Aqua.c1ub.net
*
  Sun 21/Sep/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: บางทีก็เเอบสงสัย หน้าตาเเบคทีเรีย + การคายฟองบอกอะไร  (อ่าน 3371 ครั้ง)
kenaqua ออฟไลน์
Club Brother
« เมื่อ: 14/09/13, [01:29:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

1 .ครับ เเอบสงสัยครับว่า เเบคทีเรีย เนี่ยเวลาอยู่ในตู้เนี่ย
หน้าตามันจะเป็นยังไง เเบคทีเรียตายรึรอดจะรู้ได้ยังไงครับ
เราจะดูด้วยตาเปล่าได้ไหมว่า ตู้เนี้ย เเบคทีเรียเซ็ทตัวเเล้ว รึยัง
จะดูได้จากอะไรครับ
2 .เกี่ยวกับการคายฟอง การคายฟองของต้นไม้นี่บอกอะไรกับเราได้มั่งครับ
เเบบว่ามีข้อสงสัยคือผมปลูกเพิลกลาสมา2เดือนเเล้วไม่เคยเห็นมันคายฟองเลย
เเล้วมีอยู่วันหนึ่งกรองเเขวนเสียเลยเอาออก จากนั้นพักนึงมันก็เริ่มคายฟอง
เเล้ว3วันมานี่ผมรู้สึกว่าเพิลกลาสเลื้อยไวขึ้นกว่าเดิมมาก  (ยังไม่ได้ใส่กรองเเขวนน่ะ)
รอผู้รู้ มาให้ความรู้เป็นวิทยาทานด้วยครับ
134340 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #1 เมื่อ: 14/09/13, [01:50:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

1 .ครับ เเอบสงสัยครับว่า เเบคทีเรีย เนี่ยเวลาอยู่ในตู้เนี่ย
หน้าตามันจะเป็นยังไง เเบคทีเรียตายรึรอดจะรู้ได้ยังไงครับ
เราจะดูด้วยตาเปล่าได้ไหมว่า ตู้เนี้ย เเบคทีเรียเซ็ทตัวเเล้ว รึยัง
จะดูได้จากอะไรครับ
2 .เกี่ยวกับการคายฟอง การคายฟองของต้นไม้นี่บอกอะไรกับเราได้มั่งครับ
เเบบว่ามีข้อสงสัยคือผมปลูกเพิลกลาสมา2เดือนเเล้วไม่เคยเห็นมันคายฟองเลย
เเล้วมีอยู่วันหนึ่งกรองเเขวนเสียเลยเอาออก จากนั้นพักนึงมันก็เริ่มคายฟอง
เเล้ว3วันมานี่ผมรู้สึกว่าเพิลกลาสเลื้อยไวขึ้นกว่าเดิมมาก  (ยังไม่ได้ใส่กรองเเขวนน่ะ)
รอผู้รู้ มาให้ความรู้เป็นวิทยาทานด้วยครับ
-ผมว่ามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรอกนะ แต่จะรู้ได้ไงอันนี่ไม่ทราบเหมือนกัน
-เคยอ่านผ่านๆถ้าจำไม่ผิดยิ่งถ้าในน้ำมีโอทูมากเทาาไรยิ่งมีโอกาสไม่เห็นเท่านั้น
ในกรณีนี้กรองแขวนปล่อยน้ำตกลงมากระทบแรงเท่าไรโอกาสเห็นการคายฟองเลยน้อย
TFMAKO ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #2 เมื่อ: 14/09/13, [09:14:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กรองเซทตัวเมื่อไหร่ ดูได้จากตะไคร่จุดเขียว+ความใสของน้ำ+ระยะเวลา บางตู้ก้ไม่มีจุดเขียวนะ แต่ถ้าเดือนนึงมันก็ควรจะเซทได้แล้ว

แบคทีเรีย ตายหรือรอด  ถ้ารอดก็มองไม่เห็นนะครับ ถ้าตาย เหมือนเคยเห็นใครบอกว่า จะเป็นคราบฟิล์มลอยบนผิวน้ำ

การคายฟองของต้นไม้ ถ้าปัจจัยเพียงพอก็จะเห็นครับ ไฟ คาร์บอน สำคัญต่อการสังเคราะห์แสง
บัง! ออฟไลน์
in Wonderland
« ตอบ #3 เมื่อ: 14/09/13, [09:35:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

