Tai Chi 0 กำกับการแสดงโดย ฝงเต๋อหลุน ผู้ที่เคยฝากผลงานการแสดงไว้หลายเรื่อง รวมถึงงานกำกับเช่นกัน ที่ถึงแม้ผลงานล่าสุดของเขาอย่างหนังแนวแอ็คชั่น คอมเมดี้ อย่าง Jump จะล้มไม่เป็นท่าทั้งคำวิจารณ์และรายได้ แต่กระนั้นเขาก็กลับมาแล้วพร้อมกับผลงานใหม่อย่าง Tai Chi 0 ที่สร้างทีเดียว 2 ภาครวด นั่นคือจะมีภาคต่อตามออกมาในเร็ววันนี้ในชื่อว่า Tai Chi Hero พร้อมเนื้อเรื่องที่ต่อกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าผู้กำกับ ฝงเต๋อหลุน จะพยายามหาแนวทางใหม่ๆสำหรับหนังแนวกังฟูอยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น การต่อสู้ที่ดูตลกๆ แต่เข้มแข็่ง หรือแม้แต่ลูกเล่นใหม่ๆในการต่อสู้ ที่เราเห็นในเรื่อง Jump แต่มันก็ยังไม่ลงตัวสักที จนกระทั่งมาถึงในเรื่อง Tai Chi 0 ก็ดูเหมือนผู้กำกับจะยิ่งหาแนวทางใหม่ๆมาให้หนังแนวกังฟูอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะจัดมาให้ผู้ชมแบบธรรมดาๆ
เพราะใน Tai Chi 0 ถือได้ว่าเป็นหนังกังฟู ที่ดูแล้วแปลก แต่ สนุก ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว ด้วยการที่ผู้กำกับ ฝงเต๋อหลุน ได้ใส่ทั้งเรื่องของ โรแมนติค , แอ็คชั่น , ตลก และ ไซไฟ เข้ามารวมกันอยู่ในเรื่องเดียว ซึ่งฟังดูแล้วมันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เข้ากันได้เลยสักนิดเดียว แต่มันก็เป็นไปแล้ว เพราะการที่หนังมีหลายแนวอย่างที่ว่า มันดูจะเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนให้เรื่องราวของ Tai Chi 0 ออกมาสนุกสนานเกินคาด ด้วยการที่หนังเต็มไปด้วย ฉากแอ็คชั่น ปนตลก ที่ทำออกมาได้หนักแน่นตลอดทั้งเรื่อง พร้อมทั้งการพากย์ไทยของ พันธมิตร ก็ยิ่งเรียกเสียงฮาได้อย่างพองาม แถมสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะพูดถึงเลยว่าเป็นอีกสิ่งที่ค่อนข้างโดดเด่น
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการที่ตัว Tai Chi 0 มันเหมือนกับเป็นหนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อปูทางไปให้ของจริงใน Tai Chi Hero เสียมากกว่า เพราะตัวเรื่องใน Tai Chi 0 แทบจะเรียกได้ว่าว่างเปล่า และ ไร้มิติ โดยเฉพาะทางด้านของ ตัวเรื่อง ที่ยิ่งเป็นแนวเดินทางฝึกฝนวิชากังฟู ตัวหนังก็ควรคู่ที่จะมีประเด็นแฝง จากสื่อการสอนวิชามวยของอาจารย์เข้ามาพอเป็นน้ำจิ้มบ้าง แต่มันไม่ใช่กับใน Tai Chi 0 เพราะตัวหนังแทบจะไม่มีเรื่องราวไหนสอดแทรกเข้ามาเลยสักนิด จึงทำให้โดยรวมแล้วถึงแม้ว่า Tai Chi 0 จะเป็นตัวหนังที่สามารถทำออกมาได้สนุกกว่าที่คาดไว้เยอะพอสมควร แต่ตัวหนังก็ยังขาดด้านของ มิติ และ เนื้อหนังมังสา อยู่ในระดับนึง
เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว Tai Chi 0 จึงถือว่าเป็นหนังที่สามารถให้ความบันเทิงในด้านของ ฉากแอ็คชั่น และ มุกตลกฮาๆ ได้อย่างเต็มที่ แถมยังเหมาะกับคนที่มองหาหนังจีนแนวใหม่อีกด้วย แต่ถ้าหากพูดถึงด้านของตัวบท ยังถือว่าทำออกมาได้ไม่ดีนัก เพราะมันเหมือนเป็นภาคที่สร้างมาปูทางไปภาคต่อมากกว่า
The Wolf Children คู่จี๊ดชีวิตอัศจรรย์ เรื่องราวของ ฮานะ สาววัย 19 ปีที่ตกหลุมรักมนุษย์หมาป่า จนมีพยานรักเป็นลูก 2 คน ครอบครัวที่ประกอบไปด้วย 4 ชีวิตเลือกที่อยู่อย่างสงบในมุมหนึ่งของเมือง แต่เมื่อหัวหน้าครอบครัวต้องจากไปอย่างกะทันหัน ฮานะ จึงตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ในเขตชนบท ซึ่งจะเป็นที่ที่ปราศจากผู้คน เพื่อที่ ลูก ของเธอที่มีร่างกายเป็นครึ่งมนุษย์ ครึ่งหมาป่า จะได้ไม่ตกอยู่ในอันตราย ซึ่งที่นั่นเธอก็ยังได้พบกับเพื่อนบ้านที่แสนดีอีกมากมาย ที่จะมาคอยช่วยเหลือเธอเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในชนบท แถมยังต้องเจอกับบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ เมื่อลูกๆของเธอได้เปลี่ยนไป และต้องเลือกเส้นทางของตัวเองในที่สุด
Wolf Children กำกับการแสดงโดย มาโมรุ โฮโซดะ ผู้กำกับน้ำดี ที่ฝีมือเทียบชั้นกับอนิเมชั่นของ สตูดิโอ จิบลิ จากเรื่อง The Girls Who Leapt through Time และ Summer Wars ที่เรื่องหลัง คออนิเมชั่น คงจะรู้จักกันดี เพราะถือได้ว่าเป็นอนิเมชั่นที่มีชื่อเสียงวงกว้างในบ้านเรามากๆหลังจากออกแผ่น แถมตัวหนังก็ยังทำออกมาซะดีจนแผ่นในบ้านเราขายหมดเกลี้ยงกันเลยทีเดียว โดยในผลงานเรื่องใหม่อย่าง Wolf Children ของผู้กำกับคนนี้ ก็ดูเหมือนว่าผู้กำกับจะยังคงหยิบเรื่องราวแนวถนัด มาสอดแทรกใส่ในตัวอนิเมชั่นอยู่เช่นเคย ซึ่งหนึ่งในนั่นคือเรื่องราวของ ครอบครัว และ ความสามัคคี ที่ถ้าหากใครคิดว่าเรื่องราวเหล่านั้นใน Summer Wars กินใจแล้ว ขอให้แนะนำมาชม Wolf Children เพราะมันจะออกมากินใจกว่า และเต็มไปด้วยโทนหนังอารมณ์ที่มืดม่นและสมจริง