Aquascape Name : | Cloud forest |
Inspiration | Cloud Forest at Kew MaePan@Inthanon and Yakushima forest@Yakushima Island |
Decoration Equipment | Driftwood and Volcanic Rock |
Tank Dimension | W60×D30×H45 cm. |
Base Substrate | Power Sand Special |
Substrate | Black Earth Premium |
Filtration System | Eheim2213 with Mr.Aqua |
Lighting System | Fluoresent D.I.Y. Lekise T5HE14W*6 10 Hr. a day |
CO2 System | Pressure 2-3 Bps. |
Liquid Fertilizer | ADA Green Gain, Brighty K, Green Brighty Step I |
Flora | Taxiphyllum sp. (Flame moss), Vesicularia ferriei(Weeping Moss), Minipearl Moss, Taxiphyllum sp. Spiky Moss, Marsilea quadrifolia Riccia sp. ‘Dwarf’, Hemianthus Callitrichoides, Grossostigma Elatinoides, Rotala Mexicana ‘Goias’, Rotala Rio de Janeiro, Rotala sp.’Green’, Hairgrass mini |
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกครั้งที่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไร(จริงๆแล้วก็ยุ่งๆเรื่องอื่นอยู่)
มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เลยต้องเริ่มเสียที จะทันไม่ทันก็แล้วแต่บุญแต่กรรมเช่นเคย [ซีดดด]
งวดนี้ขอมาแบบ Step by Step แบบเนิบๆ ละเอียดๆ(เท่าที่จะพอทำได้และไม่ลืมถ่ายรูป [เขิลลลล])
เอาไปเป็นอีกมุมมองหนึ่งในการเริ่มจัดตู้สำหรับหลายๆคนที่เพิ่งเริ่มศึกษา
ที่ผมทำไม่ใช่ว่าถูกต้องนะ แค่มาเล่าให้ฟังว่าทำอะไรไปบ้าง ชอบตรงไหนจะเอาไปใช้ก็ไม่ว่าตรงไหนไม่ดีก็ข้ามๆไป [ไอ้แว่น]
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เริ่มดีกว่า อันดับแรกก็ต้องล้างตู้ให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นตู้เก่าก็สอ่งไฟดูให้ละเอียดๆว่าไม่มีรอยขนแมว
หรือถ้ามีอยู่ก็หมุนไปอยู่ด้านหลังซะจะได้ไม่รำคาญสายตา เพราะรอยเล็กๆน้อยๆที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเนี่ย
พอเติมน้ำลงตู้แล้วจะเห็นชัดมากๆเลย ถึงตอนนั้นมันจัดเสร็จไปแล้ว แก้ไขอะไรก็ไม่ทันแล้วละ asspain
ต่อมาก็วัดระดับความเอียงของตู้ให้ดี อย่าให้เอียงซ้ายขวาหน้าหลังได้
จริงอยู่ว่าตู้เล็กๆอาจไม่ซีเรียสมากนัก แต่ก็ควรใช้คติปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
โดยเฉพาะการวางบนขาตู้ที่เป็นพวกเฟอร์ราคาถูก(แบบที่ผมใช้)ยิ่งต้องระวัง
เพราะการถ่ายน้ำหนักที่เกิดจากความเอียงของตู้เพียงเล็กน้อย ในระยะยาวอาจทำให้ขาตู้รับน้ำหนักไม่ไหวได้

ตู้นี้ตั้งใจไว้ว่าจะต้องมีการยก(อุ้ม)ตู้ไปมาและวางหินในหลายๆตำแหน่ง เลยตัดสินใจว่าควรจะมีแผ่นโฟมบางๆ
เอาไว้รองไม่ให้หินกระทบกับตู้โดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้ความแหลมคมของหินไปกดลงที่กระจกและอาจทำให้ร้าวได้

ต่อมาก็รองวัสดุรองพื้น ที่เอาไว้เป็นที่อยู่ของแบ็คทีเรีย(เพื่อย่อยสลายของเสีย)ใต้วัสดุปลูก
บ้างก็ใช้พัมมิสคลุกแบ็คฯและปุ๋ยรองพื้น บ้างก็ใช้วัสดุรองพื้นแบบสำเร็จรูปที่มียี่ห้อ
ส่วนตู้นี้ผมใช้ ADA Power Sand มือสอง ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่ามันไม่มีแบ็คฯเหลืออยู่แล้วสิเพราะมันเป็นของมือสอง
มุมนึงก็ใช่ แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ใช่ครับ เพราะว่าก่อนที่ผมจะเอามาใช้นั้นผมรันน้ำไว้ในตู้อีกใบหนึ่งอยู่ตลอด
ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน ผมจึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องโรยแบ็คฯอื่นๆลงไปเหมือนกรณีตั้งตู้ใหม่ๆ
และการรองก็จะไม่ปาดจนเรียบ เพราะการโรยแบบนี้จะช่วยเรื่องสโลปและประหยัดการใช้ดินได้ด้วย


สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มจัดตู้ ผมแนะนำมากๆเลยนะครับที่ควรจะหาวัสดุอะไรสักอย่างที่ไม่ส่งผลกับค่าน้ำ ไม่กร่อน
เอามากั้นระหว่างวัสดุรองพื้นกับวัสดุปลูก (บางคนอาจเอาวัสดุรองพื้นใส่ไว้ในถุงเลย แต่ผมใช้ตาข่ายมุ้งลวดเพราะสะดวกดี)
ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้รื้อตู้ได้ง่าย วัสดุทั้งสองจะไม่ปนกัน การนำมาใช้ใหม่อีกครั้งจะทำได้ง่ายมากๆ
เชื่อว่าคนที่เพิ่งเริ่มจัดตู้แรกๆจะร้อนวิชาและรื้อตู้ค่อนข้างบ่อย เนื่องจากหลายๆปัจจัย

คราวนี้ก็มาถึงวัสดุปลูกซึ่งก็เลือกใช้กันไปแล้วแต่งบประมาณ, ความถนัด และความชอบส่วนตัว
ซึ่งตู้นี้ผมใช้ดิน Black Earth Premium รุ่นปกติ

จากนั้นก็เริ่มวางวัสดุตกแต่งตามที่ได้เตรียมของและเตรียมใจไว้ ดูเหมือนผมจะลืมพูดเรื่องเส้นแนวตั้งไป 036
นั่นคือเส้นที่เป็นจุดมาร์คตำแหน่งของจุดสนใจที่ผมตั้งใจไว้ ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
เพราะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ไม่มาก(อย่างผม)นั้น เราควรจะมีหลักบางอย่างที่เอาไว้ตั้งต้นเสียก่อน
จะให้ไปพริ้วไหวไหลไปตามจินตนาการแล้วทำออกมาได้ดีตามที่คิดไว้ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก
ซึ่งเส้นด้านซ้ายก็คือตำแหน่ง Golden Ration ที่เยื้องไปทางซ้าย
อีกเส้นหนึ่งก็คือตำแหน่ง Golden Ration เช่นกัน แต่จะเยื้องไปทางขวา(ซึ่งปกติในตู้หนึ่งๆมักจะมีเพียงจุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น
แต่ตู้นี้ผมไม่ได้ต้องการเน้นที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ จึงขอทดลองโดยให้มันมีถึงสองจุดดู)
ลองอ่านเรื่องนี้ได้ในบทความของคุณ Porch ครับ http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=9882.0
ส่วนนี่คือภาคภาษาอังกฤษ โดยทีม CAU http://cau-aquascape.net/en/cau-study-room/11-maintenance-knowledge/56-talking-about-aquascape-focus-and-golden-rule

จากนั้นก็วางส่วนประกอบที่เหลือไปเรื่อยๆตามใจอยาก


รูปต่อไปจะสังเกตเห็นสองอย่างคือ หินก้อนที่สวยที่สุด(สำหรับผม)จะอยู่ในตำแหน่ง Golden Ration ทางด้านซ้าย
ซึ่งถ้าตู้นี้เป็นตู้ Iwagumi ก็ถือว่าหินก้อนนี้ไม่สมควรที่จะเป็นหินหลักและไม่มีความโดดเด่นพอ
แต่ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่เกินไปในตู้ลักษณะอื่นๆ และการอยู่ในตำแหน่งตรงนี้ก็ต้องเลือกให้ดีเท่าที่จะทำได้จากของที่มี
อย่างที่สองก็คือ อีกหนึ่ง Golden Ratio นั้นคือส่วนของเส้นนำสายตาที่อยากให้รู้สึกถึงความลึกของตู้ใบนี้
จะเห็นว่าทั้งสองนั้นไม่ได้ถือว่ายิ่งใหญ่หรือมีพลังอะไรนัก แต่ก็น่าจะเพียงพอให้เกิดความสนใจและดึงดูดสายตาได้บ้าง
ในมุมกลับกัน โดยมากสายตาของคนเรามักจะไปเริ่มที่ตำแหน่งแถวๆนั้นก่อนไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
(ถ้าตู้ใบนั้นๆไม่ได้มีจุดสนใจที่โดดเด่นมากๆอยู่ในบริเวณอื่น)
ซึ่งถ้าไม่ใส่ใจในตำแหน่งเหล่านี้ ก็อาจถือได้ว่าเป็นความพลาดใหญ่หลวงทีเดียวในการวางเลย์เอาท์

หลายๆท่านอาจแย้งว่าตู้ที่ฉันจัดก็สวยได้ไม่เห็นต้องสนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนี้เลย ซึ่งผมก็ยอมรับในจุดนี้
เพราะพี่ๆน้องๆที่จัดตู้เก่งๆที่ผมรู้จักหลายคน เค้าก็ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้กันมากนัก บางคนก็ไม่สนใจเลย
ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่านั่นเป็นเพราะพี่ๆน้องๆเหล่านั้นมีทักษะทางศิลปะที่ดีอยู่ในตัวอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
จึงไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้
แต่สำหรับคนที่อ่อนแอทางศิลปะมากๆโดยเฉพาะคนที่มาจากสายวิทย์-คำนวน(แบบผม)นั้น
ผมว่าการเริ่มต้นจากหลักการเล็กๆน้อยๆที่หยุมหยิบแบบนี้จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการรื้อตู้จัดใหม่ได้มากทีเดียว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จุ๊ๆๆ อย่าไปบอกใครนะ ขอแอบเอาเวลางานมาอัพเพิ่มเสียหน่อย [เขิลลลล]
เสียดายที่ข้ามขั้นตอนบางอย่างไปเสียได้ เอาว่าสิ่งที่ข้ามไปคือ
* การทดลองวางเลย์เอาท์อันนี้ต้องทำตั้งแต่แรกเลยนะ แนะนำให้หาวัสดุอะไรที่ไม่ใช่ดินมาใช้ในการทดลองวางดูก่อน
เพราะในการวางเลย์เอาท์อาจต้องมีการบิดนู่นบิดนี่ กดหิน/ขอนไม้ไปมา มันจะทำให้ดินที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆแตกเป็นผงได้
ข้อเสียคือพอใส่น้ำจะทำให้น้ำขุ่นง่าย ปุ๋ยในดินละลายออกมาเร็วเกินไป
ยิ่งถ้าทดลองจัดไม่เสร็จในคราวเดียว ดินจะสูญเสียความชื้นและแห้ง คราวนี้จะเม็ดดินจะแตกง่ายเวลาโดนน้ำ
และฝุ่นจากดินที่ฟุ้งไปมาตอนจัด ถ้าทำๆแล้วพักๆก็ไม่เป้นไร แต่ถ้าทำต่อเนื่องนานๆอาจจะคันและผื่นขึ้นได้สำหรับบางคน
ปกติกก็นิยมใช้ทราย(ที่ชื้นนิดๆ)หรือไม่ก็กรวดเบอร์ 0 เพราะว่าถูกดี และแรงพยุงตัวของกรวดมันน้อยกว่าดินนิดนึง
เพราะงั้นจะเห็นเลยว่าขอน/หินที่วางไว้มันจะสไลด์หรือเปล่า
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่ะ กลับมาเดินหน้าต่อ
ก็ยังไม่วายมีอีกสิ่งที่ลืมถ่ายรูปคือขั้นตอนการพันมอส แต่คิดว่าน่าจะหาจากห้องสมุดเว็บได้ ขอข้ามไปเลยละกันนะครับ
อ้อ ขอเล่านิดนึงว่าเอ็นที่ใช้พันมอสให้ใช้เอ็นใสที่จิ๋วที่สุดที่จะหาได้(ผมใช้เบอร์ 20 จากร้านศึกษาภัณฑ์พานิชย์)
หรือถ้าพอมีงบและมันใจว่าหิน/ขอนที่ใช้จะทำให้มอสเกาะติดได้แน่ๆ ก็แนะนำ Moss Cotton ของ ADA
เพราะเมื่อเวลาผ่านไปประมาณนึงมันจะละลายไปเอง(รู้สึกว่าจะราวๆ 1.5 เดือนขึ้นไป)
กรณีนี้เหมาะกับการพันในลักษณะที่ไม่ทั่วพื้นที่ผิวของหิน/ขอน เพราะถ้าใช้วัสดุอื่นมันจะมองเห็นได้
และการมาตัดออกทีหลังจะเป็นเรื่องยุ่งยากพอดู
ต่อมาก็คือการจัดๆ ปักๆ วางๆ หิน/ขอนให้ครบตามแผนที่วางเอาไว้
ตรงไหนที่อยากโรยทรายก็โรยลงไป ที่ผมชอบทำแบบนี้เพราะอยากให้ใต้ชั้นทรายมันมีดินอยู่
เพื่อให้ต้นไม้มันวิ่งไหลลงไปได้ง่ายและเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังใ้ช้ทรายในจำนวนน้อยอีกด้วย
แล้วก็เริ่มการปักต้นไม้ โดยการปักแบบแฉะๆตามสูตรของคุณลุงอามาโน่จะทำได้ง่ายที่สุด มีข้อดีหลายอย่างเช่น
การปักแบบนี้ขณะที่ถอนฟอร์เซปออกมาจะไม่มีฝุ่นดินตามขึ้นมาด้วยผิดกับการปักตอนเติมน้ำแล้ว
ซึ่งฝุ่นดินที่ว่า สุดท้ายจะตกตะกอนลงบนใบไม้ต่างๆ หรือไม่ก็ลอยฟุ้งอยู่ในตู้ทำให้น้ำใสได้ช้า
จากนั้นก็เติมน้ำ ซึ่งจะเห็นว่าในตู้ผมนั้นยังไม่มีต้นไม้สักต้นแล้วทำไมจึงเติมน้ำเลย
นั่นเพราะว่าผมยังหาต้นไม้ตามที่คิดไว้ไม่ได้ซึ่งหากเป็นกรณีปกติก็จะทิ้งตู้ให้แห้งไว้ก่อน ได้มาเมื่อไหร่ค่อยว่ากันต่อ
แต่กรณีนี้อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่า Power Sand ที่รองพื้นอยู่นั้นได้ผ่านการรันน้ำมาเป้นเวลานานแล้ว
ถ้าปล่อยให้แห้งไปเฉยๆ แบ็คฯทั้งหลายก็จะตายลงและก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ ผมจึงต้องทำแบบนี้

ปกติการเติมน้ำที่จะทำให้น้ำใสได้เร็วและไม่มีฝุ่นตะกอนลอยไปมาให้สกปรกนั้น
เราควรจะต้องพรมน้ำลงบนผิวดินจนชุ่มเสียก่อนด้วยกระบอกฉีดน้ำฟู่ๆ เสร็จแล้วก็ลักน้ำลงมาด้วยสายยางเส้นเล็กๆ
จริงอยู่ว่าอาจจะนานเสียหน่อย แต่จงจำไว้ว่าเราทำแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวและก็ไม่ได้ทำจนน้ำเต็มตู้
การลักน้ำแบบนี้ปกติผมจะทำแค่ให้น้ำอยู่ที่ประมาณครึ่งตู้หรือ 1/3 ของตู้เป็นอย่างน้อย
จากนั้นจึงเทลงไปบนถ้วย บนกระดาษ พลาสติก หรือแม้กระทั่งเอามือรอง
สรุปว่าจะเทยังไงก็ได้ที่ไม่ให้น้ำไปกระทบผิวดินก็แล้วกัน และในที่สุดก็เต็มตู้

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ป่าเมฆ.กิ่วแม่ปาน @อินทนนท์

ํYakushima Forest @Yakushima Island

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปล.ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว อาจมีแนวคิดที่ผิดพลาดบางประการก็ขออภัยและสามารถแนะนำกันได้ครับ beg1
จะช่วยเป็นแนวทางที่ดีอย่างมากทีเดียว
credit: http://cau-aquascape.net