
ในช่วงระยะเวลาย้อนหลังไป 5-6 ปีที่ผ่านมา คลองนาคา ต.นาคา อ.สุขสำราญ จังหวัดระนอง เป็นที่รู้จักกัน และมีชื่อเสียงกันมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อันเนื่องมาจากพลับพลึงธาร ซึ่งได้สมญานามว่า ราชินีแห่งสายน้ำคลองนาคา
แต่ช่วงระยะ 3-4 ปี ที่ผ่านมา คลองนาคาเริ่มมีปัญหาการพังทลายของตลิ่งริมฝั่ง การเคลื่อนตัวของหินใต้พื้นคลอง อันเนื่องมาจากโครงการการพัฒนา หรือโครงการการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของภาครัฐ ที่ไม่เข้าใจในบริบทของพื้นที่ รวมถึงไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอันสมควร ดังที่รายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านสิ่งแวดล้อมได้ส่งไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย
วันนี้ นายชำนิ อุ่นขาว ประธานวิสาหกิจชุมชนเพลินไพรศรีนาคา พร้อมด้วยสมาชิก และนักวิชาการจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. ประกอบด้วย ดร.ขวัญฤทัย บุญร่วมแก้ว และ ดร.สุจิตรา โกศล พร้อมด้วยคณะ ได้ลงพื้นคลองนาคา เพื่อทำการล่องเรือสำรวจต้นพลับพลึงธารที่คงเหลืออยู่ในคลองนาคาสายหลัก
จากการล่องเรือสำรวจคลองนาคาในครั้งนี้ เราแทบจะไม่พบเจอต้นพลับพลึงธารในคลองนาคาสายหลักเลย แต่พบเจอได้บ้างในคลองสายย่อยที่มีกระแสน้ำไม่เชี่ยวกราด
การล่องเรือสำรวจคลองนาคาทำให้เราได้เห็นว่า ณ จุดที่เคยมีต้นพลับพลึงธารขึ้นอย่างหนาแน่นที่สุด ในขณะนี้ไม่เหลือต้นพลับพลึงธารให้เห็นเลยแม้แต่ต้นเดียว
อีกทั้งเรายังพบว่าตลิ่งริมคลองยังคงมีการพังทลายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหินและทรายใต้พื้นคลองยังคงมีการเคลื่อนตัว เมื่อมีฝนตกหนักน้ำหลาก ดินและหินก็จะถูกกระแสน้ำซัดไปกองรวมกัน ซึ่งนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หัวพลับพลึงธารไม่สามารถยึดเกาะกับหินและทรายใต้พื้นคลองได้ ทำให้มีหัวและต้นพลับพลึงธารจำนวนมากที่หลุดและลอยไปกับกระแสน้ำ ซึ่งสมาชิกของเพลินไพรศรีนาคาได้มีการเก็บหัวพลับพลึงธารขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
ดร.สุจิตรา โกศล บอกว่า จากการลงสำรวจคลองนาคาในวันครั้งนี้จะทำการสำรวจให้ได้มากที่สุดทั้งการล่องเรือและเดินเท้า เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ว่าพื้นที่ใดมีความเหมาะสมที่จะได้รับการอนุรักษ์ และพื้นที่ใดควรจะได้รับการฟื้นฟู และการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ ที่จะนำไปประกอบการพิจารณาในการประกาศพื้นที่คุ้มครองพลับพลึงธารต่อไป
นายชำนิ อุ่นขาว ประธานวิสาหกิจเพลินไพรศรีนาคา บอกว่า จากการลงสำรวจคลองนาคาในวันนี้พบว่าต้นพลับพลึงธารในคลองสายหลักสูญหายไปเกือบหมด ตัวลำคลองเองก็กว้างขึ้น อีกทั้งมีพืชผลทางการเกษตรพังทลายลงในคลองนาคาเป็นระยะ ๆ ตลอดสาย สำหรับหัวพลับพลึงธารที่หลุดลอยตามกระแสน้ำ และทางสมาชิกได้เก็บมานั้น จะนำไปอนุบาลและนำกลับไปปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อไป
จากหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาของภาครัฐได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของคลองนาคาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นพลับพลึงธารที่แทบจะสูญหายไปจากลำคลองนาคาสายหลัก จนทำให้ชุมชนที่รวมตัวกันเปิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ล่องแพ แลพลับพลึงธาร หนึ่งเดียวในโลกที่คลองนาคา ต้องประกาศหยุดการท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 2 ปีมาแล้ว
พลับพลึงธาร พืชน้ำที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศลำคลอง พลับพลึงธาร พืชน้ำที่เป็นตัวบ่งบอกถึงความสะอาดและบริสุทธิ์ของแหล่งต้นน้ำในขุนเขา และได้อยู่คู่กับคลองนาคามายาวนาน
สำหรับวันนี้ น้ำในคลองนาคายังคงใส แต่ที่หายไปคือพลับพลึงธาร
นายโอ๋ พรชัย - รายงาน

https://www.facebook.com/photo.php?v=558812317518085
Crinum thaianum ไม้น้ำที่พบในธรรมชาติได้ในประเทศไทยที่เดียว จังหวัดเดียว น่าเสียดายถ้ามันจะต้องหายไป
สถาพทุกวันนี้เรียกได้ว่า วิกฤตโคตรๆแล้วนะครับ อีกไม่กี่ปีมันอาจจะหายไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้เลย
ไอ้กระผมกก็ตามหาหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้มาพอสมควร เพิ่งรู้ว่าเขามีเพจเฟซบุ๊คด้วย https://www.facebook.com/CrinumThaianum (แบบ...แอดมินไม่ค่อยได้เล่นเฟซ [เหอะๆ]) เข้าไปดูแล้วก็ซักคนละไลค์ก็ดีนะครับ เพจตั้งแต่ปี 2012 มีอยู่ 200 กว่าไลค์ อนาถใช้ได้เลย
เดี๋ยวผมจะลองติดต่อหน่วยงานที่ดูแลเรื่องอนุรักษ์พลับพลึงธารดู อาจจะมีอะไรที่เราช่วยเหลือได้ อย่างน้อยก็เงินทุนในการปลูกฟื้นฟู หรือไม่ก็เอาพันธุ์มาแจกให้สมาชิกเอากลับบ้านไปเพาะคนละสามสี่ต้น พอโตแล้วเอาไปปลูกกัน [lol]