ถ้าเอ่ยถึงหนังสือ Breedersn Keepers ที่เขียนโดย Christ Lukhaup จัดว่าเป็นหนังสือเล่มแรกที่มีการแชร์ความรู้ และประสบการณ์ของ Breeders กุ้งแคระ ที่มีชื่อเสียงในยุโรป เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้ผู้เลี้ยงกุ้งแคระทั่วโลก แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะถือว่าดีมาก แต่ผมก็ยังเชื่อว่าผู้เลี้ยงกุ้งแคระในประเทศไทยมากกว่า 90% ไม่สามารถเข้าถึงการแชร์ความรู้ของ Breeders กุ้งแคระในหนังสือเล่มนี้ เพราะเนื่องจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความจำกัดของจำนวนร้านที่ขายหนังสือ ราคาหนังสือที่จัดว่าค่อนข้างราคาสูง อีกทั้งอุปสรรคด้านภาษา เพราะหนังสือเล่มนี้จะเขียนเป็นภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษเท่านั้น
ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้ Tantora ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าจากธรรมชาติเพื่อสัตว์น้ำสวยงาม จึงมีความคิด ที่จะนำความรู้และประสบการณ์ของ Breeders กุ้งแคระในแต่ละประเทศมาแชร์ให้ผู้เลี้ยงกุ้งแคระในประเทศไทยได้อ่านกันแบบฟรีๆ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ในการเลี้ยงกุ้งแคระในแต่ละประเทศที่มีความแตกต่างกัน
หมายเหตุ บทความสัมภาษณ์ Breeders ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาไทย มาจากการสัมภาษณ์ Breeders ในแต่ละประเทศที่ Tantora รู้จัก ไม่ใช่การแปลมาจากหนังสือ Breedersn Keepers![](https://upic.me/i/az/breeders-keepers-vol1.jpg)
ตัวอย่างหนังสือ Breeders'n'Keepers โดย Christ Lukhaup
สำหรับ Breeder รายแรกที่ Tantora จะสัมภาษณ์ คือ MIKE LIGHTFOOT จากสหราชอาณาจักร (UK)
สำหรับท่านใดที่มีโอกาสอ่านหนังสือ BreedersnKeepers VOL.2 และได้อ่านบทสัมภาษณ์ DANE FRAMTON จาก UK MIKE LIGHTFOOT คือบุคคลหนึ่งที่ DANE กล่าวถึงว่ามีส่วนในการบุกเบิกการเลี้ยงกุ้งแคระใน UK ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้เลี้ยงกุ้งแคระที่น่าสนใจอีกคนในฐานะตัวแทน Breeders ใน UK ดังนั้นวันนี้เรามาคุยกับเขากันครับ
Tantora : คุณมีประสบการณ์ในการเลี้ยงกุ้งแคระมานานเท่าไหร่แล้วครับ
Mike : ผมเลี้ยงกุ้งมา 7 ปีแล้วครับ มีประสบการณ์ในการเพราะพันธุ์กุ้งมา 5 ปีครับ เราเป็นคนแรกๆที่เลี้ยงกุ้งแคระใน UK โดยกุ้งชนิดแรกที่เลี้ยงคือ Cherry Shrimp หลังจากนั้นไม่นานผมก็หันมาเลี้ยง Crystal Red และ Crystal Black , Yellow Shrimp , Snowball Shrimp โดยเราทำการเพาะและจำหน่ายกุ้งแคระกับผู้เลี้ยงใน UK เป็นเวลา 5 ปีแล้วครับ
Tantora : แล้วกุ้งที่คุณมีอยู่ในตอนนี้คือกุ้งอะไรบ้างครับ
Mike : สำหรับตอนนี้ผมผสมพันธุ์ Pure Red Line, Pure Black Line, Sri Lankan Dwarf , Black Tiger, Carbon Rili , Shadows, Blue Panda ,Wine Reds banded ครับ
![](https://upic.me/i/n6/mikeshrimp1.jpg)
![](https://upic.me/i/mq/mikeshrimp2.jpg)
Tantora : คุณช่วยบอกเกี่ยวกับสถานการณ์กุ้งแคระในสหราชอาณาจักรในปัจจุบันหน่อยได้ไหมครับ มีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆในยุโรปอย่างไรครับ
Mike : การเลี้ยงกุ้งแคระใน UK นี้ค่อนข้างจะเริ่มต้นช้ากว่าประเทศอื่นๆในยุโรปครับ แต่อัตราการเติบโตของกลุ่มผู้เลี้ยงใน UK นี้ค่อนข้างโตเร็วมากครับ โดยผู้เลี้ยงสมัครเล่นก็เริ่มจากกุ้งแคระสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายๆก่อน เช่น Neocaridina และเมื่อมีความรู้มากขึ้นจึงเปลี่ยนไปเลี้ยง Caridina โดยปัจจัยสำคัญก็ขึ้นอยู่จำนวนร้านจำหน่ายกุ้งแคระด้วยครับ ผมหวังว่าในอนาคตจะมีร้านจำหน่ายกุ้งแคระที่ UK เพิ่มขึ้น บวกกับมีกุ้งสายพันธุ์ใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น สถานการณ์การเลี้ยงกุ้งแคระใน UK ก็จะก้าวหน้าไปได้มากครับ
หมายเหตุ : สำหรับผู้อ่านท่านใดที่ไม่รู้ว่า กุ้งแคระสายพันธุ์ Neocaridina และ Caridina ประกอบด้วยกุ้งอะไรบ้างสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Wikipedia ครับ
Tantora : คุณสามารถบอกเราได้ไหมว่าคุณใช้ substrate ชนิดใดอยู่
Mike : ตอนนี้ ผมใช้ ดินสำหรับเลี้ยงกุ้งแคระและเรดบี และ Akadama สำหรับ Caridina Shrimp ครับ และเราค่อนข้างใช้ substrate ที่หลากหลายครับเพื่อใช้เลี้ยง Neocaridina
Tantora : ผมเห็นว่า Breeders ในยุโรป ใช้ Akadama เป็น Substrate กันเยอะมากในการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งคุณก็ใช้อยู่ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับวัสดุนี้ครับ
Mike : Akadama จัดว่าเป็น Substrate ที่ค่อนข้างราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับดินที่ใช้เลี้ยงกุ้งอื่นๆครับ ซึ่งมันก็ดึงดูดความสนใจของผู้เลี้ยงหน้าใหม่ที่ไม่ต้องการจ่างแพงเมื่อต้องการเลี้ยงกุ้งครับ สำหรับผู้เลี้ยงที่ชำนาญและต้องการเซ็ทตู้จำนวนมากก็เป็นสิ่งที่น่าใช้ไม่น้อยครับ และประการสำคัญที่ผู้เลี้ยงยุโรปเรานิยมใช้กันคือมันเป็น Substrate ที่สามารถกดค่า PH ได้ดีมากครับ บวกกับอายุการใช้งานค่อนข้างนานครับ เพราะมีอายุการใช้งานถึง 12-18 เดือนครับ แต่มันก็ยังมีข้อเสียอยู่มากครับ เพราะว่ามีสารอาหารในดินต่ำ (Humic & Fulvic acid) ดังนั้นเราจึงต้องคออยเติมสารอาหารให้กับดินอยู่เรื่อยๆ ครับ และทีใช้อยู่ก็คือการเติม Black water ไปในตู้กุ้งทุกสัปดาห์ครับ ข้อด้อยอีกประการหนึ่งก็คือสีของ Akadama จะไม่มีสีดำเหมือนดินสำหรับกุ้งทั่วๆไป ดังนั้นเมื่อนำมาใช้เลี้ยงกุ้งแล้วมันจะไม่สามารถขับสีของกุ้งให้เด่นได้เหมือนดินสำหรับกุ้งที่ใช้กันอยู่ครับ
![](https://upic.me/i/8b/shrimpwithakadama.jpg)
ตัวอย่างกุ้งที่เลี้ยงโดยใช้ดิน Akadama (gtaaquaria.com)
Tantora : คุณมีวิธีจัดการค่าต่างๆของน้ำในตู้กุ้งอย่างไรครับ ( GH, KH,TDS)
Mike : เพื่อให้ง่ายต่อการปรับค่าต่างๆใของนำให้ง่ายสำหรับกุ้งแต่ละชนิด ผมใช้น้ำ RO กับตู้กุ้งทุกตู้ครับ แล้วก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับค่า Gh, Kh และ TDS ให้ได้ระดับตามที่กุ้งแต่ละชนิดต้องการครับ
Tantora : คุณสามารถบอกเราได้ไหมว่าคุณใส่อะไรลงไปในตู้กุ้งบ้าง (Water additive)
Mike : ในทุกสัปดาห์ที่ผมเปลี่ยนน้ำในตู้กุ้งผมจะเติมแบคทีเรียลงไปด้วยครับ เพื่อชดเชยกับแบคทีเรียที่เสียไปกับการเปลี่ยนน้ำ และบางส่วนที่ตายไประหว่างสัปดาห์ครับ ผมได้เติม Montmorillonite Powder ซึ่งสามารถเพิ่มแร่ธาตุที่สำคัญและช่วยในการเร่งสีสันให้กับกุ้งครับ นอกจากนี้ผมยังเติม Catappa Essence (สารสกัดใบหูกวาง) ซึ่งก็คล้ายกกับการใส่ใบหูกวางในตู้กุ้งครับ เพราะมันช่วยให้เสริมสร้างสุขภาพของกุ้งครับ
Tantora : คุณให้อาหารชนิดใดกับกุ้งของคุณครับ
Mike : โดยปกติแล้วผมให้ผักใบเขียวครับ เช่น Nettle , Spinach, ใบหม่อนอบแห้ง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ นานๆครั้งผมก็จะให้อาหารเม็ดเพื่อเพิ่มโปรตีน อาจจะเป็น 2-3 สัปดาห์ครั้งครับ ที่สำคัญคือในตู้กุ้งของผมก็จะเน้นการใส่ใบไม้ที่ผ่านการตากแห้งที่นิยมใช้กันอยู่ในผู้เลี้ยงยุโรปครับ เช่น ใบหูกวาง เพื่อให้กุ้งได้แทะกิน เพราะ มันสามารถเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ และสร้างภูมิต้านทานให้กุ้งได้เป็นอย่างดีแล้วยังเป็นตัวปรับสภาพน้ำที่ดีให้กับตู้กุ้งครับ โดยปกติแล้วผมก็จะเปลี่ยนใบหูกวางทุกสองหรือสามสัปดาห์ครับ
Tantora : คุณจะแชร์เทคนิคการอนุบาลลูกกุ้งกับเราได้ไหม
Mike : ผมจะหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนน้ำครั้งละมากๆ เมื่อเรามีลูกกุ้งในตู้ แต่โดยปกติแล้วจะไม่ให้เกิน 10% ต่อสัปดาห์ โดยการเปลี่ยนน้ำแต่ละครั้งก็จะเปลี่ยนแบบช้าๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงของค่าต่างๆของน้ำอย่างฉับพลัน
สำหรับการให้อาหารผมจะให้อาหารสำหรับลูกกุ้ง 2 วันต่อครั้ง สำหรับลูกกุ้งเกิดใหม่ โดยอาหารที่ให้จะเป็นอาหารผงเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารสามารถกระจายไปได้ทั่วตู้ สำหรับลูกกุ้งที่อายุมากกว่า 1 สัปดาห์ก็จะหาอาหารกินได้แล้ว ผมจะให้อาหารที่เป็นใบไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ใบหูกวาง ใบหม่อน และ Spinach
นอกจากนี้แล้วผมสังเกตว่าการใช้ ระบบกรองที่มีคุณภาพสูง การให้ออกซิเจนในปริมาณสูง จะทำให้ลูกกุ้งมีอัตราการรอดที่สูงขึ้นครับ
สำหรับการให้อาหารผมจะให้อาหารสำหรับลูกกุ้ง 2 วันต่อครั้ง สำหรับลูกกุ้งเกิดใหม่ โดยอาหารที่ให้จะเป็นอาหารผงเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารสามารถกระจายไปได้ทั่วตู้ สำหรับลูกกุ้งที่อายุมากกว่า 1 สัปดาห์ก็จะหาอาหารกินได้แล้ว ผมจะให้อาหารที่เป็นใบไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ใบหูกวาง ใบหม่อน และ Spinach
นอกจากนี้แล้วผมสังเกตว่าการใช้ ระบบกรองที่มีคุณภาพสูง การให้ออกซิเจนในปริมาณสูง จะทำให้ลูกกุ้งมีอัตราการรอดที่สูงขึ้นครับ
สำหรับ Breeder คนต่อไปที่ Tantora จะไปสัมภาษณ์มาให้ผู้เลี้ยงกุ้งแคระในประเทศไทยได้อ่านกัน
ว่าจะมาจากทวีปใดและประเทศใด คอยลุ้นกันนะครับ
สำหรับผู้อ่านท่านใดมีข้อคำถามเกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้งแคระ สามารถฝากคำถามไว้ได้เลยครับ ถ้าทางเราเห็นว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจ จะคัดเลือกเพื่อนำไปสัมภาษณ์ผู้เพาะพันธุ์กุ้งต่อไปครับ
![](https://upic.me/i/gn/kw3b1.jpg)
www.tantorathailand.com