ดูรูปประกอบเพิ่มเติมได้ที่นี่จ้า
http://myaqualove.blogspot.com/2010/06/1-13-ffi-13-22-astv-fauna-flora.html
***********************************************************
ภาพจากเว็บไซต์ของ FFI ไข่จระเข้พันธุ์สยาม ฟักเป็นตัวออกมาได้จำนวน 13 ฟอง จากทั้งหมด 22 ฟอง
ที่พบในป่าภาคตะวันตกของกัมพูชา เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์
แต่ขณะเดียวกันแหล่งอาศัยของพวกมันกำลังจะถูกน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- เจ้าหน้าที่องค์การพืชและสัตว์ระหว่างประเทศหรือ Fauna & Flora International ยืนยันว่า ไข่จระเข้จำนวน 22 ฟองที่พบในเขตหุบเขาอาแร็ง (Areng) เทือกเขาพนมกระวัญ (Phnom Kravanh) จ.เกาะกง ของกัมพูชาในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นไข่จระเข้พันธุ์สยามที่หายาก และประชากรที่อาศัยในป่าธรรมชาติ ลดจำนวนลงน่าใจหาย
เมื่อต้นเดือนนี้ไข่จำนวน 13 ฟอง ฟักเป็นตัวอ่อนออกมา ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า จระเข้หายากที่ครั้งหนึ่งเคยประกาศว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ยังสามารถขยายพันธุ์ได้ในป่าดิบเทือกเขากระวัญ หรือเขาคาร์ดามอม (Cardamom)
ไข่ทั้ง 22 ฟองค้นพบในวันที่ 22 เม.ย. โดยเจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์จระเข้ในกัมพูชา หรือ CCCP Cambodian Crocodile Conservation Programmeที่ได้รับการสนับสนุนจาก FFI ร่วมกับ Community Crocodile Wardens ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาภาคเอกชนในกัมพูชา
ทั้งสองหน่วยงานเข้าไปในหุบเขาอาแร็งเพื่อตรวจดูเขตวางไข่ของจระเข้ เนื่องจากเกรงจะถูกน้ำท่วม หรือถูกสัตว์ชนิดอื่นรังควาน
เจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจเคลื่อนย้ายไข่จำนวน 15 ฟองไปยังรังแห่งใหม่ที่จัดทำขึ้นให้พ้นจากน้ำท่วม โดยมีเจ้าหน้าที่ของ CCW จากหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงไปเฝ้าระแวดระวังตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นทีมงานยังติดตั้งกล้องถ่ายภาพอัตโนมัติไว้ที่รัง โดยหวังจะได้ภาพถ่ายแม่จระเข้ที่ไปดูแลไข่อีกด้วย
ในที่สุดบ่ายวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตัวอ่อนจระเข้จำนวน 10 ตัว ก็โผล่ออกมาจากไข่ในรังใหม่ และ อีก 3 ตัวฟักจากไข่ที่เหลืออยู่ในรังตามธรรมชาติ กล้องยังสามารถจับภาพที่เชื่อว่าเป็นแม่จระเข้ที่เฝ้าไข่ของมันอีกด้วย
เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ของ CCW ได้แอบเข้าไปวัดขนาด และ จดรายละเอียดต่างๆ เพื่อติดตามดูแลสุขภาพของลูกจระเข้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตัดเกล็ดออกจากส่วนหางของเจ้าหนูทั้ง 13 ตัวเป็นเครื่องหมายเอาไว้ เผื่อจะได้พบกันอีกในวันข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ยังได้จัดทำเป็นเขตกักกันชั่วคราวในอาณาบริเวณนั้น และ เฝ้าดูแลลูกจระเข้ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของนักล่า ในธรรมชาติ จนกว่ามันจะโตสามารถพึ่งตัวเองได้ จึงจะปล่อยออกสู่ไพรกว้าง
นักวิทยาศาสตร์ต่างชื่นชมยินดีกับข่าวชิ้นนี้ ขณะที่เชื่อกันว่าปัจจุบันจระเข้พันธุ์สยาม หรือ Siamese Crocodile มีเหลืออยู่ในป่าธรรมชาติเพียงไม่เกิน 250 ตัว
ในกัมพูชา ถิ่นอาศัย รวมทั้งชีวิตของพวกมัน กำลังถูกคุกคามจากเขื่อนสะตึงอาไต (Stung Atay) ของนักลงทุนจากจีน ซึ่งกำลังจะทำให้น้ำท่วมลำน้ำอาแร็ง FFI กำลังช่วยเหลือรัฐบาลกัมพูชาในการโยกย้ายจระเข้พันธุ์สยาม ตลอดจนสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ออกไปยังที่อาศัยแห่งใหม่ ที่ทางการจัดเอาไว้ให้
ครั้งหนึ่งจระเข้พันธุ์สยาม (Crocodylus siamensis) เคยพบทั่วไปในป่าดิบและแหล่งน้ำเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การล่าเพื่อเอาหนังและเนื้อของพวกมัน การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ถิ่นอาศัย และจำนวน ลดลงเรื่อยๆ หลายปีมานี้ องค์การและกองทุนเพื่อสัตว์ป่าระหว่างประเทศ จึงได้เริ่มรณรงค์เพื่ออนุรักษ์
เคยเชื่อกันว่าจระเข้พันธุ์สยามได้สูญพันธุ์จากป่าในประเทศไทยไปจน หมดแล้ว ต่อมากล้องอัตโนมัติสามารถจับภาพได้ 1 ตัวในป่าสงวนแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จึงรู้ว่าพวกมันยังอยู่ที่นั่น อีกหลายปีต่อมาพบอีกจำนวนหนึ่งในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี และในป่าเขาใหญ่
สำหรับในลาวได้พบแหล่งอาศัยของจระเข้พันธุ์นี้ในแขวงสะหวันนะเขต สมาคมอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า (World Conservation Society) กำลังช่วยทางการลาวอนุรักษ์ถิ่นอาศัยและประชากรของพวกมัน
หลายปีมานี้ยังมีการค้นพบจระเข้พันธุ์สยามอีกจำนวนหนึ่งในพม่าและใน เวียดนาม แต่ป่าทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชาติดชายแดนไทย เป็นแหล่งอาศัยใหญ่ที่สุด
ปีที่แล้ว FFI ได้เริ่มโครงการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อสืบค้นสายพันธุ์จระเข้สยาม และ แยกพวกมันออกจากจระเข้พันธุ์ทางหรือลูกผสม ทั้งนี้ก็เพื่ออนุรักษ์สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำสายพันธุ์นี้มิให้หมดไปจากโลก.
|