บันทึกเดินทาง : สุดขอบฟ้าอันดามัน ปลาบู่เกาะสุรินทร์

ตอนผมเด็กๆคุณพ่อได้พาผมไปเที่ยวเกาะๆนึง
ในตอนนั้นจำได้ว่ามันเป็นเกาะที่โคตรรไกล shift - หาย
นั่งเรือหวานเย็นที่แล่นเร็วพอๆกับทากทะเลเป็นตะคริว
มองดูปลานกกระจอกบินไปบินมาเกือบ4ชั่วโมงจนถึง

"หมู่เกาะสุรินทร์"

หมู่เกาะสุรินทร์ตั้งอยู่เหนือสุดในเขตทะเลอันดามัน เรียกว่าถ้าลอยคอตีขาไปอีกหน่อยก็เข้าเขตพม่าเลยO_O”
มีเกาะย่อยๆ5เกาะ เกาะสต๊อก เกาะปาจุมบา เกาะตอรินลา เกาะสุรินทร์เหนือ และเกาะสุรินทร์ใต้

ซ่อนอยู่ใต้แผ่นน้ำสีครามของเกาะน้อยใหญ่ทั้ง5เกาะคือ แหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดของประเทศไทย
ทุ่งปะการังเขากวางกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาของเกาะตอรินลา
กัลปังหาน้ำลึกชนาดกางแขนกางขายังไม่พ้บ
ฝูงปลาเกือบทุกชนิดที่เจอในทะเลไทย
ถ้าไม่อยากลงน้ำให้ตัวเปียกเดินเล่นที่อ่าวช่องขาดมองผ่านน้ำใสๆแค่ขาดูปะการังไปเพลินๆ
แล้วไปเดินส่องหาปลาไหลมอเร่ย์ ปลาสิงโต ต่อก็ยังได้

ในตอนนั้นพอมาถึงคืนแรกต้องนอนเต้นท์(เพราะบ้านพักเต็ม)
ตอนกลางคืนเปิดประตูเต้นท์ออกมา
อื้อหือทะเลมาเกยถึงแทบเท้า...เวร >>>ย้ายเต้นท์หนีกันแทบไม่ทัน
ตอนนั้นยังคิดๆเลยว่าถ้านอนอยู่แล้วเต้นลอยออกไปกลางทะเลจะทำไง(ว่ะ)...

ตลอดทริปกิจกรรมตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาก็ไม่พ้น “ดำน้ำ”
ดำเช้า ดำบ่าย เย็นๆมีดำต่อหน้าหาด
เรียกว่าดำ มันเช้ายันเย็นเลยทีเดียว
จนผมบ่นเอาว่า “ไปดำอีกแล้วเหรอดำกันทุกวันไม่เบื่อกันเหรอไง”
แหม่…พูดจาได้น่าตบเอาจริงๆ
สุดท้ายเดือดร้อนพ่อผมต้องมานั่งแกร่วบนเกาะเป็นเพื่อนไปตลอดบ่ายวันนั้น

ปีต่อมาผมได้ไปหมู่เกาะสุรินทร์อีกครั้งและไม่มีโอกาสได้มาเยือนหมู่เกาะมหัศจรรย์แห่งนี้อีกเลย

ในความทรงจำลางๆของผมจำได้ว่าวันหนึ่งระหว่างออกไปดำน้ำ
คนเรือได้พาไปดูธารน้ำที่ไหลจากบนเกาะ
เหมือนกับน้ำตกขนาดย่อมๆลงมาบนหาดทราย
ผมเห็นปลาสีแปลกๆในลำธารเล็กๆนั้นในตอนนั้นคิดว่าอาจจะเป็นปลาเซลฟิน
และไม่ได้นึกถึงมันอีกจนได้มาเห็นกระทู้ของพี่บอย ปลาระเบิด(เกล็ดกระจาย) เกี่ยวกับปลาบู่เกาะสุรินทร์
กับบทความในหนังสือfish maxที่มีเรื่องราวของปลาบู่ตัวนี้บนหมู่เกาะอาดังราวี
ทำให้ผมต้องกลับไปนึกถึงปลาตัวนั้นขึ้นมา
และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมวางแผนกลับมาที่นี่ในครั้งนี้...

“วู้มมมมมมมม . . . . .”
หลังจากวิ่งฝ่าคลื่นมา1ชั่วโมงกว่าเรือสปีดโบ้ทเบาเครื่องลงเมื่อตีโค้งเข้ามาหน้าอ่าวใหญ่ของหมู่เกาะสุรินทร์
เรือวิ่งช้าๆผ่านอ่าวบอนเห็นหลังคามุงจากของหมู่บ้านมอแกนเรียงรายอยู่ริมหาด

“ทึ๊ดๆๆๆๆๆๆ”
เรือหางยาววิ่งเข้ามาเทียบรับคนเมื่อเรือสปีดโบ้ทจอดนิ่งหน้าหาดทราย

หลังจากขึ้นไปจ่ายค่าธรรมเนียมอุทยาน
ก็ถึงเวลาเลือกทำเลบนหาดทรายริมอ่าวช่องขาดจัดการกางเต้นท์ให้เรียบร้อย
คราวนี้กางมันหน้าเต้นท์อุทยานเนี่ยแหละเหนือแนวน้ำแน่นอน<<<น้ำทะลงน้ำทะเลไม่ได้กินหร๊อกกก
ว่าแล้วก็คว้าสน๊อกเกิ้ลไปดำน้ำหน้าหาดด้วยความมั่นใจ
ว่ายไปว่ายมาในอ่าวเกือบชั่วโมงถึงกลับมาเห็น
เต้นท์สีฟ้าสดนอนตะแคงอยู่บนหาดทรายโดยมีรุ่นพี่ที่เจอกันบนท่าเรือช่วยจับไว้…
เออ…ไม่โดนน้ำพัดจริง แต่ลมลากซะปลิว <<< เต้นท์หลังเดิมซะด้วย…ให้ตายเถอะ

“รอ อีก45นาทีนะครับเดี๋ยวเฮลิคอปเตอร์จะมารับแล้ว”
พยาบาลทหารเรือบอกกับคนเจ็บที่นอนอยู่บนโต๊ะไม้ <<< ทหารเรือที่ยืนข้างผมพูดเบาๆว่าบอกงี้2ชั่วโมงชัวร์
คลื่นลมแรงทำให้ในเรือขามามีคนตกจากที่นั่งกระแทกกับพื้นเรือ
ทำให้ก้นกบร้าว หรือ อาจจะแตก
ถ้าใช้เรือที่ต้องวิ่งผ่านคลื่นสูงร่วมเมตร ชั่วโมงกว่ากลับฝั่งคงจะไม่ไหว
เลยตัดสินใจเรียกเฮลิคอปเตอร์จากภูเก็ตมารับคนเจ็บกลับ

หลังจากคนเจ็บนอนพักแล้วผมก็นั่งคุยกับทหารเรือที่ออกมาพัก
คุยกันไปเรื่อยจนผมถามถึงเรื่องปลาบู่น้ำจืดบนเกาะนี้
“ลองไปดูที่หาดไม้งามสิตรงทางช่วงสุดท้ายจะมีสะพานปูนข้ามคูอยู่ข้างในมีบ่อบัวด้วยนะ”
คือคำแนะนำจากทหารเรือคนนั้นพร้อมกับความสงสัยว่าบนเกาะนี้มีปลาบู่น้ำจืดด้วยเหรอ?

เดินมาครึ่งชั่วโมงกว่าผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติ<<<ที่เรียกว่าทางเลียงผาน่าจะเหมาะกว่า
ผมก็มาถึงบ่อน้ำหลังหาดไม้งามที่ถูกคลุมด้วยผักบุ้งและบัวเกือบทั้งบ่อ
ลองคุยกับคนแถวนั้นดูก็ได้คำเตือนว่า“น้ำมันขุ่นมากนะลงไปก็ไม่เห็นอะไรหรอก”
แต่เอาว่ะไหนๆมาถึงที่แล้วก็ต้องลองกันหน่อย …
ใส่หน้ากากสน๊อกเกิ้ลจุ่มหน้าลงไปในบ่อน้ำ
น้ำเป็นสีน้ำตาลขุ่นเพ่งเต็มที่ก็ยังมองเห็นได้ไม่เกิน1ฟุต
แบบนี้ถึงมีปลาบู่เกาะสุรินทร์กว่าจะเห็นตัวมันก็คงเผ่นข้ามฟากบ่อไปซะก่อนแล้ว sick1
ดีไม่ดีว่ายไปเจอไอ้เข้(ห้)เดี๋ยวจะงามหน้า
ว่าแล้วก็กลับขึ้นมาบนฝั่งก่อนดีกว่า

หลังจากขึ้นมาคุยกันพี่แกก็บอกว่ามันมีบ่อน้ำอยู่บ่อนึง
น้ำใสมากจนยืนดูปลาจากขอบบ่อได้เหมือนอ่างปลาเลย(อ่ะโห)
ซึ่งอยู่ในทางที่ผมเคยผ่านมาแล้วนี่แหละ
(แค่ไม่ได้สังเกตว่ามีบ่อน้ำอยู่ตรงนั้น)
และที่สำคัญในบ่อมีปลาที่อาจจะเป็นปลาที่ผมตามหาอยู่ด้วย!

ความหวังเริ่มกลับมา
แต่ตอนนี้ได้เวลาเดินกลับไปที่พักตามทางเลียงผายาว2กิโลนี่ก่อน hur04
ถ้าต้องเดินแบกสัมภาระเดินกลับมืดๆบนไหล่เขาเกาะสุรินทร์เหนือคงจะไม่น่าดูชมเท่าไหร่
____พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่____

“ใช่ๆตรงนั้นมีบ่อน้ำอยู่แต่ก่อนมีปลาดุกด้วยนะแต่ตอนนี้เหลือแต่ปลานิล”
จนท.อุทยานบอกกลับมาง่ายๆ
เหลือแต่ปลานิล?
แล้วแบบนี้มันจะเหลือปลาอะไรมั่งวะเนี่ย
ผมได้แต่บ่นในใจระหว่างทางที่เดินไป

พอพ้นแนวต้นไม้ที่ขึ้นบัง
ก็เห็นบ่อน้ำซับบ่อนี้
บ่อขนาดไม่เกิน5*5เมตรมีทางน้ำสั้นๆไหลมาจากตาน้ำด้านบน
น้ำใสจนเห็นพื้นบ่อเป็นตะกอนสีเทาบางส่วนปกคลุมด้วยใบไม้ที่ร่วงลงมา
แว่บแรกที่ขึ้นไปยืมริมบ่อก็มีฝูงปลาย่อมๆประมาณ8-10ตัวว่ายพุ่งออกไป..นั่นไงปลานิล [megusta]

พอกวาดตาไปดูรอบๆก็สะดุดตาเข้ากับปลารูปทรงป้อมๆตันๆที่ลอยนิ่งอยู่กลางน้ำ
เฮ้ย...นี่มันปลาบู่เกาะสุรินทร์!!!! [mo_001] sho01

หลังจากตั้งสติมองดีๆก็พบว่าในบ่อน้ำเล็กๆแห่งนี้มีปลาบู่ขนาดใหญ่อยู่ร่วม20ตัว

ยังไม่นับตัวเล็กๆที่มีอยู่อีกแบบนับไม่หวาดไม่ไหว

มีตั้งแต่ตัวเท่านิ้วก้อยยันเท่าข้อแขน! [on_047]

ตัวนี้สีเจ็บมาก xxx

นอนเล่นก้นบ่อ

สุมหัว

แก้มแดงๆ

สีขึ้นตั้งแต่ยังเด็กเชียว

ในบ่อยังมี สะโอน(จนท.บอกว่าคล้ายๆปลาดุกมีจุดดำที่คอดหางใครพอรู้ว่าคือปลาอะไรช่วยบอกหน่อยครับ)
กับ ตูหนาฝังโคลนแอบอยู่ ที่ผิวน้ำมีหัวตะกั่ว แต่ปลาดุกไม่มีแล้ว<<<เพิ่งมาหมดไปตอนหน้ามรสุมนี่แหละ

กุ้งก็มีนะครับ

พี่คนนึงบอกเปิดน้ำอยู่ดีๆเจอกุ้งพุ่งออกมาจากก๊อกหน้าตาเฉย shock1

ที่ปลาบู่มีจำนวนมากขนาดนี้ส่วนนึงเพราะเวลาเจ้าหน้าที่กินอาหารเสร็จ
จะเทเศษอาหารให้ปลาในบ่อกินบ้างเป็นบางครั้ง

พอเศษข้าวกระทบผิวน้ำปลาบู่ทุกขนาดทุกวัยก็พร้อมใจกันพุ่งเข้าใส่ [catgasp]

ความไวชนิดที่ปลานิลยังได้แต่มองตาปริบๆแล้วว่ายตามเข้ามา hmmmm

กินกันได้มันส์จริงๆ
ปกติเคยแต่ให้อาหารปลาสวายหน้าวัด
วันนี้เปลี่ยนมาลองให้อาหารปลาบู่เกาะสุรินทร์ซะมั่ง

กินเสร็จน้ำขุ่นกันเลยทีเดียว

เฮ้ยตัวอะไรแว๊บๆ

ตะพาบคอแดง!? [on_008]
ตอนแรกที่เห็นบอกเลยว่างงครับ
ไม่คิดว่าจะมาเจอตะพาบในเกาะไกลฝั่งแบบนี้

เลยไปสอบถามไปกับคุณ กิตติพงษ์ จารุธาณินทร์ ได้ความว่า
เป็นตะพาบคอแดงจริงๆครับ ปกติจะพบในลำธารบนภูเขา
แต่ถ้าเป็นเกาะใหญ่ๆแบบหมู่เกาะสุรินทร์ก็มีโอกาสพบได้ตามธรรมชาติเหมือนกัน
ตะพาบคอแดงพบได้น้อยและค่อนข้างเปราะเมื่อเทียบกับตะพาบชนิดอื่น
เลยน่าจะเป็นตะพาบธรรมชาติไม่น่าจะมีใครเอามาปล่อยเหมือนที่สงสัยในตอนแรก

จากที่หลายคน(รวมทั้งผม)กังวลเกี่ยวกับปลานิลที่ถูกเอามาปล่อยในแหล่งน้ำหลายๆแหล่งของหมู่เกาะสุรินทร์
เท่าที่ผมเห็นมีแหล่งน้ำบางจุดที่มีปลานิลอาศัยอยู่มากพอสมควร(ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการตั้งใจเลี้ยง)
แต่พอมาเห็นในบ่อนี้ก็ยังพอสบายใจขึ้นได้บ้างเพราะถึงมีปลานิลแต่บ่อแทบจะถูกยึดโดยปลาบู่เกาะสุรินทร์
จนปลานิลเกือบจะขยายพันธ์ไม่ได้เพราะโดนปลาบู่เกาะสุรินทร์นับร้อยคอยเก็บกวาดลูกปลาจนเกลี้ยง
เหลือแต่ตัวใหญ่ๆที่จะกลายมาเป็นอาหารในหน้ามรสุม
และบนเขาสูงของหมู่เกาะสุรินทร์ยังมีแหล่งน้ำที่ยังไม่ถูกรบกวน
ของเจ้าปลาบู่เกาะสุรินทร์เหลืออยู่อีก idea1

มาถึงตอนนี้หลายคนจะเริ่มสงสัย
เฮ้ย ตอนหน้ามรสุมขนาดปลาดุกยังเกลี้ยง ปลานิลถูกแปรรูปมาเป็นปลาเผา
แล้วปลาบู่สีส้มๆตัวนี้ล่ะ?ไม่โดนจับมานึ่งซีอิ๊วเหรอ
คำตอบคือโดนแล้วครับ5555
แต่พอดีมันไม่อร่อยและเหม็นคาวไปนิด(เทียบกับปลาทะเลที่กินกันประจำ)
เลยกลับไปนั่งทอดปลานิลกินเหมือนเดิมดีกว่า <<< เกิดเป็นปลานิลหมู่เกาะสุรินทร์นี่ซวยแท้ angry(...)

ที่จริงคนในเกาะเกือบทุกคนเคยเห็นเจ้าปลาบู่ตัวนี้อยู่แล้ว
แต่ไม่รู้ว่ามันคือปลาอะไร บางคนก็คิดว่ามันคือปลาบู่ทรายสีแปลกๆ
เลยไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากแค่โยนเศษอาหารเลี้ยงรวมกับปลานิลไป
ยังโชคดีที่ถึงแม้จะถูกรบกวนจากปลาต่างถิ่นที่ถูกนำมาปล่อย
ก็ยังมีปลาบู่เกาะสุรินทร์ที่สามารถอยู่บนเกาะแห่งนี้ได้
อย่างน้อยการมาในครั้งนี้ก็คงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า
ในตอนนี้ “หมู่เกาะสุรินทร์” ยังมี “ปลาบู่เกาะสุรินทร์”อยู่
ส่วนอนาคตของปลาบู่ชนิดนี้จะเป็นอย่างไรก็ต้องดูกันต่อไปครับ [on_019]

ขอขอบคุณ
เจ้าหน้าที่อุทยานทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีตลอด7วันบนเกาะ
คุณ กิตติพงษ์ ที่ช่วยให้ความกระจ่างเรื่องตะพาบคอแดง
และสุดท้าย พี่บอย ปลาระเบิดที่เขียนกระทู้ปลาบู่เกาะสุรินทร์ขึ้นมา
ทำให้ผมตั้งใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง

ขอบคุณครับ

ปล1. หลังจากมานึกดูดีๆและได้เห็นปลาบู่เกาะในคราวนี้
ปลาที่ผมเห็นในครั้งนั้นคงจะไม่ใช่ปลาบู่เกาะสุรินทร์ เพราะรูปร่างต่างกันพอสมควร
แต่จะเป็นปลาอะไรก็ไม่ทราบเพราะผมจำหน้าตาชัดๆของมันไม่ได้แล้ว n032

ปล2.ผมเคยไปเกาะอาดัง-ราวีที่เคยมีคนถ่ายรูปเจ้าปลาบู่ตัวนี้ มาลงในfishmax
เมื่อ3ปีก่อนตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามีเจ้านี่อยู่ด้วยมาอ่านเจอในfishmaxเอาอีตอนกลับมาแล้ว1อาทิตย์ [mo_001]<<<เซ็งจับจิต
จนเดือนเมษาที่ผ่านมากะจะแก้มือปรากฏ canon a95ของผม
ล๊อคhousingหลุดแช่น้ำทะเลกลางร่องน้ำจาบังไปซะเต็มอิ่ม[on_031]<<<เซ็งหนักกว่ารอบที่แล้ว

ปล3. ยาวไปนิดน้ำเยอะไปหน่อยต้องขออภัยด้วยนะครับ hah1