หลายๆครั้งเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตะไคร่ เรามักจะนึกถึงวิธีการแก้ปัญหาที่เร็ว และง่ายที่สุด ซึ่งก็ไม่พ้นการใช้ยากำจัดตะไคร่ (ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ) เพียงแต่บางครั้ง เราไม่เข้าใจในวิธีใช้ ก็อาจเกิดผลกระทบกับต้นไม้ และ สิ่งมีชีวิตในตู้ได้ครับ บางครั้งการนำสัตว์น้ำควบคุมตะไคร่ มาใช้กำจัดตะไคร่ ซึ่งก็แน่นอน มันมักจะมาช้าไปเสมอ เพราะกว่าจะรู้ตัวกันก็เกิดตะไคร่ซะมากแล้ว จึงทำให้ดูเหมือน สัตว์น้ำเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรได้ทันกับอัตราการบลูมได้เลย โดยส่วนมากแล้วท่านๆจึงแนะนำให้ใส่สัตว์น้ำเหล่านั้นในเวลาที่เหมาะสม (คือเริ่มมีก็เริ่มใส่ หรือใส่ก่อนที่กำลังจะเกิด) ปัญหาของเราๆท่านๆก็คือ อ้าวแล้วเราจะรู้ไดไงว่าควรจะใส่ตัวไหนตอนไหน แล้วต้องใส่กี่มากน้อยเท่าไหร่ถึงจะพอ ผมตอบได้เลยครับ มือใหม่ๆไม่รู้หรอกว่าต้องใส่ตัวไหนเมื่อไหร่ เพราะไม่รู้ว่าตะไคร่ตัวไหนกำลังจะมา

หอยเขา ยามาโตะ กุ้งเชอรี่

Otocinclus
อันที่จริงแล้วตะไคร่ทุกชนิดมันมีสาเหตุเฉพาะของมันครับ ตะไคร่แต่ละชนิดจะบอกถึง ปัจจัยต่างๆในระบบ ที่เรามีน้อยไป หรือมากเกิน มิหน้ำซ้ำบางตัวเราก็สามารถคาดหวังไว้ได้เลยว่ามันจะมาเมื่อไหร่ ดังนั้นเราก็จะ ไม่มากก็น้อยรู้บ้างว่าเราควรเพิ่มหรือลดปัจจัยเหล่านั้น เพื่อควบคุมตะไคร่ชนิดนั้นๆ
วิธีที่ผมตั้งใจจะพูดซะมากกว่าก็คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะให้สารอาหาร และความสำคัญของระบบกรอง มือใหม่ๆนั้นมักจะไม่รู้แน่นอนว่าเราควรเริ่มให้สารอาหารเมื่อไหร่ คือรู้แต่ไม่รู้ชัด ที่ผ่านมาผู้รู้จึงมักจะบอกว่า 1 เดือนขึ้นไป คือหลักการคร่าวๆ ถ้าพูดให้ละเอียดขึ้นอีกนิดก็ เมื่อต้นไม้ปรับตัวได้ เมื่อรากเริ่มแตก เมื่อยอดใหม่เริ่มผลิ บางครั้งเราจะได้รับคำแนะนำว่าเราควรจะให้ เมื่อเริ่มเห็นอาการความถดถอยในการเจริญเติบโตของต้นไม้ (เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้เพิ่มสารอาหารส่วนเกินเข้าไปในในระบบ) และเริ่มให้จากน้อยไปมาก (ซึ่งถูกต้อง และ ดีที่สุด) แต่ในทางกลับกันมันก็อาจเป็นช่องโหว่ให้มือใหม่ๆได้ เพราะทิ้งระยะไว้นานเกิน หรือเร็วไป และให้สารอาหารในปริมาณที่ผิด ให้เร็วให้ผิด เหลือสารอาหารในระบบเกิน, ให้ช้าไปต้นไม้โทรม ตะไคร่ก่อตัวอย่างเร็ว ก็ต้องมาพะวงกับแก้ปัญหาเรื่องตะไคร่ก่อน เพราะอาการถดถอยในการเจริญเติบโตของต้นไม้ กับการมาของตะไคร่นั้น มันเป็นอาการต่อเนื่องกัน ที่นี้พอใส่ยา ลดชั่วโมงไฟ การลดสารอาหารเลยไปกันใหญ่ ต้นไม้ก็แย่ ตะไคร่ก็ไม่หมดไป ถ้อแท้ หมดไฟ ใจเย็นๆครับ โปรดฟังทางนี้

เครดิต: http://www.aquariumslife.com/aquascaping/fertilizers-and-co2/aquarium-plants-deficiency/
Potassium
ปุ๋ยชนิดที่ควรมีไว้ตั้งแต่ตั้งตู้ได้ซัก2 อาทิตย์ คือ K โปแตสเซี่ยมครับ K มีคุณสมบัติในการสร้าง และซ่อมแซม ราก ลำต้น ให้กับต้นไม้ และที่สำคัญ ไม่เคยมีใครพาดพิง K ว่ามีส่วนให้เกิดตะไคร่ ไม่ว่าชนิดไดๆ ดังนั้นการให้ในปริมาณที่สมควรจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ ส่วนตัวผมว่ายี่ห้อไหนก็เหมือนกัน ให้แบบ Dry (K2SO4) ก็ยังได้ เมื่อต้นไม้มีราก ก็ชนะไปกว่าครึ่งแล้วครับ อย่างไรก็ตามการเริ่มให้ K ในช่วงเวลานี้ จะเป็นช่วงเวลาที่ตะไคร่สีน้ำตาลปรากฏขึ้นเช่นกัน มันเป็นตะไคร่ชนิดแรกเสมอ มาก่อนใคร ไปก่อนใคร จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณ Silicate และระบบกรองครับ ตะไคร่น้ำตาลคือตัวบ่งบอกว่ากรองเราเซ็ทตัวหรือยังครับ มันจะมาตัวแรกเลย และจะหมดไปเมื่อกรองเราเซ็ท แบบข้ามคืน แล้วหมดไปเลย ไม่กลับมาอีก เพราะฉนั้นต้องทำให้ระบบกรองเซ็ทตัวให้เร็วที่สุด ไม่เพียงแต่ใส่แบคทีเรียลงไปเท่านั้น แต่ต้องหาอาหารให้มันกินและเติบโตให้ได้มาก และในเวลาอันสั้นที่สุดด้วยครับ การเลือกปลูกไม้ข้อ โตเร็ว เพื่อการเกิดซากหมักหมมและเพิ่มกำลังผลิตปริมาณอ๊อกซิเจน เร่งการเกิดของแบคทีเรียและไนโตรเจนไซเคิ้ล จึงเป็นสิ่งที่ควรทำครับ
Nitrogen
เราจะสังเกตได้ชัดเจน เมื่อตะไคร่สีน้ำตาลหมดไป การเจริญเติบโตของต้นไม้จะก้าวกระโดดและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้นเป็นเพราะแอมโมเนียได้ถูกแปรรูปเป็น N ที่มีผลเร่งการเจริญเติบโตของ ลำต้น และ ใบ ปริมาณของเสีย ซากหมักหมมที่เพิ่มขึ้น เป็นสัดส่วนโดยตรง กับจำนวนแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้น และ N ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นในตู้ไม้น้ำจึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่ม N ซักเท่าไหร่ครับ แต่ก็ไม่แปลกแต่อย่างได หากในตู้ที่เริ่มตั้งใหม่ที่มีการไหลเวียนของน้ำทั่วถึง แต่สัตว์น้ำน้อยหรือไม่มี ที่จะมีตะไคร่บลูกรีน เพราะไอ้เจ้าตัวนี้มีความสามารถพิเศษในการจับเอา ปริมาณไนโตรเจนอันน้อยนิดในระบบมาใช้ การให้ปุ๋ย N เสริมจึงมีความจำเป็นในกรณีตะไคร่บลูกรีนเท่านั้น ซึ่งควรจะถูกกำจัดโดยการดูด และเก็บออกให้มากที่สุดก่อนอื่นไดครับ

ตะไคร่น้ำตาล และ บลูกรีนบลูมเมื่อตั้งตู้ใหม่

สองเดือนให้หลัง หลังจากให้ปุ๋ยอย่างเป็นระบบ
Phosphorus
อย่าไปซีเรียสกับเค้าครับ ส่วนใหญ่มีแล้วอยู่ในส่วนผสมของอาหารปลา ส่วนใหญ่คนเลี้ยงไม้น้ำจะกังวลกับตัวนี้ โดยกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของตะไคร่หลายๆตัวครับ ผมเฉยๆนะ เพราะไม่เคยใส่ตรงๆ แต่รู้ว่ามันต้องมีอยู่บ้างมันถึงจะดี ส่วนตัวแล้วเลือก ปุ๋ยสำเร็จที่มี P ผสมมาพร้อมกับ Traces ครับ
Traces และ Fe
ธาตุอาหารรอง และ เหล็กนี้มีความสำคัญมากครับ อย่ามองข้าม เริ่มให้เมื่อครบเดือน และให้อย่างต่อเนื่องครับ ให้ทุกวันยิ่งดี เนื่องจากปุ๋ยเหล็กจะคงอยู่ไม่นาน และจะสลายตัวไป จึงไม่มีประโยชน์แต่อย่างไดหากจะให้ทีละมากๆนานๆที เหล็ก(Fe) มีบทบาทอย่างยิ่งต่อสุขภาพ และ สีสันของพืชน้ำ [color#FFBB55]ไม่เฉพาะแต่ไม้แดงนะครับ[/color] โดยฉพาะอย่างยิ่งในตู้ไม้น้ำที่ใช้แสงสว่างมาก และ มีการให้ CO2, และเมื่อระยะเวลาผ่านไป เราก็มักจะพบว่ามีความจำเป็นต้องเพิ่มเติมเจ้าธาตุเหล็กนี้เข้าไปอีกครับ

เครดิต: http://www.aquabotanic.com/?p=171&upm_export=print
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องมีควบคู่ไปกับการให้ปุ๋ย คือต้องมีระบบกรองที่สมบูรณ์ครับ คนส่วนมากจะมองข้ามความสำคัญของกรอง แต่จะพะวงกับการปรับปริมาณแสงสว่าง และ CO2 เมื่อประสบปัญหาการบลูมของตะไคร่ จริงอยู่ความไม่สมดุลระหว่างแสง และ CO2 มีผลต่อการเกิดตะไคร่ ซึ่งผมได้เคยพูดไปแล้วก็จะไม่ขอฉายซ้ำ แต่อันที่จริงเรากลับลืมให้ความสำคัญกับกรอง เพราะความสัมพันของกรองเป็นอัตราส่วนต่อปริมาณน้ำในตู้แต่เพียงอย่างเดียวเมื่อเริ่มต้น ไม่ได้เกี่ยวพันกับปัจจัยอื่นได เพราะฉนั้นเราก็ควรทำให้กรองมีประสิทธิภาพเหมือนแรกเริ่มเดิมให้มากที่สุดตลอดระยะเวลาการตั้งตู้
ผมบอกอยู่ตลอดว่ากรองควรมีอัตราการไหลเวียนของน้ำต่อชั่วโมงเป็นอย่างน้อย 6 เท่าของปริมาณน้ำในตู้ และมีที่อยู่แบคทีเรียที่มากพอ ไม่ได้รู้เองหรอกครับ จำ George Farmer มา ปัญหาคือบ่อยครั้งที่กรองถูกละเลย ปล่อยให้อุดตัน ทำให้ประสิทธิภาพลดลง ตะไคร่พวก เขากวาง, ขนเขียว, เส้นผม นี้หละครับ เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีทีเดียวว่าตู้เรา สารอาหารเกินบ้าง ของเสียแอมโมเนียเกินบ้าง เปลี่ยนน้ำ50 % แล้ววันต่อมาค่อยล้างกรองด้วยน้ำในตู้ ทำความสะอาดข้อต่อต่างๆ (ส่วนใหญ่มันตันตรงนั้นหละครับ) เปลี่ยนน้ำต่อเนื่อง เชื่อไม๊จะเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดภายใน 7 วันว่าตะไคร่เหล่านั้นลดลง
ตอบไว้ในกระทู้แต่เป็นทริคส่วนตัวครับ ใครอยากลองเอาไปใช้ก็ยินดีครับ
จะเอาชนะตะไคร่ต้องให้ต้นไม้เป็นตัวต่อสู้ครับ วิธีที่ผมใช้คือการให้ปัจจัยทุกอย่างๆเต็มที่ครับ ไม่กั๊ก ไม่ลดชั่วโมงไฟ การลดสารอาหาร, แสง, CO2 คือการลดการเจริญเติบโตของต้นไม้ สิ่งที่จะเกิดเสียมากกว่าคือต้นไม้ก็ไม่โต ตะไคร่ก็ไม่ตาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมั่นใจว่ากรองเราเซ็ทแล้วนะครับ ให้สารอาหารเต็มที่ เน้น K และ Traces ไฟแรงพอประมาณ เปิดไฟ7-8 ชั่วโมง, CO2 แรง (ดูอาการสัตว์น้ำประกอบด้วยนะครับ) ผมเอาโรทาล่านี้หละเป็นตัววัด มันคายฟองเมื่อไหร่ คือทุกอย่างมันได้ผล เพราะไม้คลุมดินมันสังเกตยากกว่าครับ เปิดไฟอีกวันเห็นมันโตขึ้น นั้นหละครับ ชัดเจน (ต้นไม้มีอัตราการเจริญเติบโตช่วงพักมากเป็นเท่าตัว ในขณะที่สังเคราะห์แสง) สำคัญคือเปลี่ยนน้ำทุกวันเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรเกินในระบบครับ ตรงนี้หละที่ย้ำว่าทำไมกรองมีความสำคัญ และต้องเซ็ท ที่นี้พอต้นไม้โต ตะไคร่จะเริ่มจำกัดชนิดลง เราก็จะสามารถปรับเพิ่มลดปัจจัยต่างๆได้แม่นยำขึ้นครับ เพราะอย่างที่ว่าไว้ข้างต้น การมีอยู่ของตะไคร่ทุกชนิดจะบอกเราได้อย่างค่อนข้างแม่นยำถึงสิ่งที่เราขาดหายไป หรือมีมากเกินครับ หลักๆ ก็ประมาณนี้หละครับ

[วิ่งชิลๆ]HAPPY AQUASCAPING TO ALL [วิ่งชิลๆ]










