Aqua.c1ub.net
*
  Tue 14/Oct/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: บทความ : เลี้ยงกุ้งในบ่อปลาที่บ้านสร้าง แนวทางอยู่รอดของเกษตรกรรายย่อย  (อ่าน 5165 ครั้ง)
ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ออฟไลน์
Shrimp Admin
« เมื่อ: 10/04/08, [23:10:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

*** เผื่อมีพี่ๆน้องๆท่านใด มีญาติพี่น้องอยู่ต่างจังหวัด และสนใจอยากจะประกอบอาชีพ หรือเป็นเกษตรกรอยู่แล้ว

สนใจอยากจะลองเลี้ยงกุ้งดู ก็ลองดูได้นะครับ ***



   การเลี้ยงกุ้งในปัจจุบันเกษตรกรต้องดิ้นรนต่อสู้กันอย่างหนักเพราะมีปัญหาในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรค ความเสียหายอื่น ๆ
รวมทั้งความผันผวนของราคา นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าอาหาร พลังงาน และค่าแรง ดูเหมือนว่ารายใหญ่
หรือบริษัทใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้เพราะสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ และมีตลาดรองรับที่ค่อนข้างแน่นอน
ต่างกับเกษตรกรรายย่อย ที่เก่งด้านการเลี้ยงการจัดการ แต่ไม่สามารถควบคุมปัจจัยอื่นได้ ไม่นานหากเกษตรกรเหล่านี้ไม่มีการปรับตัวก็ต้องหาอาชีพใหม่

   ในการปรับตัวของเกษตรกรแน่นอนว่าไม่สามารถทำตามรายใหญ่ได้เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องทุนจึงไม่มีทางที่จะไล่ตามเทคโนโลยีได้ทัน
ดังนั้นเกษตรกรรายย่อยจึงต้องหาแนวทางการเลี้ยงใหม่ ๆ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงได้อย่างลงตัวนั่นคือแนวทางการเลี้ยงที่ใช้ทุนไม่มากนัก
ลดความเสี่ยง ใช้พลังงานน้อยและที่สำคัญคือต้องเป็นมิตรกับธรรมชาติ ดังเกษตรกรรายต่อไปนี้ที่คิดหาแนวทางใหม่ ๆ ในการเลี้ยงกุ้งให้อยู่รอด
ในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งต้องขอใช้คำว่าแนวทางการเลี้ยงแบบ”เศรษฐกิจพอเพียง”เนื่องจากเป็นแนวทางที่ใช้ทุนต่ำ ลดความเสี่ยงได้
และพอมีกำไร และที่น่าสนใจคือเป็นการเลี้ยงร่วมกับสัตว์น้ำชนิดอื่น

    เกษตรกรที่กำลังกล่าวถึงคือคุณวิชัย กันดี ที่ตั้งฟาร์ม 7 หมู่ 8 ต.บางพลวง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เป็นผู้ที่คิดแนวทางในการเลี้ยงกุ้ง
แบบพอเพียงถึงแม้ความจริงอาจจะมีใครใช้แนวทางนี้มาก่อนแต่ก็ยังไม่แพร่หลายมากนัก เกษตรกรรายนี้เปิดเผยกับทีมงานนิตยสารธุรกิจสัตว์น้ำ
ว่าปัจจุบันเลี้ยงกุ้งอยู่สามแนวทางคือเลี้ยงกุ้งทั่วไป เลี้ยงกุ้งแบบอาศัยธรรมชาติและเลี้ยงกุ้งในบ่อปลา

“ตอนแรกเราเลี้ยงปลานิลและกุ้งขาว โดยแยกย่อเลี้ยงออกไปแต่ละส่วนตามรูปแบบการเลี้ยงทั่วไปจน กระทั่งวันหนึ่งได้นำกุ้งที่เหลือจาก
การเลี้ยงไปปล่อยในบ่อพักน้ำ โดยหวังว่ากุ้งจะโตโดยไม่ต้องให้อาหาร ปรากฏว่ากุ้งโตดีเป็นที่น่าพอใจ เลยนำไปทดลองเลี้ยงในบ่อปลานิลดูบ้าง
ซึ่งถือว่าเป็นการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าขึ้นไปอีก เพราะในบ่อปลานิลมีอาหารธรรมชาติที่กุ้งขาวสามารถกินได้ อีกอย่าง ตอนนั้นลูกกุ้งราคาถูกมาก
คือเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ราคาขายกุ้งหน้าฟาร์มก็ไม่ดีคือไซส์ 50 ตัว/กิโลกรัมมีราคาไม่ถึง 100 บาท จึงตัดสินใจทดลองเลี้ยงกุ้งร่วมกับ
การเลี้ยงปลาโดยเลี้ยงปลาเป็นหลักและหวังว่ากุ้งจะเป็นผลพลอยได้”