1 .ครับ เเอบสงสัยครับว่า เเบคทีเรีย เนี่ยเวลาอยู่ในตู้เนี่ย
หน้าตามันจะเป็นยังไง เเบคทีเรียตายรึรอดจะรู้ได้ยังไงครับ
เราจะดูด้วยตาเปล่าได้ไหมว่า ตู้เนี้ย เเบคทีเรียเซ็ทตัวเเล้ว รึยัง
จะดูได้จากอะไรครับ

จริงๆดูด้วยตาไม่ได้ครับ กรองเซ็ตตัวก็คือมีแบคทีเรียเพิ่มจำนวนมากพอที่จะกำจัดของเสียในตู้นั้น
แต่ก็พอจะอาศัยดูคร่าวๆจากการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เช่น น้ำใสขึ้น (เมือกแบคทีเรียจับฝุ่นไว้หมด เมือกเยอะ=แบคทีเรียเยอะ) ตะไคร่บางตัวลดลง (แบคทีเรียกำจัดสารประเภทที่ตะไคร่นั้นชอบ เช่น แอมโมเนีย ไนไตร์ท ได้หมด)

แต่ส่วนมากก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรมันครับ ถ้าสภาพตู้ไม่เลวร้ายจนเกินไป ใส่ปลาใส่กุ้งอะไรไปขี้ให้มันกินซะหน่อย เดี๋ยวมันก็เกิดเอง เริ่มที่ประมาณ 7 วัน จนถึงสมบูรณ์เต็มที่ราวๆ 2-3 เดือน ถ้าอากาศร้อนๆ ออกซิเจนเยอะๆ อาหาร (ขี้ปลา,ขี้กุ้ง) เยอะๆ อาจจะไม่เกินเดือน

2 .เกี่ยวกับการคายฟอง การคายฟองของต้นไม้นี่บอกอะไรกับเราได้มั่งครับ
เเบบว่ามีข้อสงสัยคือผมปลูกเพิลกลาสมา2เดือนเเล้วไม่เคยเห็นมันคายฟองเลย
เเล้วมีอยู่วันหนึ่งกรองเเขวนเสียเลยเอาออก จากนั้นพักนึงมันก็เริ่มคายฟอง
เเล้ว3วันมานี่ผมรู้สึกว่าเพิลกลาสเลื้อยไวขึ้นกว่าเดิมมาก  (ยังไม่ได้ใส่กรองเเขวนน่ะ)
รอผู้รู้ มาให้ความรู้เป็นวิทยาทานด้วยครับ

ถ้าเอาชัดๆเลย การคายฟองบอกได้ว่าในน้ำมีออกซิเจนอิ่มตัวแล้วเท่านั้นครับ
แต่ก็อ้อมแอ้มได้ว่าต้นไม้สังเคราะห์แสงได้ดีด้วยก็ได้ เพราะถ้ามันไม่สังเคราะห์แสงได้ประมาณนึง ออกซิเจนก็คงไม่อิ่มตัว

ที่เอากรองแขวนออกแล้วคายฟอง อาจจะเพราะน้ำจากกรองแขวนกระทบผิวน้ำแรงเกินไปทำให้ CO2 หลุดออกจากระบบไปหมดจนไม่พอใช้ก็ได้ครับ หรือน้ำจากกรองแขวนแรงเกินไปจนพัดฟองกระจายหมดก่อนที่จะได้เห็น
Panuruk ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #4 เมื่อ: 14/09/13, [15:00:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

1.หน้าตามันนี่ต้องกล้องจุลทัศน์ส่องดูเลยครับ ้hahaha แต่ถ้าลักษณะก็จะเป็นเมือกๆ ลื่นๆ ใสๆ เป็นฟิล์มบางๆ ถ้ามีกรองนอก ลองถอดออกมาดูได้เลยครับ เกาะเต็ม

2.คายฟองเพราะสังเคาะห์แสง และตามที่คุณบังบอกแหละครับ
Coffman ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #5 เมื่อ: 14/09/13, [16:21:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

1 .ครับ เเอบสงสัยครับว่า เเบคทีเรีย เนี่ยเวลาอยู่ในตู้เนี่ย
หน้าตามันจะเป็นยังไง เเบคทีเรียตายรึรอดจะรู้ได้ยังไงครับ
เราจะดูด้วยตาเปล่าได้ไหมว่า ตู้เนี้ย เเบคทีเรียเซ็ทตัวเเล้ว รึยัง
จะดูได้จากอะไรครับ
2 .เกี่ยวกับการคายฟอง การคายฟองของต้นไม้นี่บอกอะไรกับเราได้มั่งครับ
เเบบว่ามีข้อสงสัยคือผมปลูกเพิลกลาสมา2เดือนเเล้วไม่เคยเห็นมันคายฟองเลย
เเล้วมีอยู่วันหนึ่งกรองเเขวนเสียเลยเอาออก จากนั้นพักนึงมันก็เริ่มคายฟอง
เเล้ว3วันมานี่ผมรู้สึกว่าเพิลกลาสเลื้อยไวขึ้นกว่าเดิมมาก  (ยังไม่ได้ใส่กรองเเขวนน่ะ)
รอผู้รู้ มาให้ความรู้เป็นวิทยาทานด้วยครับ

http://lickmybrain.deviantart.com/art/Nitrogen-Cycle-Aquarium-177574033

หน้าตา
Nitrosomonas http://microbewiki.kenyon.edu/index.php/Nitrosomonas


Nitrobacter http://www.mokkka.hu/drupal/en/node/9248


พวกนี้จะโตแบบยึดเกาะจะเห็นว่าสายยางจะเขรอะๆลื่นๆน้ำตาลๆ เป็นเชื้อพวกนี้ทั้งนั้นครับ

2.คายฟองเอาไว้ตัดสินว่าไม้น้ำสังเคราะห์แสงและปรุงอาหารได้ดีจน CO2 ที่ให้ไปถูกใช้ด้วยปัจจัยต่างๆจนได้ ผลิตภัณฑ์เหลือทิ้งเป็น O2  การที่ปิดกรองกระแสน้ำไม่วน O2 ไม่ถูกพัดละลายจึงสังเกตุให้เห็นฟองได้ที่ใต้ใบครับ
kenaqua ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #6 เมื่อ: 14/09/13, [19:52:56] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบพระคุณทุกท่านคร้าบ หายสงสัยเเละ   [on_055]
tata_young191 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #7 เมื่อ: 16/09/13, [16:15:08] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

จริงๆดูด้วยตาไม่ได้ครับ กรองเซ็ตตัวก็คือมีแบคทีเรียเพิ่มจำนวนมากพอที่จะกำจัดของเสียในตู้นั้น
แต่ก็พอจะอาศัยดูคร่าวๆจากการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เช่น น้ำใสขึ้น (เมือกแบคทีเรียจับฝุ่นไว้หมด เมือกเยอะ=แบคทีเรียเยอะ) ตะไคร่บางตัวลดลง (แบคทีเรียกำจัดสารประเภทที่ตะไคร่นั้นชอบ เช่น แอมโมเนีย ไนไตร์ท ได้หมด)

แต่ส่วนมากก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรมันครับ ถ้าสภาพตู้ไม่เลวร้ายจนเกินไป ใส่ปลาใส่กุ้งอะไรไปขี้ให้มันกินซะหน่อย เดี๋ยวมันก็เกิดเอง เริ่มที่ประมาณ 7 วัน จนถึงสมบูรณ์เต็มที่ราวๆ 2-3 เดือน ถ้าอากาศร้อนๆ ออกซิเจนเยอะๆ อาหาร (ขี้ปลา,ขี้กุ้ง) เยอะๆ อาจจะไม่เกินเดือน

ถ้าเอาชัดๆเลย การคายฟองบอกได้ว่าในน้ำมีออกซิเจนอิ่มตัวแล้วเท่านั้นครับ
แต่ก็อ้อมแอ้มได้ว่าต้นไม้สังเคราะห์แสงได้ดีด้วยก็ได้ เพราะถ้ามันไม่สังเคราะห์แสงได้ประมาณนึง ออกซิเจนก็คงไม่อิ่มตัว

ที่เอากรองแขวนออกแล้วคายฟอง อาจจะเพราะน้ำจากกรองแขวนกระทบผิวน้ำแรงเกินไปทำให้ CO2 หลุดออกจากระบบไปหมดจนไม่พอใช้ก็ได้ครับ หรือน้ำจากกรองแขวนแรงเกินไปจนพัดฟองกระจายหมดก่อนที่จะได้เห็น

---------------------------------------------------
คุณบัง ครับช่วยอธิบายประโยคนี้อีกชัดๆได้มั้ยครับ
"การคายฟองบอกได้ว่าในน้ำมีออกซิเจนอิ่มตัวแล้วเท่านั้นครับ"
บัง! ออฟไลน์
in Wonderland
« ตอบ #8 เมื่อ: 16/09/13, [19:17:59] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

---------------------------------------------------
คุณบัง ครับช่วยอธิบายประโยคนี้อีกชัดๆได้มั้ยครับ
"การคายฟองบอกได้ว่าในน้ำมีออกซิเจนอิ่มตัวแล้วเท่านั้นครับ"

อันนี้ต้องอ้างอิงวิทยาศาสตร์สมัยประถม สารละลายอิ่มตัว ก็คือ
"สารละลายที่มีปริมาณตัวถูกละลายอยู่เต็มที่ จนไม่สามารถละลายต่อไปได้อีกแล้ว"
เช่น ละลายเกลือลงในน้ำเพิ่มเรื่อยๆ จนเกลือไม่ยอมละลายอีกแล้ว นั่นก็คือในน้ำมีเกลือ "อิ่มตัว" แล้ว
เมื่อมีก๊าซออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำ จนไม่สามารถละลายได้อีกแล้ว ก็คือออกซิเจนในน้ำนั้นมัน "อิ่มตัว"

ปกติ พืชทุกชนิด เมื่อสังเคราะห์แสง จะปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาตามปากใบตลอด ปุ๊ดๆๆๆ เหมือนเราตด
แต่ปกติเราจะมองไม่เห็นตดมัน เพราะมันละลายไปในน้ำ
แต่เมื่อมีพืชอยู่เยอะๆ ในพื้นที่แคบๆ ช่วยกันตดเยอะๆ กลิ่นมันก็เหม็นคลุ้งมาก ออกซิเจนเยอะมาก จนอิ่มตัว
พอออกซิเจนในน้ำอิ่มตัวจนละลายไม่ได้แล้ว ทีนี้มันก็ไม่ละลาย กลายเป็นก้อนฟองออกซิเจนขึ้นมาเกาะที่ปากใบ
เราจึงมองเห็นต้นไม้ตด ปุ๊ดๆๆๆ แบบเป็นฟองๆด้วยประการฉะนี้

ตู้ที่จะคายฟองได้เยอะ จึงมักจะต้องเป็นตู้ที่แสงจัด CO2 เยอะ ต้นไม้เยอะ ปลาน้อย เพราะออกซิเจนจะอิ่มตัวได้เร็วและง่ายกว่า ตู้ไหนปัจจัยเหล่านี้น้อยๆ กว่าออกซิเจนจะอิ่มตัว ก็ถึงเวลาปิดไฟซะแล้ว ไม่ทันเห็น

อยากเห็นต้นไม้คายฟองก็เปิด CO2 เยอะๆ หาไฟแรงๆมาติด ตอนเช้าเปลี่ยนน้ำซะหน่อย เดี๋ยวก็เป็นโซดา หลังๆขี้คร้านจะดูไปเอง
ถ้าบ้าคลั่งมากๆ เอาปั๊มลมมาติดตอนกลางคืน เปิดจนถึงเช้าก่อนเปิดไฟ จะได้เห็นต้นไม้คายฟองแต่หัววัน

* ก๊าซออกซิเจนจะละลายในน้ำได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น ฉะนั้นตู้ร้อนๆก็จะคายฟองได้ง่ายกว่าด้วยจ้ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/09/13, [19:21:27] โดย บัง! »
Near ออฟไลน์
C1ub Event Staff
« ตอบ #9 เมื่อ: 16/09/13, [19:25:14] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อันนี้ต้องอ้างอิงวิทยาศาสตร์สมัยประถม สารละลายอิ่มตัว ก็คือ
"สารละลายที่มีปริมาณตัวถูกละลายอยู่เต็มที่ จนไม่สามารถละลายต่อไปได้อีกแล้ว"
เช่น ละลายเกลือลงในน้ำเพิ่มเรื่อยๆ จนเกลือไม่ยอมละลายอีกแล้ว นั่นก็คือในน้ำมีเกลือ "อิ่มตัว" แล้ว
เมื่อมีก๊าซออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำ จนไม่สามารถละลายได้อีกแล้ว ก็คือออกซิเจนในน้ำนั้นมัน "อิ่มตัว"

ปกติ พืชทุกชนิด เมื่อสังเคราะห์แสง จะปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาตามปากใบตลอด ปุ๊ดๆๆๆ เหมือนเราตด
แต่ปกติเราจะมองไม่เห็นตดมัน เพราะมันละลายไปในน้ำ
แต่เมื่อมีพืชอยู่เยอะๆ ในพื้นที่แคบๆ ช่วยกันตดเยอะๆ กลิ่นมันก็เหม็นคลุ้งมาก ออกซิเจนเยอะมาก จนอิ่มตัว
พอออกซิเจนในน้ำอิ่มตัวจนละลายไม่ได้แล้ว ทีนี้มันก็ไม่ละลาย กลายเป็นก้อนฟองออกซิเจนขึ้นมาเกาะที่ปากใบ
เราจึงมองเห็นต้นไม้ตด ปุ๊ดๆๆๆ แบบเป็นฟองๆด้วยประการฉะนี้

ตู้ที่จะคายฟองได้เยอะ จึงมักจะต้องเป็นตู้ที่แสงจัด CO2 เยอะ ต้นไม้เยอะ ปลาน้อย เพราะออกซิเจนจะอิ่มตัวได้เร็วและง่ายกว่า ตู้ไหนปัจจัยเหล่านี้น้อยๆ กว่าออกซิเจนจะอิ่มตัว ก็ถึงเวลาปิดไฟซะแล้ว ไม่ทันเห็น

อยากเห็นต้นไม้คายฟองก็เปิด CO2 เยอะๆ หาไฟแรงๆมาติด ตอนเช้าเปลี่ยนน้ำซะหน่อย เดี๋ยวก็เป็นโซดา หลังๆขี้คร้านจะดูไปเอง
ถ้าบ้าคลั่งมากๆ เอาปั๊มลมมาติดตอนกลางคืน เปิดจนถึงเช้าก่อนเปิดไฟ จะได้เห็นต้นไม้คายฟองแต่หัววัน

* ก๊าซออกซิเจนจะละลายในน้ำได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น ฉะนั้นตู้ร้อนๆก็จะคายฟองได้ง่ายกว่าด้วยจ้ะ

อธิบายซะได้กลิ่นเลย 036
algren ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #10 เมื่อ: 19/09/13, [18:25:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อันนี้ต้องอ้างอิงวิทยาศาสตร์สมัยประถม สารละลายอิ่มตัว ก็คือ
"สารละลายที่มีปริมาณตัวถูกละลายอยู่เต็มที่ จนไม่สามารถละลายต่อไปได้อีกแล้ว"
เช่น ละลายเกลือลงในน้ำเพิ่มเรื่อยๆ จนเกลือไม่ยอมละลายอีกแล้ว นั่นก็คือในน้ำมีเกลือ "อิ่มตัว" แล้ว
เมื่อมีก๊าซออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำ จนไม่สามารถละลายได้อีกแล้ว ก็คือออกซิเจนในน้ำนั้นมัน "อิ่มตัว"

ปกติ พืชทุกชนิด เมื่อสังเคราะห์แสง จะปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาตามปากใบตลอด ปุ๊ดๆๆๆ เหมือนเราตด
แต่ปกติเราจะมองไม่เห็นตดมัน เพราะมันละลายไปในน้ำ
แต่เมื่อมีพืชอยู่เยอะๆ ในพื้นที่แคบๆ ช่วยกันตดเยอะๆ กลิ่นมันก็เหม็นคลุ้งมาก ออกซิเจนเยอะมาก จนอิ่มตัว
พอออกซิเจนในน้ำอิ่มตัวจนละลายไม่ได้แล้ว ทีนี้มันก็ไม่ละลาย กลายเป็นก้อนฟองออกซิเจนขึ้นมาเกาะที่ปากใบ
เราจึงมองเห็นต้นไม้ตด ปุ๊ดๆๆๆ แบบเป็นฟองๆด้วยประการฉะนี้

ตู้ที่จะคายฟองได้เยอะ จึงมักจะต้องเป็นตู้ที่แสงจัด CO2 เยอะ ต้นไม้เยอะ ปลาน้อย เพราะออกซิเจนจะอิ่มตัวได้เร็วและง่ายกว่า ตู้ไหนปัจจัยเหล่านี้น้อยๆ กว่าออกซิเจนจะอิ่มตัว ก็ถึงเวลาปิดไฟซะแล้ว ไม่ทันเห็น

อยากเห็นต้นไม้คายฟองก็เปิด CO2 เยอะๆ หาไฟแรงๆมาติด ตอนเช้าเปลี่ยนน้ำซะหน่อย เดี๋ยวก็เป็นโซดา หลังๆขี้คร้านจะดูไปเอง
ถ้าบ้าคลั่งมากๆ เอาปั๊มลมมาติดตอนกลางคืน เปิดจนถึงเช้าก่อนเปิดไฟ จะได้เห็นต้นไม้คายฟองแต่หัววัน

* ก๊าซออกซิเจนจะละลายในน้ำได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น ฉะนั้นตู้ร้อนๆก็จะคายฟองได้ง่ายกว่าด้วยจ้ะ

อธิบายได้แซ่บมากครับ
อ่านแล้วเปรี้ยวปาก
kadef ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #11 เมื่อ: 19/09/13, [22:15:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ตด 036 พึ่งรู้ขอบคุณความรู้ครับ lau01
tata_young191 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #12 เมื่อ: 20/09/13, [09:55:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อันนี้ต้องอ้างอิงวิทยาศาสตร์สมัยประถม สารละลายอิ่มตัว ก็คือ
"สารละลายที่มีปริมาณตัวถูกละลายอยู่เต็มที่ จนไม่สามารถละลายต่อไปได้อีกแล้ว"
เช่น ละลายเกลือลงในน้ำเพิ่มเรื่อยๆ จนเกลือไม่ยอมละลายอีกแล้ว นั่นก็คือในน้ำมีเกลือ "อิ่มตัว" แล้ว
เมื่อมีก๊าซออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำ จนไม่สามารถละลายได้อีกแล้ว ก็คือออกซิเจนในน้ำนั้นมัน "อิ่มตัว"

ปกติ พืชทุกชนิด เมื่อสังเคราะห์แสง จะปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาตามปากใบตลอด ปุ๊ดๆๆๆ เหมือนเราตด
แต่ปกติเราจะมองไม่เห็นตดมัน เพราะมันละลายไปในน้ำ
แต่เมื่อมีพืชอยู่เยอะๆ ในพื้นที่แคบๆ ช่วยกันตดเยอะๆ กลิ่นมันก็เหม็นคลุ้งมาก ออกซิเจนเยอะมาก จนอิ่มตัว
พอออกซิเจนในน้ำอิ่มตัวจนละลายไม่ได้แล้ว ทีนี้มันก็ไม่ละลาย กลายเป็นก้อนฟองออกซิเจนขึ้นมาเกาะที่ปากใบ
เราจึงมองเห็นต้นไม้ตด ปุ๊ดๆๆๆ แบบเป็นฟองๆด้วยประการฉะนี้

ตู้ที่จะคายฟองได้เยอะ จึงมักจะต้องเป็นตู้ที่แสงจัด CO2 เยอะ ต้นไม้เยอะ ปลาน้อย เพราะออกซิเจนจะอิ่มตัวได้เร็วและง่ายกว่า ตู้ไหนปัจจัยเหล่านี้น้อยๆ กว่าออกซิเจนจะอิ่มตัว ก็ถึงเวลาปิดไฟซะแล้ว ไม่ทันเห็น

อยากเห็นต้นไม้คายฟองก็เปิด CO2 เยอะๆ หาไฟแรงๆมาติด ตอนเช้าเปลี่ยนน้ำซะหน่อย เดี๋ยวก็เป็นโซดา หลังๆขี้คร้านจะดูไปเอง
ถ้าบ้าคลั่งมากๆ เอาปั๊มลมมาติดตอนกลางคืน เปิดจนถึงเช้าก่อนเปิดไฟ จะได้เห็นต้นไม้คายฟองแต่หัววัน

* ก๊าซออกซิเจนจะละลายในน้ำได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น ฉะนั้นตู้ร้อนๆก็จะคายฟองได้ง่ายกว่าด้วยจ้ะ
------------------------------------------
ขอบคุณครับ  กระจ่างเลย  [on_026]
f1ukezongz ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #13 เมื่อ: 20/09/13, [10:29:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กระจ่างซักที  [เจ๋ง]
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: