Aqua.c1ub.net
*
  Sat 02/Aug/2025
หน้า: 1 ... 166 167 168 169 170 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 757777 ครั้ง)
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5010 เมื่อ: 15/11/13, [12:12:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?


ถูกต้องครับ

End Of Watch คู่ปราบกำราบนรก

เจค จิลเลนฮอลด์ นักแสดงคุณภาพอีกรายของฮอลลีวู้ด กลับมาแล้ว หลังจากช่วงหลังๆนี่ ดูเหมือนว่าเฮียแกจะรับเล่นหนังแค่ปีละเรื่องเท่านั้น และหนังตำรวจอย่าง End of Watch ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังเรื่องเดียวในปีนี้ที่เฮีย เจค แกจะนำมาให้ดูกัน ที่มาพร้อมกับนักแสดงชั้นนำมากมายเช่น ไมเคิล พีน่า และ เคนดริค

ระหว่างแสงสีฟ้า เสียงไซเรนที่แผดร้องกึกก้องและแอ็กชันที่กระตุ้นอะดรีนาลินพลุ่งพล่าน ยังมีการปะทะคารมที่น่าขบขันและตรงไปตรงมาระหว่างคู่หู ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการนั่งรอการเรียกในรถตำรวจ พวกเขาได้สานสายสัมพันธ์กันในแบบที่ทำให้พวกเขาทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน ได้เมื่อเผชิญกับภยันตราย โดยพวกเขารู้ดีแก่ใจว่า พวกเขาอาจถูกเรียกตัวให้ไปเสี่ยงชีวิตได้ทุกชั่วขณะ แอ็กชันที่ลุ้นระทึกได้ถูกเผยผ่านทางฟุตเตจจากกล้องแฮนด์เฮลด์ ที่ถ่ายทำจากมุมมองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิกแก๊ง กล้องวงจรปิด แดชแคมและประชาชนผู้ติดอยู่ตรงกลางระหว่างการต่อสู้ มุมมองแบบ 360 องศาเลยหละ

End of Watch กำกับการแสดงโดย เดวิด เอเยอร์ มือเขียนบทที่เคยเขียนบทหนังเยี่ยมๆออกมาให้เราดูกันอย่าง Training Day และ The Fast and the Furious ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับหนังแนวตำรวจที่เขาชอบใน Harsh Times และ Street Kings ที่ในเรื่องแรกนั้นจับเอา คริสเตียน เบล มาสวมบทตัวเอก ส่วนเรื่องหลังนำเอา คีนู รีฟส์ มารับบทเป็นนายตำรวจ โดยก็ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลก เมื่อหนังทั้ง 2 เรื่องเขาผันตัวมาเป็นผู้กำกับนั้นกลับไม่ได้ทั้งกล่องเงิน และ คำวิจารณ์ เพราะฉะนั้นดูเหมือนว่า End of Watch จะเป็นการกลับมาทำหนังตำรวจเป็นครั้งที่ 3 ของผู้กำกับ และก็ดูเหมือนว่าจะเป็นหนังที่ทำออกมาเพื่อให้ถึงนักวิจารณ์และคนดูได้เห็นว่า หนังของข้าก็ดีได้เหมือนกัน หลังจากที่หนังได้ทั้งกล่องเงินและคำวิจารณ์ที่สูงจากนักวิจารณ์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดยดูเหมือนว่าเราจะเคยหนังตำรวจมาแทบทุกแนวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนังแนวตำรวจดี ที่ทำตัวเหมือนกับคนเหล็กในโลกมนุษย์ อย่างเช่น Die Hard และ Under Siege หรือไม่ว่าจะเป็นหนังแนวตำรวจเลวอย่าง Training Day , Brooklyn Finest หรือแม้แต่ที่เพิ่งผ่านไปอย่าง The Son of No One แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครทำหนังที่พูดถึงชีวิตของ ตำรวจ จริงๆเสียที ว่าแล้วนายผู้กำกับ เดวิด เอเยอร์ เลยลงไม้ลงมือทำมันออกมาซะเลยใน End of Watch ที่ต้องขอพูดได้เต็มปากเลยทีเดียวว่า ‘เป็นหนังที่คนชอบภาพยนตร์แนวตำรวจ .. ต้องดู’ เพราะ End of Watch ถือได้ว่าเป็นหนังที่ตีแผ่ชีวิตของ ตำรวจ ออกมาได้อย่างสมจริงนะ

ซึ่งดูเหมือนว่าการที่หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบตามติดชีวิตของ 2 คู่หู จะเป็นอะไรที่มาถูกทางอย่างมาก เพราะนอกจากการที่จะทำให้หนังนั้นสามารถใส่ฉาก แอ็คชั่น , ดราม่า , โรแมนติค และ ตลก ออกมาได้อย่างเข้ากันแล้ว ตัวหนังยังมีอิสระในการใส่เรื่องราวของ ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ออกมาได้อย่างกว้างขวางอีกด้วย และหนังก็ทำมันสำเร็จ โดยการลบคติคำว่า ตำรวจ ออกฉากหนังแอ็คชั่นเดิมๆ โดยการเติมเลือดเนื้อ และ มิติ เข้าไปว่า ตำรวจ นั้นก็ไม่ใช่บุรุษเหล็กมาจากไหน แต่เขาก็เป็น มนุษย์ธรรมดา ที่เจ็บเป็น รักเป็น และ มีอารมณ์ไม่ต่างอะไรจากชาวบ้านทั่วไปเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ต้องขอชมว่าหนังสามารถใส่ผสมปนเปเข้ามากับ ฉากแอ็คชั่น , ดราม่า และ มุกตลก แนวตำรวจกัดกันได้อย่างสนุกสนาน แบบที่หนังตำรวจเรื่องอื่นๆก็ยังถือว่าทำไม่ได้เท่านี่เลยทีเดียวหละ

เพราะหนึ่งในนั้นต้องขอบคุณด้านการแสดงของ เจค เจลลินฮออล์ และ ไมเคิล พีน่า ที่สามารถทำเอาตัวละครของ ไบรอัน และ ซาวาล่า ออกมาได้อย่างมีชีวิต โดยการที่ทั้งคู่ได้มีเคมีเข้ากันได้อย่างมีลีลาอย่างมาก จนทำให้เชื่อเลยว่า ‘นี่เรากำลังดูชีวิตของตำรวจ 2 คนนี่อยู่นะ’ ซึ่งคงมีอยู่เพียง 2 อย่างที่อาจจะทำให้มีคนผิดหวังกับ End of Watch อยู่พอสมควร โดยอย่างแรกเลยคือ การที่หนังมาในรูปแบบ Hand-Held อาจจะทำให้หลายคนเวียนหัวได้อย่างแรง และอย่างที่ 2 คือ การที่จริงๆแล้วมันเป็นหนังดราม่า มีฉากแอ็คชั่นแค่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย จึงอาจจะทำให้คนที่หวังเข้าไปดูฉากแอ็คชั่นแบบที่ในตัวอย่างขายก็อาจจะผิดหวัง

เพราะฉะนั้นแล้วโดยสรุปคือถ้าหากใครหวังจะไปดูฉากแอ็คชั่นใน End of Watch ก็อาจจะควรหลีกเลี่ยงไปดู Stolen จะดีกว่า แต่ถ้าหากใครที่หวังจะไปดูว่าชีวิตจริงของตำรวจนั่นเป็นอย่างไร ผ่านเรื่องราวสุดระทึก ที่มีทั้งข้อชวนคิด และ อารมณ์ความเป็นแอ็คชั่น ดราม่า และ ตลก อย่างลงตัวก็ไม่ควรพลาดครับ

เรื่องนี้ผมให้ 8/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5011 เมื่อ: 15/11/13, [12:12:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Taken 2 เทคเค่น 2 ฅนคม ล่าไม่ยั้ง

เมื่อปี 2008 หนัง Taken หนังที่มีทุนสร้างเพียง 26.5 ล้านเหรียญสหรัฐ กลับกลายเป็นหนังแอ็คชั่นแห่งปีได้รับคำชมล้นหลาม แถมกวาดรายได้ทั่วโลกกว่า 226 ล้านเหรียญสหรัฐ แถมหนังเรื่องนี้ยังส่งให้ เลียม นีสัน พระเอกวัยเก๋ามีงานแสดงเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบทสายลับในเรื่อง Unknow ที่มีบุคลิกคล้ายคลึงกับตัวละครในเรื่อง Taken

สำหรับ Taken ภาค 2 ไบรอัน มิลส์ (เลียม นีสัน) อดีตซีไอเอผู้มีทักษะในการแกะรอยคนร้ายและการต่อสู้
เป็นเลิศ หลังจากภาคก่อนหน้าเขาต้องลุยเดี่ยวตามล่าแก๊งค้ามนุษย์ชาวแอลบาเนียในฝรั่งเศสที่จับตัวลูกสาวของเขาไป จนสุดท้ายด้วยความแค้นเขาจัดการสังหารคนร้ายยกแก๊ง เวลาผ่านไปหลายปี ความสัมพันธ์ของ ไบรอัน กับลูกสาว (แม็กกี้ เกรซ) ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน รวมถึงอดีตภรรยา (แฟมเก้ แจนเซน) ที่มีปัญหากับสามีใหญ่ก็ทำท่าจะกลับมาคืนดีกับเขา ทว่ายังติดอยู่ที่ความเนี้ยบเกินเหตุและจู้จี้จุกจิกเกินไปทำให้ลูกสาวยังไม่เปิดใจกับเขา

ต่อมา ไบรอัน รับงานเป็นบอดี้การ์ดให้เศรษฐีในนครอิสตันบูลประเทศตุรกี จึงถือโอกาสชวนอดีตภรรยากับลูกสาวมาเที่ยวทั้งคู่โผล่มาเซอร์ไพรส์เขาโดยหารู้ไม่ว่ามีกลุ่มคนร้ายจับความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ ทั้งหมดเป็นญาติของแก๊งค้ามนุษย์ที่ถูกไบรอันฆ่าเมื่อหลายปีก่อน ด้วยความแค้นจึงรวมตัวกันเพื่อออกตามล่า ไบรอัน กับครอบครัวไบรอัน จึงต้องหวนกลับมาทำสิ่งที่เขาถนัดอีกครั้ง

บทหนังแม้จะได้ยังคงทีมเขียนบทชุดเดิมอย่าง ลุค เบซง และ โรเบิร์ต มาร์ค คาเมน แต่หนังออกมาเป็นโทนแอ็คชั่นหนักๆแต่ลดด้านการสืบสวนสอบสวนที่เคยโดดเด่นลงไป ประเด็นการตามล้างแค้นของกลุ่มญาติคนร้ายน่าสนใจ ทว่ามุมมองของฝ่ายผู้ร้ายมืดสุดโต่งจนไม่มีอะไรให้น่าเห็นใจ แถมยังเดาเนื้อเรื่องได้ง่ายเกินไป

เมกาตัน ผู้กำกับคนใหม่ที่มารับหน้าที่ภาคต่อแทน ปีแอร์ มอเรลล์ พยายามชูฉากแอ็คชั่นซึ่งก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไรเพียงแต่ก็ไม่ได้มีฉากไหนที่โดดเด่น ด้วยความที่ ไบรอัน มิลส์ เป็นสายลับยอดฝีมือ มันจึงง่ายดายจนคนดูแทบไม่ต้องลุ้นอะไร ซีนที่มีการดวลต่อสู้มือเปล่ากับมือขวาของหัวหน้าคนร้ายเมื่อดูขนาดตัวที่เล็กกับชุดวอร์มที่คนร้ายใส่ กลายเป็นว่ารู้สึกขัดตามากกว่าจะตื่นเต้น ประเด็นความสัมพันธ์ครอบครัวแม้จะพยายามเน้นแต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้ง ส่วนความไม่เป็นเหตุเป็นผลก็มีประปราย ทั้งการที่ ไบรอัน ให้ลูกสาวขว้างระเบิดเพื่อหาพิกัด การที่ไม่ขอความช่วยเหลือสถานทูตหรือตำรวจเลยแต่มุ่งมั่นที่จะฉายเดี่ยว แม้ว่าฉากการตามหาจุดที่ถูกคนร้ายจับไปด้วยหลักคณิตศาสตร์จะสร้างความฮือฮาให้กับคนดูได้ แต่เชื่อว่ามีไม่กี่คนหรอกที่สามารถเข้าใจวิธีการได้

เลียม นีลสัน เป็นศูนย์กลางของเรื่องอย่างแท้จริง โดยครั้งนี้ต้องยอมรับว่าเสน่ห์ของเขาลดลงไปมากจึงไม่มีส่วนใดที่สร้างความประทับใจให้คนดูนัก ช่วงท้ายเหมือนหนังจะหาทางลงที่แตกต่าง มีการพูดเรื่องการหาทางออกของแก้แค้นได้ดี ทว่ามันกลับไม่มีผลใดๆเลย เนื่องจากฉากจบยังคงเป็นตามสูตรหนังแอ็คชั่นทั้วไป ดังนั้น หนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่หนังภาคต่อที่ดีกว่าภาคแรก แต่หากคุณเคยดู Taken แล้วชอบ จนอยากที่จะติดตามความเป็นไปของซีไอเอปลดเกษียณและครอบครัวก็ลองตีตั๋วเข้าไปชมกันดู เพราะคงไม่มี Taken3 แน่ๆ

6/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5012 เมื่อ: 15/11/13, [12:12:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Argo แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก

วอร์เนอร์ ไทยแลนด์ ชอบทำให้แปลกใจได้เสมอ เพราะหลังจากเมื่อ 2 ปีก่อน ก็ได้นำเอา Hereafter ของ คลินท์ อีสต์วู้ด ผู้กำกับที่นานๆทีเราจะได้ดูโรง มาเข้าฉาย เช่นเดียวกับ Argo ผลงานการกำกับของ เบน เอฟเฟลค ที่หลังจาก 2 เรื่องก่อนของเขานั่นไทยเราดันไม่เข้า แต่เรื่องนี่กลับหลุดรอดมาให้ได้ดูซะงั้น

ภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างมาจากเรื่องจริง เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1979 เกิดการปฏิวัติของชาวอิหร่านขั้นรุนแรง กองกำลังได้จู่โจมสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเตห์ราน มีการจับชาวอเมริกัน 52 คนเป็นตัวประกัน ท่ามกลางความโกลาหลชาวอเมริกัน 6 คนวางแผนหลบหนีและหาที่ลี้ภัยในบ้านของเอกอัครราชทูตชาวแคนาดา ในช่วงพริบตาก่อนที่ทั้ง 6 คนจะถูกพบตัวในสภาพใกล้ตายและ เบน แอ็ฟเฟล็ค ผู้ที่แสดงเป็น ซีไอเอที่ได้รับฉายาพิเศษว่า ?จอมสกัด? เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือเหล่าประชาชนอเมริกัน หลบหนีจากพื้นที่อันตราย จึงเข้ามาพร้อมแผนการเสี่ยงภัย เพื่อพาตัวประกันหนีไปจากประเทศ อิหร่าน ที่รุนแรงครับ

Argo กำกับการแสดงโดย เบน เอฟเฟลค ที่หลังจากในปี 2007 เขาได้พิสูจน์ให้ชาวโลก และ วงการฮอลลีวู้ด เห็นแล้วว่า ตัวเขานั่นไม่ได้ดีแค่ทางด้านการแสดงเท่านั้น แต่ด้านการกำกับ และ เขียนบท เขาก็เป็นที่หนึ่งไม่แพ้ใคร กับหนังดราม่า สืบสวน เรื่อง Gone Baby Gone ก่อนที่จะตามมาด้วยหนังแอ็คชั่น ดราม่า ในปี 2010 อย่าง The Town ที่ยิ่งส่งชื่อของ เอฟเฟลค ให้กลายเป็นผู้กำกับ และ นักแสดง แนวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย โดยในปีนี้ เขากลับมาพร้อมกับผลงานที่ดูเหมือนจะได้รับการเต็งจากนักวิจารณ์ต่างประเทศแล้วว่า จะเป็น 1 ใน 10 ผลงานที่ต้องเข้าชิงออสการสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แน่นอน กับ Argo ที่หยิบเอาเรื่องจริงที่เก็บเงียบของ ซีไอเอ มาทำเป็นหนังแนว ทริลเลอร์ ดราม่า ที่ก็ยังไม่พ้นพ่วงดาราคุณภาพอย่าง จอห์น กู้ดแมน และ อลัน อาร์กินส์ มาร่วมจอ

ซึ่งพวกเรานั่นก็คงเคยเห็นหนังช่วยประกันแนวระห่ำกันไปมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Hostage ของ บรู๊ซ วิลลิส หรือแม้แต่ Taken ของ เลียม นีสัน แต่ผมเชื่อว่าคุณจะไม่เคยเห็นหนังแนวช่วยตัวประกันที่ดูแล้วสามารถทำให้คุณลืมหายใจ และ ลุ้นจนกัดเล็บกุด ได้เท่า Argo เลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้ว่าทั้งตัวเรื่อง และ การดำเนินเรื่อง ของ Argo จะออกมาในชนิดที่ว่า คนดูสามารถเดาได้แล้วว่าในตอนจบของหนังจะเป็นอย่างไร แต่เป็นเพราะสไตล์ในการกำกับภาพแนว เบน เอฟเฟลค ผสมผสานกับฉากหลังแนวประเทศตะวันออกกลางและความตื่นเต้นสไตล์หนังสายลับ จึงทำให้ฉากการช่วยตัวประกันหลบหนีใน Argo ตอนช่วงท้ายสุด

ทำออกมาได้อย่างกดดัน ตราตรึง และลุ้นไปกับการเอาใจช่วยตัวละคร โดยที่ไม่ต้องใส่ฉากการสาดยิงลูกกระสุน หรือขับรถไล่ล่า แต่ Argo กลับเป็นหนังที่เน้น ความมันส์ ที่ด้านอารมณ์ความลุ้นของคนดูเสียมากกว่า จึงทำให้นั่นเองเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉากไคล์แมกซ์ในหนังเรื่องนี่ ที่ถึงแม้จะไม่มีฉากการวิ่งไล่ล่าเจ๋งๆ หรืออะไรเถือกนั่นแบบที่หนังสายลับเรื่องอื่นเขาทำกัน กลับออกมาได้อย่างคุ้มค่าแก่การรอคอย และลุ้นระทึกแบบที่คนดูไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยก็ว่าได้ครับ โดยในอีกด้านนึงที่ผมค่อนข้างชอบใน Argo นั่นคือการที่หนังยังสามารถใส่เรื่องราวประเด็นได้หลุดจากกรอบที่หนังวางเอาไว้ โดยการที่หนังเล่นเรื่อง ความเป็นฮีโร่ของประเทศ อเมริกา ที่ออกมาในรูปแบบทั้ง สรรเสริญ และ แขวะตัวเองไปในเวลาเดียวกัน ที่นอกจากจะสามารถลงตัวไปกับสถานการณ์ในตัวหนังที่ว่าแล้ว

หนังยังสามารถปิดท้ายเรื่องราวเหล่านี่ได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งในอีกด้านที่ขาดไม่ได้ คงหนีไม่พ้นด้านของ การแสดง ที่ เบน เอฟเฟลค ในเรื่องนี่ถึงแม้จะไม่ได้มีการดึงเอาดาราแถวหน้ามาใช้เยอะแยะมากมายเท่ากับ Gone Baby Gone หรือ The Town แต่การที่ เอฟเฟลค วางให้ตัวละครของเขานั่นแบกรับภาระอุ้มตัวหนังไปคนเดียว ก็ถือว่าเป็นการที่เปิดเวทีให้เขาพิสูจน์ฝีมือได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในฉากที่ร่วมซีนกับ จอห์น กู๊ดแมน และ อลัน อาร์กินส์ เรียกได้ว่าไม่มีใครน้อยหน้าใครเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามผมกลับคิดว่า Argo น่าจะเป็นหนังที่ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการได้หนังคิดมากหรือคาดหวังแนว Gone Baby Gone

เพราะใน Argo ตัวเรื่องจะเดินเป็นเส้นตรง และไม่ต้องให้คนดูคิดอะไรให้มากมาย เพราะตัว Argo นั่นจะเป็นหนังเลือกที่จะขายด้านของ ความลุ้นระทึก และ การแสดง เสียมากกว่าจะขายเรื่องประเด็นถกเถียง และ นำกลับไปคิดแบบเรื่องเก่าๆของ เบน เอฟเฟลค เพราะฉะนั้นถ้าหากใครชอบสไตล์อย่างที่ว่าก็จัดไปเลยครับ

9/10
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/11/13, [14:06:53] โดย จอมใจไร้รัก »
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5013 เมื่อ: 15/11/13, [12:12:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

you're my pet วิ้ง วิ้ง ปิ๊งรักนายโมโม่

เป็นเรื่องราวของ อึนยี เธอทำงานเป็นบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น ที่ประสบความสำเร็จในเรื่องงาน แต่ชีวิตรักของเธอกลับล้มเหลวอยู่ตลอด ส่วน อินโฮ (จางกึนซอก) หนุ่มนักบัลเล่ต์อนาคตไกล แต่กลับเกิดอุบัติเหตุระหว่างยกตัวนักบัลเล่ต์หญิงขึ้น โดยตอนนี้เขาจึงฝันจะเป็นนักออกแบบท่าเต้นละครเพลง แต่อินโฮกำลังตกอับไม่มีที่จะซุกหัวนอน เขาไปที่บาร์ที่ อึนซู เพื่อนเขาที่ทำงานอยู่ที่นั่น ในคืนนั้นอึนซูจึงพาอินโฮไปบ้านพี่สาวเขาก็คือ อึนยี นั่นเอง โดย อินโฮ ก็ได้ทำข้อตกลงกับ อึนซู โดยการจ่ายค่าที่พักเพื่อนอนกับพี่สาวของเขาเอง และยอมทำตามข้อตกลงของ อึนยี ว่าจะยอมเป็น สัตว์เลี้ยง ของเธอตลอดไป จนปั่นป่วน

You’re My Pet กำกับการแสดงโดย คิมเบียงกอน ผู้กำกับหน้าใหม่ที่เริ่มงานครั้งแรกกับหนังเรื่องนี่ โดยการนำเอาหนังสือการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่นมาดัดแปลงเป็นหนังเรื่องนี่ และดึงเอา 2 นักแสดงหน้าหวานอย่าง คิมฮานึล และ จางกึนซอก มารับบทเป็นคู่พระนางอีกด้วย โดยฟังจากเนื้อเรื่องย่อ สเกลของหนัง และตัวโทนนั่น ก็บ่งบอกได้เลยว่าเป็นหนึ่งในหนังสือการ์ตูนที่ไม่ควรหยิบมาดัดแปลงเป็นหนังมากที่สุด เพราะข้อเสียหลักๆของ You’re My Pet เลยนั่นคือการที่ตัวหนังนั่น เป็นการยึดติดอยู่ในโลกของ หนังสือการ์ตูน มากจนเกินไป ขาดทั้งเหตุผลรองรับ ความสมจริง และปูมเรื่องของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นการที่ตัวละครนางเอกอย่าง อึนยี ยอมให้ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อินโฮ เข้ามาอยู่ร่วมชายคาบ้านได้อย่างสบายใจ ไม่กลัวขโมย แถมยังให้เป็นสัตว์เลี้ยง

ซึ่งเปิดโอกาสให้ฝ่ายชายนั้นสามารถ หอม กอด หรือทำอะไรก็ได้กับตน ซึ่งฟังดูแล้วมันเป็นบทที่การ์ตู๊น การ์ตูน มากๆเลย กับการที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงจะปล่อยให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันตนโดยไม่ศึกษาปูมหลัง พร้อมทั้งยิ่งหนังยิ่งดำเนินเรื่องไปเท่าไหร่ก็ยิ่งตามเข้าสูตรหนังแนวโรแมนติค คอมเมดี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่หนังมีการใส่ตัวละคร นางอิจฉา , คนรักเก่าของนางเอก หรือแม้แต่ตัวละครเพื่อนนางเอกที่คอยสร้างเรื่อง หาเรื่อง ให้กับตัวนางเอกอยู่เสมอ ซึ่งฟังไปฟังมาท่านผู้อ่านก็คงรู้ว่าหนังเรื่องนี้มันไม่ได้ต่างไปกับหนังฮอลลีวู้ดหลายๆเรื่อง เพียงแต่ว่าใน You’re my Pet นี่หนังแค่ปรับเปลี่ยนไดอาล๊อค

แต่ก็ดูเหมือนว่าที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี่ ตัวหนังจะรู้ตัวว่า ตัวบทของตัวเองนั่นไม่มีทางจะทำให้หลุดกรอบจากสูตรเดิมๆของหนังแนวนี่ได้ ว่าแล้วตัวหนังจึงเอาสิ่งอื่นมาทดแทนสิ่งเหล่านี่ที่หนังได้ทำลงไป และสิ่งที่ตัวหนังเลือกที่จะนำมาทดแทนนั่นคือด้านของ การแสดง และ มุมมองความรัก ที่ด้านของการแสดงนั่นต้องถือว่าตัวหนังสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดี ขโมยรอยยิ้มของคนดูไปได้หลายนัด ผ่านการแสดงเปิ่นๆของ 2 พระนางอย่าง คิมฮานึล และ จางกึนซอก ที่หนังมีฉากที่เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้มีเคมีเชื่อมติดกันอยู่มากพอสมควร โดยเฉพาะด้านของตัวเอกอย่าง จางกึนซอก ที่สามารถถ่ายทอดบทผู้ชายขี้อ้อนออกมาได้อย่างน่ารัก ถึงแม้ว่าจะขาดปูมหลัง และ มิติของตัวละคร แต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาเลยที่จะขโมยรอยยิ้มจาก ชาย และ หญิง ให้อินไปกับความรักตามสูตรได้

โดยอีกด้านที่ผมค่อนข้างชอบนั่นคือการที่หนังยังพอใส่ประเด็นมาคิดกันบ้าง โดยการวางตัวให้ตัวละครนางเอกอย่าง อึนยี เป็นผู้หญิงแกร่ง ไม่อ่อนข้อ และชอบผู้ชายที่ฉลาดกว่าตน ที่หนังพยายามจะตีโจทย์ที่ว่านี่ให้กับผู้หญิงหลายๆคนในชีวิตจริงว่า ผู้ชายในฝันอย่างที่นางเอกรอคอยนั่นไม่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นคนรักเก่าของเธอในเรื่องอย่าง ชาวูซอง ก็ตาม เขาก็ไม่สามารถให้ทุกสิ่งอย่างที่ตัวนางเอกต้องการได้หรอก เพราะฉะนั่นในชีวิตจริงของคนเราแล้ว ความรักที่ผู้หญิงมักออกแบบนั่นมันล้วนไม่มีจริง แต่สิ่งที่มีจริงคือผู้ชายที่สามารถให้ความพอดีในชีวิตของเขา และ มีความสุขร่วมไปกับผู้หญิงเหล่านั่นได้เสียมากกว่านะ

ซึ่งโดยสรุปแล้วถึงแม้ว่า You’re My Pet จะเป็นหนังที่มาตามสูตร และ หลุดโลกไปบ้าง แต่เพราะเคมีของคู่พระนาง และ ประเด็นมุมมองความรักของผู้หญิง จึงถือว่าช่วยให้ตัวหนังไม่น่าเบื่อและดูจบไปได้ตลอดรอดฝั่งอยู่บ้าง ซึ่งตัวหนังเข้าฉายแล้ววันนี่เฉพาะที่ลิโด้ ฉายวันละรอบเท่านั่นครับ (รอบ 18.30 ของทุกวัน)

เรื่องนี้ผมให้ 7/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5014 เมื่อ: 15/11/13, [12:12:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

 The Giant King | Yak (ยักษ์)

ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก รามเกียรติ์ ที่ถูกนำเอามาดัดแปลงเป็นทั้งละคร หนังสือการ์ตูน และหนังอีกมากมาย แต่ว่าคงไม่เคยมีใครเห็น รามเกียรติ์ แบบที่อนิเมชั่นไทยเรื่อง ยักษ์ นี่ได้สร้างขึ้นมาแน่ เพราะตัวอนิเมชั่นเป็นการตีความ รามเกียรติ์ ในรูปแบบของ หุ่นยนต์ ที่มีอารมณ์คล้ายความเป็นการ์ตูนฮอลลีวู้ด

หลังสงครามอันยิ่งใหญ่จบลงแบบล้างเผ่าพันธุ์ปล่อยทิ้งให้สนามรบกลายเป็นเพียงสุสานซาก เศษโลหะและเป็นขุมทรัพย์ให้กับบรรดาหุ่นค้าของเก่า และแล้วเรื่องราวมิตรภาพของเจ้าหุ่นยนต์ 2 ตัวก็ได้เริ่มต้นขึ้นในอีกหลายล้านวันต่อมา เจ้าหุ่นตัวหนึ่งใหญ่ยักษ์สมร่างชื่อ ?น้าเขียว? บ่งบอกตามลักษณะสีอันเป็นเอกลักษณ์ ดูน่าเกรงขาม กับ ?เจ้าเผือก? หุ่นกระป๋องมินิตัวเล็กประเมินจากสภาพจากพวกค้าหุ่นยนต์เก่าบอกได้คำเดียว ว่าไร้ราคา แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าหุ่น 2 ตัวต่างตื่นขึ้นมาจากการถูกขุดขึ้นพร้อมกับ สภาวะหน่วยความจำเสื่อม ไม่จำอดีตไม่รู้อนาคต แถมยังมีโซ่พิเศษที่ตัดเท่าไหร่ก็ตัดไม่ขาด จนทั้งคู่สนิทกันมา

ยักษ์ เป็นอนิเมชั่นผลงานการกำกับเรื่องแรกของผู้กำกับ ประภาส ชลศรานนท์ โดยเขาเป็นทั้งคนคิด ออกแบบ และสร้างสรรค์ตัวละครเองทั้ง ที่ใครหลายคนคงรู้จักผู้กำกับคนนี่ดีจากด้านของงานเพลง หนังสือ รวมไปทั้งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เวิร์คพอยท์ อีกด้วย โดยเอาเข้าจริงๆถ้าหากเราดูจากหน้าหนังในทีแรกกับเรื่อง ยักษ์ ถ้าให้บอกว่าเป็นอนิเมชั่นเรื่องแรกจากผู้กำกับ ใครหลายคนก็คงจะไม่เชื่อกันอย่างแน่นอน เพราะทั้งตัวอนิเมชั่น คาแรกเตอร์ และกราฟฟิค ก็ต่างบ่งบอกถึงสไตล์ความเป็นมืออาชีพ และ ฮอลลีวู้ด อยู่มากพอสมควร และนั่นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดใน ยักษ์ เลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งที่พูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นข้อดีของยักษ์นั้นคือด้านของ ไอเดีย และ ความคิดสร้างสรรค์ ที่นำเอาตัวละครในวรรณกรรมเรื่อง รามเกียรติ์ มาดัดแปลงเป็นเหล่าหุ่นกระป๋องทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาพระอาทิตย์ที่เรารู้จักกันดี ไปเป็นลูกโลหะกลมๆที่วิ่งได้บนรางรถไฟ หรือแม้แต่การตีความตัวละคร ทศกัณฐ์ , หนุมาน หรือแม้แต่ กุมภกรรณ ออกมาใหม่เสียหมดให้กลายเป็นหุ่นยนต์ ไม่เว้นแม้แต่ พระราม ที่ดัดแปลงกลายเป็น แรม คอมพิวเตอร์ควบคุมใหญ่ ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และ ภาพด้านกราฟฟิค ที่ออกมาค่อนข้างสวยงามไม่แพ้ฮอลลีวู้ด หนำซ้ำการที่หนังผสมผสานไปด้วยฉากการร้องเพลงที่ช่วงนี้กำลังฮิตอยู่ในอนิเมชั่นแทบทุกเรื่อง และ การขายไอเดียการที่นำเอา รามเกียรติ์ มาตีความใหม่ ก็ทำให้ ยักษ์ นั่นเป็นอนิเมชั่นที่ไร้พิษภัย และ มีความสนุกของตัวเรื่องอยู่ในระดับปานกลางเลยทีเดียวนะ

แต่ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันเมื่อสิ่งที่ผมรู้สึกได้ว่าดีสำหรับ ยักษ์ กลับมีเพียงด้านของ การออกแบบตัวละคร และ การตีความเรื่อง รามเกียรติ์ ใหม่เท่านั้น เพราะนอกจากนั้นแล้วหนังกลับเต็มไปด้วย ช่องโหว่ ที่หนังเปิดกว้างจนทำให้คนดูจับได้อยู่มากพอสมควร โดยเฉพาะด้านของเรื่องที่หนังจะขายอย่าง มิตรภาพ เพราะหนังเอาเวลาซะส่วนใหญ่มาดันเรื่องของ มิตรภาพ มากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการใส่ฉาก ประโยค หรือการกระทำ ทั้งหลาย จนทำให้ท้ายสุดนั้นมันจึงกลับกลายเป็นว่าตัวหนัง ยัดเยียด มากกว่าจะพูดได้ว่า กลมกล่อม

จนทำให้ท้ายสุดแล้ว ยักษ์ มันจึงกลายเป็นอนิเมชั่นขายไอเดียของคนไทย ที่มีความสนุกออกมาระดับปานกลาง แต่กลับล้มเหลวด้านการที่หนังพยายามจะตีความเรื่อง มิตรภาพ และอีกหลายๆสิ่งให้กับคนดูครับ

ป.ล. สำหรับอนิเมชั่น ยักษ์ นั้น ตอนเข้าฉายจะมีให้เลือกทั้ง พากย์ไทย และ พากย์อังกฤษ ซับไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นอนิเมชั่นที่โกอินเตอร์มากๆ ที่มีทั้ง 2 เสียงให้คนดูได้เลือกชมกัน ซึ่งตอนที่ผมได้ดูนั่นเป็น พากย์ไทย นะ ซึ่งความเห็นของผมต่อ พากย์ไทย นั้นก็ถือว่าออกมาดีพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ น้าเขียว , เผือก หรือ บรู๊ค ที่พากย์โดย โน้ส อุดม ก็ต่างเป็นสีสันอีกตัวนึงของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นแล้วแต่ผู้อ่านจะเลือกเลยว่าจะลอง พากย์ไทย หรือ พากย์อังกฤษ (ที่ไม่รู้มุกจะฮาเหมือนไทยไหม) ดีกว่ากันหละครับ

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/11/13, [13:56:10] โดย จอมใจไร้รัก »
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5015 เมื่อ: 15/11/13, [12:15:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5016 เมื่อ: 15/11/13, [12:16:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5017 เมื่อ: 15/11/13, [12:16:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5018 เมื่อ: 15/11/13, [12:16:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5019 เมื่อ: 15/11/13, [12:16:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5020 เมื่อ: 15/11/13, [13:27:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Bait โคตรฉลามคลั่ง
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5021 เมื่อ: 15/11/13, [13:28:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
The Assassins  โจโฉ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5022 เมื่อ: 15/11/13, [13:31:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Savages คนเดือดท้าชนคนเถื่อน 1 หญิง 2 ชาย คนหนึ่งโรมานติก นุ่มนวล คนหนึ่ง คึกดุจอาชา หนังดีครับ ให้ 7.5/10
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5023 เมื่อ: 15/11/13, [13:43:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เค้าเรียกผมว่าความรัก

ถูกต้องค้าบบ เค้าเรียกผมว่าความรัก   [เจ๋ง]
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5024 เมื่อ: 15/11/13, [13:50:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?


Motorway  [on_055]
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5025 เมื่อ: 15/11/13, [13:52:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ike ใช่กด love

เหมือนจะพิมตกไปนิด เเต่ว่าถูกต้องครับ 5555 
ชอบกด like ใช่กด love   [เจ๋ง]
TeW ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #5026 เมื่อ: 15/11/13, [19:12:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ ??  [งง]

TeW ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #5027 เมื่อ: 15/11/13, [19:15:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องนี้เป็นการ์ตูนนะครับ ฉายในโรงมาแล้วปีนี้นี่แหละครับ

ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5028 เมื่อ: 16/11/13, [01:51:58] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คงค้างเรื่องนี้ครับ เรื่องอะไรครับ ??????????? 
 
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5029 เมื่อ: 16/11/13, [01:54:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ ?????  [on_055]

 
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5030 เมื่อ: 16/11/13, [09:55:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ ?????  [on_055]

 
น้องแยมจาก Yes or No 2  รักไม่รัก อย่ากั๊กเลย อีกเรื่องไม่เคยผ่านตาครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/11/13, [09:58:27] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5031 เมื่อ: 16/11/13, [10:00:08] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Hit and Run ระห่ำล้อเหาะเจาะทะลุเมือง
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5032 เมื่อ: 16/11/13, [10:01:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ ??  [งง]


The Hunger Games เกมล่าเกม(ภาค 2 เข้าฉาย  21 เดือนแล้วนี้ครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/11/13, [10:04:49] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5033 เมื่อ: 16/11/13, [10:02:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องนี้เป็นการ์ตูนนะครับ ฉายในโรงมาแล้วปีนี้นี่แหละครับ


One Piece Film Z
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5034 เมื่อ: 16/11/13, [10:13:05] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ







เรื่องอะไรครับ ?
เพิ่มเติมเบาะแสครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/11/13, [10:23:04] โดย เอสวา »
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5035 เมื่อ: 16/11/13, [10:13:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5036 เมื่อ: 16/11/13, [10:15:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ






เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5037 เมื่อ: 16/11/13, [10:21:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ





เรื่องอะไรครับ ?
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5038 เมื่อ: 16/11/13, [10:42:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ








เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #5039 เมื่อ: 16/11/13, [11:51:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ





เรื่องอะไรครับ ?

Pacific Rim แปซิฟิกริม สงครามอสูรเหล็ก
หน้า: 1 ... 166 167 168 169 170 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: