D.I.Y. + Homemade

[ตู้แมวน้ำ]

ชิลเลอร์ แอร์ โคม MH พวกนี้สามารถช่วยลดค่าไฟได้หรือป่าวครับ

[xricca]

ชิลเลอร์ แอร์ โคม MH พวกนี้สามารถช่วยลดค่าไฟได้หรือป่าวครับ

ได้ครับ ชิลเลอร์กับแอร์นี่ได้แน่นอน

แต่โคม MH ผมยังไม่รู้ค่า PF ของมันน่ะครับ

[~Bank~]

นอกจากทำขาย นะจะทำ แบบDIY มาให้ดูด้วยหา อิอิ
สำหรับคนชอบลองของ xxx2

[minova]

ของน้องเอ็กซ์ใช้แล้วประหยัดจริงเห็นๆไปสอยมา 2 ตัวเล็ก
ลองเชคหน่อยยูนิตต่อวันแล้วเห็นตัวเลขที่แตกต่าง
เนื่องจาก ตู้ไม้น้ำ ทั้ง 3 ตู้ รวมอยู่ห้องเดียวกัน ก็เลยง่ายที่จะเชคไฟ
ปกติจะใช้ไฟประมาณ 11 ยูนิตต่อวัน(แบบไม่ใช้แอร์)
ลองถอดอุปกรณ์ออกใช้ดู ค่าไฟตก วันละ 12ยูนิต
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าไฟอื่นๆในห้องด้วย
แต่เห็นแระว่าลดไปได้ส่วนหนึ่งจริงๆ

ตอนนี้เอาอีกตัวไปใส่ที่จุดอื่น (ตู้เย็น) แต่คงเชคยากเพราะเป็นค่าไฟโดยรวม
อีกจุดที่ไม่มี ก็ปั๊มน้ำ มันเดินทั้งวันเลย

[Revenge]

http://clubaquaplant.org/forum/index.php?topic=18762.0

[flook]

พี่ครับ ผมเป็นคนนึงที่พึ่งได้รียนวิชาไฟฟ้า ที่มหาลัยไปไม่นานนี้  อ.ท่านนึงบอกว่าไอ้ตัว c มันไม่ได้ช่วยอะไรในบ้านเราหรอกครับ เพราะว่า ที่บ้านเรามันที่แต่ watt-hour meter  คือมันวัดกันแต่กำลังไฟฟ้าที่เราใช้  ไม่เหมือนโรงงานที่จะมีอีกตัวนึงแถมมาคือ power factor meter ที่พอใส่ตัว c ลงไป เยอะ ๆ แล้วจะลดค่านี้ลงได้
อีกอย่างไอ้ที่ว่ามานั้นมันใช้ได้จริงกับบางประเทศ  ....แต่สำหรับประเทศไทย วัดค่าไปจากค่ากำลังไฟฟ้าที่ใช้จริงล้วน ๆ ครับ(ตามบ้านนะ โรงงานไม่เกี่ยว)

สรุป... 1.ใช้ลดค่าไฟได้  แต่ไม่ใช่ในบ้านเรือนของประเทศไทย  เพราะ  กฟฟ. จะคิดเงินค่าไฟตามบ้านนั้น จะเก็บตังค์จากค่ากำลังเท่านั้น  ไม่เก็บตังค์ ค่าpower factor
         2.ถ้าเป็นโรงงานซึ่งจะมี มิเตอร์ 2 ตัว  คือ 1 watt hour meter(เหมือนตามบ้าน) กับ 2.power factor meter(เฉพาะ ตามโรงงาน,มหาลัยก็มีนะ)  การใส่ ตัว
           c(ตัวเก็บประจุ) เข้าไปในวงจรไปฟ้า จะช่วยลดค่าไฟจาก power factor meter ได้ครับ

ผิดถูกประการใดช่วยชี้แนะนะครับ  แค่เพียงอยากนำความรู้ที่พึ่งเรียนมา  มาแบ่งปันกัน

[(",)ooo']

พี่ครับ ผมเป็นคนนึงที่พึ่งได้รียนวิชาไฟฟ้า ที่มหาลัยไปไม่นานนี้  อ.ท่านนึงบอกว่าไอ้ตัว c มันไม่ได้ช่วยอะไรในบ้านเราหรอกครับ เพราะว่า ที่บ้านเรามันที่แต่ watt-hour meter  คือมันวัดกันแต่กำลังไฟฟ้าที่เราใช้  ไม่เหมือนโรงงานที่จะมีอีกตัวนึงแถมมาคือ power factor meter ที่พอใส่ตัว c ลงไป เยอะ ๆ แล้วจะลดค่านี้ลงได้
อีกอย่างไอ้ที่ว่ามานั้นมันใช้ได้จริงกับบางประเทศ  ....แต่สำหรับประเทศไทย วัดค่าไปจากค่ากำลังไฟฟ้าที่ตัดค่า Power factor ออกไปครับ(ตามบ้านนะ โรงงานไม่เกี่ยว)

สรุป... 1.ใช้ลดค่าไฟได้  แต่ไม่ใช่ในบ้านเรือนของประเทศไทย  เพราะ  กฟฟ. จะคิดเงินค่าไฟตามบ้านนั้น จะเก็บตังค์จากค่ากำลังเท่านั้น  ไม่เก็บตังค์ ค่าpower factor
         2.ถ้าเป็นโรงงานซึ่งจะมี มิเตอร์ 2 ตัว  คือ 1 watt hour meter(เหมือนตามบ้าน) กับ 2.power factor meter(เฉพาะ ตามโรงงาน,มหาลัยก็มีนะ)  การใส่ ตัว
           c(ตัวเก็บประจุ) เข้าไปในวงจรไปฟ้า จะช่วยลดค่าไฟจาก power factor meter ได้ครับ

ผิดถูกประการใดช่วยชี้แนะนะครับ  แค่เพียงอยากนำความรู้ที่พึ่งเรียนมา  มาแบ่งปันกัน

 Correct! 

[(",)ooo']

ที่ขายตัวประหยัดไฟตามคลองถม ให้สังเกตุว่าที่มิเตอร์ จะมี เขียนว่า COS ? (หาสัญลักษณ์ม่ได้) คือมิเตอร์ที่คำนวณ Power factor ด้วยซึ่งจะไม่เหมือนมิเตอร์ตามบ้านครับ [ไอ้แว่น]

[ชายโขง]

เอาแบบง่ายๆน่ะครับ บ้านเราเขาก็บอกกันมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว แต่คนไทยเราไม่ค่อยจะทำกันสักเท่าไหร่ครับ ง่ายๆก็แค่ อันไหนไม่ใช้ก็เดินไปปิดมันซะ  Correct!ถึงจะไม่ได้ช่วยตัวเราเองโดยตรง ก็ช่วยชาติบ้านเมืองได้น่ะครับ หลายๆคนดับคนละ 1 อัน 2 อัน โห คิดดูซิ ถ้าทั้งชาติ ปิดช่วยกัน จะประหยัด ขนาดไหน  idea1 แล้วที่ว่ามันประหยัดขึ้น 100-200 บาท กินเหล้า ใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อย ดูดบุหรี่ เล่นการพนัน หนัก กว่านี้อีก ทำไมไม่ทำกันครับ ทั้งๆที่พวกนี้ไม่ได้เกิดประโยชน์กับตัวเราเลยน่ะครับ  shock1ไอ้แค่เรื่องประหยัดไฟง่ายกว่าอีก  [หมูส่ายหน้า]แค่เดินไปปิด กลับไม่ค่อยทำกัน เฮ้อออออออ เส้นผมบังภูเขาจริงๆเลย   [เจ๋ง]นอกเรื่องนิดครับ อยากเล่าให้ฟัง เมื่อคืนได้ดูรายการคุณ สรยุทธ เชิญ คุณอะไรสักอย่างนี่เเหล่ะ เจ้าของ ซีพี เจริญโภคภัณท์ ได้ฟัง ท่านพูดเเล้ว อึ้งเลยครับ ทำไมบ้านเมืองเรา ไม่หาคนแบบนี้ มาบริหารบ้านเมือง ครับ ท่านมีความคิดที่ดีมากๆ ช่วยคิดว่า ชาวนาทำนาเเบบไหน ได้กำไร เท่าไหร่ เราจะขายผลผลิตออกไปยังไง ถึงได้ราคา ตอนแรกผมฟังดู ยังทึ้ง ในแนวคิดของท่านเลยครับ ปลูกข้าวเฉยๆ ขายได้ตั้ง 2-3 แสนล้านบาท หลายเท่าตัวเลย ไอ้ที่ทำอยู่แบบเก่าๆมีแต่ยากจนๆลงชาวนาบ้านเรา  surrender อีกอย่างปลูกยางพารา ขายได้ 2-3 ล้านล้านบาท (ล้านๆบาทน่ะครับ)  [ปิ๊งๆๆ] ถึงว่าทำไมเขาถึงรวย ผมย้อนกลับมาคิดว่าแล้วทำไมบ้านเราไม่นำท่านเหล่านี้มาช่วยบริหารบ้านเมือง  [ไอ้แว่น]หรือ เป็นที่ปรึกษา ก็ได้  Correct! นี่อารายไปเอาแม่ครัวมาบริหารบ้านเมือง เฮ้อออออออออออออออ จะโดนแบนไหมนี่ตรู  [มือระเบิด]

[Matad]

จะอธิบายคร่าวๆให้ฟัง

ที่พูดคุยกันนี้ คือค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (Pf) มันหมายถึง ประสิทธิภาพการเปลี่ยนพลังงาน ของอุปกรณ์ที่ใช้ ไฟฟ้า ทุกชนิด

เครื่องใช้ไฟฟ้า(อะไรก็ได้ที่มันใช้ไฟฟ้าในการทำงาน) เรียกว่า โหลด (Load)

โหลด (Load) แบ่งได้เป็น 3 ชนิด (R-L-C)

   1.โหลด (Load) ที่เป็นความต้านทาน อย่างเดียว เรียกว่า โหลด (Load) R (Resistan) เช่น พวกขดลวดความร้อน ของ กาต้มน้ำ หม้อหุงข้าว เตารีด หลอดไส้(หลอดกลมๆใสๆนั่นแหละ) อุปกรณ์พวกนี้ ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้ 100% เพาเวอร์แฟคเตอร์ เท่ากับ 1  คือจ่ายไฟไป100มันก็ใช้ไฟแปลงเป็นพลังงานออกมา100 ไม่สามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโหลดประเภทนี้ ได้อีก
แต่ อุปกรณ์เครื่องใช้บางอย่าง เราไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการที่มันให้พลังงาน100 ทั้งหมด เช่น หลอดไส้ (หลอดกลมๆใสๆนั่นแหละ) เราใช้แค่แสงสว่งเท่านั้น แต่การทำแสงสว่างมันใช้ความร้อนด้วย แต่เราไม่ได้ต้องการความร้อน เราจึงเสียความร้อนไปเปล่าประโยชน์
   2.โหลด ที่เป็นขดลวดทุกชนิด รวมถึงสายไฟด้วย  เรียกว่าโหลด L  ส่วนมากก็พวก มอเตอร์ หม้อแปลง บัลลาสต์   พวกนี้ ประสิทธิภาพการเปลี่ยนพลังงานประมาณ 60%-85%  คือ จ่ายไฟ 100 มันให้พลังงานออกมา แค่ 60-85 เท่านั้น ที่หายไปมันคือค่าสูญเสีย ของ โหลด L โดยเฉพาะ   ยังไม่รวมค่าสูญเสียอื่นๆอีกเช่น มอเตอร์ เราต้องการแรงหมุนเท่านั้น แต่มัน ก็มีความร้อนที่ตัวมันที่เราไม่ใช้ไม่ต้องการ
  3.โหลด คาปาซิเตอร์ ก็พวก ต้วคาปาซิเตอร์ เรียกว่าโหลด C

อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอย่าง ในตัวมัน มีทั้ง โหลด 3 ชนิด รวมกันในตัว แต่ละอย่างมากบ้างน้อยบ้าง ให้ดู ค่า Pf ที่ตัวมันเป็นหลัก

 โหลด C กับโหลด L มันตรงข้ามกัน มันหักล้างกัน เหมือน กรด กับ ด่าง


เปรียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็แล้วกัน  ในคลับนี้ คงรู้จักเข้าใจค่า PH ดี (กรด-กลาง-ด่าง) การปรับค่า PH  ถ้าต้องการ กลาง  และถ้ามันเป็นกรด ก็เดิมด่าง  ถ้ามันเป็นด่างก็เติมกรด  เพื่อให้ได้ ค่ากลาง ใช่ไหม

ในทางไฟฟ้า ก็เช่นกัน  ต้องการ Pf เท่ากับ 1 (ประสิทธิภาพการเปลี่ยนพลังงาน ให้ได้ ใกล้ๆ 100% มากที่สุด)  เมื่อ มีโหลด L มากๆ ก็ เอาโหลด C ไป คร่อม เพื่อหักล้างกัน ให้ได้ Pf ใกล้ๆ 1  จึงเป็นการ ลดการสูญเสียพลังงานได้ นี่คือที่มาของตัวช่วยประหยัดค่าไฟที่ทำออกมาขาย ครับ

มิเตอร์

1.มิเตอร์ ตามบ้าน มี 2 แบบ
1.1 แบบเดิมๆ คิดค่า พลังงาน จากที่ จ่ายให้เรามา เป็น กิโลวัตต์/ชม.(ยูนิตหรือหน่วย)คิดแบบอัตราก้าวหน้า
1.2แบบใหม่(ของไฟฟ้านครหลวงขอติดตั้งได้ถ้าค่าไฟต่อเดือนสูงมากพอ)คิดเป็นช่วงเวลาด้วย

2.มิเตอร์ แรงสูง ของพวกโรงงาน ที่มีหม้อแปลงของตัวเอง  จะคิดค่าพลังงานเหมือน ข้อ 1 และ คิดค่าความต้องการพลังงงานสูงสุด(ในช่วงเวลาหนึ่งของเดือนนั้นๆที่สูงสุด)ด้วยเป็นตัวคูณอีกทีหนึ่งเรียกว่า ค่า ดีมานด์

ค่าไฟของเราที่ต้องจ่าย

 เราจ่ายค่าไฟเต็มๆรวมค่าสูญเสียทางไฟฟ้าด้วย  คือประสิทธิภาพการเปลี่ยพลังงาน  เช่น ค่า Pf ในบ้านเรา รวม ได้ 85% หรือ 0.85   หมายถึง เราซื้อไฟ 100 ใช้ได้ 85 หายไป(กับโหลด Lฟรีๆ) 15

เราจะรู้ได้ไง ว่า Pf รวมในบ้านแต่ละช่วงเวลาเท่าไร จะแก้อย่างไร ใส่ค่า C เท่าไร  เรื่องราวมันอีกเยอะ  บางบ้านก็ไม่คุ้มค่าการลงทุน บางบ้านก็คุ้มค่าการลงทุน ปัจจัยต่างกัน ก็พิจารณากัน นะครับ
 

[Mr.MAI]

 ขอบคุณครับ ความรู้แนน่มากๆ   ผมก็เคยได้ยินมาประมาณนี้เหมือนกัน                           [เจ๋ง]

[MixZa]

 031เหมือนที่ขายที่ jj ป่าวอ่ะ [ไอ้แว่น]

[xricca]

031เหมือนที่ขายที่ jj ป่าวอ่ะ [ไอ้แว่น]

 emb01 ไม่เหมือนนาคับ เพราะของผมมันแฝงที่ร้านพี่กบนาคับ ฮ่าๆ