  วิธีการเลี้ยงสัตว์น้ำทั้ง 2 ชนิดร่วมกันคือ เริ่มจากการเตรียมบ่อ ซึ่งก็ได้ใช้วิธีการเดียวกันกับเกษตรกรรายอื่นๆที่เลี้ยงปลานิลทั่วไปคือ
หลังจากจับผลผลิตในครอปการเลี้ยงที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้วต้องมีการตากบ่อ ใส่ปูนขาว และกำจัดปลากินเนื้อเช่นปลาช่อนให้หมดจริงๆ
ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นอันตรายต่อลูกกุ้งรวมทั้งลูกปลาด้วย นำน้ำเข้าบ่อให้ได้ระดับ รวมไปถึงการปรับค่า ph ให้อยู่ในช่วงระดับประมาณ
 7.5-8 ซึ่งเป็นค่าที่มีความเหมาะสมต่อการเลี้ยงปลา นอกจากนี้ต้องลงมูลสัตว์เพื่อทำน้ำเขียวซึ่งจะทำให้มีลูกไรและแพลงค์ตอนพืชเพื่อ
ใช้เป็นอาหารของปลาและกุ้งต่อไป มูลสัตว์ที่ใช้อาจจะเป็นขี้หมูหรือขี้ไก่ก็ได้แต่หากเป็นขี้หมูควรใช้ขี้หมูเปียกเพราะจะมีเศษอาหารที่
หมูกินติดมาด้วย จะทำให้ปลาและกุ้งมีอาหารให้กินมากขึ้นแต่การทำน้ำเขียวต้องระวังไม่ให้น้ำเขียวจัด เพราะจะทำให้กุ้งขาดออกซิเจน
เนื่องจากในบ่อจะไม่มีเครื่องให้ออกซิเจน และต้องระวังในเรื่องของสีน้ำตลอดการเลี้ยง แต่หากเป็นบ่อที่มีเครื่องให้ออกซิเจน
อาจไม่ต้องกังวลมากนัก

   หลังจากเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ พร้อมแล้วก็ปล่อยลูกพันธุ์ได้ทันทีโดยจะปล่อยพร้อมกันทั้งกุ้งและปลาแต่ความหนาแน่นต่างกัน
คืออัตราการปล่อยปลาประมาณ 3,000 ตัว/ไร่ ส่วนกุ้งปล่อยประมาณ 15,000 ตัว/ไร่ ต้องปล่อยแบบบางเนื่องจากไม่ได้ใช้เครื่องให้ออกซิเจน
หรือหากต้องการให้เกิดประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นก็สามารถติดตั้งเครื่องให้ออกซิเจนไว้สำรองเผื่อบางช่วงเวลาที่ออกซิเจนในบ่อต่ำก็สามารถเดินเครื่อง
รวมทั้งจะทำให้สามารถเลี้ยงกุ้งและปลาได้หนาแน่นขึ้นด้วยแต่ต้นทุนการผลิตก็เพิ่มขึ้นตาม เทคนิคในการปล่อยลูกพันธุ์ปลาคือกำจัด
ลูกปลาตะเพียนที่อาจปะปนมาให้หมดก่อน เพราะปลาเหล่านี้อาจจะกินลูกกุ้งได้ ส่วนปลานิลก็มีบ้างที่กินลูกกุ้งแต่น้อยมากซึ่งความเสียหาย
แทบไม่มีเลย การเลี้ยงแบบนี้โอกาสขาดทุนต่ำมากเพราะต้นทุนต่ำมีต้นทุนเพียงแค่ค่าลูกพันธุ์เท่านั้นซึ่ง 15,000 ตัว/ไร่ ถือว่าเป็นเงินที่น้อยมาก
ทั้งนี้กุ้งขาวเป็นเพียงผลพลอยได้เพราะไม่ต้องให้อาหารเป้าหมายหลักคือปลานิล ดังนั้นต้นทุนจึงรวมอยู่ในปลานิล แต่หากดูจากรายได้หลัง
จากการเลี้ยงทุกรอบ กุ้งจะทำเงินได้มากกว่าปลาคือตลอดการเลี้ยงปลาใช้เวลาประมาณ 8 เดือน (ปลาไซส์จาน)จะขายได้ประมาณ 200,000 บาท
ในขณะที่กุ้งซึ่งถือได้ว่าเป็นผลพลอยได้ ขายได้ประมาณ300,000 บาท ในบ่อเดียวกัน เพียงแต่รายได้จากการเลี้ยงกุ้งไม่แน่นอน ทั้งการขึ้นลง
ของราคา และอัตราการรอดของกุ้งแต่ส่วนใหญ่อัตราการรอดดีไม่มีปัญหามากนัก

   การเลี้ยงปลาหนึ่งรอบสามารถเลี้ยงกุ้งได้ 4 รอบ คือหลังจากปล่อยปลาพร้อมกับกุ้งในรอบแรกเมื่อครบ 2 เดือนจะเริ่มจับกุ้งครั้งแรกซึ่งจะได้กุ้งที่มีขนาดสม่ำเสมอคือขนาด 110-130 ตัวต่อกิโลกรัม พร้อมกับการปล่อยกุ้งรุ่นใหม่ลงไปด้วย การจับจะทยอยจับไปเรื่อย ๆ จนกว่าลูกกุ้งรุ่นใหม่ที่ปล่อยลงไปจะติดแห ซึ่งใช้เวลาในการจับประมาณ 1 เดือน โดยจะทยอยจับสลับกันกับบ่ออื่น ๆ อาทิตย์ละครั้งหรือ 2-3 วันครั้งต่อหนึ่งบ่อเพื่อไม่ให้กุ้งที่เหลือรวมทั้งปลาบอบช้ำมากนัก ปริมาณกุ้งที่จับได้จะไม่แน่นอน โดยช่วงที่เริ่มจับครั้งแรกจะได้กุ้งขนาดขนาดประมาณ 110-130 ตัวต่อกิโลกรัมดังกล่าวมาแล้ว ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 75 บาท/กิโลกรัม (มกราคม 51 ) และขนาดของกุ้งจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะการจับ 1 เดือน สุดท้ายของการจับอาจได้กุ้งที่มีขนาด 80-60 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาก็สูงขึ้นตามขนาดด้วย ส่วนปริมาณกุ้งที่จับได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอัตราการรอดของกุ้ง

   สาเหตุที่จับกุ้งตอนอายุ 2 เดือนเนื่องจากหากกุ้งโตกว่านี้อาจจะเกิดความเสียหายได้เพราะกุ้งจะขาดออกซิเจน เรากลัวปัญหานี้จึงทำการจับกุ้งที่อายุ 2 เดือนเพราะได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการและเป็นการลดความเสี่ยงจากการตายของกุ้งจากอันเนื่องมาจากการขาดออกซิเจน นอกจากนี้เวลาที่ปล่อยกุ้งรุ่นที่สองและสามลงไป กุ้งที่จับได้จะมีหลายรุ่น ตั้งแต่ 140-40 ตัว/กิโลกรัม ซึ่งสามารถจับได้เรื่อย ๆ ตลอดการเลี้ยง และขนาดจะโตขึ้นขายได้ราคาดี การการจับกุ้งแบบนี้จะทำให้ฟาร์มมีรายได้หมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง

   ตลาดถือเป็นหัวใจของการเลี้ยงกุ้ง การทยอยจับกุ้งมีปริมาณที่จับได้แต่ละวันไม่แน่นอนแต่ก็สามารถขายตามแพได้ซึ่งในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร มีแพรับซื้อกว่า 10 แพ จึงไม่มีปัญหาด้านการตลาด สำหรับปัญหาของการเลี้ยงรูปแบบนี้คือตอนเริ่มเลี้ยงในบ่อปลาครั้งแรกคุณวิชัยกล่าวว่ากลัวมีปัญหาเรื่องการจับกุ้งอย่างมาก เพราะปนอยู่กับปลาที่ยังถึงเวลาจับแต่ต้องจับกุ้งก่อนต้องจับกุ้งก่อน หากใช้อวนลากก็จะติดปลามาด้วยและทำให้ปลาบอบช้ำ จึงทดลองใช้วิธีทอดแห โดยการจ้างชาวบ้านกิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดอาจจะมีปลาติดมาบ้างในบางครั้งแต่ก็ปล่อยกลับลงไปได้โดยไม่บอบช้ำมากนัก ส่วนการปล่อยกุ้งในบ่อปลาก็มีการหาวิธีการปล่อยเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ซึ่งคือการปล่อยไปพร้อม ๆ กับการปล่อยปลา แต่กระบวนการเลี้ยงทั้งหมดต้องใช้เวลาในการศึกษาทดลองเกือบหนึ่งปีเต็มกว่าจะประสบความสำเร็จ

สำหรับในอนาคตการเลี้ยงปลาร่วมกับการเลี้ยงกุ้งน่าจะเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะเกษตรกรที่มีบ่อเลี้ยงปลากินพืชอยู่แล้ว หากปล่อยกุ้งขาวลงไปด้วยก็จะมีรายได้จากกุ้งอีกทางหนึ่งและไม่ต้องลงทุนมากนัก หัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเลี้ยงกุ้งแบบนี้คือ”พันธุ์กุ้ง”ที่จะนำมาเลี้ยงต้องคัดลูกกุ้งจากฟาร์มที่เชื่อถือได้ และเข้าใจระบบการเลี้ยงแบบนี้ด้วยซึ่งการเตรียมน้ำไม่ได้เตรียมสำหรับการเลี้ยงกุ้งแต่เตรียมสำหรับการเลี้ยงปลาน้ำจืด ดังนั้นฟาร์มลูกพันธุ์กุ้งต้องเตรียมลูกกุ้งเป็นพิเศษคือต้องปรับความเค็มให้ต่ำหรือมีความเค็มเป็นศูนย์ได้ยิ่งดี และลูกกุ้งต้องเน้นที่ความแข็งแรงปล่อยลงบ่อปลาแล้วต้องมีอัตราการรอดสูงอย่างน้อยควรไม่ต่ำกว่า 80 % หมายถึงรอดจากการปล่อยส่วนการรอดจากการถูกปลานิลกินนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งดังนั้นต้องเลือกลูกกุ้งจากฟาร์มที่เชื่อถือได้และมีความเข้าใจระบบการเลี้ยงแบบต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งทางฟาร์มใช้ลูกกุ้งของรุ่งอรุณฟาร์มเพราะใช้มาตลอดและได้ผลผลิตค่อนข้างดีอัตราการรอดสูง

   ตอนนี้ในอำเภอ บ้านสร้างเกษตรกรที่เลี้ยงปลาหันมาปล่อยกุ้งร่วมด้วยหลายรายบางช่วงปลาเป็นโรคตายยกบ่อก็ได้กุ้งช่วยไม่ให้ขาดทุน
จึงนิยมเลี้ยงแบบนี้กันมากขึ้น นอกจากนี้ได้มีการนำวิธีการนี้ไปปรับใช้กับการเลี้ยงกุ้งโดยการสร้างอาหารธรรมชาติในบ่อ ลดการให้ออกซิเจน
และปล่อยกุ้งแบบบาง ๆ ทำให้ไม่ต้องล้างบ่อบ่อย ๆ สามารถล้างปีละครั้งได้ ประหยัดต้นทุนและเวลาไปได้มากอย่างไรก็ตามยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
การทดลองเลี้ยงยังสรุปไม่ได้ว่ามีประสิทธิภาพดีเพียงไร แต่เมื่อต้นทุนการเลี้ยงในรูปแบบเดิมมีต้นทุนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องหาแนวทางการเลี้ยง
แบบใหม่เพื่อลดต้นทุน ลดความเสี่ยง และเป็นมิตรกับธรรมชาติให้มากที่สุดดังนั้นหากแนวทางการเลี้ยงในแบบที่สามที่คุณวิชัยทดลองเลี้ยงอยู่
ประสบความสำเร็จทางทีมงานจะนำอีกในโอกาสต่อไป


 ที่มา : http://www.buildboard.com/viewtopic.php/790/5966/24108/0/



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10/04/08, [23:51:55] โดย ดุ๊กดิ๊กน่ารัก »
Rotten boy ออฟไลน์
Shrimp Tribe
« ตอบ #1 เมื่อ: 11/04/08, [00:07:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคูณคับพี่ดุ๊ก แนวทางดีๆมาใหอ่านกันคับ น่าสนใจนะคับเนี่ย [เจ๋ง] +1 เลย deepkiss
ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ออฟไลน์
Shrimp Admin
« ตอบ #2 เมื่อ: 11/04/08, [00:25:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคูณคับพี่ดุ๊ก แนวทางดีๆมาใหอ่านกันคับ น่าสนใจนะคับเนี่ย [เจ๋ง] +1 เลย deepkiss

 ขอบคุงเด้อขรับเด้อ : )
ja_14436 ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #3 เมื่อ: 11/04/08, [01:00:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [เจ๋ง]เยี่ยม



 hawaii hawaii hawaii
noonoiza
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 11/04/08, [02:16:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แต่ผมสงสัย [ไอ้แว่น]ว่าจ้างชาวบ้านมาทอดแหเนี้ยมันนานนะ hide1
ยิ่งเป็นกุ้งขาวด้วยแล้วเนี้ยมันยากนะและกุ้งขาวนะมันตายง่ายมากด้วย 036
จะเลี้ยงได้ถึงก่อนเวลาจะทอดแหขึ้นมาขายหรือป่าวนะกลัวจัง suicide
และกุ้งขาวเวลาตายนะไวมากเลยและมันไม่ขึ้นมาข้างบ่อด้วยและกุ้งมันจะกินอาหารทันปลาหรอ
สงสัยจัง 036
ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ออฟไลน์
Shrimp Admin
« ตอบ #5 เมื่อ: 11/04/08, [07:46:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แต่ผมสงสัย [ไอ้แว่น]ว่าจ้างชาวบ้านมาทอดแหเนี้ยมันนานนะ hide1
ยิ่งเป็นกุ้งขาวด้วยแล้วเนี้ยมันยากนะและกุ้งขาวนะมันตายง่ายมากด้วย 036
จะเลี้ยงได้ถึงก่อนเวลาจะทอดแหขึ้นมาขายหรือป่าวนะกลัวจัง suicide
และกุ้งขาวเวลาตายนะไวมากเลยและมันไม่ขึ้นมาข้างบ่อด้วยและกุ้งมันจะกินอาหารทันปลาหรอ
สงสัยจัง 036


  ก็คงต้องดูแลกันดีๆ และกำหนดปริมาณให้พอเหมาะแหล่ะขอรับ เลี้ยงกุ้งขาว หรือ กุ้งทะเล อื่นๆ นี่ก็เป็นเรื่อง

ยากลำบากแท้หนอ แต่เกษตรไทย ก็มีฝีมือเลี้ยงกันจนประสบความสำเร็จกันได้นะครับ  [เจ๋ง]
Heartza55 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #6 เมื่อ: 14/04/08, [17:34:30] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กุ้งขาวนี่มัน น้ำเค็มไม่ใช่หรอ ครับ สามารถเอามาเลี้ยงกับปลานิล ซึ่งเป็ฯปลาน้ำจืดได้หรอครับ

รบกวนชี้แจงทีครับ
ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ออฟไลน์
Shrimp Admin
« ตอบ #7 เมื่อ: 14/04/08, [20:59:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กุ้งขาวนี่มัน น้ำเค็มไม่ใช่หรอ ครับ สามารถเอามาเลี้ยงกับปลานิล ซึ่งเป็ฯปลาน้ำจืดได้หรอครับ

รบกวนชี้แจงทีครับ

  กุ้งขาวสามารถเลี้ยงได้ทั้งในน้ำที่มีความเค็มสูง และ ความเค็มต่ำๆครับผม น้ำบาดาลก็ยังใช้เลี้ยงได้นะครับ

อ้างอิง :

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7

http://www.nicaonline.com/articles2/site/view_article.asp?idarticle=135

http://www.fisheries.go.th/aahri/aahri-new/thai/newsletter_th/Y_12_v_1/y12v1_ShrimpPeru_th.html
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: