RHAPSODY
( ปัจุบันเปลี่ยนชื่อเป้น RHAPSODY OF FIRE )
เป็นวงจากอิตาลี ถ้านับอายุวงมาจนถึงปัจจุบันน่าจะเกิน20 ปีแล้ว
นับว่าเป็นวงที่สามารถรักษาตัวยืนระยะมาได้นานอีกวงนึงทีเดียว
ก่อนอื่นก็ขอเสนอสมาชิกในอัลบั้มยุคแรกยุคคลาสสิคก็แล้วกัน ( สมาชิกยุคนี้อยู่กันยืนนานมากสุดแล้วจ้ะ )
Fabio Lione ร้องนำ ร้องประสาน (choirs)
Luca Turilli กีตาร์ ร้องประสาน (choirs) แต่งเพลง
Daniele Carbonera กลอง
Alex Staropoli คีย์บอร์ด ร้องประสาน (choirs) แต่งเพลง
ก่อนนั้นพวกมันใช้ชื่อว่า Thunder Cross (2536-2538)
ซึ่งหลังจากThunder Cross ออกเดโมไปได้สักพัก ก็เปลี่ยนชื่อวงเป็น RHAPSODY
พอปี 97'พวกมันออกอัลบั้มเต็ม LPแรกอย่างเป็นทางการกับสังกัด LMP ( สังกัดนี้มีพาวเวอร์มันส์ๆอยู่หลายวง )
ในชื่ออัลบั้มเบิกฤกษ์ ว่า Legendary Tales ด้วยหน้าปกแบบขนมครกโฮมเมด
เป็นรูปไอ้หนุ่มผมยาวเปลือยท่อนบนอวดขี้กลาก ขี่ม้าชูดาบปราบมังกือ ( เรียกว่าแค่เห็นหน้าปกก็เดาออกแล้วแนวอะไร )
ชุดแรกนี้ เป็นคอนเซปอัลบั้ม แฟนตาซี ว่าด้วยนักรบเดินทางตามฆ่ามังกร ตามหาดาบมรกตศักดิ์สิทธ์
ตัวแพคเกจทำออกมาค่อนข้างดีเลย แผ่นพับอาบมันคลี่ออกมาเป็นแผนที่ดินแดนที่ทางวงสร้างขึ้น
เหมือนแบบที่ Lord Of the RING ทำ (หลายๆวงได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเรื่องนี้นะ )
ชุดเปิดตัวนี้ทำออกมาเป็นยูโรพาวเวอร์เมทัล ติดเมโลดิคเยอะ เสียงร้องนำโอ่อ่าไสตล์โอเปร่า มีเสียงประสาน ( choirs ) แบบจัดเต็ม
พาร์ตเครื่องดนตรี จังหวะสปีดว่องไว ทั้งกีตาร์ กลอง เบส เล่นด้วยทำนองนีโอคลาสสิค
ด้วยการมีคีย์บอร์ดนั้นเป็นตัวสร้างความกว้าง ลึก ให้ตัวเพลงดี
พิเศษคือ มีเครื่องดนตรีคลาสสิค และเครื่องดนตรีพื้นบ้านยุโรปเข้ามาแจม เช่นพวก ไวโอลิน เชลโล
พวกมันให้คำจำกัดความว่าเพลงพวกมันคือ " EPIC METAL "
แต่บางทีแฟนๆคนฟังอื่นๆก็เรียกซิมโฟนิกเมทัล ซึ่งไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรมันก็สมกับตัวเพลงดีแหละ
ชุดต่อมา Symphony of Enchanted Lands ในปี 1998 ตัวดนตรีฟังยากกว่าเดิมนิดนึงแต่ยังยึดคอนเซปซิมโฟนิคเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือใส่เนื้อเรื่องของการตามหาดาบมรกตเข้าไปด้วย เรียกว่าฮีโร่ผมบลอนด์ของเรายังเดินทางผจญภัยอยู่
และ ในปี 2000 อัลบั้มที่ 3 ในชื่อ Dawn of Victory ก็คลอดออกมา
ชุดนี้ขมวดเรื่องมาแบบหนังแฟนตาซีสงครามโบราณ เมื่อฮีโร่เราเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบล่ะ
ชุดนี้กลมกล่อมดี มีครบทุกรสชาติ ทั้งเร่งทั้งผ่อน
เพลงที่มันส์สุดในอัลบั้มนี้ แนะนำลอง Holy Thunderforce เลย
และดูเหมือนว่าท้ายสุดแล้วนักรบของเราจะบาดเจ็บหนักในสมรภูมินี้ด้วยสิ
ปี 2001 ก็ออกมินิอัลบั้มที่เป็นเนื้อเรื่องคู่ขนานมาติดๆคือ Rain of thousan flame
ผูกเรื่องคู่ขนานอัลบั้มที่แล้ว เป็นตอนที่ฮีโร่เราเจ็บหนักนอนหยอดน้ำบูดูออกมาสู้ไม่ได้
เลยเป็นทีของกองทัพปิศาจชั่วยกทัพมาถล่มเมืองคืน จนเมืองล่มสลาย
ดนตรีในชุดนี้ฉีกแนวไปจากสามชุดแรก ดนตรีเหี้ยมเกรียม วายป่วงมากขึ้น ลดความไพเราะลงไปมาก
ทั้งกีตาร์ ทั้งกลอง เบส แข่งกันสับแบบกลัวใครแซง เสียงร้องก็ติดสำรอกมากขึ้นกว่าเดิม ใกล้ๆจะเป็นแทรชแล้ว
เรียกว่ามินิอัลบั้มนี้ โคตรดุ
Power of the Dragonflame อัลบั้มเพื่อปิดตำนานสงครามดาบมรกตออกมาในปี 2002
ชุดนี้ดี๊ดีจริงๆ พวกพี่แกขนเอาแทบทุกอย่างมาใส่ซะเยอะเชียวล่ะ
วงออร์เครสตร้าชุดใหญ่ ไวโอลิน ทรัมเปต ฮาร์ปซิคอต กลุ่มเสียงประสาน
พาร์ตเมทัลก็หลากหลายสุดๆ ทั้งเร็วแบบบ้าระห่ำไปจนถึงบัลลาดโอ่อ่าแบบคลาสสิค
เสียงร้องที่ผสมระหว่างซิมโฟนีกับเกรี้ยวกราดแบบพาวเวอร์สลับกันหวือหวาดี
อัลบั้มนี้นับว่าปิดตำนาน ดาบมรกตได้อย่างสมศักศรีดิ์ศรีมาก
อ้อ ปกอัลบั้มชุดนี้งามด้วย ไม่เป็นแบบโฮมเมดอย่างก่อนๆแล้วนะ อิอิอิ
ปี 2004 เริ่มตำนานบทใหม่
Symphony of Enchanted Lands II: The Dark Secret
การผจญภัยบทใหม่เริ่มขึ้นอีกแล้ว คอนเซปว่าด้วย การออกตามหาคัมภีร์ทั้งเจ็ด
เพื่อหยุดยั้งการคืนชีพของอสูรกายทลายโลก ( อีกแล้ว ?? )
ชุดนี้ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันน่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในอนาคตในสไตล์ของวงแน่ๆ
ทุกอย่างจากอัลบั้มเก่าๆเดิมๆยังมีอยู่นะ พวกวง ออร์เครสตร้า เสียงร้องแบบโอเปร่า กีตาร์ เบส กลอง อะไรยังคล้ายเดิม
แต่ที่รู้สึกคือ เพลงโดยรวมมันลดความเร็วไป แล้วมันใส่รายละเอียด ลูกเล่น ความซับซ้อน ลงไปเยอะขึ้น
ได้กลิ่นทะแม่งๆของความโปรเกรสสีพปนมาจางๆ
ปกอัลบั้มชุดนี้ก็สวยนะ คลี่แผ่นพับออกมา เป็นแผ่นแผนที่เบ้อเร่อเลย งามเชียวแหละ ( อารมณ์ Lord Of The Ring )
และนับจากอัลบั้มนี้ นี่เอง
อัลบั้มต่อๆต่อมาของพวกมันก็บอกว่า เออ เดาถูกวุ้ย
ใช่แร้น ในชุดต่อๆมา ดนตรีของพวกมันเพิ่มความซับซ้อนแบบโปรเกรสสีพมากขึ้นๆ
ทำให้เพลงที่เคยเป็น พาวเวอร์ซิมโฟนิค ฟังแปร่งหูไปสำหรับผมที่ตามพวกมันมาตั้งแต่เริ่มต้น
ตามรายการข้างล่างคืออัลบั้มที่ออกในลำดับต่อๆกันมานะจ๊ะ
Triumph or Agony 2006
ตั้งแต่ชุดนี้ วงเปลี่ยนชื่อเป็น RHAPSODY OF FIRE จากเรื่องของลิขสิทธิ์
The Frozen Tears of Angels 2010
From Chaos to Eternity 2011
Dark Wings of Steel 2013
The Eighth Mountain 2019
( ชุดนี้ได้ คริสโตเฟอร์ ลี มาให้เสียงด้วยนะ RIP )
ในอัลบั้มยุคหลังที่เปลี่ยนชื่อวงแล้วนี้ ตัวเพลงปรับคอนเซปมาใกลจากจุดเริ่มต้นเดิมมาก ( มากจริงๆ )
พวกมันใส่ความซับซ้อนลงไปเยอะ องค์ประกอบดนตรีเพียบ ไม่ใช่ไม่ดีนะ มันดี
แต่ผมที่ตามมาแต่ชุดแรกไม่ได้ตามพวกมันเพราะแบบนี้
เจอกับตัวเองว่า อัลบั้มยุคหลังนี้ ผมหยิบมาฟังซ้ำน้อยกว่าอัลบั้มยุคแรกอ่ะ บางอัลบั้ม ซื้อมาเนี่ยะฟังแค่สามครั้งเอง 555
( คือถึงพวกมันจะเปลี่ยนไสตล์ไป แต่ผมก็ไม่รู้ทำไม ซื้อแทบทุกชุดสิน่า )
เอ้า ว่าแล้วก็แจ้งข่าวล่วงหน้าละกัน
เดือนสิบเอ็ดหลังลอยกระทงนี่ พวกมันมีกำหนดออกชุดใหม่แล้วจร้า
* Glory for Salvation 2021
( จะออก พย นี้แหละ )
เอ้า ได้เวลาขี่มังกร ควงดาบ ฆ่าปิศาจกันอีกแวร้วววววว จุ๊กกรู๊ๆๆๆ
ตอน Ontour กันที่โอซากา เมืองหลวงแห่งพาวเวอร์อีกแห่งของโลก
หมายเหตุ : ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
หากมีข้อมูลใดผิดพลาด หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ
ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
Metal brother Hood , Longlive Metal
สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และไปดูคอนเสิร์ตกันนะจ๊ะนะจ๊ะ
( ปัจุบันเปลี่ยนชื่อเป้น RHAPSODY OF FIRE )
เป็นวงจากอิตาลี ถ้านับอายุวงมาจนถึงปัจจุบันน่าจะเกิน20 ปีแล้ว
นับว่าเป็นวงที่สามารถรักษาตัวยืนระยะมาได้นานอีกวงนึงทีเดียว
ก่อนอื่นก็ขอเสนอสมาชิกในอัลบั้มยุคแรกยุคคลาสสิคก็แล้วกัน ( สมาชิกยุคนี้อยู่กันยืนนานมากสุดแล้วจ้ะ )
Fabio Lione ร้องนำ ร้องประสาน (choirs)
Luca Turilli กีตาร์ ร้องประสาน (choirs) แต่งเพลง
Daniele Carbonera กลอง
Alex Staropoli คีย์บอร์ด ร้องประสาน (choirs) แต่งเพลง
ก่อนนั้นพวกมันใช้ชื่อว่า Thunder Cross (2536-2538)
ซึ่งหลังจากThunder Cross ออกเดโมไปได้สักพัก ก็เปลี่ยนชื่อวงเป็น RHAPSODY
พอปี 97'พวกมันออกอัลบั้มเต็ม LPแรกอย่างเป็นทางการกับสังกัด LMP ( สังกัดนี้มีพาวเวอร์มันส์ๆอยู่หลายวง )
ในชื่ออัลบั้มเบิกฤกษ์ ว่า Legendary Tales ด้วยหน้าปกแบบขนมครกโฮมเมด
เป็นรูปไอ้หนุ่มผมยาวเปลือยท่อนบนอวดขี้กลาก ขี่ม้าชูดาบปราบมังกือ ( เรียกว่าแค่เห็นหน้าปกก็เดาออกแล้วแนวอะไร )
ชุดแรกนี้ เป็นคอนเซปอัลบั้ม แฟนตาซี ว่าด้วยนักรบเดินทางตามฆ่ามังกร ตามหาดาบมรกตศักดิ์สิทธ์
ตัวแพคเกจทำออกมาค่อนข้างดีเลย แผ่นพับอาบมันคลี่ออกมาเป็นแผนที่ดินแดนที่ทางวงสร้างขึ้น
เหมือนแบบที่ Lord Of the RING ทำ (หลายๆวงได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเรื่องนี้นะ )
ชุดเปิดตัวนี้ทำออกมาเป็นยูโรพาวเวอร์เมทัล ติดเมโลดิคเยอะ เสียงร้องนำโอ่อ่าไสตล์โอเปร่า มีเสียงประสาน ( choirs ) แบบจัดเต็ม
พาร์ตเครื่องดนตรี จังหวะสปีดว่องไว ทั้งกีตาร์ กลอง เบส เล่นด้วยทำนองนีโอคลาสสิค
ด้วยการมีคีย์บอร์ดนั้นเป็นตัวสร้างความกว้าง ลึก ให้ตัวเพลงดี
พิเศษคือ มีเครื่องดนตรีคลาสสิค และเครื่องดนตรีพื้นบ้านยุโรปเข้ามาแจม เช่นพวก ไวโอลิน เชลโล
พวกมันให้คำจำกัดความว่าเพลงพวกมันคือ " EPIC METAL "
แต่บางทีแฟนๆคนฟังอื่นๆก็เรียกซิมโฟนิกเมทัล ซึ่งไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรมันก็สมกับตัวเพลงดีแหละ
ชุดต่อมา Symphony of Enchanted Lands ในปี 1998 ตัวดนตรีฟังยากกว่าเดิมนิดนึงแต่ยังยึดคอนเซปซิมโฟนิคเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือใส่เนื้อเรื่องของการตามหาดาบมรกตเข้าไปด้วย เรียกว่าฮีโร่ผมบลอนด์ของเรายังเดินทางผจญภัยอยู่
และ ในปี 2000 อัลบั้มที่ 3 ในชื่อ Dawn of Victory ก็คลอดออกมา
ชุดนี้ขมวดเรื่องมาแบบหนังแฟนตาซีสงครามโบราณ เมื่อฮีโร่เราเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบล่ะ
ชุดนี้กลมกล่อมดี มีครบทุกรสชาติ ทั้งเร่งทั้งผ่อน
เพลงที่มันส์สุดในอัลบั้มนี้ แนะนำลอง Holy Thunderforce เลย
และดูเหมือนว่าท้ายสุดแล้วนักรบของเราจะบาดเจ็บหนักในสมรภูมินี้ด้วยสิ
ปี 2001 ก็ออกมินิอัลบั้มที่เป็นเนื้อเรื่องคู่ขนานมาติดๆคือ Rain of thousan flame
ผูกเรื่องคู่ขนานอัลบั้มที่แล้ว เป็นตอนที่ฮีโร่เราเจ็บหนักนอนหยอดน้ำบูดูออกมาสู้ไม่ได้
เลยเป็นทีของกองทัพปิศาจชั่วยกทัพมาถล่มเมืองคืน จนเมืองล่มสลาย
ดนตรีในชุดนี้ฉีกแนวไปจากสามชุดแรก ดนตรีเหี้ยมเกรียม วายป่วงมากขึ้น ลดความไพเราะลงไปมาก
ทั้งกีตาร์ ทั้งกลอง เบส แข่งกันสับแบบกลัวใครแซง เสียงร้องก็ติดสำรอกมากขึ้นกว่าเดิม ใกล้ๆจะเป็นแทรชแล้ว
เรียกว่ามินิอัลบั้มนี้ โคตรดุ
Power of the Dragonflame อัลบั้มเพื่อปิดตำนานสงครามดาบมรกตออกมาในปี 2002
ชุดนี้ดี๊ดีจริงๆ พวกพี่แกขนเอาแทบทุกอย่างมาใส่ซะเยอะเชียวล่ะ
วงออร์เครสตร้าชุดใหญ่ ไวโอลิน ทรัมเปต ฮาร์ปซิคอต กลุ่มเสียงประสาน
พาร์ตเมทัลก็หลากหลายสุดๆ ทั้งเร็วแบบบ้าระห่ำไปจนถึงบัลลาดโอ่อ่าแบบคลาสสิค
เสียงร้องที่ผสมระหว่างซิมโฟนีกับเกรี้ยวกราดแบบพาวเวอร์สลับกันหวือหวาดี
อัลบั้มนี้นับว่าปิดตำนาน ดาบมรกตได้อย่างสมศักศรีดิ์ศรีมาก
อ้อ ปกอัลบั้มชุดนี้งามด้วย ไม่เป็นแบบโฮมเมดอย่างก่อนๆแล้วนะ อิอิอิ
ปี 2004 เริ่มตำนานบทใหม่
Symphony of Enchanted Lands II: The Dark Secret
การผจญภัยบทใหม่เริ่มขึ้นอีกแล้ว คอนเซปว่าด้วย การออกตามหาคัมภีร์ทั้งเจ็ด
เพื่อหยุดยั้งการคืนชีพของอสูรกายทลายโลก ( อีกแล้ว ?? )
ชุดนี้ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันน่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในอนาคตในสไตล์ของวงแน่ๆ
ทุกอย่างจากอัลบั้มเก่าๆเดิมๆยังมีอยู่นะ พวกวง ออร์เครสตร้า เสียงร้องแบบโอเปร่า กีตาร์ เบส กลอง อะไรยังคล้ายเดิม
แต่ที่รู้สึกคือ เพลงโดยรวมมันลดความเร็วไป แล้วมันใส่รายละเอียด ลูกเล่น ความซับซ้อน ลงไปเยอะขึ้น
ได้กลิ่นทะแม่งๆของความโปรเกรสสีพปนมาจางๆ
ปกอัลบั้มชุดนี้ก็สวยนะ คลี่แผ่นพับออกมา เป็นแผ่นแผนที่เบ้อเร่อเลย งามเชียวแหละ ( อารมณ์ Lord Of The Ring )
และนับจากอัลบั้มนี้ นี่เอง
อัลบั้มต่อๆต่อมาของพวกมันก็บอกว่า เออ เดาถูกวุ้ย
ใช่แร้น ในชุดต่อๆมา ดนตรีของพวกมันเพิ่มความซับซ้อนแบบโปรเกรสสีพมากขึ้นๆ
ทำให้เพลงที่เคยเป็น พาวเวอร์ซิมโฟนิค ฟังแปร่งหูไปสำหรับผมที่ตามพวกมันมาตั้งแต่เริ่มต้น
ตามรายการข้างล่างคืออัลบั้มที่ออกในลำดับต่อๆกันมานะจ๊ะ
Triumph or Agony 2006
ตั้งแต่ชุดนี้ วงเปลี่ยนชื่อเป็น RHAPSODY OF FIRE จากเรื่องของลิขสิทธิ์
The Frozen Tears of Angels 2010
From Chaos to Eternity 2011
Dark Wings of Steel 2013
The Eighth Mountain 2019
( ชุดนี้ได้ คริสโตเฟอร์ ลี มาให้เสียงด้วยนะ RIP )
ในอัลบั้มยุคหลังที่เปลี่ยนชื่อวงแล้วนี้ ตัวเพลงปรับคอนเซปมาใกลจากจุดเริ่มต้นเดิมมาก ( มากจริงๆ )
พวกมันใส่ความซับซ้อนลงไปเยอะ องค์ประกอบดนตรีเพียบ ไม่ใช่ไม่ดีนะ มันดี
แต่ผมที่ตามมาแต่ชุดแรกไม่ได้ตามพวกมันเพราะแบบนี้
เจอกับตัวเองว่า อัลบั้มยุคหลังนี้ ผมหยิบมาฟังซ้ำน้อยกว่าอัลบั้มยุคแรกอ่ะ บางอัลบั้ม ซื้อมาเนี่ยะฟังแค่สามครั้งเอง 555
( คือถึงพวกมันจะเปลี่ยนไสตล์ไป แต่ผมก็ไม่รู้ทำไม ซื้อแทบทุกชุดสิน่า )
เอ้า ว่าแล้วก็แจ้งข่าวล่วงหน้าละกัน
เดือนสิบเอ็ดหลังลอยกระทงนี่ พวกมันมีกำหนดออกชุดใหม่แล้วจร้า
* Glory for Salvation 2021
( จะออก พย นี้แหละ )
เอ้า ได้เวลาขี่มังกร ควงดาบ ฆ่าปิศาจกันอีกแวร้วววววว จุ๊กกรู๊ๆๆๆ
ตอน Ontour กันที่โอซากา เมืองหลวงแห่งพาวเวอร์อีกแห่งของโลก
หมายเหตุ : ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
หากมีข้อมูลใดผิดพลาด หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ
ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
Metal brother Hood , Longlive Metal
สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และไปดูคอนเสิร์ตกันนะจ๊ะนะจ๊ะ