนาธาน เลวิน ผู้กำกับที่เคยทำให้เรื่องหม่นเศร้าอย่าง 50/50 กลายเป็นหนังโรแมนติกคอเมอดี้มาแล้วไม่ทำให้คนดูผิดหวัง เขาสร้างหนังซอมบี้ให้กลายเป็นหนังรักได้อย่างกลมกล่อม โดยตัดเนื้อหาซีเรียสที่ว่าด้วยชีวิตกับความตายของฉบับหนังสือออก แล้วใส่ลูกเล่นกับความกุ๊กกิ๊กสดใสเข้ามาแทน

บทหนังมุ่งไปที่ความรักระหว่าง อาร์ กับ จูลี่ เข้าใจว่า อาร์ ย่อมาจากโรมิโอ ส่วน จูลี่ ก็คือจูเลียตมันชัดเจนในฉากที่ อาร์ เรียก จูลี่ ที่อยู่บนระเบียงบ้าน ซีนที่น่ารักที่สุดคงเป็นตอนที่ อาร์ กับ จูลี่ ใช้ชีวิตด้วยกันบนเครื่องบินแม้บางช่วงหนังอาจดูไม่สมจริงไปบ้าง อาทิการที่แค่ อาร์ ป้ายเลือดบนหน้า จูลี่ แล้วซอมบี้ทุกตัวก็ไม่ได้กลิ่นมนุษย์ การที่ อาร์ ตามหา จูลี่ เจออย่างง่ายดายในเมืองใหญ่ (ข้อนี้อาจแก้ต่างได้ว่า อาร์ กินสมองแฟนของ จูลี่ ไปเลยรู้ว่าบ้านเธออยู่ไหน)ซอมบี้หายจากการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว หรือ การที่พ่อของจูลี่กับมนุษย์คนอื่นที่รับมิตรภาพของซอมบี้แบบฉับพลัน
ที่ โดดเด่นอีกอย่างคือเพลงประกอบภาพยนตร์ที่คัดมาแต่เพราะๆ เข้ากับบรรยากาศหนังแถมยังเอามายั่วล้อได้อย่างถูกจังหวะ คู่พระนางแสดงได้ดี นิโคลัส ฮอลท์ แจ้งเกิดจากบทนี้แน่นอนสาวๆหลายคนยอมเทใจให้ซอมบี้สุดหล่อตั้งแต่ปล่อยที เซอร์ และในโรงจะมีฉากที่ทำให้คุณจิกเบาะบ่อยมาก? ด้าน เทเรซา พาล์มเมอร์ ก็ไม่น้อยหน้า สเน่ห์ของเธอเปล่งประกายตลอดทั้งเรื่อง ส่วนตัวคิดว่าในบางมุมเธอคล้ายกับ คริสเตน สจ๊วต

นอกจากนี้ยังมี ประเด็นให้ตีความกับการที่ จูลี่ ถูกขัดขวางไม่ให้รักกับ อาร์ เพราะเขาเป็นซอมบี้ หากมองได้อีกอย่างก็คือการแบ่งเชื้อชาติ ชนชั้นของคนเราในทุกยุคทุกสมัย หรือจะเอาไปโยงกับความรักแบบ โรมิโอ จูเลียต ก็ได้ ฉากระเบิดกำแพงนี่ดูสื่อถึงคราวที่กำแพงเบอร์ลินสัญลักษณ์แห่งการกีดกันถูก ทำลายลง

บางทียารักษาอาการป่วยที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่ยาที่เต็มไปด้วย สารเคมีมากมาย โรคบางโรคที่วิทยาศาสตร์รักษาไม่ได้นั้น อาจพ่ายแพ้แก่ ความรัก

7/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4482 เมื่อ: 21/10/13, [23:39:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?



ถูกต้องครับ

A Good Day to Die Hard วันดีมหาวินาศ คนอึดตายยาก

ก็เพราะขึ้นชื่อว่า คนอึด และพี่แกก็ไม่เคยตายหรือได้รับบาดเจ็บจนส่งเข้าโรงพยาบาลสักภาค ว่าแล้วก็คงไม่แปลกถ้าเกิดจะกลับมาอีกในภาคต่อของหนัง คนอึดตายยาก ที่ภาคนี้ใช้ชื่อยาวๆว่า A Good Day to Die Hard ที่นอกจาก บรูซ วิลลิส และ แมร์รี่ อลิซาเบธ วินสตี๊ด จะกลับมารับบท จอห์น แม็คเคลน และ ลูกสาว ตัวหนังยังเพิ่ม จาย คอตนี่ย์ ตัวร้ายจาก Jack Reacher เข้ามาในบทลูกชายที่ห่างหายไปนานของป๋าแกอีกด้วยนะ

โดยในภาคนี้เป็นเรื่องราวของฮีโร่ ?ตัวจริง? ที่มีความสามารถรอบด้าน บวกกับท่าทางที่ดูเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นตลอดกาล ในคราวนี้ตำรวจดีเดือดต้องอยู่ผิดที่ผิดทาง หลังจากเดินทางไปมอสโคว์เพื่อช่วย แจ็ค ลูกชายที่ไม่ค่อยลงรอยกัน พร้อมกับการไล่ล่าอาชญากรรัสเซีย และต้องมีการต่อสู้ที่นำไปสู่สงคราม พ่อลูกตระกูลแม็คเคลนพบว่าแนวทางที่ขัดกัน ทำให้พวกเขาเป็นผู้กล้าที่ยากเกินจะต้านรับไหว ในศึกถล่มประเทศรัซเซียครั้งนี้

A Good Day to Die Hard คนอึดภาคที่ 5 ในหนังชุดนี้ กำกับการแสดงโดย จอห์น มัวร์ ผู้กำกับจาก Max Payne และ Behind the Enemy Lines ที่เข้ามาคุมงานคนอึดเป็นภาคแรก ต่อจาก เลนซ์ ไวส์แมน ในภาคที่ 4 ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ค่อนข้างประเมินค่าของตัวหนัง คนอึด ในภาคนี้ต่ำกว่าทุกๆภาค เนื่องจาก ทั้งชื่อผู้กำกับ และ ตัวอย่างที่ปล่อยออกมา ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะแฟนหนังคนอึดมาตั้งแต่ภาคแรกก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่ได้รับชมแล้ว ผู้กำกับจะสามารถทำตัวหนังออกมาได้เซอร์ไพรส์กว่าที่คิด เพราะตัวหนัง A Good Day to Die Hard ถือได้ว่าเป็นภาคที่สามารถตอบสนองคอหนังแอ็คชั่นได้อย่างแท้จริง ด้วยการยัดฉากแอ็คชั่น ตูมตามๆ เหมาะกับคอหนังบู๊เข้ามาตลอด 97 นาทีของตัวหนังโดยไม่ให้คนดูหยุดพัก โดยถึงแม้ว่าตัวหนังอาจจะขาดเสน่ห์ความสดของ คนอึด จากภาคก่อนๆมาพอสมควร แถมด้านของตัวบทที่พยายามมีประเด็น พ่อลูก ก็ยังไม่สามารถทำออกมาได้สำเร็จ และยังดูรีบมารีบไป เพื่อตัดให้เข้าสู่เนื้อๆมากพอสมควรก็ตาม (รวมไปถึงความอึดเกินตัวของ จอห์น แม็คเคลน ซึ่ง เอ่อ… คงไม่ต้องไปพูดถึงมันหรอกมั้ง)

แต่กระนั้นแล้วก็ยังปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ส่วนตัวก็ยังรู้สึกสนุกไปกับฉากแอ็คชั่นตลาดๆในหนังเรื่องนี้ ที่มั่นใจเลยว่าใครเป็นคอหนังแอ็คชั่นที่ชื่นชอบหนังแนว The Raid : Redemption หรือหนังบล๊อคบัสเตอร์ ที่เอามันส์ ไม่เอาบท จะต้องชื่นชอบและมันส์ตัวโก่งไปกับหนังเรื่องนี้แน่นอน โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นเปิดเรื่อง และ ปิดเรื่อง ที่ลากยาวตลอดเกือบ 10-20 นาที ที่เร้าใจกว่าหนังเรื่องอื่นๆในเครดิตของผู้กำกับที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้

ซึ่งถึงแม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้ถ่ายด้วยกล้อง Imax จนตัวภาพอาจจะไม่ได้ดูตระการตาเท่ากับจำพวก The Dark Knight Rises หรือ Mission Impossible 4 แต่ระบบเสียงของตัวโรง Imax ก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้คอหนังแอ็คชั่นสะใจไปกับความตูมตามๆของตัวหนัง จนเพิ่มอรรถรสในการรับชมเข้ามาได้อย่างไม่ยากเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว ผมคิดว่า ถึงแม้ตัวหนัง Die Hard 5 ในภาคนี้ อาจจะขาดเสน่ห์ และ ความสมเหตุสมผล ทั้งในตัวเรื่อง และ ตัวบท มากสมควร จนอาจจะไม่สามารถเทียบรุ่นพี่ภาคก่อนๆที่เคยทำเอาไว้จนขึ้นหึ้งได้ดีนัก แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันก็ยังเป็นตัวหนังหนังป๊อปคอร์นที่สามารถตอบสนองความสนุก ความมันส์ ให้กับคอหนังแอ็คชั่นได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบหนังแนวตูมตามๆตลอดเรื่อง ถ้าคุณชมในระบบ Imax น่าจะช่วยเพิ่มอรรถรสให้พอสมควรเลยหละ

7/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4483 เมื่อ: 21/10/13, [23:42:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4484 เมื่อ: 21/10/13, [23:43:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4485 เมื่อ: 21/10/13, [23:43:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4486 เมื่อ: 21/10/13, [23:43:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4487 เมื่อ: 21/10/13, [23:44:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4488 เมื่อ: 22/10/13, [00:11:33] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จันดาราปัจฉิมบท
kenaqua ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4489 เมื่อ: 22/10/13, [01:14:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
ทองสุก13 [on_066]
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4490 เมื่อ: 22/10/13, [09:17:30] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Last Tycoon เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย หนังพอใช้ครับ ให้ 7/10
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4491 เมื่อ: 22/10/13, [09:21:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Zero Dark Thirty ยุทธการถล่มบินลาเด็น หนังสนุกตื่นเต้นดีครับ ให้ 7.5/10 ครับ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4492 เมื่อ: 22/10/13, [10:03:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Brokeback Mountain หุบเขาเร้นรัก
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] BROKEBACK MOUNTAIN หุบเขาเร้นรัก ไม่สามารถวิพากษ์ได้เพราะไม่ได้ดู (ดูไม่ได้)อิอิ

ฤดูร้อน ปี 1963 แจ็ก ทวิสต์ (เจค กิลเลนฮาล) และ เอนนิส เดล มาร์ (ฮีธ เลดเจอร์) ได้รับการว่าจ้างให้เป็นคนงานในฟาร์มเลี้ยงแกะแห่งหนึ่งใกล้เทือกเขาโบรก แบ็กในไวโอมิง จากที่ไม่ไว้ใจกันในตอนแรก ทั้งสองกลับกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว..
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4493 เมื่อ: 22/10/13, [10:09:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เฉลยครับ  James Bond 007 Casino Royale พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก.
ลังจากที่ได้รับรหัสประจำตัว “007” ได้ไม่นาน ภารกิจเสี่ยงตายครั้งแรกของสายลับ เจมส์ บอนด์ ก็อุบัติขึ้น ชีวิต อาชีพ และจิตวิญญาญของชายหนุ่มถูกเปลี่ยนจากคนธรรมดา ไปสู่สายลับมือล่าสังหาร บอนด์ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจครั้งแรกที่บ่อน คาสิโนรอยัล เพื่อสืบและล้างบางกลุ่มผู้ก่อการร้ายรายใหญ่ ที่คาสิโน รอยัล บอนด์ได้เผชิญหน้า กับ Le Chiffre อาชกรร้ายข้ามชาติ หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายรายใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้นเพื่อโค่น Le Chiffre และล้างบางแผนการก่อการร้ายให้สิ้นซาก บอนด์จึงต้องต่อกรกับ Le Chiffre นำมาซึ่งการล่าระห่ำ และเกมการพนันที่เดิมพันด้วยชีวิต ภารกิจแรกของสายลับ เจมส์ บอนด์ ครั้งนี้จึงเป็นภารกิจที่ระห่ำ และเสี่ยงตายที่สุดในบรรดาเจมส์ บอดน์ทุกภาค
 
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4494 เมื่อ: 22/10/13, [10:17:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
gฉลยครับ House Of Sand And Fog บ้านทรายในหมอก หนังเก่าดูนานแล้ว จำได้ว่าหนังดีใช้ได้ครับ
สร้างจากนวนิยายขายดีอันดับ 1 ของอเมริกา และเป็น 1 ใน 10 ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของปี 2003 เข้าชิง 3 รางวัลออสการ์ และ 1 รางวัลลูกโลกทองคำ  หนังแนว Drama สะเทือนใจ กำกับโดย Vadim Perelman นำแสดงโดย  Ben Kingsley, Jennifer Connelly และ Shohreh Aghdashloo ขอชมว่านักแสดงทุกคนในเรื่องเล่นได้ดีมาก
หนังว่าด้วยนางเอก(ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาซึ่งมีด้านดีและร้ายในตัวเอง) ผู้ซึ่งสูญเสียบ้านของตัวเองจากการไร้อำนาจในการปกป้องบ้านตัวเอง เธอตกอับและไม่มีอะไรเหลือนอกจากรถยนต์เก่าคันคู่ใจ เธอถลำลึกด้วยการเสพย์ยาเสพติดและเช่าโมเต็ลนอนไปวันๆ ขณะเดียวกันครอบครัวทหารชาวอิหร่านก็ลี้ภัยสงครามมาตั้งรกรากในดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกา และซื้อบ้านของนางเอกอย่างถูกต้องตามกฏหมายเพื่อหวังเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วย American Dream แต่แล้วนางเอกกลับร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สรรพากรเพื่อแย่งบ้านของเธอมาด้วยกลโกงต่างๆนานา โดยทำร่วมกันแฉว่าครอบอาหรับเข้าเมืองมาอย่างผิดกฏหมาย สงครามแย่งบ้านระหว่างคนสองสัญชาติก็เริ่มขึ้นก่อนที่จะนำมาสู่จุดจบที่น่าสะเทือนใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22/10/13, [10:20:26] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4495 เมื่อ: 22/10/13, [10:38:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ










เรื่องอะไรครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22/10/13, [10:45:45] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4496 เมื่อ: 22/10/13, [10:48:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4497 เมื่อ: 22/10/13, [10:50:38] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4498 เมื่อ: 22/10/13, [10:52:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ









เรื่องอะไรครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22/10/13, [10:55:42] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4499 เมื่อ: 22/10/13, [10:57:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
หน้า: 1 ... 148 149 150 151 152 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: