Aqua.c1ub.net
*
  Wed 03/Dec/2025
หน้า: 1 2   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาระดมความคิดเห็น เรื่องตะไคร่กัน  (อ่าน 32841 ครั้ง)
toontoon ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #30 เมื่อ: 22/07/11, [02:21:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


คุณ NP แตกฉานกว่าผมครับ ได้อธิบายไว้แล้วในกระทู้ด้านบน
การที่ KH มันลดจาก CO2 เป็นการลดแบบเสมือนครับ ปฎิกริยา วกกลับไปมาได้ในตู้ที่มี buffer(สารต้านการเปลี่ยน pH)

วิธีที่จะลด KH ได้จริงคือเติมกรดเกลือครับ (hydrochloric  acid) ลงชัวร์ๆ
H+ + HCO3- --> H2CO3 --> H2O + CO2.
คำนวณ KH GH ตามนี้เลยครับ http://www.thekrib.com/Plants/CO2/hcl.html



   ขอบคุณ คุณ Coffman มากคับ
toontoon ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #31 เมื่อ: 22/07/11, [03:05:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


สนุกครับ  ทั้งคุณ toontoon และคุณ NP  ชอบๆๆ   โดยเฉพาะตอนนี้  โดนใจคนมีตะไคร่เต็มๆ


 

    ผมก็สนุกและดีใจเหมือนกันคับ ที่เนื้อหาที่ได้เขียนทุกตัวอักษร จะพอมีประโยชน์บ้างสำหรับทุกๆคนที่ได้อ่าน   เสน่ห์ของการปลูกไม้น้ำก็อยู่ตรงนี้แหละคับ ศึกษาได้เรื่อยๆ ยิ่งศึกษายิ่งลึกและดูเหมือนว่าจะศึกษาได้ไม่มีวันจบ  บางสิ่งบางอย่างที่ดูเหมือนรู้แล้ว แต่จริงๆก็ยังไม่รู้  สุดท้ายก็คงต้องนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้กันในตู้ของตัวเองต่อไป

     

   
stepkang ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #32 เมื่อ: 22/07/11, [10:58:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กระทู้ยอดเยี่ยม  สาระดี อีกแล้วครับทั่น!!!! [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง]
Anubias ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #33 เมื่อ: 22/07/11, [12:33:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ปักหมุดไปเลย...ขอบคุณสำหรับความรู้ดีครับ...
Wich ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #34 เมื่อ: 22/07/11, [13:00:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ความรู้แน่นๆกันทั้งนั้นเลย

ภาษาถึงกันอ่ะ เจ๋งๆ  [เจ๋ง]
dernero ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #35 เมื่อ: 22/07/11, [17:58:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เข้ามาเสพพพพพพพพ  [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง]

กระทู้ดีๆ ต้องปักไว้สูงๆครับ

นานๆจะได้อ่านกระทู้ดีๆ มีสาระ รู้สึกดีใจจัง ได้เข้ามาแล้ว ออกไปได้อะไรติดมาบ้าง  ้hahaha ้hahaha

ขอบคุณผู้ให้ความรู้ทุกท่านครับ  [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง]
-*- ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #36 เมื่อ: 22/07/11, [22:12:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อ่านเพลินดีจัง [เจ๋ง]
Palantir ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #37 เมื่อ: 23/07/11, [23:24:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอถามหน่อยนะครับ พอดีสงสัยว่า พวก blue green algae ที่เติบโตได้ดีในภาวะ low nitrate นั้น

ภาวะ low nitrate มีสาเหตุจากอะไร และ มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ
toontoon ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #38 เมื่อ: 24/07/11, [00:07:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอถามหน่อยนะครับ พอดีสงสัยว่า พวก blue green algae ที่เติบโตได้ดีในภาวะ low nitrate นั้น

ภาวะ low nitrate มีสาเหตุจากอะไร และ มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ

   เป็นคำถามที่ดีคับ

   ต้องเข้าใจก่อนว่า  แอมโมเนียที่มาจากของเสียจากปลา จะถูกแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ย้อยสลายกลายเป็นไนไตรต์ และจะถูกแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งย้อยไนไตร์ตอีกทีให้กลายเป็นไนเตรต์ ตัวไนเตรต์นี้ต้นไม้และตะไคร่ที่เกาะตามตู้ จะดูดซึมเอาไปใช้เป็นสารอาหาร  ตะไคร่ชนิดนี้จริงๆแล้วเกิดมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง แต่เขาเรียกมันว่า ตะไคร่ ลองอ่านบทความในนี้ดูอีกทีมีเขียนไว้  

  จากประสบการ์ณโดยตรงของผมเองที่เคยเป็นตะไคร่ชนิดนี้ มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจจะทำให้เกิด (แต่ผมก็ไม่สามารถฟันธงว่านี้ คือ ปัจจัยที่แท้จริงหรือไม่) คือ ตู้ของผมจะใส่ active carbon ในกรอง เปิดโอโซน 1 ชม. ทุกๆวันหลังปิดไฟ และมีคนบอกผมมาอีกทีว่า อาจจะเป็นแบคทีเรียไม่ดีชนิดหนึ่งเกิดในตู้ทำให้เป็นตะไคร่ชนิดนี้ ตอนนั้นบ้านผมกำลังซ่อมแซม ฝุ่นปูนซีเมนต์มีตกลงไปในตู้บ้าง

  อาการตู้ของผมคือ จะเป็นเมือกสีเขียวเข้มปกคลุมอยู่บนต้นหวีดจิ๋ว และในดินก็มีเมือกเขียวๆเช่นกัน

  ผมใส่ยาแก้อักเสบ(ที่รักษาอาการเจ็บคอ เป็นฝอยสีไข่ไก่ ก่อนใช้อันนี้ ผมใช้อีกอันไม่หาย ตัวยาแคปซูลสีเขียวเข้มครึ่งหนึ่งและสีฟ้าออน่อีกครึ่งเม็ด แพ็คเป็นฝอยสีเงินๆ) ตู้ของผม 36 นิ้ว ใส่ครั้งละ  3 แคปซูล ให้แกะแคปซูลออก แล้วเทตัวยาลงตู้ ทุกๆวัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ถึงจะหาย ตอนใส่ไม่ต้องตกใจน้ำจะุขุ่นขาว สักชม.จะใสขึ้น แต่ก่อนใส่ยานี้ ให้เอาถุงเซรามิกในกรองออกก่อน เพราะมันจะไปกำจัดแบคทีเรียที่อยู่ในกรองด้วย ไม่มีผลใดๆกับปลาในตู้ ทุกๆ 3 วันให้เปลี่ยนน้ำ 50 เปอร์เซ็นต์
  
   หลังจากใส่ยาแก้อักเสบลงตู้แล้ว ตะไคร่จะเริ่มแห้ง คือ จากสีเขียวเข้มแบบมันๆ จะกลายเป็นเขียวเข้มแบบแห้งๆ  หลังจากใส่ยาหลายวันผ่านไป ตะไคร่จะเริ่มยุ้ยและลอยทั่วตู้ ถึงตอนนี้ให้ดูดออก ส่วนเมือกเขียวๆที่อยู่ใต้ดินจะคล่อยๆหายไปเอง แต่จะหายไปช้ากว่าตะไคร่อยู่บนต้นหวีดจิ๋ว

  หลังจากที่รักษาจนหายขาด ผมก็ไม่เคยใส่ active carbon และเปิดโอโซน อีกเลย และก็ไม่เคยกลับมาเป็นอีกด้วย

  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/07/11, [00:34:48] โดย toontoon »
NP ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #39 เมื่อ: 24/07/11, [00:59:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอถามหน่อยนะครับ พอดีสงสัยว่า พวก blue green algae ที่เติบโตได้ดีในภาวะ low nitrate นั้น

ภาวะ low nitrate มีสาเหตุจากอะไร และ มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ

ภาวะไนเตรทต่ำ มาได้จากสองสาเหตุครับ

อย่างแรกก็คือ พืชใช้ไนโตรเจน (ไนเตรทก็คือไนโตรเจน) ในตู้จนเหลือน้อยมาก
ทางแก้ก็ตามเหตุน่ะแหละครับ ใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจน

อย่างที่สองคือ กรองและหรือพื้นปลูกซกมกมากจนเกิดภาวะขาดอ็อกซิเจน ทำให้แบคทีเรียที่ปกติ
ใช้อ็อกซิเจนย่อยแอมโมเนียให้เป็นไนไตรท์และไนเตรท กลับกระบวนการจากหน้าเป็นหลัง
หันมาย่อยไนเตรทให้เป็นไนไตรท์แล้วกลายเป็นก๊าวไนโตรเจนระเหยออกไป

ทางแก้ก็ตามเหตุอีกน่ะแหละ คือ ทำความสะอาดกรอง พื้นปลูก

ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมไนเตรทน้อยแล้ว BGA มา บางคนก็เดาว่าน่าจะเป็นเพราะ BGA มันไม่ง้อ
ไนเตรทหรือแอมโมเนีย เพราะมันสามารถดึงก๊าซไนโตรเจนในน้ำมาใช้ได้โดยตรง ซึ่งตะไคร่แบบอื่น
ทำไม่ได้ มันก็โตดีเพราะไม่ค่อยมีคู่แข่ง
NP ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #40 เมื่อ: 24/07/11, [01:00:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แต่ของผมที่เคยเจอ BGA เนี่ย มีแต่เป็นเพราะสารอินทรีย์ในน้ำมากเกินไปนะ เพราะไนเตรทตู้ผมไม่เคยต่ำ

ผมก็เลยลองค้นดูว่า มีอะไรอื่นอีกมั้ย นอกจากภาวะไนเตรทต่ำ ที่กระตุ้นให้มี BGA
หลังจากค้นดู BGA ทั้งในตู้น้ำจืดและตู้ทะเล ก็ได้ความว่า ส่วนใหญ่บอกว่าเป็นเพราะ
สารอินทรีย์ที่ละลายในน้ำมีมากเกินไป และ BGA มันเป็นแบคทีเรีย มันจึงใช้สารอินทรีย์เป็นอาหารได้ด้วย

มันอะไรหว่า สารอินทรีย์ที่ละลายในน้ำ  [งง]

มันมาจากคำอังกฤษที่ว่า Dissolved Organic Carbon หรือ Dissolved Organic Compound
ซึ่งก็คือ สารที่มาจากสิ่งมีชีวิตหรือเคยมีชีวิตทุกอย่างที่ย่อยสลายเน่าเปื่อย เช่น ขี้ปลา เมือกปลา ซากพืช
ซากสัตว์ สารจากขอนไม้ ฯลฯ

สารพวกนี้มันละลายในน้ำ ไม่ได้เป็นฝุ่งผงหรือเป็นก้อนๆ ทำให้เราไม่รู้เลยว่า น้ำที่เห็นใสๆ จริงแล้ว
อาจจะซกมกก็ได้ วิธีจัดการกับสารอินทรีย์ที่ละลายในน้ำทำได้หลายทาง

1. เปลี่ยนน้ำ
2. Activated Carbon มันจะซับสารอินทรีย์ในน้ำ
3. ทำความสะอาดกรอง
4. รักษาระดับอ็อกซิเจนให้สูงๆ แบคทีเรียจะได้ย่อยสลายสารอินทรีย์ได้ดี


พอได้ข้อมูลแล้ว ผมก็จัดการเปลี่ยนน้ำ, ทำความสะอาดกรอง, ใส่แผ่นคาร์บอนบางๆ ของอีฮามที่
ตั้งแต่ซื้อมาไม่คิดว่าจะได้ใช้ (ที่จริงแผ่นบางๆ แบบนี้ใส่ไปไม่ถึงอาทิตย์มันก็หมดประสิทธิภาพแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ ใส่ๆ ไป), เปิดปั๊มลมตอนกลางคืน แบคทีเรียจะได้ย่อยสลายสารอินทรีย์ได้ดี

ได้ผลนะ มันค่อยๆ หดเล็กลงจนหายไป


แต่ถ้ามีเยอะ มันถอยช้า ไม่ทันใจ ผมจะใส่ยา อิริโธรมัยซิน (Erythromycin) วันละ 2.5 PPM 5-7 วัน
(ระหว่างนี้ก็เปลี่ยนน้ำ 50% ทุกสามวัน) วิธีนี้เวิร์ก  

บางคนสงสัยว่าใช้ยาตัวนี้กรองจะล่มมั้ย หลายคนบอกไม่ล่ม เพราะแบคทีเรียในกรองมันเป็นชนิดแกรมลบ
ในขณะที่อิริโธรมีผลกับพวกแกรมบวกมากกว่า (ความจริง BGA ก็เป็นแกรมลบนะ แต่ไม่รู้ทำไม
มันดันไวกับอิริโธรมาก ยาอิริโธรก็เลยกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับจัดการ BGA)

เท่าที่ผมลองใช้ พอถึงวันที่ 4-5 น้ำจะเริ่มขุ่นขาว ทำให้สงสัยว่ากรองล่มหรือเปล่า ลองวัดแอมโมเนียดู
ก็เป็นศูนย์ ปลาดูเครียดเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะไนไตรท์ (ผมไม่มีตัววัดไนไตรท์) หรือไม่ก็สารพิษ
จาก BGA (ตัวนี้มันร้ายนะ มีสารพิษด้วย)

กรณีนี้ ฝ่ายที่บอกว่ากรองล่มก็บอกว่า "นี่ไง กรองล่มแล้ว"

แต่ฝ่ายที่ยืนยันว่ากรองไม่ล่ม ก็โต้ว่า "มันมาจากซาก BGA ที่ย่อยสลายตะหาก แบคทีเรียในกรองย่อยไม่ทัน"

ก็ว่ากันไป...  [on_035]

แต่ผมว่านะ มันไม่ล่ม หรืออย่างมากก็แค่สะดุดนิดหน่อย ก็เปลี่ยนน้ำ รอสองสามวัน แล้วมันจะกลับมาใสเหมือนเดิม

ปล. อิริโธรมัยซิน มันไม่ค่อยละลายน้ำอยู่แล้ว อย่าแปลกใจว่าทำไมไม่ละลายจนใสซักที ที่ผมใช้เป็นแบบ
เม็ดสีชมพู ก็เอามันแช่น้ำในขวดสักชั่วโมงนึง มันก็จะแตกตัวเป็นผงเอง ก็เขย่าๆ แล้วเทลงตู้ ไม่ต้องบด
ให้เปลืองแรง และถ้ารำคาญเปลือกสีชมพูของเม็ดยา ก็เทผ่านสวิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/07/11, [02:05:44] โดย NP »
Palantir ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #41 เมื่อ: 24/07/11, [14:15:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณคุณ toontoon และ คุณ NP มากครับ

ตู้ผมล่มสลายไปไม่นานมานี้ก็เพราะตะไคร่ตัวนี้ กำจัดยังไงก้ไม่ไหว ขึ้นมาตลอด

คราวนี้ก็ได้รุ้วิธีแก้ตรงตามสาเหตุแล้วครับ ขอบคุณครับ [เจ๋ง]
dernero ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #42 เมื่อ: 24/07/11, [16:50:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

จริงครับ Erythromycin ได้ผลมากๆกับ BGA ของผมตู้เรดบีเป็น กุ้งตายเป็นว่าเล่น ต้นไม้ก็ไม่โต(คาร์บอนไม่ใส่นิ [เอ๊ะ!!!])  ตอนนี้ตะไคร่หายแล้ว  [on_003]

แต่ผมสงสัย เพราะไนเตรทน้อยจริงๆเหรอ  [on_007] ผมว่าตู้ผมน่าจะเยอะเลยนะ ดินใหม่ด้วย  emb01
Coffman ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #43 เมื่อ: 24/07/11, [19:24:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขยายและเติมเต็มคุณ toontoon และคุณ NP คำตอบของบางท่าน(คุณก้องด้วยนะครับ)น่าจะอยู่ในนี้
ถ้าอะไรลึกไปก็ถามต่อๆๆๆๆ ไป ได้ครับ

ข้อมูลทั่วไป ข้ามไปได้นะครับถ้าลึกไป
 
อ้างถึง
สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Cyanobacteria) เหล่านี้เรียกว่า cyanobiont การอยู่ร่วมกันกับพืชเกิดขึ้นได้โดย cyanobiont จะมีการตอบสนองต่อสัญญาณ (host signal) ที่พืชสร้างขึ้น ได้แก่ hormogonia-inducing factor (HIF), hormogonia-repressing factor (HRF) และ chemoattractants ซึ่ง hormogonia ของ cyanobiont จะ infect เข้าไปตาม chemotactic direction ทำให้เข้าไปอยู่ในบริเวณส่วนต่างๆ ของพืชได้ เช่น leaf cavities, roots หรือ stem gland เป็นต้น ใน Gunnera (กลุ่ม angiosperm) จะหลั่ง HIF (มีลักษณะเป็น viscous mucilage) จาก stem gland ไปกระตุ้น hormogonia ของ Nostoc strains ให้มา infect แล้วจึงหลั่ง chemoattractants เพื่อความสะดวกในการ infect ของ hormogonia เมื่อมีการ infect แล้วจะหลั่ง HRF ออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ hormogonia ของ cyanobionts ตัวอื่นมา infect อีก (รูปที่ 5) หากเป็นกลุ่ม ectophytic cyanobacteria เช่น Anabaena กับ Azolla นั้นพบว่า Azolla จะผลิต lectin ที่มีความจำเพาะกับ specific sugar บน cyanobiont cell surface ซึ่งบริเวณนี้จะมี pili ช่วยในการเกาะติดกับ Azolla ได้
<<<<<<<<<<< สรุปง่ายๆคือมันชอบขึ้นบนส่วนต่างๆของพืชได้โดยโตเป็นเมือกๆ

 
อ้างถึง
สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่ดำรงชีวิตอย่างอิสระ (Free-living cyanobacteria) จะได้รับแหล่งอาหารคาร์บอนจากกระบวนการสังเคราะห์แสงใน vegetative cell ส่วนสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น (Symbiotic cyanobacteria) จะได้รับแหล่งคาร์บอนจาก host plants หรือจากขบวนการสังเคราะห์แสงของ cyanobiont เอง (ขึ้นอยู่กับ host แต่ละชนิด) ขบวนการสังเคราะห์แสงของ cyanobacteria จะเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับพืชโดยทั่วไป คือมีทั้ง photosystem I และ photosystem II แต่มีความแตกต่างกันที่ cyanobacteria ไม่มี chlorophyll b ปกติ cyanobiont จะได้รับแหล่งคาร์บอนจาก host plant เนื่องจากใน heterocyst cell ไม่มี photosystem II จึงทำให้ขบวนการสังเคราะห์แสงไม่สมบูรณ์ (ไม่มีการสังเคราะห์แสง) ทั้งนี้เพื่อป้องกัน O2 ซึ่งไปมีผลยับยั้งการตรึงไนโตรเจนของ cyanobiont สำหรับแหล่งคาร์บอนที่ cyanobiont ได้รับจากพืชจะอยู่ในรูป disaccharide แล้วผ่านขบวนการ oxidative pentose phosphate pathway เพื่อให้ได้มาซึ่ง oxoglutarate เพื่อนำไปใช้สำหรับกระบวนการนำแอมโมเนียไปใช้ต่อไป ซึ่งเอนไซม์ที่ช่วยในการเปลี่ยนแอมโมเนีย เป็น glutamine คือ glutamate dehydrogenase (GDH) และ glutamine synthase (GS)-glutamate synthase (GOGAT)
<<<<<<<สรุป ถึงจะเป็นแบคทีเรียแต่ก็สามารถสังเคราะห์แสงได้ อยู่ได้ในที่ Co2 น้อยๆได้ เพราะสามารถได้ C จากพืชที่ไปเกาะ ( ในรูป disaccharide แล้วผ่านขบวนการ oxidative pentose phosphate pathway เพื่อให้ได้มาซึ่ง oxoglutarate)
 
อ้างถึง
แอมโมเนียที่ได้จากการตรึงไนโตรเจนของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่ดำรงชีวิตอย่างอิสระจะส่งไปยัง vegetative cell ผ่านทาง cyanophycin pool และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นทั้ง endophytic และ ectophytic cyanobacteria ส่วนใหญ่จะส่งผ่านไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนียเช่นกัน โดยที่ในสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินกลุ่มนี้จะมีการกด หรือยับยั้งการกระตุ้น และ glutamine synthase (GS) ทำให้มีการปลดปล่อยแอมโมเนียออกมาให้พืช (รูปที่ 8) ยกเว้นการอยู่ร่วมกันของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินกับปรง แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่มีแนวโน้มว่าจะมีการส่งผ่านไนโตรเจนในรูปของกรดอะมิโนไปยังต้นปรง ส่วนในกรณีของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่อยู่ร่วมกันกับรา นอกจากจะมีการส่งไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนียแล้ว ยังมีการส่งผ่านแหล่งอาหารคาร์บอนให้กับรา (mycobiont) อีกด้วย ดังได้สรุปกลไกการให้ธาตุอาหารของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่ดำรงชีวิตได้อย่างอิสระ และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นใน
<<<<<<<<< สรุปคือสามารถอยู่ในที่  ไนเตรท ต่ำๆได้เพราะมันสามารถกิน N2 ให้อยู่ในรูป NH3+ เพื่อใช้เองได้ เมื่อไม้น้ำไม่มี  ไนเตรทก็ไม่โต แต่  BGA อยู่รอดได้


 


เพราะต้นไม้ต้องการ  nitrate


จริงๆ BGA อึดมาก เพราะมันต้องการแค่ แสง O2กับสารอนินทรีย์นิดหน่อยก็โตแล้วครับ
ถ้าจะตอบการ กำจัด BGA แบบคลาสสิค  คือ
1.โซนที่น้ำไม่ไหลมักจะเกิดตะไคร่นี้ แต่ผมว่าข้อนี้ในตู้ไม้น้ำไม่ค่อยชัด โอเคว่าตู้ที่มีมักจะเกิดที่มุมตู้ หลังตู้ แต่จุดที่น้ำแรงๆผมก็ยังเจออยู่
2. ห้ามให้ตู้โดนแดด
3. ควบคุมอาหารปลา ของเสียในตู้ เปลี่ยนน้ำ เพื่อคุม  N P ตัดเอาส่วนที่ลามออก และ ดูดเอา BGA ออก ห้ามเขี่ยนะครับ  
4.เรื่องยาปฏิชีวนะนี่ผมก็ไม่เคยลองสักที ขอผ่านนะครับ
 
ปัจจัยที่ไม่พูดถึง การเกิด BGA คือ ค่า KH หรือ bicarbonate ในน้ำ เกี่ยวข้องกันคือ ทำให้ไม้น้ำโตได้ช้า ตู้ที่ pH มากกว่า 8 โดน BGA กันบ่อยๆ
 ถ้าไม่หาน้ำดื่มมาผสมคุม KH ให้ได้ 3-4 หรือใส่พวกไม้น้ำกลุ่มที่ลด KH ได้พวก  เทปต่างๆ Vallisneria spiralis

หรือ  Hornwort  กลุ่มสาหร่ายพุงชะโด

หรือ Elodea กลุ่มเดนซ่า

ในระยะแรกของการตั้งตู้ดินใหม่ ก็สามารถลด BGA ได้

http://www.nano-reef.com/articles/?article=17
http://www.mdba.gov.au/water/blue-green-algae
http://lakes.chebucto.org/cyano.html
http://student.sut.ac.th/b5176571/newcsu/images/doc/knowledge/bio/greenblue.htm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/07/11, [19:38:26] โดย coffman »
toontoon ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #44 เมื่อ: 24/07/11, [21:51:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 อ่านเพลินเลย  emb01

อยากจะสอบถามเพิ่มเติม คือ อินทรีย์สารที่มาจาก ขี้ปลา ซากพืช ที่ว่านี้ คือ แอมโมเนีย กับ ฟอสฟอรัส ใช่ตัวเดียวกันหรือเปล่า ขอบคุณคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/07/11, [21:59:04] โดย toontoon »
NP ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #45 เมื่อ: 24/07/11, [22:28:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ฟอสฟอรัสในรูปฟอสเฟต (PO4) ไม่ใช่สารอินทรีย์แล้วครับ เพราะถูกย่อยมาแล้ว

แอมโมเนียนี่กึ่งๆ คือ มันถูกย่อยมาแล้วก็จริง แต่ (ควรจะ) ถูกย่อยต่ออีก

สารอินทรีย์... จะว่ายังไงดีล่ะ มันแยกไม่ได้ว่าเป็นสารอะไรบ้าง เพราะถ้ามันแยกได้
ก็หมายความว่ามันผ่านการย่อยมาแล้ว ลองนึกถึงอาหารที่เรากินนะ พอย่อยแล้วก็
ได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เหล็ก แคลเซี่ยม แมงกานีส ฯลฯ
(จะว่าไป พวก คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน นี่ ความจริงก็ยังเป็นสารอินทรีย์นะ
ยังต้องถูกย่อยต่ออีก)

ดินใหม่ๆ ก็น่าจะมีสารอินทรีย์เยอะ

สารอินทรีย์มันมีทั้งแบบที่เป็นของแข็งและที่ละลายในน้ำ พวกที่ละลายในน้ำความจริง
มันก็แตกตัวออกจากสารอินทรีย์ที่เป็นของแข็งนั่นแหละ มีตั้งแต่แตกตัวเป็นอณูเล็กๆ
เล็กจนไหลทะลุกรองส่วนใหญ่ได้ หรือละลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของน้ำไปเลย เช่น น้ำตาล
http://serc.carleton.edu/microbelife/research_methods/biogeochemical/organic_carbon.html

(อันนี้นอกเรื่องนะ)
จะเห็นว่าสิ่งที่เราเรียกว่า สารเคมี ไม่ได้มีพิษมากกว่า สารอินทรีย์ เสมอไป มันอยู่ที่การใช้
ให้เหมาะกับสถานการณ์ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็กลัวสารเคมี/ปุ๋ยเคมีแบบเหมารวมและเดาสุ่ม
ที่ตายกันเพราะเชื้ออีโคไลในยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพราะถั่วงอกที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์  [on_035]
http://www.guardian.co.uk/world/2011/jun/10/e-coli-bean-sprouts-blamed


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/07/11, [23:08:28] โดย NP »
masterindy007 ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #46 เมื่อ: 24/07/11, [23:06:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณบทความดีๆๆ ที่หาอ่านได้ยากในวงการ [on_055]
NP ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #47 เมื่อ: 25/07/11, [00:25:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แต่ก่อนที่จะคิดว่า สารอินทรีย์ ทุกอย่างไม่ดี กับตู้ไม้น้ำ ก็ต้องเบรกตัวเองหน่อยว่า
"อย่าเหมารวม"

ที่เว็บ Aquatic Plant Digest เมื่อหลายปีก่อน เคยมีการสนทนาเรื่องนี้
พอดูเหมือนกระแสจะไปทางเหมารวมว่า สารอินทรีย์ ทุกชนิดแย่
ก็มีคนถามสวนขึ้นมาด้วยคำถามที่ว่า สารอินทรีย์มันควรจะแบ่งแยก
เป็นประเภทหรือเปล่า เช่น สารอินทรีย์ที่ได้จากพีทมอสกับสารอินทรีย์
ที่ได้จากอาหารปลาที่บูดเน่า มันเหมือนกันหรือเปล่า
http://fins.actwin.com/aquatic-plants/month.200312/msg00713.html

(พวกฝรั่ง ญี่ปุ่น (จีนนี่ก็ด้วยนะผมว่า) จะชอบวิเคราะห์นะ
เขาถึงคิดเทคโนโลยีมาได้เรื่อยๆ แต่เราจะชอบแขวะว่า
ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก)

ทอมก็เลยตอบทำนองว่า เนี่ย รอคำถามดีๆ แบบนี้อยู่

เขาบอกว่าสารอินทรีย์ที่ได้จากพีทมอสอย่างกรดฮิวมิค
กับกรดฟูลวิค มันต่างจากพวกที่ได้จากอาหารบูดเน่าเยอะ

อาหารบูดเน่า เศษใบไม้ หรือแม้แต่ไม้น้ำที่สุขภาพไม่ดี
(พอสุขภาพไม่ดี มันจะ "รั่ว" สารอาหารของมันออกมาน่ะ
สังเกตดูจะเห็นว่าต้นไม้ที่สุขภาพดีตะไคร่จะไม่ค่อยเกาะ)
พวกนี้เป็นตัวการของสารอินทรีย์ประเภทที่เราควรลดไม่ให้มีมากเกิน
เพราะมันไปเร่งการเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา
ทำให้อ็อกซิเจนในน้ำน้อยลง

(ส่วนกรดฮิวมิคกับกรดฟูลวิค ทอมไม่ได้บอกว่าดียังไง
แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าพวกมันช่วยให้ดินอุดมสมบูรณ์)
creepmaster ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #48 เมื่อ: 25/07/11, [04:59:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เอ๊ะ green brighty Step 1 มันไม่มี phosphate ไม่ใช่เหรอครับ [งง]
qDocomOp ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #49 เมื่อ: 25/07/11, [08:19:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

มาดัน ความรู้ซะหน่อย
toontoon ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #50 เมื่อ: 25/07/11, [09:53:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เอ๊ะ green brighty Step 1 มันไม่มี phosphate ไม่ใช่เหรอครับ [งง]

 ไม่มีคับ ต้องเป็นอีกตัว คือ ADA spacial light หรือ spacial shade
toontoon ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #51 เมื่อ: 25/07/11, [09:54:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ฟอสฟอรัสในรูปฟอสเฟต (PO4) ไม่ใช่สารอินทรีย์แล้วครับ เพราะถูกย่อยมาแล้ว

แอมโมเนียนี่กึ่งๆ คือ มันถูกย่อยมาแล้วก็จริง แต่ (ควรจะ) ถูกย่อยต่ออีก

สารอินทรีย์... จะว่ายังไงดีล่ะ มันแยกไม่ได้ว่าเป็นสารอะไรบ้าง เพราะถ้ามันแยกได้
ก็หมายความว่ามันผ่านการย่อยมาแล้ว ลองนึกถึงอาหารที่เรากินนะ พอย่อยแล้วก็
ได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เหล็ก แคลเซี่ยม แมงกานีส ฯลฯ
(จะว่าไป พวก คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน นี่ ความจริงก็ยังเป็นสารอินทรีย์นะ
ยังต้องถูกย่อยต่ออีก)

ดินใหม่ๆ ก็น่าจะมีสารอินทรีย์เยอะ

สารอินทรีย์มันมีทั้งแบบที่เป็นของแข็งและที่ละลายในน้ำ พวกที่ละลายในน้ำความจริง
มันก็แตกตัวออกจากสารอินทรีย์ที่เป็นของแข็งนั่นแหละ มีตั้งแต่แตกตัวเป็นอณูเล็กๆ
เล็กจนไหลทะลุกรองส่วนใหญ่ได้ หรือละลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของน้ำไปเลย เช่น น้ำตาล
http://serc.carleton.edu/microbelife/research_methods/biogeochemical/organic_carbon.html

(อันนี้นอกเรื่องนะ)
จะเห็นว่าสิ่งที่เราเรียกว่า สารเคมี ไม่ได้มีพิษมากกว่า สารอินทรีย์ เสมอไป มันอยู่ที่การใช้
ให้เหมาะกับสถานการณ์ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็กลัวสารเคมี/ปุ๋ยเคมีแบบเหมารวมและเดาสุ่ม
ที่ตายกันเพราะเชื้ออีโคไลในยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพราะถั่วงอกที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์  [on_035]
http://www.guardian.co.uk/world/2011/jun/10/e-coli-bean-sprouts-blamed




 เคลียแล้วคับ ขอบคุณคับ
Average ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #52 เมื่อ: 26/07/11, [17:52:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

มาเต็มคับกระทู้นี้ ขอบคุณทุกท่านคับ

ของผมหัวไม่ถึง ปวดขมับ  ้hahaha
ska ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #53 เมื่อ: 27/07/11, [01:02:10] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ความรู้ดีๆๆทั้งนั้นเลย

ขอบคุณพี่ๆมากเลย อ่านแล้วมึนๆ เยอะเกินเก็บไม่หมด  [on_007]
buzaaa ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #54 เมื่อ: 27/07/11, [01:04:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เดียวพรุ้งนี้ มานั่ง อ่าน  [on_065]
qDocomOp ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #55 เมื่อ: 02/08/11, [18:07:01] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ดันหน่อยครับ ความรู้
NP ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #56 เมื่อ: 02/08/11, [21:22:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เห็นถูกดัน

งั้น แถมๆๆ  ้hahaha

<a href="http://www.youtube.com/v/TkeI0LntI9w" target="_blank">http://www.youtube.com/v/TkeI0LntI9w</a>

เกี่ยวกับตะไคร่เมือกเขียวแกมน้ำเงิน (BGA)
ผมว่าสารอินทรีย์ของเสียในน้ำน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญจริงๆ น่ะแหละ
ยูทูปอันนี้บอกว่า นักวิทยาศาสตร์คนนึง (คุณป้าที่เห้นตอนหลังๆ)
เจอว่ามันสามารถบังคับตะไคร่และพืชชนิดอื่นเป็นข้ารับใช้ได้ด้วย
โดยมันจะสั่งให้ตะไคร่และพืชน้ำอื่นๆ ปล่อยเอนไซม์ที่ช่วยให้มัน
ดึงเอาฟอสฟอรัสจากสารอินทรีย์มาใช้ได้ และสุดท้าย
ตะไคร่และต้นไม้น้ำอื่นก็จะลดลง ส่วนมันก็ครองพื้นที่

มิน่า ของผมตอนมันมาแรกๆ มันคลุมตะไคร่อื่นหมดเลย
แต่พอตอนมันถอย (เริ่มตาย) มันปล่อยของเสียออกมา
ทำเอาตะไคร่อื่นบลูมแทน

ผมว่านี่เป็นตะไคร่ชนิดเดียวมั้ง ที่ไม่ใช่แค่คู่แข่งของไม้น้ำ แต่เป็นศัตรูเลย
เพราะฆ่าไม้น้ำได้ด้วย แถมพิษของมันก็เป็นอันตรายต่อทั้งสัดว์น้ำและสัตว์บก

ในข่าว นักวิทยาศาสตร์คิดว่า ภาวะโลกร้อน น่าจะเป็นตัวการ เพราะทะเลสาบในข่าว
ไม่เคยเจอ BGA บลูมมาก่อน และ BGA ชอบอากาศร้อน (ของผมที่เจอก็เป็นช่วงหน้าร้อน)

โชคดีตรงที่สำหรับตู้ปลาของพวกเรา  BGA เป็นตัวที่กำจัดได้ง่าย (คุมของเสีย,
เพิ่มระดับออกซิเจน, อิริโธรมัยซิน)
Coffman ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #57 เมื่อ: 02/08/11, [22:05:04] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เข้ามาอ่าน  emb01 เดี๋ยวต่อ
aunnina ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #58 เมื่อ: 13/12/11, [13:35:33] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อ่านหมดแล้วดีมากเลยครับ...เล่นเอามึนเช่นกันครับ  hmmmm
หน้า: 1 2   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: