ไอ้ที่พอจะดีก็วัตต์น้อยไปมั่ง ระบายความร้อนไม่ดีมั่ง ออพชั่นไม่ได้มั่ง แพงไปมั่ง ก็เลยสรุปว่ากูต้องทำเองละงานนี้ ก็ไม่ได้อยากทำเลย ไม่มีเวลา+ขี้เกียจ (ทำโคมนี้เสร็จได้ไม่ถึงอาทิตย์ ร้าน Atlantis เอาโคม Zetlight เข้ามาขายพอดี แบบที่อยากได้เลย แสด)
ก็เลยตั้ง
เป็นโคม LED แบบ RGB+W คือมีหลอดสีแดง น้ำเงิน เขียว และสีขาว 6500K
ทั้ง 4 สีต้องหรี่แยกได้อิสระ
มีพัดลมระบายความร้อน เพื่ออายุการใช้งาน LED ที่ยาวนาน
มีเลนส์ จะได้ไม่ต้องใช้รีเฟล็กซ์ให้รกหูรกตา
ความเข้มแสงต้องแรงพอที่จะยกโคมได้สูงจากตู้อย่างน้อย 1 คืบ ผมไม่ชอบโคมมาเกะกะเรี่ยๆน้ำ กะไว้ทีแรกว่าสัก 80w แต่ตอนลองก็สรุปว่า 60w ก็พอสำหรับตู้ 24 นิ้ว
พอได้ไอเดียแล้วก็สั่งซื้อของ หาอุปกรณ์ที่จะมาทำ LED ขาว 10w มีอยู่แล้ว ก็สั่ง LED กับวงจรหรี่ไฟมา แล้วก็ทำตัวบอดี้จากไม้เหลือๆในบ้าน สังเกตได้จากรอยส้นตีนเหยียบว่าเป็นไม้เหลือๆจริงๆ และก็เป็นสาเหตุว่าทำไมบอดี้ถึงหนาเตอะ ก็ไม้มันมีแค่นี้ ก็ใช้ๆไปเท่าที่มี [เหอะๆ] (เดินไปไม่ถึง 50 ก้าวก็ถึงร้านขายไม้ แต่เปลืองตังไง รอพ่อซื้อแล้วเราตอดมาใช้แบบนี้ดีกว่า [สัดเป็ด])
อันนี้เป็นตอนตัวโครงบอดี้เสร็จคร่าวๆ เอามาลองวางอุปกรณ์

สีแดงๆอันเล็กนั่นเป็นวงจรหรี่ไฟครับ เป็นวงจรแบบ PWM หรือ pulse-width modulation ภาษาไทยเรียกยังไงไม่รู้เหมือนกัน
อยากอ่านละเอียดก็ไปอ่านเอาเอง Pulse-width modulation
เอาง่ายๆไอ้ PWM นี่มันก็เป็นการหรี่ไฟชนิดนึง แทนที่เราจะหรี่ไฟด้วยการบีบโวลท์หรือแอมป์ตรงๆ เราก็หรี่มันด้วยการทำให้มันเป็นคลื่นซะ เหมือนเราบีบปลายสายยางฉีดน้ำ กับเอานิ้วปิดๆเปิดๆปลายสายยาง ก็ได้น้ำออกมาน้อยลงเหมือนกัน แต่วิธีต่างกันคนละแบบ
ซึ่ง PWM มันจะดีกว่าการหรี่ไฟตรงๆ เพราะจะสูญเสียไฟไปในการหรี่น้อย และไม่มีความร้อนเกิดขึ้นในวงจรมากเท่าการใช้ Resistor หรือตัวต้านทาน วงจรที่ผมใช้อันนี้ ไม่ว่าจะเบาไฟเท่าไหร่ ก็จับไม่เจอความร้อนแบบรู้สึกได้เลยซักนิด
และวงจรอันนี้ผมก็ใช้มันเป็นตัวปรับโวลท์ให้กับหลอดสี RGB ด้วยในตัว เพราะมันปรับไฟได้ตั้งแต่ 0-12v (RGB สามสีมันอยู่ในหลอดเดียวกันก็จริง แต่ใช้ไฟโวลท์ไม่เท่ากัน สีแดงใช้ไฟ 9 โวลท์ ส่วนสีน้ำเงินกับเขียวใช้ 12 โวลท์ครับ)
เวลาซื้อมันมาเป็นกล่องแบบในรูปข้างล่างนี้ แต่ผมแกะเอาแต่วงจรกับตุ่มหมุนมัน กล่องมันใหญ่ไป

ตัวละ 80 บาท ตัวหนึ่งรับไฟได้ 8A สบายๆสำหรับงานนี้ เพราะใช้แค่ตัวละ 3A
พอหาจุดวางอุปกรณ์ได้แน่ๆแล้ว ก็จัดลงเลย

พัดลม 80mm ตัวบาง อันนี้ซื้อมานานหลายปีละ จำได้ว่าแพงอยู่ ตัวละ 200 กว่าบาท เบาไปหน่อยแต่เงียบกริบ ไม่มีเสียงเลย

ลองเอาหลอดสีขาวมาต่อกับวงจรหรี่ไฟดูก่อนว่าใช้ได้มั้ย ก็ไม่มีปัญหาอะไร เดินหน้าต่อ
ทำฝามาใส่ ที่ต้องทำส่วนนี้ก่อนเพราะว่าวงจรส่วนนึงจะต้องมาติดอยู่กะฝานี้ด้วย

จากนั้นก็เอาบอดี้ไปทำสี แล้วก็จัดอุปกรณ์ลงจริงๆละ เดินสายไฟให้เรียบร้อย

สายไฟเยอะหน่อย เพราะหลอด 4 แชนแนล แชนแนลละ 2 เส้น วงจรหรี่ 4 ตัว ก็อีกตัวละ 2 เส้น พัดลมอีก 2 เส้น
ในรูปนี่จริงๆยังต่อไม่ครบ ตอนต่อครบแล้วลืมถ่าย แต่สายไฟเยอะกว่านี้อีกสามเท่าได้ แต่ก็ยังไม่เยอะเท่ากับด้านหลอด

ยุ่บยั่บมั้ยล่ะ ได้อารมณ์ industrial ดีไม่หยอก
ใช้สีขาว 10w สามหลอด RGB 10w อีกสามหลอด ตัวจ่ายไฟเป็น Power Supply 12v 10A ครับ
ซึ่งคงต้องเปลี่ยนเร็วๆนี้ เพราะมันร้อนมาก ไม่มีพัดลมระบายความร้อน แถมยังเสือกร้องงิ๊งๆเวลาเปิดสว่างเยอะๆอีกด้วย
แล้วก็ประกอบปุ่มหมุนปรับไฟเข้าไป ติดหูสำหรับแขวน เป็นอันเสร็จ จ๊างงงง

หน้าตาแม่ง Retro ชิบหาย [lol] มาลองดูตอนเปิดใช้จริงกัน
อันนี้เป็นตู้ที่ผมเอาไว้เลี้ยงปลาแพะครับ ขอนเลยตระหง่านง้ำ ค้ำโลกา เพราะจะเหลือที่ให้มันว่ายเยอะๆหน่อย
สโลปที่เห็นเอียงแปลกๆก็อย่าแปลกใจ ผมจัดไว้ทีแรกเรียบๆตรงไธรรมดา แต่พี่แพะเค้าไม่ชอบ พี่เค้าเลยขุดทรายจัดของเค้าเอง ได้มาเอียงๆแบบนี้แหละครับ

อันนี้ปรับให้ออกประมาณ 6500K เหมือนไม่ค่อยสว่าง แต่จริงๆสว่างมาก ต้องปรับรูปให้มืดหน่อย ไม่งั้นถ่ายแล้วมันขาวไปหมด
ดูตู้ข้างๆ นั่นน่ะ MH 150W สว่างพอกันเลย แสงมีเหลือบๆสีรุ้งนิดหน่อย เพราะเสือกใช้ LED แบบมีเลนส์ กะว่าไม่ต้องใช้รีเฟล็ค แต่จริงๆแล้วผิดมาก เพราะเลนส์ LED ทำให้แสงมันเป็นแบบนี้แหละครับ สังเกตตรงใต้ขอนไม้ สีมันจะแตกเป็นเส้นๆ รุ้งๆ
แต่ใช้ๆไปมันก็โอเค มองไม่ค่อยเห็น เลยกะว่าไม่เปลี่ยนแล้วล่ะ ก็ดูไว้สำหรับคนที่ทำโคมเองแบบหลอดน้อยๆนะครับ อย่ากระแดะใส่เลนส์แบบผม [น้ำตาร่วง]
ลองปรับสีดู เผื่อจะเปลี่ยนไปเลี้ยงตู้ทะเล ลองปรับไฟแบบเลี้ยงก้นตู้มั่ง

หรือจะเลี้ยงปลาอเมซอน แบล็ควอเตอร์ดี [อุโฮะๆๆ]

ปลาแพะบอก "มึงจะเอาสีไหนก็เอาซักทีไอ้อ้วน กูงง แสด!!!"
อันนี้ถึงจะเป็นความสว่างจริงๆ

ผลการเลี้ยงมา 1 เดือนก็แจ่มครับ ต้นไม้โตดี คริปแดงก็แดง เฟิร์นก็โตดี ไม้ข้อไม่ยืด
แต่ลืมถ่ายรูปมา [เหอะๆ] เดี๋ยววันหลังจะเอามาลงอีกทีแล้วกัน ตอนนี้โตกว่าในรูปนั่นเยอะแล้ว
ทิ้งท้ายด้วยอาหารเสริมพลังงานระหว่างทำ ซากที่หลงเหลือของเค้กที่อร่อยที่สุดในโลก และภาพเบื้องหลังโรงงานผลิต













