ดร. อังคณา ชี้แจงว่า สมุนไพร ที่มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสอันเป็นเชื้อสาเหตุของโรคๆหัวเหลืองได้ นั้นมีด้วยกันหลายชนิด เช่น เสลดพังพอนตัวเมีย (ชนิดไม่มีหนาม) พญายอ หรือพญาปล้องทอง เถาบอระเพ็ด ใบมะยม ใบชุมเห็ดเทศ ก้างปลาเครือ เป็นต้น แต่ที่นำมาอดลอง และใช้ได้ผลดีมากกว่าชนิดอื่น ๆ คือ เสลดพังพอน และพญายอ ซึ่งเสลดพังพอนตัวเมียนั้น มีคุณสมบัติยับยั้งโรคไวรัสหัวเหลืองกุ้งกุลาดำได้ โดยช่วยสร้างหยุดการเจริญเติบโตได้ (เนื่องจากเซลล์สมอง หรือเซลล์เมมเบรนถูกทำลาย)ส่วนพญายอนั้น จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวกุ้งกุลาดำ
วิธีการทดลอง ได้ทำการสกัดสมุนไพร โดยวิธีทางเคมี คือใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสด ๆ หมักกับแอลกอฮอล์ ซึ่งใช้เหล้าขาวดีที่สุด โดยใส่เหล้าขาวให้พอท่วมใบของเสลดพังพอนตัวเมียจากนั้นนำส่วนผสมดังกล่าวมากรองเอาเฉพาะที่เป็นน้ำสีเขียว ๆ ออก นำไปใช้ ซึ่งต้องตั้งทิ้งไว้ให้แอลกอฮอร์ระเหยไปให้หมดก่อน ในการนำไปใช้ในบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ดังนี้ คือ ใช้สมุนไพร 1 ส่วน ต่อน้ำในบ่อกุ้ง 1 ล้านส่วน หรือบ่อเลี้ยงกุ้งขนาด 4 ไร่ จะใช้น้ำสมุนไพรที่สกัดไว้ประมาณ 20-30 ก.ก. โดยใช้ประมาณ 2 สัปดาห์/ครั้ง
ส่วนพญายอ หรือหญ้าปล้องทอง หรือหญ้าใต้ใบั้น เป็นวัชพืชหาได้ง่ายในสนามหญ้า ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิด คือ ลูกกลมเกลี้ยง ลูกปลายมนเล็กน้อย และชนิดลูกขรุขระ ทั้งนี้ต้องคัดเลือกเฉพาะพันธุ์ขรุขระดีที่สุด เพราะถ้าเป็นลูกกลมปลายมนจะใช้ไม่ได้ผล เพื่อป้องกันการผิดพลาดหากไป เลือดใช้ลูกกลมเกลี้ยงอาจจะติดพันธุ์ลูกปลายมนด้วย วิธีการจะใช้ทั้งต้น (ใบและลูก) ไปต้มเคี่ยวจากนั้นทำมากรองเอาเฉพาะส่วนน้ำ นำไปเคล้ากับอาหารกุ้ง ในอัตราส่วน 300 กรัมต่ออาหารกุ้ง 1 ก.ก. สำหรับชนิดลูกขรุขระ และ 20-30 กรัม / 1 ก.ก. สำหรับชนิดลูกกลมเกลี้ยงให้กุ้งกินวันละ 2 ครั้ง ผลของการทดลองปรากฎว่า ภายใน 2 สัปดาห์ กุ้งสามารถสร้างภูมิต้านทานโรคหัวเหลืองเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
"ไม่แนะนำให้ใช้เสลดพังพอนใส่ลงไปในบ่อเลี้ยงกุ้งโดยตรงเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการทำให้น้ำเน่าเสีย ทั้งนี้การวิจัยอยู่ในขั้นดำเนินการในห้องทดลองอยู่ยังไม่ได้ดำเนินการใช้ในบ่อเลี้ยงกุ้งจริง ๆ ซึ่งในขั้นนั้นต้องมีความแน่ใจในผลการวิจัยก่อน ซึ่งหากประสบผลสำเร็จจะมีการเผยแพร่ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ต่อไปอย่างแน่นอน เพราะสามารถป้องกันสภาวะน้ำเสียได้ดีกว่าใช้ยาปฏิชีวนะ และยังเป็นการลดต้นทุนในการผลิตและสูญเสียเงินให้กับต่างประเทศอีกด้วย จริง ๆ แล้วสมุนไพรที่นำมาใช้รักษาโรคหัวเหลืองนั้นมีหลายชนิด แต่ที่ได้ผลดีและมีความปลอดภัยสูง คือ เสลดพังพอนและพญายอโดยต้องใช้ควบคู่กัน โดยเสลดพังพอนควรใช้ในการเตรียมน้ำป้องกันการเติบโตของไวรัส ส่วนพญายอใช้ผสมอาหารเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวกุ้ง" ดร. อังคณา กล่าวในตอนท้าย
แม้ว่าผลการวิจัยยังไม่เสร็จเรียบร้อยก็ตาม แต่เกษตรกรผู้เลี้ยง จ. ตราด ได้ให้ความสนใจในการนำสมุนไพรมาใช้ในการเลี้ยงกุ้งบ้างแล้ว อาทิ การใช้เถาบอระเพ็ดมาทุบแลแช่ลงไปในบ่อเพื่อเป็นการเตรียมน้ำ ทั้งนี้สามารถใช้ได้ผลดีพอสมควร เนื่องจากสามารถนำเถาบอระเพ็ดขึ้นจากบ่อได้ง่าย โดยไม่ทำให้น้ำเน่าเสียแต่อย่างใด ทุกวันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายใหญ่และรายย่อยได้หันมาสนในปัญหาน้ำเสียในบ่อเลี้ยงกุ้งกันอย่างจริงจังมากขึ้น เนื่องจากปัญหาได้ลุกลามจนเห็นได้ชัด เท่าที่ผ่านมาเกษตรกรบางรายไม่มีความเข้าใจในเรื่องการใช้ยาปฎิชีวนะรักษาโรคหัวเหลือง เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง เพราะการเผยแพร่ให้ความความรู้บริษัทผู้ผลิตจำหน่ายอาหารและยารักษาโรคกุ้งจะเป็นผู้ดำเนินการเกือบทั้งหมด ดังนั้น จึงเป็นเสมือนการแข่งขันการขายยาปฏิชีวนะไปด้วย เรื่องการใช้สมุนไพรแทบไม่มีใครพูดถึงนอกจากชาวบ้านรับรู้กันมาแบบปากต่อปากและนำมาใช้บ้าง ดังนั้น การที่บริษัทพรีเมียร์ ฟิดส์ จำกัด ได้จัดประชุมเผยแพร่ผลงานการวิจัยของการใช้สมุนไพรในบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำเพื่อรักษาโรค อันเป็นผลงานของ ดร.อังคณา หิรัญสาลี จึงเป็นเสมือนการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมอย่างจริงในทางหนึ่ง.... หวังว่างานวิจัยดังกล่าวจะประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์กับบรรดาเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั่วประเทศในเร็วกันนี้
อ้างอิงจาก : http://natres.psu.ac.th/radio/radio_article/radio37-38/37-380031.htm
|