Aqua.c1ub.net
*
  Wed 15/Oct/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: จากไปอย่างสงบ  (อ่าน 2545 ครั้ง)
sam007 ออฟไลน์
Club Member
« เมื่อ: 01/06/08, [11:42:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เนื่องด้วยเจ้ากุ้งบูลที่หัวเปิดอยู่นั้น ที่ได้ถามจากหลายๆท่านบอกว่าจะลอกคราบ แต่จากการผ่าพิสูจน์ ศพ พบว่า ที่แก้มของกุ้ง1ข้างมีสิ่งแปลกปลอมเป็นก้อนเยลลี่สีส้มใสๆเกาะอยู่เต็มแก้ม ทำให้หัวกุ้งนั้นเปิดอกมาแล้วก้อนเยลลี่นั้นได้ไปปิดกั้นเหงือก(เรียกว่าเหงือกหรือป่าวน้อ)ของกุ้งที่ทำหน้าที่พัดออกซิเจนหรือหายใจใต้น้ำ ทำให้กุ้งได้รับออกซิเจนเพียงข้างเดียวและหายใจได้ข้างเดียว และก้อนเยลลี่นั้นก็ได้ถ่วงให้กุ้งเสียศูนย์ ทำให้มันเอียงตัวและนอนหงายอยู่บ่อยครั้ง การผ่าพิสูจ พบว่าในกระเพาะกุ้งนั้น ไม่มีอะไรเลย คือมันไม่ได้กินอะไรมานาน ด้วยหลายสาเหตุนี้ทำให้เขาจากไปอย่างสงบ ด้วยไซด์ล่าสุดที่วัด  8นิ้วพอดี
ด้วยทั้งนี้ เขาได้ทิ้งลูกๆบูล จูเนี่ย เอาไว้ให้ดูต่างหน้า 30ตัว รอวันที่จะโตมาใหญ่โต และสง่างามเช่นพ่อของมัน  suicide
killerblue ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #1 เมื่อ: 01/06/08, [12:01:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

8นิ้ว ท่าจะเลี้ยงมานานนะครับ

เสียใจด้วยนะครับ  n032
parasite ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #2 เมื่อ: 01/06/08, [12:02:08] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อ่านแล้วเศร้า  

แต่ว่าไอ้ก้อนเยลลี่สีส้มนี่มันคืออะไรเหรอครับ มันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเปล่า

เป็นกำลังใจให้นะครับ แต่ว่า ลูกมันทั้ง 30 ตัว ดูแลไหวหรือเปล่า  ถ้าว่าไม่ไหว PM มาเลยครับ  [แลบลิ้นแอ๊บแบ๊ว]
sam007 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #3 เมื่อ: 01/06/08, [12:08:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เป็นกุ้งตัวแรกที่ผมซื้อมาเลี้ยงเลยคับ ตอนนี้ก็เก็บเปลือกที่เอาเนื้อออกแล้วเอาไว้คับ แต่เอาเนื้อตรงก้ามออกไม่ได้อ่า-*-มีวิธีเก็บรักษาเปลือกกุ้งไหมคับ suicide

เยลลี่นั้นเป็นก้อนๆแบนๆชิ้นใหญ่ด้วยนะ แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่สิ่งมีชีวิต เหงือกกุ้งไม่ทำงานเลยตรงที่มีเยลลี่นั้นเกาะ จนเหลืองเลย ระวังนะคับกุ้งใครที่ชอบนอนตะแคงนอนหงาย บางทีอาจจะมี ก้อนนี้อยู่ในหัวก็ได้ ทำให้มันเสียศุนย์จนเอียงตัวนอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01/06/08, [12:12:19] โดย sam007 »
SINCERE ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #4 เมื่อ: 01/06/08, [12:20:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เสียใจด้วยนะคับ ยังไงก็ขอให้ลูกกุ้งโตมาแข็งแรงนะคับ
parasite ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #5 เมื่อ: 01/06/08, [12:21:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

+1 ให้ครับเป้นกำลังใจให้ แต่ยังไงช่วยถ่ายรูปแล้วเอาไม้บรรทัด วางเทียบให้หน่อนครับ

ผมกำลังเก็บรวบรวม ข้อมูลกุ้ง บลู อยู่ อยากเห็นแบบไซส์ เต็มที่ของมันเลย
sam007 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #6 เมื่อ: 01/06/08, [12:28:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

8นิ้วยังไม่เต็มที่คับ เคยเห็นใหญ่กว่านี้คับ กระทู้ที่แล้ว ผมกล่าวไว้ว่ากล้องพี่ชายเอาไป คับ ผมโพสนั้นคือรูปเก่าคับ แต่เก็บเปลือกเอาไว้อยุ่คับยังไม่มีกล้อง ถ่าย-*-ไว้ถ้าได้กล้องเมื่อไหร่จะถ่ายให้นะ ถ้าไม่ลืม  xxx2
NangmarnRai ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #7 เมื่อ: 01/06/08, [13:05:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อ่านแล้วก็อดสงสาร ม่ายได้
แต่ยังไงก็สู้ ๆ ต่อปายครับ
ว่าแต่ 8 นิ้วนี้เลี้ยงมานานเท่าไหร่แหละครับ
ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ออฟไลน์
Shrimp Admin
« ตอบ #8 เมื่อ: 01/06/08, [13:19:51] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

  โรคที่เกิดขึ้นและมีผลกับเหงือกของกุ้งทั้งกุ้งน้ำจืด และ กุ้งทะเล มีหลายโรคครับ เช่น

โรคทอร่าซินโดรม (Taura Syndrome; TS)
เชื้อก่อโรค
     Taura Syndrome Virus (TSV) อยู่ในกลุ่ม Picornaviridae เป็น RNA ไวรัส สามารถก่อโรคในกุ้ง Penaeid หลายชนิดของอเมริกา และก่อโรคมากที่สุด
ในกุ้ง Penaeus vannamei นอกจากนั้นพบใน P. stylirostris, P. Setiferus จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการสามารถทำให้เกิดโรคในลูกกุ้งระยะ PL     และกุ้ง
วัยรุ่นของ P. schmittii, P.aztecus, P. duorarum, P. chinensis, P. monodon และ P. japonicus
การแพร่กระจาย
     พบครั้งแรกในแม่น้ำ Taura ประเทศ Ecuador ปี 1992 ต่อมาได้ระบาดไปยังแหล่งที่อยู่อาศัยของกุ้งในลาตินอเมริกา    รวมถึงฮาวายและบริเวณชายฝั่งมหาสมุทร
แปซิฟิก    ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในประเทศ    Columbia, Costa Rica , El Salvador , Guatemala , Ho  nduras, Mexico, Nicaragua, Panama และPeruTSV ยังสร้างปัญหาให้แก่ฟาร์มเลี้ยงกุ้งในฝั่งทะเล Atlantic หลายประเทศได้แก่ Brazil, Belize, Columbia, Mexico และ Venezuela
รวมถึงเขตตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาในรัฐ Florida, Carolina และ Texas ซึ่งมีผลทำให้ธุรกิจการเลี้ยงกุ้งใน Florida และ Belize    เสียหายอย่างราบคาบทั้ง
ประเทศ สำหรับในเขตเอเชียพบในใต้หวัน และบางจังหวัดของจีนซึ่งรายงานว่าติดมาแพร่กระจายโดยการนำเข้ากุ้ง P. vannamei จากอเมริกากลาง
ลักษณะอาการของโรค
     TS จะเกิดกับกุ้งในระยะโพสลาร์วา (PL) ของ P.vannamei ในช่วง 14-40 วัน หลังจากลูกกุ้งลงอยู่ในบ่อเลี้ยง แต่บางกรณีก็จะเกิดในกุ้งระยะโตกว่านี้ได้
ลักษณะอาการที่สังเกตได้ชัดเจนแบ่งได้ 3 ระยะ ได้แก่
          1. ระยะติดเชื้อรุนแรง เป็นระยะที่มีการติดเชื้อในเนื้อเยื่อชั้นนอกอย่างรุนแรง ทำให้กุ้งตายในปริมาณสูง 40-90%
          2. ระยะการับเชื้อผ่าน เป็นระยะที่ไวรัสผ่านเข้าสู่ Lymphoid organของกุ้งที่รอดตายจากระยะแรก เป็นเวลา 2-3 วัน ถ้าเชื้อสะสมมากกุ้งจะทยอยตายไปเรื่อย ๆ
          3. ระยะติดเชื้อแบบเรื้อรัง คือ กุ้งที่รอดตายจากการติดเชื้อระยะ 1 และ ผ่านระยะ 2 จนถึงระยะ 3 จะเป็นตัวเชื้อ carrier    ไปสู่ตัวอื่น ๆ ทำให้เกิดการแพร่กระจาย
โรคได้อย่างรวดเร็ว
การสังเกตลักษณะอาการภายนอก
PL-กุ้งวัยรุ่น
     จะสังเกตเห็นชัดเจนโดยลำตัวมีสีชมภูแดง   โดยเฉพาะบริเวณแพนหาง   และระยางค์ขาทั้งหมดซึ่งมักถูกเรียกว่าโรคหางแดง ( red tail disease )เมื่อนำไปดูด้วย
กล้องจุลทัศน์จะเห็นปลายระยางค์เริ่มมีอาการกร่อนและเน่า (ภาพ a.-b.) อาการประกอบอื่น ๆ คือ เปลือกนิ่ม ลำไส้  ไม่มีอาหารและจะตายเมื่อกุ้งลอกคราบ กุ้งป่วยที่ยังว่าย
น้ำได้จะเริ่มเข้าขอบบ่อ ระยะนี้จะสังเกตเห็นนกบินโฉบ ตามบ่อที่เกิดโรค หรือบริเวณที่โรคระบาด (โดยเฉพาะกุ้งป่วยมีขนาด น้ำหนักมากกว่า 1 กรัม)
ระยะที่ 2
     ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน   กุ้งที่รอดตายจากระยะที่ 1 บริเวณเปลือกกุ้งจะมีจุดแผลน้ำตาลดำปรกกฎให้เห็นประปราย ( ภาพ c.-d. )    กุ้งที่มีแผลอาจจะมีเปลือกนิ่มหรือ
เปลือกแข็งปกติดีและอาจไม่แสดงลักษณะลำตัวสีแดงหรือหางแดง บางตัวยังกินอาหารได้ตามปกติด ซึ่งจะรอดไปถึงระยะที่ 3
ระยะที่ 3
     เป็นกุ้งที่รอดตายจากระยะที่ 1 และ 2 บางตัวอาจจะมีแผลจุดดำตามเปลือก (ภาพ e.) จนกว่าจะลอกคราบและหายไปแต่ยังมีเชื้อ TSV อยู่ในตัวและกลายเป็นตัวนำโรค
ให้แพร่กระจายได้
การวินิจฉัยยืนยัน
     ตรวจด้วย RT-PC R (เป็นวิธีที่ให้บริการแล้วและใช้เวลาสั้น แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก)
การป้องกันและควบคุมโรค TS
          1. ใช้ลูกกุ้งที่ผลิตมาจากพ่อแม่พันธุ์ที่ผ่านการับรองว่าปลอดเชื้อและคัดเลือกพันธุ์แบบปลอดTSV เท่านั้น โดยการนำเข้าจะต้องมีเอกสารรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือ
ได้
          2. ตรวจสอบการมีเชื้อในลูกกุ้งโดยสุ่มตัวอย่างไปตรวจ RT-PCR ก่อนลงเลี้ยง
          3. ถ้าเกิดโรคในบ่อระยะกุ้งขึ้นเกยขอบรีบคัดขึ้นมาทำลายด้วยความร้อนในหมดทุกวัน   กุ้งที่เหลือเมื่อจับขายหมดบ่อ   ต้องเข้มงวดในการบำบัดน้ำและดินพร้อมทั้ง
เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดในบ่อก่อนลงกุ้งรุ่นต่อไป โดยการใช้คลอรีน/แล้วตากแดดให้แห้งอย่างน้อย 3-4 วัน
          4. หากมีการใช้บริการ กลุ่มรับจับกุ้งจากผู้มีฝีมือการจับ   ให้บำบัดเครื่องมือเครื่องใช้ รวมถึงอุปกรณ์และบุคลากรให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อโรคติดค้างอยู่ก่อนที่จะนำลงไป
ในบ่อ
          5. ในกรณีที่ไม่มีบ่อพักน้ำ การนำน้ำจากคูคลองธรรมชาติเข้าบ่อโดยตรงให้สังเกตและสอบถามบ่อข้างเคียงหรือบ่อที่อยู่ต้นน้ำว่ามีการเกิดโรคหรือไม่ เมื่อปลอดภัยดี
แล้วจึงนำน้ำเข้าบ่อได้ และควรกรองน้ำที่จะเข้าบ่อด้วย
          6. ลงลูกกุ้งด้วยความหนาแน่นที่เหมาะสมกับศักยภาพของบ่อและเครื่องมืออุปกรณ์ มีการดูแลจัดการที่ดีตลอดระยะการเลี้ยง
          7. เมื่อสงสัยว่ากุ้งในบ่อเป็นโรคให้รีบแจ้งศูนย์ฯ, สถานีฯ, ประมงจังหวัด หรือหน่วยประมงเคลื่อนที่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้ทราบโดยเร็ว    เพื่อการช่วยเหลือ
ด้านวิชาการ และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส TS
วิธีการสังเกตอาการผิดปกติของกุ้งป่วยที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อโรค
     ในระหว่างการตรวจสอบปริมาณอาหารในยอควรตรวจดูลักษณะหรืออาการผิดปกติของกุ้งในยอควบคู่กันไปด้วย ซึ่งอาจสังเกตได้จาก
          1. ผิดตัว  กุ้งที่เริ่มป่วยหรือกำลังป่วยผิวตัวหรือเปลือกอาจมีสีเข้มหรือซีดกว่าปกติ   ผิวด้าน   ไม่มันเงามีรอยสึกกร่อนหรือมีสิ่งแปลกปลอมเป็นคราบสกปรกเกาะตาม
เปลือกเป็นหย่อม ๆ หรือตลอดลำตัว มีจุดหรือดวงขาวประปรายตามเปลือกคลุมลำตัวและส่วนหัว
          2. แพนหาง กุ้งที่อ่อนแอแพนหางจะหุบลงไม่คลี่แผ่ออกเหมือนกุ้งปกติทั่วไป   เมื่อบีบบริเวณโคนหางเบา ๆ แพนหางจะกางออกเล็กน้อยเท่านั้น หางอาจมีการบวมน้ำ สึกกร่อนและดำคล้ำหรือแดงผิดปกติ
          3. ลำไส้ กุ้งเริ่มป่วยจะกินอาหารน้อยลง และเมื่อป่วยมากจะไม่กินอาหาร สังเกตได้ว่าในลำไส้ของกุ้งป่วยมีอาหารไม่เต็มหรือไม่มีอาหารเลย หรือมีแต่น้ำใส ๆ หรือขี้
ขาวผิดปกติ
          4. เหงือก ความผิดปกติของเหงือกอาจสังเกตได้จากสีของเหวือกที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสีต่างๆ เช่นสีเหลือง ส้ม น้ำตาล แดงหรือดำ หรือมีลักษณะกร่อนเน่าเปื่อยหรือ
บวมน้ำ เป็นต้น
           5. ระยางค์ ตามระยางค์ต่าง ๆ เช่น ขาว่ายน้ำ ขาเดิน กรี และแพนหางให้สังเกตว่ามีรอยฉีกขาด รอยสึกกร่อน หรือมีคราบสกปรกจับตามระยางค์หรือไม่
           6. ตับและตับอ่อน อาจสังเกตได้จากการมองทะลุเปลือกหุ้มส่วนหัว หรือเปิดเปลือกห้มส่วนหัวออกแล้วดูว่าสีและขนาดของตับและตับอ่อนผิดปกติไปหรือไม่ ตับและ
ตับอ่อนของกุ้งป่วยอาจมีลักษณะลีบเล็กสีคล้ำลง หรือบวมและมีสีซีดกว่าปกติ หรือมีสีเหลืองเห็นได้ชัดเจน
          7. กุ้งที่ติดเชื้อแบคทีเรียจะทยอยตายไปเรื่อย ๆ   ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ได้จัดการสภาพแวดล้อมในบ่อให้ดีขึ้น กุ้งจะเพิ่มอัตราการตายมากขึ้น เมื่อจัดการคุณภาพน้ำดีขึ้น
แล้ว กุ้งอาจจะหายป่วยได้ หากยังมีอาการไม่ดีและจำเป็นใช้ยาปฏิชีวนะให้ใช้ยาที่อนุญาต และศึกษาวิธีการใช้อย่างเคร่งครัด
          8. กุ้งที่ติดเชื้อไวรัส เมื่อปรากฎอาการให้เห็นชัดเจนแล้ว จะมีอัตราการตายสูงอย่างรวดเร็ว ภายใน 3-5 วัน สำหรับกุ้งมีภูมิต้านทานดีอาจจะชะลออัตราการตายออก
ไปถึง 2 สัปดาห์ การจัดการคุณภาพน้ำและดินจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หากไม่มีโรคแทรกซ้อน หากเลยระยะนี้ 2 สัปดาห์ไปแล้ว แสดงว่า การ
จัดการได้ผลและกุ้งมีภูมิต้านทานเชื้อโรคได้      แต่อาจจะยังมีเชื้อไวรัสแฝงอยู่ในตัวกุ้งให้ควบคุมการแพร่กระจายโรคในระหว่างการถ่ายเทน้ำและการจับกุ้งตามที่กล่าวมา
แล้วข้างต้น
เซียงเหมี่ยง ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #9 เมื่อ: 01/06/08, [13:28:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 suicideเศร้าด้วยครับ suicide
แต่ว่ายังงัยก็มีลูกแล้งเพียบเลย ไม่เป็นไร
eakirakung ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #10 เมื่อ: 01/06/08, [14:48:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เศร้าจังเสียใจด้วยนะครับ surrender surrender
นก ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #11 เมื่อ: 01/06/08, [21:32:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เสียใจด้วยนะคะ
เลี้ยงมานานก็ผูกพันธ์กับเขานะ

ของเราสิ หายไปยังหาไม่เจอเลย suicide
sam007 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #12 เมื่อ: 01/06/08, [23:06:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณ กับทุกความคิดเห็นคับ ว่าแต่โรค แบบนี้ มันติดต่อไหม เนี้ย ในตู้มีตัวเมียอีก1ตัวอะคับ และก็มีปลาอีกด้วยคับ
ตอนนี้เอากาวมาติดเปลือกกุ้งที่ผ่านการเอาเนื้อออกแล้ว ต่อให้เหมือนตอนเขายังมีชีวิตมากที่สุดแล้วอาจจะตั้งโชวไว้เพื่อเป็นที่ละลึก แต่สีจืดๆนิดหน่อยเพราะเอาเนื้อออก suicide
ป.ล. เลี้ยงมา กว่า3ปีคับ ลอกคราบทีก็ดีใจโหตัวบะเร่อเลยสีสวยเชียว [ปิ๊งๆๆ] แต่มันไม่ลอกอีกแล้วคับ  n032
ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ออฟไลน์
Shrimp Admin
« ตอบ #13 เมื่อ: 01/06/08, [23:59:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณ กับทุกความคิดเห็นคับ ว่าแต่โรค แบบนี้ มันติดต่อไหม เนี้ย ในตู้มีตัวเมียอีก1ตัวอะคับ และก็มีปลาอีกด้วยคับ
ตอนนี้เอากาวมาติดเปลือกกุ้งที่ผ่านการเอาเนื้อออกแล้ว ต่อให้เหมือนตอนเขายังมีชีวิตมากที่สุดแล้วอาจจะตั้งโชวไว้เพื่อเป็นที่ละลึก แต่สีจืดๆนิดหน่อยเพราะเอาเนื้อออก suicide
ป.ล. เลี้ยงมา กว่า3ปีคับ ลอกคราบทีก็ดีใจโหตัวบะเร่อเลยสีสวยเชียว [ปิ๊งๆๆ] แต่มันไม่ลอกอีกแล้วคับ  n032

 ถ้าจะติดต่อก็น่าจะเป็นที่สิ่งแวดล้อม ที่ทำให้กุ้งในที่เลี้ยงเดียวกันติดโรคได้เหมือนๆกันมากกว่าครับ แต่ไม่น่าจะเป็นถึงขนาดโรคระบาด

ที่ย้ายกุ้งไปที่ใหน กุ้งที่อยู่แถวนั้นจะติดโรคไปด้วยเสมอๆนะครับ  jealous
limdesigner
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: 02/06/08, [00:05:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ความรู้มากมายเลยครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้
muaykapun ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #15 เมื่อ: 02/06/08, [10:06:51] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ถ้าจะติดต่อก็น่าจะเป็นที่สิ่งแวดล้อม ที่ทำให้กุ้งในที่เลี้ยงเดียวกันติดโรคได้เหมือนๆกันมากกว่าครับ แต่ไม่น่าจะเป็นถึงขนาดโรคระบาด

ที่ย้ายกุ้งไปที่ใหน กุ้งที่อยู่แถวนั้นจะติดโรคไปด้วยเสมอๆนะครับ  jealous
งั้นก็ต้องขังน้องกุ้งไว้น่ะจิ  suicide
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: