Aqua.c1ub.net
*
  Tue 30/Sep/2025
หน้า: 1 2  ทั้งหมด   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: การลอกคราบและข้อมูลของกุ้งเครฟิช  (อ่าน 27371 ครั้ง)
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« เมื่อ: 14/04/13, [12:41:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

                      การลอกคราบ
     การลอกคราบนั้นถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการสำคัญในการเจริญเติบโตของกุ้ง เครย์ฟิชเลยทีเดียวครับ การลอกคราบนั้นแสดงถึงขนาดลำตัวที่โตขึ้น ลูกกุ้งเล็กๆ อาจลอกคราบได้บ่อยถึงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเลยทีเดียว โดยระยะห่างในการลอกคราบแต่ละครั้งจะค่อยๆ ยาวนานกว่าเดิมเมื่อกุ้งเติบโตขึ้น ยิ่งโตขึ้นความถี่ในการลอกคราบก็ยิ่งน้อยลง โดยกุ้งเครย์ฟิชที่โตเต็มที่นั้นอาจลอกคราบเพียงปีละครั้งเท่านั้น

 

- การสังเกตุกุ้งที่จะลอกคราบ
     ผู้เลี้ยงสามารถสังเกตได้ว่าช่วงที่กุ้งเครย์ฟิชจะลอกคราบ เค้าจะกินอาหารน้อยลง สีสันของลำตัวเริ่มทึบ หรือสีเข้มขึ้นนั่นแหละครับ และกุ้งเครย์ฟิชนั้นก็จะหาที่ปลอดภัยสำหรับหลบซ่อน เพราะว่าช่วงลอกคราบนั้นกุ้งเครย์ฟิชจะมีลำตัวที่อ่อนนิ่ม และอ่อนแอมาก เมื่อได้ที่เหมาะสมแล้วเจ้ากุ้งเครย์ฟิชก็จะค่อนข้างอยู่นิ่งๆ  รอเมื่อถึงนาทีก่อนที่จะลอกคราบ บางตัวเมื่อจะถึงนาทีที่จะสลัดเปลือกเก่าออกนั้น ก็อาจหาอะไรกิน กินทุกอย่างที่ขวางหน้าเสมือนกับตุนเสบียงเอาไว้นั่นเอง

 

- อวัยวะที่หายไป จะกลับมาดังเดิม
     ไม่ว่าจะเป็นก้าม ขาเดิน หรือขาสำหรับว่ายน้ำที่หลุดหักไปจากการต่อสู้ การขนย้าย หรือการสลัดทิ้งครั้งก่อน กุ้งเครย์ฟิชสามารถซ่อมแซมโดยการสร้างขึ้นมาใหม่เองได้ โดยผ่านกระบวนการลอกคราบ ในกรณีที่เป็นอวัยวะชิ้นใหญ่อย่างก้าม อาจจะต้องใช้เวลาลอกคราบถึง 2-3 ครั้ง ถึงจะสามารถสร้างก้ามใหม่ ที่มีสภาพสมบูรณ์และขนาดเท่าเดิมได้ ส่วนอวัยวะเล็กๆ น้อยๆ อย่างหนวด หรือขาเดินนั้น การลอกคราบเพียงครั้งเดียวก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ กุ้งสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้หมด ยกเว้นดวงตา

 



 

     เมื่อผู้เลี้ยง สังเกตเห็นว่ากุ้งเครย์ฟิชกำลังลอกคราบ ไม่ควรทำการรบกวน เพราะว่าอาจเป็นการทำลายความต่อเนื่องของกระบวนการลอกคราบ ซึ่งเมื่อกุ้งเครย์ฟิชตกใจจะทำให้กระบวนการลอกคราบไม่สมบูรณ์เต็มที่ โดยชิ้นส่วนของเปลือกชุดเก่ามักจะยังติดอยู่ในขณะที่เปลือกชุดใหม่ก็เริ่ม แข็งตัว อาจทำให้เกิดความผิดปกติ เช่น เปลือกสองชั้นนั้นซ้อนทับกันอยู่ จึงอาจจะทำให้ก้ามชุดใหม่มีการขึ้นผิดรูป บางทีอาจถึงขั้นเสียชีวิต แต่หากพลั้งเผลอไปแต่น้องกุ้งยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ต้องตกใจฟูมฟาย รอลอกคราบครั้งต่อๆ ไปก็แล้วกัน หวังว่าคงกลับมาดีดังเดิมในไม่ช้าครับ

 

ความรู้เชิงวิชาการ เกี่ยวกับการลอกคราบของกุ้ง

     องค์ประกอบหลักของเปลือกส่วนใหญ่ประมาณมากกว่า 75% จะเป็นไคติน ที่เหลือจะเป็นพวกแร่ธาตุ เกลือ โปรตีนและไขมัน โดยขบวนการลอกคราบของกุ้งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุกุ้ง, ปริมาณสารอาหารที่ จำเป็น, ความสมบูรณ์ของแหล่งน้ำและตัวกุ้ง รวมทั้งผลกระทบเชิงลบต่างๆ ที่ชะงักการกินอาหารของกุ้ง ในช่วงระหว่างที่กุ้งลอกคราบจะมีความแตกต่างกันในแต่ละระยะ ดังนี้

การเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาที่เกิดขึ้นในวงจรการลอกคราบ

1.ระยะก่อนการลอกคราบ (Premolt) มีการเปลี่ยนแปลงคือ
ปลาย ระยะก่อนการลอกคราบกุ้งจะไม่กินอาหาร จะสังเกตได้ว่ากุ้งเริ่มกินอาหารไม่หมด แต่กุ้งจะดึงสารอาหารและพลังงานจากอาหารที่สะสมไว้ที่ตับมาใช้แทน การสร้างคราบใหม่ จะเริ่มสร้างไคตินจากอาหารที่สะสม ไกลโคเจนที่ถูกสะสมไว้จะลดลงเนื่องจากถูกนำไปสร้างไคตินในการพัฒนาให้ เปลี่ยนเป็นเปลือกใหม่ ในระยะนี้จะพัฒนาเข้าสู่ระยะลอกคราบเร็วหรือไม่ขึ้นอยู่กับปริมาณสารอาหาร ที่จะพัฒนาเป็นเปลือกใหม่

หากกุ้งได้รับสารอาหารและเปลี่ยนเป็นไคติ นได้มากก็จะลอกคราบได้เร็ว แต่ในกรณีหากเกิดปัญหาการกินชะงัก หรือสารอาหารไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนให้อยู่ในรูปไคติน ในเปลือกใหม่ช่วงระยะเวลาในการลอกคราบ ก็จะยืดออกไป3-5 วัน ระยะนี้ความต้องการออกซิเจนของเซลล์จะเพิ่มมากขึ้น จะมีการดูดซึมพวกแร่ธาตุและสารอินทรีย์ต่างๆ ที่สะสมอยู่ที่เปลือกเก่ากลับเข้าสู่ร่างกาย โดยผ่านระบบเลือด ทำให้คราบเก่าอ่อนนุ่มลง

2. ระยะลอกคราบ (Intermolt) มีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
ใน ระยะนี้กุ้งจะหยุดการเคลื่อนไหว กิจกรรมต่างๆ เริ่มลดลง ปริมาณกลูโคส, โปรตีนและไขมัน ในเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากกุ้งต้องใช้พลังงานมากในการลอกคราบ เมื่อลอกคราบเสร็จแล้วจะมีการดูดซึมน้ำเข้าสู่ร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยดูดซึมจากกระแสเลือดและเนื้อเยื่อของร่างกาย ระยะนี้จะสั้นมากเพราะเป็นระยะที่อันตรายที่สุดในวงจรชีวิต มักพบการสูญเสียกับกุ้งที่สะสม สารอาหารไม่เพียงพอ กุ้งลอกคราบไม่ออก ลอกคราบติด เปลือกนิ่ม ตัวกรอบแกรอบ และมักกินกันเอง

3. ระยะหลังการลอกคราบ (postmolt)
หลัง จากการถอดคราบสมบูรณ์แล้ว การสะสมแคลเซียมก็เริ่มต้นทันทีเพื่อช่วยเร่งการแข็งตัวของเปลือก ระยะนี้จะมีการดึงน้ำและแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกายมากที่สุด เพื่อเพิ่มขนาดและน้ำหนักของร่างกาย มีการสะสมแคลเซียมที่ บริเวณคราบชั้นนอก เมื่อเปลือกเริ่มแข็งก็จะเริ่มมีการเคลื่อนไหว และเริ่มกินอาหารเพิ่มขึ้น หลังจากระยะพักจากการลอกคราบ คราบใหม่แข็ง

หลัง การเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเสร็จสมบูรณ์ อาหารที่กุ้งกินในแต่ละวันจะเริ่มเพิ่มมากขึ้น อาหารที่กินเข้าไปจะถูกใช้ไปในการดำรงชีวิตประจำวัน ส่วนที่เหลือจะถูกเปลี่ยนไปให้สะสมในตับ อยู่ในรูปของสารอาหารพวก โปรตีน ไขมัน และ ไกลโคเจน เพื่อเป็นอาหารและพลังงานสำรองในการเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของสารที่จำเป็นใน การสร้างเปลือกใหม่อีกครั้ง ด้วยกลไกทางธรรมชาติ กุ้งจะรู้ตัวเองว่าสารอาหารต่างๆ ที่สะสมไว้เพียงพอ สำหรับการลอกคราบแล้ว การกินอาหารจะเริ่มลดลงเล็กน้อยและเตรียมเข้าสู่ระยะลอกคราบอีกครั้งเป็น วัฏจักรเช่นนี้ตลอด

ช่วงความถี่ ในการลอกคราบแต่ละครั้ง กุ้งจะมีความถี่และความห่างในการลอกคราบแต่ระยะแตกต่างกันตามอายุของกุ้ง ดังนี้
* กุ้งน้ำหนักประมาณ 2-5 กรัม (อายุประมาณไม่เกิน 30 วัน) ช่วงการลอกคราบ 6-7 วัน/ครั้ง
* กุ้งน้ำหนักประมาณ 6-9 กรัม (อายุ 1-2 เดือน) ช่วงการลอกคราบ 7-8 วัน/ครั้ง
* กุ้งน้ำหนักประมาณ 10-15 กรัม (อายุ 2-3 เดือน) ช่วงการลอกคราบ 9-10 วัน/ครั้ง
* กุ้งน้ำหนักประมาณ 16-22 กรัม(อายุ 3-4 เดือน) ช่วงการลอกคราบ 12-13 วัน/ครั้ง

ที่มา: shrimpcenter

        สามารถแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงกุ้งเครฟิชได้นะครับ

 ผมเคยตั้งกระทู้นี้แล้วดันลบผิดกระทู้ครับ ถ้าซ้ำของใครก็ขออภัยด้วยครับพักนี้ชอบมีคนถามคำถามว่ากุ้งเป็นอะัไร พอผ่านไป 2  
หรือ 3 วันก็ลอก ผมก็เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ ผมจะหาข้อมูลมาเรื่อยๆครับ ถ้าชอบก็กด like เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14/04/13, [12:44:06] โดย คนบ้ากุ้งเครฟิช »
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #1 เมื่อ: 14/04/13, [12:46:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เครฟิชคืออะไร ?

เครฟิช(Crayfish)ชื่อสามัญภาษาอังกฤษใช้เรียกกุ้งน้ำจืดจำพวกหนึ่งมีรูปร่างโดยรวมลำตัวใหญ่ เปลือก
หนาก้ามใหญ่แลดูแข็งแรงมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ,ทวีปยุโรป, โอเชียเนียและบริเวณใกล้เคียง
เช่นอีเรียน จายา และเอเชียตะวันออก ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานเครฟิชไปแล้วกว่า 500 ชนิดซึ่งกว่าครึ่ง
นั้นมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือแต่ก็ยังมีอีกหลายร้อยชนิดที่ยังไม่ได้รับการอนุกรมวิธานอีกทั้งหลาย
ชนิดยังมีความหลากหลายทางสีสันมากอีกด้วย(variety)สำหรับในประเทศไทยไม่มีกุ้งในลักษณะเครฟิช
ซึ่งกุ้งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่สุดที่พบในประเทศไทยคือ กุ้งก้ามกราม(Macrobrachium rosenbergii)
ซึ่งในลักษณะกุ้งก้ามกรามนี้ ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า prawn
 
เครฟิชนั้นสามาถแบ่งออกได้เป็น 2วงศ์ใหญ่ๆดังนี้
 
• Astacoidea ซึ่งเป็นวงศ์ใหญ่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรป สามารถแบ่งเป็นวงศ์ย่อยได้อีก 2 วงศ์คือ Astacidae และ Cambaridae โดยในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาเหนือมีการค้นพบเครฟิชมากกว่า 330 ชนิด ใน 9 สกุล ทั้งหมดอยู่ในวงศ์ Cambaridae ส่วนวงศ์ Astacidae พบในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ เครฟิชจำนวนมากพบในที่ราบต่ำที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและออกซิเจนที่ผุดออกมาจากน้ำพุใต้ดิน
เครฟิชชนิดที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงศ์นี้คือ Procambarus clarkii โดยรวมแล้วเครฟิชในวงศ์นี้ มีรูปร่างใหญ่ ไม่มีกรี มีลักษณะเด่นคือ ก้ามมีหนาม ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 20 เซนติเมตร
 
 
• Parastacoidea ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคโอเชียเนียและอีเรียน จายามีการค้นพบเครฟิชมากกว่า 100 ชนิดในภูมิภาคนี้ เครฟิชที่เป็นที่รู้จักได้แก่สกุล Cherax หรือในบ้านเรานิยมเรียกว่ากุ้งสาย C ได้แก่ Cherax tenuimanus, Cherax quadricarinatus, Cherax destructor, Cherax preissii ฯลฯ เครฟิชในวงศ์นี้ก้ามจะไม่มีหนาม และลักษณะของก้ามจะป่องออกต่างไปจากวงศ์Astacoideaแต่มีที่หนีบสั้นและเล็กกว่า ขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 30-40 เซนติเมตร
 
กุ้งเครย์ฟิชที่วัยรุ่นนิยมเลี้ยง
 
คือ กุ้งเครย์ฟิช สโนไวท์ จะเป็นกุ้งสีขาว บลูสปอร์ตเป็นสีฟ้า ไบรต์ออเรนจ์สีส้ม และอะเรนนี่สีน้ำเงิน ราคาที่จำหน่ายในท้องตลาดมีตั้งแต่ 300-2,000 บาท ต่อตัว แต่หากซื้อไปเลี้ยงเป็นคู่ โดยเฉพาะกุ้งเครย์ฟิชสีน้ำเงินหรืออะเรนนี่ จำหน่ายคู่ละ 3,500บาท เพราะสีน้ำเงินเป็นสีที่นิยมและหายากในขณะนี้

        สำหรับผู้อ่านที่สนใจเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชสามารถหาซื้อได้ตามตลาดสัตว์น้ำทั่วไปเมื่อต้องการเลือกซื้อ
มาเลี้ยงต้องดูความแข็งแรงของตัวกุ้งด้วย หากเห็นว่ากุ้งนั้นไม่ปราดเปรียวหรือเชื่องช้า ก็อย่าเลือกซื้อมาเลี้ยง เพราะเป็นกุ้งที่ไม่แข็งแรง ถ้านำมาเลี้ยง อยู่ได้ไม่นานก็อาจตายได้ ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อกุ้งตัวที่มีสีเข้มทั้งตัว ไม่มีอาการเซื่องซึม ก้ามทั้ง 2 ข้าง ต้องเท่ากัน มีขาครบทุกข้าง และที่สำคัญอย่าลืมให้ความรัก ความใส่ใจกับสัตว์เลี้ยงด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ที่มา : http://student.nu.ac.th/jame_pug/Netpro/crayfish.html  ครับ
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #2 เมื่อ: 14/04/13, [12:51:12] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กุ้ง สายP กับ กุ้ง สายC คืออะไร

    http://www.mornorfishclub.com/forum.php?mod=viewthread&tid=147&page=1     เว็บนี้บอกถึงชนิดและสายพันธุ์ต่างๆของเครฟิชครับ มันมีรูปพอผมลงก็มีแต่ข้อความรูปภาพไม่มา งั้นก็รบกวนเข้าไปดูที่เว็บนี้เลยครับ    [on_018]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #3 เมื่อ: 14/04/13, [12:57:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

  วันนี้ขอฝากกระทู้นี้ทิ้งท้ายครับ เรื่องความแตกต่างระหว่างเดสทรัคเตอร์ กับ บลูเพิล ครับ

http://aqua.c1ub.net/forum/lite.php?topic=135236.0   ตามเคยครับ มีรูปมาด้วยมาแต่ข้อความรูปไม่มาครับ  [on_051]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #4 เมื่อ: 14/04/13, [12:58:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

      ถ้าใครชอบอย่าลืมกด like เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณล่องหน้าสำหรับคนที่กด like ครับ  [เจ๋ง]
mc2029 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #5 เมื่อ: 14/04/13, [19:02:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กระทู้ดีครับได้รู้อะไรอีกเยอะเลยครับ

  แต่ขอถามนิดนึงครับ

คือ ผมซื้อกุ้งสายc ขนาด1นิ้วมาครับ มันประมาณกี่เดือนอะครับจะได้คำนวณถูกว่ามันจะลอกคราบกี่ครั้ง

เพราะที่บ้านไม่มีตาชั่งละเอียดและตอนซื้อไม่ได้ถามคนขายว่าอายุกี่เดือนอะครับ

                                             ขอบคุณครับ beg1
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #6 เมื่อ: 14/04/13, [20:43:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กระทู้ดีครับได้รู้อะไรอีกเยอะเลยครับ

  แต่ขอถามนิดนึงครับ

คือ ผมซื้อกุ้งสายc ขนาด1นิ้วมาครับ มันประมาณกี่เดือนอะครับจะได้คำนวณถูกว่ามันจะลอกคราบกี่ครั้ง

เพราะที่บ้านไม่มีตาชั่งละเอียดและตอนซื้อไม่ได้ถามคนขายว่าอายุกี่เดือนอะครับ

                                             ขอบคุณครับ beg1

    อันนี้ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันครับ บางตัวโตช้า บางตัวโตเร็ว บางตัวก็เป็นสนิมโตช้าครับ ลองไปถามคนขายเอาละกันครับ ผมไม่รู้จริงๆครับ ขอโทษด้วยครับที่ให้คำตอบที่ดีไม่ได้ครับ   [on_008]
miyamura ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #7 เมื่อ: 14/04/13, [20:58:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กุ้งบางตัว ก็แคระแกร็นครับ ถ้าเลี้ยงเยอะๆจะเห็น ตัวที่กินน้อยๆ ไม่ค่อยโตเหมือนตัวอื่นก็มี
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #8 เมื่อ: 14/04/13, [21:07:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กุ้งบางตัว ก็แคระแกร็นครับ ถ้าเลี้ยงเยอะๆจะเห็น ตัวที่กินน้อยๆ ไม่ค่อยโตเหมือนตัวอื่นก็มี

   ขอบคุณที่ช่วยผมตอบครับ   [เจ๋ง]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #9 เมื่อ: 14/04/13, [21:09:55] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

      ใครอยากแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับกุ้งเครฟิชได้นะครับ ละเอียดยิ่งดีครับ
ณัฐ Yabby House ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #10 เมื่อ: 14/04/13, [22:44:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เพิ่มเติมค่ะ
กุ้งน้ำหนักประมาณ 2-5 กรัม     ไซส์1.0-1.8นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 6-9 กรัม     ไซส์2.0-2.5นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 10-15 กรัม  ไซส์2.5-3.0นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 16-22 กรัม  ไซส์3.0-3.5นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 22-30 กรัม  ไซส์3.5-4.0นิ้ว
 [on_055]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #11 เมื่อ: 15/04/13, [10:45:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เพิ่มเติมค่ะ
กุ้งน้ำหนักประมาณ 2-5 กรัม     ไซส์1.0-1.8นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 6-9 กรัม     ไซส์2.0-2.5นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 10-15 กรัม  ไซส์2.5-3.0นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 16-22 กรัม  ไซส์3.0-3.5นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 22-30 กรัม  ไซส์3.5-4.0นิ้ว
 [on_055]

     ขอบคุณครับที่ช่วย ผมไม่เคยชั่งเลยครับ  [เจ๋ง]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #12 เมื่อ: 15/04/13, [11:03:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

  บางคนเลี้ยงม้าลายแต่ไม่มีข้อมูล ข้อมูลได้คงช่วยได้มากไม่ก็น้อยครับ

การเลี้ยงกุ้งม้าลาย

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=CZeHgjOmvCI#t=0s  ( วิดีโอ )

กุ้งม้าลายหรือ Zebra Crayfish หรือบางที่เรียกว่า Tiger Lobster นั้น เป็นกุ้งเครฟิช ที่ได้มีการนำมาจำหน่ายกันอย่างยาวนานในบ้านเรา โดยผู้ที่ชื่นชอบเจ้ากุ้งเครฟิชชนิดนี้นั้น สามารถที่จะหาซื้อได้อย่างสม่ำเสมอที่ตลาดขายสัตว์น้ำยอดฮิต เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร , ตลาดนัด สนามหลวง 2 เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า มีผู้ประสบความสำเร็จ ในการเลี้ยง จนได้ลูกได้หลานของกุ้งชนิดนี้ ไม่มากรายนัก และหลายๆคนก็พบว่า กุ้งทยอยตายจากกันไป ภายในเวลาไม่นาน จนอาจจะทำให้หลายคน รู้สึกท้อถอยในการเลี้ยง ไปเหมือนกัน

โดยในส่วนตัวแล้ว การเลี้ยงกุ้งชนิดนี้นั้น ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก แต่ก็คิดว่าไม่ถึงกับยากจนเกินไปนักครับ หลักๆ ก็คือ ต้องมีการคัดเลือกกุ้งที่มีความสมบูรณ์ ในการนำมาเลี้ยง ซึ่ง กุ้งม้าลาย ที่วางจำหน่าย โดยทั่วๆไปนั้น หลายๆร้าน มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์นัก ทำให้ผู้เลี้ยงเมื่อนำมาเลี้ยงแล้ว ไม่ประสบความสำเร็จ โดยในการเลือกกุ้งม้าลายไปเลี้ยงนั้น ก็มีหลักในการคัดเลือกเช่นเดียวกับกุ้งเครฟิชอื่นๆ เช่น ต้องดูในส่วนของความสมบูรณ์ของระยางค์ต่างๆ ก้าม , ขาเดิน ตรวจสอบในส่วนของบาดแผลตามลำตัว ว่า มีมากหรือไม่ มีอาการของโรคต่างๆ ปรากฏหรือไม่ กุ้งมีอาการซึม ไม่ร่าเริง ไม่กระปรี้กระเปร่าหรือไม่ ซึ่งแม้ว่า จะไม่ถึงกับเป็นการการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่ากุ้งที่เราจะซื้อมานั้น จะรอดได้อย่างแน่นอน แต่ก็ทำให้มีเปอร์เซ็นต์ ในการเลี้ยงรอดที่มากขึ้นครับ

ในส่วนของการเลี้ยงนั้น เนื่องจากกุ้งม้าลาย เป็น กุ้งที่ค่อนข้างจะขี้อาย แต่ จะมีความก้าวร้าวต่อกันไม่มากนัก หากเปรียบเทียบกับกุ้งเครฟิชอีกหลายๆชนิด ทำให้ สามารถเลี้ยงรวมกันได้ดีพอสมควร อย่างไรก็ตาม ควรจะจัดที่หลบภัยให้กับเขาได้หลบภัย อย่างเพียงพอ ต่อปริมาณกุ้ง ภายในตู้ สามารถตกแต่ง ด้วยหิน หรือ กรวดธรรมชาติได้ ในกรณีที่ต้องการใช้ทราย หรือ หินแบบละเอียด ควรมั่นใจ ว่ามีระบบกรองที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เนื่องจากอาจจะเกิดการสะสมของเสียในชั้นหิน หรือ ทรายได้ง่าย หรือไม่ก็ใช้การปูบางๆ เอาก็ได้ครับ ในช่วงแรกอาจจะเน้นการให้อาหารสด เช่น เนื้อปลา , เนื้อกุ้ง หรือ ใส่หอยน้ำจืด หรือ สาหร่าย ให้เขากินก่อน ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน มาให้เป็นอาหารเม็ดก็ได้ครับ จากประสบการณ์ในการเลี้ยงของผม พบว่า ในช่วงแรกๆ กุ้งที่นำเข้ามาใหม่มักจะลอกคราบอยู่เสมอ ๆ อาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงที่แตกต่างไปจากสถานที่เดิมๆ ที่เขาถูกจับมาก็เป็นไปได้ ดทำให้การเสริมแร่ธาตุ และ วิตามินด้วยวิธีต่างๆ ในช่วงแรกๆ ของการเลี้ยงค่อนข้างจะเป็นสิ่งจำเป็น และ สังเกตได้ว่าเขาจะค่อนข้างชอบกินหอยน้ำจืดฝาเดียว ขนาดเล็กๆ แต่พอลอกคราบไปแล้ว ก็สามารถปรับให้กินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้ง สามารถฝึกให้กินอาหารเม็ดสำหรับกุ้งจมน้ำได้โดยไม่ยากครับ ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว การเลี้ยงต่างๆ ก็ง่ายขึ้นมากแล้วล่ะครับ ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยง น้องกุ้งม้าลายนะครับ

ที่มา : http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=meogui&date=25-12-2011&group=1&gblog=58     [on_018]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #13 เมื่อ: 15/04/13, [11:08:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

   ถ้าใครวื้อกุ้งมาเพราะรัก พอซื้อมาก็นึกได้ว่าไม่ได้ศึกษาอะไรเลย ( ผมเคยครับ ซื้อมาเพราะรักและเอ็นดู ) โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินของเค้าไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ( เหมาะกับสาย p ครับ )

    มาหาอาหารให้น้องกุ้งเครฟิชกันเถอะ
มาหาอาหารให้น้องกุ้งเครฟิชกันเถอะ
   ในวันนี้ เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับการหาอาหารให้น้องกุ้งเครฟิชกินกันครับ บางท่าน เมื่อถูกใจน้องกุ้งเครฟิชแล้ว และ ซื้อหามาแล้ว แต่ยังไม่รู้เลยว่า อาหารสิ่งใดที่จะเหมาะสมที่สุดสำหรับเขา หรือบางท่านเป็นมือใหม่ ด้วยใจรักจึงซื้อมา แต่ยังไม่รู้จะให้อะไรเขากินดี ฟังๆดูอาจจะเหลือเชื่อว่าเอ๊ะ ทำไมซื้อสัตว์เลี้ยงมาตัวหนึ่ง ผู้คนถึงนึกกันไม่ออกว่า จะให้อะไรมันกินดี แต่คำถามแนวๆนี้ กลับเป็นคำถามที่พบได้บ่อยมากๆในบอร์ดเกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้ง นับเป็นกระทู้ยอดฮิตแนวหนึ่งเลยขอรับ กับคำถามแนวๆ ที่ว่า “ จะให้น้องกุ้งเครฟิช กินอะไรกันดีเนี่ย ? “ มาวันนี้ กระผมจึงได้หยิบยกนำอาหารที่น่าสนใจ มาเป็นข้อมูลให้กับพี่ๆน้องๆที่สนใจการเลี้ยงกุ้งเครฟิชดูครับ 
   อาหารกุ้ง / อาหารปลา จมน้ำ
    เมื่อยามที่ได้น้องกุ้งมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะให้อะไรกิน  บางท่าน ก็อาจนึกถึงอาหารปลาที่ลอยๆน้ำ  ที่คนขายบอกว่าให้ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วอาหารปลาส่วนใหญ่นั้น ถ้ากุ้งสามารถหยิบถึง ก็สามารถกินได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว อาหารปลาลอยน้ำ กุ้งไม่สามารถดีดตัวไปหยิบกินได้ง่ายๆ หรืออาจจะไม่ได้เลย แล้วพออาหารอืดตกลงมาที่พื้น ส่วนใหญ่ กุ้งก็จะไม่ชอบกิน หรือ ไม่กินแล้ว และน้ำในที่เลี้ยงก็มักจะขุ่นเสียได้ง่าย ถ้ามีอาหารเหลือตกค้างในระบบเยอะๆ นอกจากนี้ แร่ธาตุส่วนใหญ่ ยังไม่เหมาะสมกับตัวของกุ้ง เหมือนกับอาหารที่ทำมาให้กุ้งโดยเฉพาะอีกด้วย แต่ว่าก็มีอาหารปลาหลายๆชนิดที่สามารถให้กุ้งกินเป็นอาหารเสริมได้เช่นกัน ซึ่งก็สามารถใช้เป็นอาหารเสริมให้กับน้องกุ้งได้เช่นกันครับ เช่น อาหารที่มีส่วนประกอบของตะไคร่น้ำ เช่น อาหารสำหรับปลาแพะ หรือ ปลาซัคเกอร์  , อาหารจมน้ำที่มีโปรตีนสูง เช่น อาหารสำหรับปลากินเนื้อแบบจม เป็นต้น ซึงเมื่อเราให้ควบคู่ไปกับการให้อาหารกุ้งตามปกติแล้ว ก็จะเป็นการดี กับตัวกุ้งมากขึ้นครับ เพราะจะได้สารอาหารหลากหลายชนิดมากกว่าเดิม
   อาหารสดตระกูลพืชน้ำเช่น สาหร่าย , แหน , ผำ
   สาหร่ายนับเป็นอาหารที่ยอดฮิต อีกชนิดหนึ่ง สำหรับผู้ที่เลี้ยงกุ้ง  โดยที่มีผู้เลี้ยงกุ้งหลายราย นิยมให้อาหารชนิดนี้ติดเอาไว้ประจำที่เลี้ยง เนื่องจากเป็นอาหารที่มีชีวิต สามารถเติบโต ให้กุ้งกินได้เรื่อยๆ ถ้ากุ้งมีปริมาณไม่มากเกินไปนัก เป็นอาหารยามว่างให้กุ้งกินเวลาที่กุ้งหิว โดยที่น้ำไม่เสีย  และ ในสาหร่าย ยังมีสารคลอโรฟิลด์ และ สไปรูลิน่า ที่มีส่วนในการกระตุ้นให้สัตว์น้ำมีสีสันสวยงามยิ่งขึ้นด้วย อีกทั้ง ถ้ามีในปริมาณที่พอเหมาะ  จะช่วยในเรื่องของคุณภาพน้ำภายในที่เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เพราะสาหร่าย สามารถดูดซึมของเสียต่างๆในระบบ นำไปเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงต้นได้ครับ
   แหน ก็เป็นพืชน้ำ ที่กุ้งเครฟิช ชอบกินเช่นกัน เป็นอาหารที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นบ้านเรา จากประสบการณ์ในการเลี้ยงของกระผมพบว่า แหนเป็นพืชน้ำที่กุ้งชอบกินอีกชนิดหนึ่ง แต่พื้นที่ๆสามารถให้กุ้งสามารถจะกินได้ อาจจะต้องเป็นบ่อที่ลาดเอียง หรือตู้ที่น้ำไม่สูงนัก กุ้งจะสามารถกินได้ง่ายหน่อย
  ผำ  เป็นพืชน้ำขนาดเล็กที่สุดในโลก มีเบต้า แคโรธีน สูงมาก สามารถใช้เป็นอาหารเร่งสีกุ้ง หรือ ปลา ได้เป็นอย่างดี ในวงการๆเลี้ยงปลาสวยงาม เช่น ปลาทอง นิยมใช้กันมาก แต่สำหรับการนำมาใช้กับกุ้งนั้น อาจจะเหมาะสมสำหรับอ่างเลี้ยงบางประเภท เช่นอ่างปูนซีเมนต์ ที่กุ้งอาจจะปีนข้างอ่างมากินได้ง่าย แต่ถ้าเป็นตู้กระจกแล้ว กุ้งอาจจะปีนมากินได้ลำบาก ยกเว้นมีการจัดที่เลี้ยง ให้กุ้งมีที่ปีน เช่น ขอนไม้สูงๆ อย่างไรก็ตาม สามารถนำผำ มาเป็นพืชน้ำ ประดับในที่เลี้ยง และ ช่วยในเรื่องของคุณภาพน้ำได้เช่นกันครับ นับว่าเป็นประโยชน์ทางอ้อมอีกทางหนึ่งครับ
   อาหารสด ตระกูลสิ่งมีชีวิต
   หนอนนก , หนอนยักษ์ เป็นอาหารที่ยอดฮิต อีกหมวดหมู่หนึ่ง สำหรับผู้เลี้ยงน้องกุ้งในบ้านเรา อาหารชนิดนี้นั้น จัดเป็นอาหารที่มีโปรตีน และมีไขมันสูง ผู้เลี้ยงสามารถนำวิตามิน มาคลุกกับผัก แล้วเอาให้หนอนนกกิน ก่อนนำไปให้กุ้งทานได้ครับ แต่การให้หนอนนก เป็นอาหารกุ้ง อาจจะดูโหดร้ายซักหน่อย สำหรับ ผู้เลี้ยงที่ใจอ่อน และ บางคน ( เช่นกระผม ) ก็อาจจะไม่ถูกโรคกับบรรดาตัวยึกยือเท่าไหร่  พอจับๆ สัตว์พวกนี้แล้วรู้สึกสยิวในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ก็อาจจะไม่ใช้ แต่ก็จัดว่าเป็นอาหารสด ที่หาได้ง่าย และ ปลอดภัยจากเชื้อโรคอีกชนิดหนึ่งครับ อย่างไรก็ตาม การให้หนอนนกเป็นอาหาร อาจจะเหลือพวกเศษซาก หรือ เศษเปลือกต่างๆ ในระบบ  ดังนั้นควรจะหมั่นช้อนออก และ ในที่เลี้ยง ควรจะมีระบบกรองที่ดีในระดับหนึ่ง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำครับ 
    ไส้เดือนน้ำ  เป็นอาหารสด ที่กุ้งชื่นชอบมากอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีกลิ่นคาวสูง อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงควรทำการฆ่าเชื้อโรคก่อน โดยการนำไปแช่ด่างทับทิมเจือจาง ซักระยะ แล้วล้างออกให้หมด ก่อนนำไปให้กุ้งครับ  อาหารชนิดนี้ มีข้อด้อยตรงการเก็บรักษา ซึ่งทำได้ไม่นานนัก ต้องหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ แต่เป็นอาหารที่เหมาะสมมากๆ สำหรับกุ้งในทุกวัย โดยเฉพาะ กุ้งในวัยอ่อน และ กุ้งขนาดเล็ก
    หนอนแดง  อาหารสดสำหรับกุ้งยอดฮิตอีกชนิดหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง  เนื่อง จากหาซื้อได้ง่าย และ มีราคาประหยัด เป็นอาหารที่มีกลิ่นคาวสูง เป็นที่ชื่นชอบของกุ้ง อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรซื้อหนอนแดงกักตุนเอาไว้เป็นปริมาณมากๆ เนื่องจากอาจจะเกิดอาการเสื่อมคุณภาพได้ง่าย อีกทั้งควรจะเลือกซื้อจากเจ้าที่เชื่อถือได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการได้หนอนแดงที่ไม่มีคุณภาพ และ มีสิ่งปนเปื้อนที่สูง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อน้องกุ้งได้ครับ
   ไรทะเล  เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่ง ที่หลายๆคนนิยมให้น้องกุ้งทาน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้ปริมาณมาก เพราะหากเมื่อเขาตายแล้ว กุ้งเก็บกินไม่หมด อาจจะเกิดสภาวะน้ำเน่าเสียเฉียบพลันได้ และ ก่อนให้ควรล้างน้ำเกลือให้สะอาด เพราะเกลือ ถ้ามีมากๆในน้ำที่เลี้ยงกุ้ง อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้กุ้งลอกคราบ ในตอนที่ยังไม่ค่อยพร้อมได้ครับ  ส่วน ไรน้ำจืด นั้นมีขนาดเล็ก กุ้งค่อยข้างที่จะเก็บกินลำบาก และ กะปริมาณได้ยาก มีโอกาสทำให้น้ำเสียได้ง่าย ทำให้ไม่อยากแนะนำให้นำมาเป็นอาหารกุ้งซักเท่าใหร่ครับ  นอกจากนี้ยังมีเพรียงทะเล ซึ่งจัดได้ว่าเป็นอาหารบำรุง กุ้งที่ดีมากๆ เพราะนอกจากจะมีโปรตีนและมีคุณค่าทางอาหารที่สูงแล้ว  ยังมีสรรพคุณช่วยในการบำรุงระบบสืบพันธุ์ของกุ้ง และ สัตว์น้ำ หลายๆชนิดได้ครับ แต่ข้อจำกัดก็คือ เพรียงทะเล แบบสดๆ หาได้ยาก มีราคาสูงพอสมควร อีกทั้งเพรียงทะเลยังมีรูปร่างลักษณะ ที่อาจจะทำให้หลายๆคน ขยะแขยง ไม่กล้าให้ ซึ่งในจุดนี้ ปัจจุบันเห็นมีผู้ผลิตอาหารเสริมสำหรับกุ้งบางราย มีการผลิตเพรียงทะเล ในลักษณะการสกัดเป็นผงบ้างแล้ว น่าจะทำให้คนที่รักน้องกุ้งเครฟิช สามารถจัดหามาบำรุงน้องกุ้งแสนรักของตัวเองได้ง่ายขึ้นครับ
   ส่วนอาหารเสริมอื่นๆ เช่น พวกวิตามิน  , สาหร่ายสไปรูลิน่า ทั้งแบบผง และ แบบน้ำ และ อาหารเสริมอื่นๆ ปัจจุบัน มีการพัฒนาไปมาก สำหรับผู้ที่ต้องการนำมาบำรุงกุ้ง แม้ส่วนใหญ่ จะพัฒนา เพื่อนำมาใช้ในการเลี้ยงกุ้งแคระ ที่มีราคาสูง เช่น พวกกุ้งเรดบี แต่ก็สามารถซื้อหา มาใช้ผสมอาหารเลี้ยงน้องกุ้งเครฟิชได้อย่างสบายครับ เอาล่ะครับ ที่นี้ ทุกท่านคงจะได้แนวความคิดในการเลือกอาหารที่เป็นประโยชน์ ให้กับน้องกุ้งเครฟิช ของตัวเองแล้ว  กระผมก็ขอให้ทุกท่าน มีความสุขในการเลี้ยงและดูแลน้องกุ้งนะครับ แล้วพบกันใหม่ในฉบับหน้า สวัสดีครับ
เครดิต : กษิดิศ วรรณุรักษ์ & นิตยสาร Fish Max

ที่มา : http://board.postjung.com/560953.html     [on_066]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #14 เมื่อ: 15/04/13, [11:17:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

      กระทู้ความรู้สุดท้ายของวันนี้ครับ ใครเลี้ยงเครฟิชแล้วคงอยากให้มันผสมพันธุ์ แต่ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก วันนี้ผมเลยหามาให้อ่านกันครับ

การเพาะพันธุ์กุ้งเครย์ฟิช (ผสมพันธุ์)

การเพาะพันธุ์ กุ้งเครย์ฟิช

มาคุยกันถึงเรื่องการผสมพันธุ์ สำหรับกุ้งเครย์ฟิชนั้นสามารถทำการผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีครับ ผู้เลี้ยงสามารถขยายพันธุ์กุ้งเครย์ฟิชในตู้เลี้ยงได้ง่ายๆ ไม่ต้องมีเทคนิคพิเศษอะไรมากมาย เหมือนกับการเพาะพันธุ์ปลาหางนกยูงนั่นแหละครับ เพียงแค่ปล่อยตัวผู้และตัวเมียที่ถึงวัยเจริญพันธุ์ให้อยู่ด้วยกัน โดยเลือกตัวที่แข็งแรง อายุประมาณ 6-7 เดือนขึ้นไป ก็สามารถเป็นพ่อแม่พันธุ์ที่ดีได้ แต่ต้องดูเนื้อที่ด้วยนะครับ ว่ากว้างขวางพอสำหรับกุ้งหรือไม่ มิเช่นนั้นจากการที่จะหนีบเพื่อผสมพันธุ์ อาจกลายเป็นหนีบเพื่อแย่งที่อยู่ แบ่งถิ่น แบ่งดินแดนกันก็ได้ครับ

การผสมพันธุ์ของกุ้งเคร์ฟิชก้ามใหญ่นั้น เริ่มโดยการที่ตัวผู้จะเข้าประกบตัวเมีย บางตัวอาจเข้าทางด้านหลังแบบตีท้ายครัว หรือบางทีอาจเข้าซึ่งๆ หน้า อันนี้ก็แล้วแต่กุ้งหนุ่มน้อย ว่าจะมีเทคนิคแพรวพราวอะไรมามัดใจสาวครับ จากนั้นเจ้าหนุ่มน้อยก็จะจัดการพลิกลำตัวแฟนสาวให้หงายท้อง จากนั้นก็จะเข้าประกบไว้ในลักษณะท้องชนท้อง หันหัวไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อส่งผ่านถุงน้ำเชื้อไปฝากไว้กับตัวเมีย กระบวนการที่กุ้งทั้งสองตัวนอนกอดกันแน่นนี้จะยาวนานหลายนาที ตั้งแต่ 2-10 นาที โดยประมาณ (กุ้งเครย์ฟิชสาย P จะยาวนานกว่า 10 นาที ในขณะที่สาย C จะกินเวลาสั้นกว่า เพียงแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น) หลังจากนั้นภารกิจของตัวหนุ่มน้อยหัวใจซาบซ่าก็สิ้นสุดลงอย่างสมอารมณ์หมาย ผู้เลี้ยงสามารถย้ายกุ้งตัวเมียไปยังตู้อนุบาลเลยก็ได้ เพื่อเป็นการเตรียมที่อยู่สำหรับลูกกุ้งในอนาคต หลังจากนั้นตัวเมียจะผลิตไข่ไว้บริเวณขาว่ายน้ำ

http://www.tomyfarm.com/images/nude001.gif

หลังจากนั้นอีกไม่นาน เนื้อเยื่อบางๆ ที่หุ้มถุงน้ำเชื้อที่กุ้งตัวผู้ได้นำมาฝากไว้ก็จะสลายลงปล่อยสเปิร์มเพื่อ ให้ ไข่ได้รับการปฏิสนธิ และหลังจากที่ไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว ตัวเมียจะหาที่หลบซ่อนนอนนิ่งไม่ยอมกินอะไร ระยะเวลาที่ตัวอ่อนใช้ในการพัฒนารูปร่างนั้นจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ปริมาณอาหาร และคุณภาพน้ำ แต่โดยเฉลี่ยไข่จะพัฒนาจนเป็นตัวอ่อนที่มีหน้าตาเหมือนโตเต็มวัยภายใน 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้นลูกกุ้งจะถูกปล่อยให้ว่ายน้ำเป็นอิสระ

ในการผสมพันธุ์ในแต่ละครั้งแม่กุ้งสามารถให้ลูกได้ตั้งแต่ 50 – 400 ตัวเลยทีเดียว ซึ่งพ่อแม่กุ้งนั้นค่อนข้างเป็นพ่อแม่ที่ดีโดยจะไม่มีพฤติกรรมกินลูกกุ้ง เป็นอาหาร แล้วตัวลูกกุ้งเองก็มักจะอาศัยไม่ไกลจากพ่อแม่ของมันนัก เพื่อที่จะคอยเก็บกินเศษอาหารที่เหลือจากพ่อแม่นั่นเอง

http://www.tomyfarm.com/images/naked005.gif

การอนุบาลตัวอ่อน

- อาหาร
ตัวอ่อนของกุ้ง เครย์ฟิชจะมีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตรโดยจะกินเศษอาหารเป็นหลัก ผู้เลี้ยงสามารถให้อาหารเสริมเช่น ไส้เดือนฝอย ไรทะเล หรืออาหารประเภทเนื้อสัตว์อย่างอื่น อาทิ เนื้อปลา เนื้อกุ้งฝอยสับละเอียด แต่ควรระวังอย่าให้อาหารเหลือ เพราะน้ำจะเน่าเสียได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้เลี้ยงควรจะให้อาหารอย่างเพียงพอเพราะตัวอ่อนจะมี พฤติกรรมกินกันเอง เนื่องจากมีจำนวนมาก และกุ้งตัวเล็กนี้ก็ลอกคราบบ่อยซะด้วย

- ที่อยู่
ผู้เลี้ยงควรเปลี่ยนใหม่ทุกวัน วันละประมาณ 20-30% และตู้อนุบาลลูกกุ้งควรมีพื้นที่และวัสดุหลบซ่อน เช่นเดียวกับการเลี้ยงดูตัวเต็มวัย โดยใส่รากไม้ ขอนไม้ กระถางต้นไม้ หรือท่อพีวีซี ลงไปเยอะๆ เพื่อเป็นที่หลบซ่อน เนื่องจากในช่วงเดือนแรกของชีวิตลูกกุ้ง จะทำการลอกคราบบ่อยมาก ทุกครั้งที่ลอกคราบและลำตัวอ่อนนิ่ม ก็จะมีโอกาสถูกลูกกุ้งตัวอื่นๆ กินเป็นอาหาร

เมื่อลูกกุ้งมีอายุได้ประมาณ 30 วัน จะเริ่มแสดงสีสันของตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม สีอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการเติบโตไปตามวัย ความอ่อนความเข้มของสียังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ถ้าเลี้ยงดี อาหารดี สีสันก็สดใสขึ้นไปอีกได้ครับ

ที่มา : http://www.tomyfarm.com/library/archives/26     [on_026]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #15 เมื่อ: 15/04/13, [11:18:01] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

  ถ้าใครชอบกระทู้ผมอย่าลืมกด like นะครับ              [เจ๋ง]
Tong~ ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #16 เมื่อ: 15/04/13, [11:19:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


สำหรับบทความดีๆ  [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #17 เมื่อ: 15/04/13, [11:42:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


สำหรับบทความดีๆ  [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง]


   ขอบคุณครับ   [เจ๋ง]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #18 เมื่อ: 15/04/13, [13:45:30] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

   ขอบคุณสำหรับที่กด like ให้ครับ ไว้ผมจะหาความรู้มาให้อ่านเยอะๆเลยครับ     [เจ๋ง]
mc2029 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #19 เมื่อ: 15/04/13, [19:31:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เพิ่มเติมค่ะ
กุ้งน้ำหนักประมาณ 2-5 กรัม     ไซส์1.0-1.8นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 6-9 กรัม     ไซส์2.0-2.5นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 10-15 กรัม  ไซส์2.5-3.0นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 16-22 กรัม  ไซส์3.0-3.5นิ้ว
กุ้งน้ำหนักประมาณ 22-30 กรัม  ไซส์3.5-4.0นิ้ว
 [on_055]

ขอบคุณมากครับจะได้คาดคะเนง่ายขึ้น [เจ๋ง]
mc2029 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #20 เมื่อ: 15/04/13, [19:39:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ละพี่เจ้าของกระทู้กด LIKE ให้พี่ยังไงครับ กระทู้พี่มีประโยชน์ดีละบางอย่างผมก็เพิ่งเจอที่กระทู้พี่นี้แหละ

กด LIKE ยังไงครับผมคลิกที่ LIKE ไม่เห็นมีให้กดเลย รบกวนสอนหน่อยครับ

*ละที่ผมข้อความส่วนตัวหาพี่ ที่จะให้พี่สอนว่ากด LIKE ยังไงทำไมไม่ตอบครับ ผมไม่ใช่พวกฟอร์มหรือกวนนะ

ผมไม่รู้จริงๆ ถ้าข้อความส่วนตัวหาไม่สะดวก ก็สอนผ่านกระทู้พี่ได้เลยนะครับ*

หรือใครจะกรุณาสอนว่ากด LIKE ยังไงก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ เจอกระทู้ดีๆเยอะแยะจะได้กดให้เขาบ้าง

                                    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ beg1
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #21 เมื่อ: 15/04/13, [21:04:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ละพี่เจ้าของกระทู้กด LIKE ให้พี่ยังไงครับ กระทู้พี่มีประโยชน์ดีละบางอย่างผมก็เพิ่งเจอที่กระทู้พี่นี้แหละ

กด LIKE ยังไงครับผมคลิกที่ LIKE ไม่เห็นมีให้กดเลย รบกวนสอนหน่อยครับ

*ละที่ผมข้อความส่วนตัวหาพี่ ที่จะให้พี่สอนว่ากด LIKE ยังไงทำไมไม่ตอบครับ ผมไม่ใช่พวกฟอร์มหรือกวนนะ

ผมไม่รู้จริงๆ ถ้าข้อความส่วนตัวหาไม่สะดวก ก็สอนผ่านกระทู้พี่ได้เลยนะครับ*

หรือใครจะกรุณาสอนว่ากด LIKE ยังไงก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ เจอกระทู้ดีๆเยอะแยะจะได้กดให้เขาบ้าง

                                    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ beg1

   เพิ่งสมัครยังกดไม่ได้ครับ พอกด like ได้ค่อยกดให้ผมก็ได้ครับ ขอบคุณครับที่จะกด like ให้ครับ แต่อย่าเรียกผมว่าพี่ดีกว่าครับ ผมอายุ 12 เองครับ     [เจ๋ง]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #22 เมื่อ: 15/04/13, [21:27:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

   เพิ่งสมัครยังกดไม่ได้ครับ พอกด like ได้ค่อยกดให้ผมก็ได้ครับ ขอบคุณครับที่จะกด like ให้ครับ แต่อย่าเรียกผมว่าพี่ดีกว่าครับ ผมอายุ 12 เองครับ     [เจ๋ง]

   ผมจำไม่ได้นะครับว่าระยะเวลาเท่าไหร่ผมจำไม่ได้ครับ แต่น่าจะ 3  หรือ  4   สัปดาห์มั้งครับ  ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ   [on_065]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #23 เมื่อ: 16/04/13, [19:11:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

วันนี้ผมขอโทษจริงๆครับ ผมไปเล่นสงกรานต์ถึงเย็น กลับมาก็จัดตู้กุ้งกับล้างตู้ใหม่ วันนี้ผมเลยไม่ว่างหาข้อมูลมาลงครับ ผมขอโทษจริงๆครับ   [on_008]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #24 เมื่อ: 17/04/13, [12:16:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

      วันนี้เกี่ยวกับการลออุณหภูมิตู้ปลาแบบง่ายๆครับ จากปกติ 33.5 พอทำอุณหภูมิเหลือ 28.6 เองครับ เฉลี่ยแล้วตกตู้ละ 165 บาทเองครับ ไปดูวิธีทำกันเลยครับ

สวัสดีครับ ผมเป็นนักเลี้ยงปลามือใหม่ครับ ตอนนี้อากาศร้อนมากเลยครับ กลางวัน 35 - 36 ได้เลยครับ ลองโทรไปถาม หรือ ศึกษา ข้อมูล มาหลายครั้ง ก็เลยได้วิธี ครับ เลยเอามาให้ดูครับ ***ขอขอบคุณพี่ BANKKY และพี่ชัยยุทธ ให้คำปรึกษา ขอบคุณครับ สำหรับพี่ ใจดี ไม่ลืมเลยครับ

ตู้ผม 36*24*24 2ตู้เลยครับ ช่วยกัน 2 คนครับ ใช้เวลาทำ 1 ช.ม (ทำกับ ผ.บ ที่บ้าน)

อุปกรณ์ สำหรับ ตะแกรง ตู้ปลา

1.ตะแกง 20 บาท เลือกสีเขียวน่ะครับ อันเล็ก ปลาผมเล็ก กลัวใหญ่ไป แล้วปลาโดด มาตายมีประสบการณ์แล้วครับ 2.ท่อ pvc ขนาดเล็ก 150 บาท 4ชิ้น ตัดขนาด ตู้ ยาว3F สี่ชิ้น ข้าง 4 ชิ้น 18 นิ้ว 2 ตู้น่ะครับ 3.ที่รัด เส้นขาวๆๆ 40 บาท 4.ใบเลื่อยตัด ท่อ 30 บาท 5.ดินน้ำมัน 50 บาท =270 บาท (หาร 2 เหลือ 135 ต่อ ตู้ครับ)

พัดลมนี้ซื้อ ที่อมรได้เลยครับ

1.พัดลม 120 บาท 24v 2 ชิ้น =240 บาท 2.สายไฟ ต่อจากพัดลม อันละ 30 บาท 2 ชิ้น =60 บาท 3.ที่พัน สายไฟ สีดำ 30 บาท 1 ชิ้น =30 บาท =330 บาท (หาร 2 เหลือตู้ละ 165 บาท)

ผม ไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับสายไฟเลยครับ เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ทำครับ เอามีดคัตเตอร์ตัด แล้วพัน มือ 2 ข้าง ตามเส้น แค่นี้ก็เสียบ ปลั๊กติดเลยครับ Wow สิ่งอัศจรรย์ของโลก ง่ายๆ ครับ เหลือแค่ว่าติดไฟ เดี่ยวจะหาวิธีทำ มาบอกน่ะครับ อุณหภูมิ ลดได้ใจผมมากเลยครับ33.5 เหลือ แค่ 28.5 เดี่ยว ราคาถือว่าไม่แพงครับ กับฝาตู้ผมทำเอง
   ภาพก่อนทำครับ
http://www.arohouse.com/data/wbs/pictures/000002356/pic-1270662515.jpg

    ภาพตอนทำเสร็จแล้วครับ
http://www.arohouse.com/data/wbs/pictures/000002356/pic-1270662656.jpg

   หรือเข้าไปที่เว็บเอาเลยครับ มีรายละเอียดและภาพมากกว่านี้ครับ

ที่มา : http://www.arohouse.com/wbs/?action=view&id=000002356
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #25 เมื่อ: 17/04/13, [12:17:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ถ้าใครชอบกระทู้ผมอย่าลืมกด like นะครับ       [on_018]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #26 เมื่อ: 21/04/13, [14:31:56] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

พักนี้ผมไม่ค่อยได้เล่น เนื่องจากจะเปิดเทอมผมต้องอ่านหนังสือ ผมจึงไม่ค่อยได้เล่น ต้องขออภัยอย่างสูงครับ    [on_008]
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #27 เมื่อ: 17/05/13, [09:05:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กลับมาแล้วครับ หลังจากที่หายไปนาน  ้hahaha
Quark ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #28 เมื่อ: 21/05/13, [00:26:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อยากรู้ว่ากุ้งเคระแคระ กับ เครฟิชปกติ ต่างกันยังไงอะครับ
คนบ้ากุ้งเครฟิช ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #29 เมื่อ: 31/05/13, [18:47:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อยากรู้ว่ากุ้งเคระแคระ กับ เครฟิชปกติ ต่างกันยังไงอะครับ

  ต่างกันที่ขนาดครับ นิสัยจะดุน้อยกว่า รู้สึกว่าสามารถเลี้ยงรวมกับไม้น้ำได้มั้งครับ    [on_018]
หน้า: 1 2  ทั้งหมด   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: