Aqua.c1ub.net
*
  Sun 03/Aug/2025
หน้า: 1 ... 156 157 158 159 160 ... 201   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่นเกมทายภาพจากภาพยนตร์เรื่องดังกัน  (อ่าน 758175 ครั้ง)
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4710 เมื่อ: 04/11/13, [13:10:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

hobbit ครับ
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4711 เมื่อ: 04/11/13, [13:11:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
life of pi  [เจ๋ง]
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4712 เมื่อ: 04/11/13, [13:15:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ ..?????

ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4713 เมื่อ: 04/11/13, [13:15:55] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

DEADFALL  [on_055]
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4714 เมื่อ: 04/11/13, [13:18:35] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรค้าบบ??
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4715 เมื่อ: 04/11/13, [13:20:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ
??????
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4716 เมื่อ: 04/11/13, [13:22:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ ..?????



The Guardian วีรบุรุษพันธุ์อึด ฝ่าทะเลเดือด
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4717 เมื่อ: 04/11/13, [13:24:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรค้าบบ??


The Last Samurai มหาบุรุษซามูไร
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4718 เมื่อ: 04/11/13, [13:38:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
CountDown หนังของน้องเต้ยเล่น ทายไม่ถูกก็แย่แล้ว เรื่องนี้ให้ 6.5/10 ครับ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4719 เมื่อ: 04/11/13, [13:52:53] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
สามวัน สองคืน รัก เลิก เลย (เลิกผ้าหรือเปล่าก้ไม่รู้) ้hahaha ้hahaha
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4720 เมื่อ: 04/11/13, [13:54:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรื่องอะไรครับ
??????

ใช่กองร้อยล่าผี ไหมครับ
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4721 เมื่อ: 04/11/13, [14:09:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

The Guardian วีรบุรุษพันธุ์อึด ฝ่าทะเลเดือด
ถูกต้องครับคุมทอม  The Guardian วีรบุรุษพันธุ์อึด ฝ่าทะเลเดือด   [เจ๋ง]



The Last Samurai มหาบุรุษซามูไร

ถูกต้องครับ The last samurai    [เจ๋ง] 


ใช่กองร้อยล่าผี ไหมครับ

ถูกต้องครับคุณเอก  [เจ๋ง]


เดี๋ยวผมรอกดบวกให้นะครับทั้ง3คำตอบที่ถูกต้อง (กดไปเเล้ว1 ครับรออีก10นาที)
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4722 เมื่อ: 04/11/13, [14:17:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Deadfall คู่โจรกรรมมหาประลัย

ลักษณะนิสัยและบุคลิกตัวละครเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เรารู้สึกรัก เกลียด หรือเฉยๆ ตัวละครสักตัว และบางครั้งสิ่งนี้ก็โดดเด่นมากกว่าเนื้อหาที่หนังต้องการนำเสนอ จากจุดเริ่มต้นอย่างหนึ่งไปสู่ตอนจบอีกแบบหนึ่ง ซึ่งออกจะขัดกับสิ่งที่หน้าหนังนำเสนอ แต่ด้วยบุคลิกตัวละครที่น่าสนใจ ทำให้สิ่งที่น่าสนใจใน Deadfall คือการติดตามชีวิตของตัวละครตัวนี้ ว่าบทสรุปแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งตัวละครที่ผมกล่าวถึงมีชื่อว่า แอดดิสัน ที่รับบทโดย อีริก บาน่า

Deadfall กำกับโดย สเตฟาน รูโซวิทสกี้ เล่าถึง 2 พี่น้อง แอดดิสัน (อีริก บาน่า) และ ลิซ่า (โอลิเวีย ไวลด์) ที่่ได้ปล้นเงิน ได้มาปล้นเงินจำนวนมหาศาลและวางแผนหนีออกนอกประเทศ แต่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐตามล่าจึงแยกกันหลบหนี โดยนัดหมายเจอกันที่ชายแดนแคนาดา ทั้ง 2 ต่างหาทางหนี เผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด โดย ลิซ่า ได้พบกับ เจย์ (ชาร์ลี ฮันนัม) อดีตนักมวยที่หลบหนีคดีมาเพื่อกลับมาพบกับพ่อแม่ ซึ่งทั้งสองตกหลุมรักกัน ในขณะที่ แอดดิสัน ต้องหลบหนีการตามล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนมาพบกับบ้านหลังหนึ่ง และเข้ายึดครองบ้านหลังนี้ที่มีสามีภรรยาวัยชราอาศัยอยู่ โดยหารู้ไม่ว่าที่นี่คือบ้านของเจย์ ลิซ่า และ แอดดิสัน ได้พบกันอีกครั้ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตามสืบจนพบว่า แอดดิสัน มากบดานที่บ้านหลังนี้และเริ่มเรียกกำลังเสริมมาปิดล้อม!

จะว่าไป Deadfall มีหน้าหนังที่หลอกคนดู ทำให้เข้าใจผิดว่ามันคือหนังแอ็คชั่นแนวลักวิ่งชิงปล้น หนีการตามล่า ที่มาพร้อมฉากแอ็คชั่นอันน่าตื่นเต้น แต่แท้จริงแล้ว มันเป็นหนังแนวชีวิตที่ว่าด้วยชีวิตของตัวละครเอกทั้ง แอดดิสัน และ ลิซ่า ที่เหตุการณ์ระหว่างการหลบหนี ทำให้พวกเขาเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีความซับซ้อนมากกว่าพี่น้องธรรมดา เนื่องจากวัยเด็กแอดดิสันได้ลงมือฆ่าพ่อเพื่อปกป้องน้องสาวลิซ่า และใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้่งแต่ตอนนั้น ลิซ่าได้รับการปกป้องจากแอดดิสันมาตลอด และเธอก็ต้องการให้พี่ชายอยู่เคียงข้างเช่นเดียวกัน แต่แท้ที่จริงในใจเธอต้องการหนีห่างจากพี่ชายของเธอ!

การที่เธอได้มาพบกับ เจย์ ที่แม้จะเป็นคนหนีคดีแต่เขาก็คนที่เปิดหัวใจเธอ และทำให้เธอพร้อมออกไปเริ่มชีวิตของตัวเองที่ไม่มีพี่ชายอยู่ แต่ก็รู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจย์แน่หากพี่ชายของเธอรู้ถึงความ สัมพันธ์นี้ แต่ เจย์ ก็พยายามแสดงออกให้เธอเห็นว่า เขาจริงใจกับเธอและพร้อมที่จะปกป้องเธอ! และนั่นนำมาซึ่งการต่อสู้ตัดสินในตอนท้ายในบ้านของเจย์ ที่เป็นการต่อสู้ทางจิตใจและปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระของลิซ่า!

แอดดิสัน ที่สวมบทบาทโดย อีริก บาน่า เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนในความเรียบง่าย อาจดูเหมือนเป็นตัวละครมิติเดียว ที่พร้อมทำทุกอย่างตามแต่ใจต้องการโดนไม่สนใจเรื่องมนุษยธรรมและกฎหมาย แต่ก็มีฉากที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนในแบบฉบับของเขา คือ การให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวหนึ่ง ที่ผู้เป็นสามีมีนิสัยโหดร้าย เขาจึงจัดการชายคนนี้ให้สามีคนนี้ให้ (โดยไม่ได้ร้องขอ)

แม้หนังจะนำเสนอเรื่องราวของ แอดดิสัน และ ลิซ่า เป็นหลัก แต่ระหว่างนั้น หนังก็นำเสนอในมุมของตำรวจที่ตามล่าพวกเขา โดยติดตามตัวละครที่ชื่อ แฮนนา ซึ่งเป็นลูกสาวนายอำเภอและยังเป็นเพื่อนสนิทของเจย์ หนังบอกให้เรารู้ว่า พ่อของแฮนนาไม่ได้รู้สึกดีกับการที่มีเธออยู่ และดูจะเป็นตัวเกะกะในการทำงานของเขา รวมถึงอาจมองเป็นตัวซวยที่ทำให้ตำรวจหลายนายต้องตายไป

เรื่องราวทั้ง 3 ส่วน แอดดิสัน ลิซ่ากับเจย์ และ แฮนนา มาขมวดรวมกันที่้บ้านพ่อแม่ของเจย์ ที่บทสนทนาบนโต๊ะอาหารในวันขอบคุณพระเจ้า เป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ การกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของแต่ละคนตามที่แอดดิสันขู่แกมบังคับให้พูด ช่วยให้ตัวละครทั้งหมดมีชีวิต มีมิติขึ้นมา ไม่แห้งแล้งเหมือนสภาพอากาศแบบในหนัง และทำให้รู้ว่าเจย์นั้นรักพ่อและรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำมาตลอด ในขณะที่พ่อก็เป็นแบบฉบับของพ่อที่รักลูกที่พร้อมจะให้อภัยและให้โอกาสลูก เสมอ สิ่งที่น่าพอใจอีกอย่างของ Deadfall คือ ตอนจบ ที่ทุกตัวละครได้เข้าใจในตัวเองและไม่มีอะไรติดค้างในใจ และพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อให้คำว่า ครอบครัว กลับคืนมา ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจของ แอดดิสัน

แม้ในภาพรวม Deadfall ที่ไม่ใช่หนังที่ดูสนุกหรือชวนติดตามมากมายนัก แต่ด้วยบุคลิกของตัวละคร แอดดิสัน และการกระทำที่คาดไม่ถึงของเขาทำให้ยังพอมีอะไรให้ตามได้บ้าง? รวมถึงประเด็นด้านครอบครัวที่หนังนำเสนอทำให้พอได้อะไรที่มากกว่าความ บันเทิงจากหนังเรื่องนี้ โดยอย่าไปสนใจกับชื่อหนังภาษาไทย คู่โจรกรรมมหาประลัย !?

5/10
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4723 เมื่อ: 04/11/13, [14:17:33] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

The Hobbit: An Unexpected Journey เดอะฮอบบิทการผจญภัยสุดคาดคิด

ถือว่าเป็นมุกหากินที่กำลังฮิตในช่วงนี้ที่ฮอลลีวู้ด กับการเรียงหน้าเอาหนังภาคก่อน นำมาสร้างเพื่อเรียกเงินจากแฟนๆ ไล่มาตั้งแต่ Prometheus ภาคก่อนของ เอเลี่ยน , X-Men : First Class ภาคก่อนของ X-Men และล่าสุดก็คือ The Hobbit ภาคก่อนสงครามแหวนใน The Lord of the Rings สุดยิ่งใหญ่นั่นเอง

เป็นเรื่องราวการเดินทางผจญภัยของตัวละคร บิลโบ แบ็กกินส์ ผู้ถูกต้อนเข้าสู่ภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการทวงคืนอาณาจักรคนแคระแห่งเอเรบอร์ ที่สาปสูญหลังจากได้รับชัยชนะจากมังกรสมอว์กมาอย่างยาวนาน เขาถูกทาบทามโดยไม่รู้เรื่องโดยแกนดัล์ฟ พ่อมดลึกลับ บิลโบพบว่าตัวเองต้องร่วมทางกับคนแคระทั้ง 13 ที่นำโดยนักรบในตำนานอย่างธอริน โอเคนชีลด์ การเดินทางของพวกเขาจะนำพวกเขาสู่ป่ารกร้าง ท่ามกลางดินแดนแห่งความไม่น่าไว้วางใจของสิ่งมีชีวิตมากมาย พร้อมด้วยพวกพราย , ก๊อบลินส์ และ ออร์ค ที่ระหว่างการเดินทางของการทวงคืนบ้านเกิดของเหล่า คนแคระ พวกเขาต้องเจออุปสรรค์มากมายอีกด้วย

The Hobbit เป็นหนังภาคต้นก่อนการกำเนิดสงครามอันยิ่งใหญ่ใน The Lord of the Rings ที่แน่นอนว่าผู้กำกับก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับคนเดียวกับ The Lord of the Rings ทั้ง 3 ภาคนั้นเอง โดย The Hobbit ก็ยังคงเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายในชื่อเดียวกันของ เจ อาร์ อาร์ โทลเคี่ยน ที่ ปีเตอร์ แจ็คสัน ตัดสินใจแยกหนัง The Hobbit ออกเป็น 3 ภาค (ทั้งที่หนังสือมีอยู่เพียงเล่มเดียว) โดยในภาคแรกที่เราจะได้ดูกันนั้นชื่อ A Unexpected Journey ซึ่งก่อนอื่นผมก็ต้องขอบอกก่อนเลยว่า โดยส่วนตัวผมนั่นค่อนข้างเป็นคนที่ชอบ The Lord of the Rings มากพอสมควร เพราะถือว่าเป็นหนังในความทรงจำดีๆของผมเรื่องนึงเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้าหากผมจะรู้สึกตื่นเต้นกับ The Hobbit พร้อมด้วยระบบฉาย HFR 3D สุดคมชัด

แต่ก็น่าเสียดาย เมื่อรอบสื่อที่ผมได้ดูนั่นกลับกลายเป็นระบบฉาย 3D แบบเก่าแทน แต่กระนั้นแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะหลังจากผมได้ชม The Hobbit ในรูปแบบ 3D ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ หรือ ตื่นตา อะไรมากมาย แต่ในฉากการถ่ายทำวิวทิวทัศน์ และ ฉากต่อสู้ที่ใช้ คอมพิวเตอร์ กราฟฟิคหนักๆ ระบบ 3D สามารถทำหน้าที่ให้ฉากเหล่านั้นแลดูสมจริง และ มีมิติ ได้ดีในระดับนึง เช่นเดียวกับวิธีการกำกับหนังชุดนี้ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่เราทุกคนน่าจะมีความรู้สึกได้ว่า ตัวเรื่อง The Hobbit อาจจะเล่าเรื่องแบบอืดๆ เอื่อยๆ และขาดเสน่ห์ความหลงใหลแบบ The Lord of the Rings มากพอสมควรเลยก็ว่าได้ครับ

แต่กระนั้นแล้ว ผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน ก็คล้ายกับว่ามีมนต์สะกดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับการเดินทางของเหล่า คนแคระ ตลอดเวลา 164 นาที ได้อย่างไม่น่าเบื่อ แถมยังหวนคืนสู่โลกแห่ง มิดเดิ้ลเอิร์ท ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะใครที่เคยเป็นแฟนของ The Lord of the Rings มาก่อน คุณน่าจะมองข้ามข้อเสียต่างๆใน The Hobbit และมัวตื่นตาไปกับมนต์สะกดของ ผู้กำกับ ไปได้ไม่ยาก

โดยตัวละครที่ตัวหนังพยายามให้เด่น และ เสริมสร้าง มิติ ตัวหนังก็ยังสามารถสื่อสารกับคนดูได้อย่างสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งตนให้ตัวละคร บิลโบ้ แบ๊กกินส์ เป็นคนที่วันๆมัวแต่อยู่ในบ้าน กินนอนคนเดียว สังคมมีแต่เขาคนเดียว ไม่เคยสนใจผู้ใด จนกระทั่งวันนึงเขาต้องมาร่วมเดินทางผจญภัยกับคนหมู่มาก ที่สอนให้เขาได้รู้วิธีการอยู่ร่วมกัน การอยู่รวมในสังคม ว่าต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเสียบ้าง ผสมผสานไปกับฉากแอ็คชั่น ผจญภัย ที่อาจจะมีเสน่ห์ไม่ท่วมเท่า The Lord of the Rings แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในภาค An Unexpected Journey ก็ทำให้เรานึกถึงภาค The Fellowship of the Ring

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว The Hobbit อาจจะไม่ใช่หนังผจญภัยภาคต้น ที่ทำออกมาได้ดีเท่า The Lord of the Rings แต่กระนั้นแล้วในด้านฉากผจญภัย การเดินทาง และ บทเรียน ในการเดินทางครั้งนี้ ก็ยังเหมือนกับว่ามีมนต์สะกดจาก ผู้กำกับ และ ตัวละคร ที่ทำให้พวกเราชาวมิดเดิ้ลเอิร์ท ยังหลงใหลและสนุกอยู่

เรื่องนี้ผมให้ 8/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4724 เมื่อ: 04/11/13, [14:17:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Countdown เคาท์ดาวน์

ในที่สุดก็มาถึงแล้ว กับหนังไทยเรื่องแรกที่กล้าที่จะฉีกกรอบหนังไทยแนวเดิมๆที่กำลังเกลื่อนตลาดอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นแนว โรแมนติค คอมเมดี้ หรือแม้แต่ ผีตุ้งแช่ ที่ฮิตกันมานานแสนนาน ในตอนนี้ก็ดูเหมือนจะได้เวลากับการก้าวไปอีกขั้นของหนังไทย กับหนังแนว ทริลเลอร์ ที่ใครเห็นเป็นต้องสนใจแน่

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทุกคนบนโลกล้วนเฝ้ารอนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ รวมถึงสามวัยรุ่นไทยใน นิวยอร์ค ที่แชร์ห้องอยู่ร่วมกัน แจ็ค หนุ่มไฮโซที่โกหกคนที่บ้านว่ามาเรียนต่อ แต่กลับใช้เงินเที่ยวเล่นไปวันๆ แพม สาวเปรี้ยว หัวสูง ที่ใช้ของหรู เพื่อตัวเองจะได้ดูดีในสายตาคนอื่น และ บี แฟนสาวของแจ็ค ที่ไม่เคยบอกใครเรื่องของตัวเอง ทั้งสามอยากจัดปาร์ตี้ให้สนุกสุดเหวี่ยงส่งท้ายคืนวันสิ้นปี แจ็คเลยโทรเรียก เฮซุส ชายฝรั่งแปลกหน้า ผู้เป็นดีลเลอร์ส่งยาให้มาหาที่ห้อง เพื่อมอบความสุขอันหฤหรรษ์ให้พวกเขาเสพ โดยต่างไม่มีใครรู้ว่า จริงๆแล้วเขาเป็นใครกันแน่ แต่การมาเยือนของเขา จะเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล

เคาท์ดาวน์ เป็นผลงานการกำกับเรื่องแรก ของผู้กำกับหน้าใหม่แกะกล่อง แห่ง GTH อย่างคุณ บาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ที่ขอชิมลางมาจับงานหนังเรื่องแรกด้วยสไตล์ ทริลเลอร์ ฆาตรกรรม ซึ่งถ้าหากเป็นหนังฝรั่ง เราก็จะรู้ว่าหนังแนวนี้มีกันเกลื่อนตลาดจนน่าเบื่อ จำเจ และ ไม่สดใหม่อีกต่อไป แต่ในเมื่อนี้มันเป็นหนังไทย จึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างนึงของ เคาท์ดาวน์ ที่ด้วยความที่มันเป็นหนังไทยนั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ถึงแม้จะมีกลิ่นไอของหนังฝรั่งติดอยู่ที่ปลายจมูกเป็นบางครั้ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันก็มีกลิ่นไอของความแปลกใหม่ลอยมาเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวผมนั้นไม่เคยดูหนังสั้นต้นฉบับของ เคาท์ดาวน์ อย่างเรื่อง หลงใหล หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า The Misbehavers เพราะฉะนั้นผมจึงไม่รู้ว่าตัวหนังฉบับเต็ม และ หนังสั้นต้นฉบับมันต่างกันอย่างไร

แต่สิ่งที่ผมคิดว่า เคาท์ดาวน์ น่าจะเป็นตัวชูให้ตัวหนังดึงความน่าสนใจของคนดูเข้าไปได้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นด้านของ การแสดง จากตัวร้ายของเรื่องอย่างคุณ เดวิด อัศวนนท์ ในบทของ เฮซุส ที่ในบางฉากอาจจะดูล้น บางฉากอาจจะดูเกิน แต่โดยรวมแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีเฉพาะการแสดงของเขาเท่านั้น ที่ยังเป็นสิ่งที่พอจะสามารถดึงดูดความน่าสนใจจากตัวผมไปได้อยู่ในระดับนึง พร้อมด้วยอารมณ์ในสถานที่ปิด ที่ยิ่งส่งผลให้ คาแรกเตอร์ ของ เฮซุส แลดูโรคจิต และ มีอารมณ์ขันร้ายๆที่ถูกอกถูกใจไปได้อยู่บ้าง เพราะนอกเหนือจากนั้นแล้ว ทุกสิ่ง ล้วนแลดูน่าผิดหวัง ในสายตาของคนที่เหมือนหวังมากเกินไปอย่างผม

ซึ่งถ้าหากพูดถึงหนังที่เล่นในสถานที่ปิดตายได้ค่อนข้างอึดอัดมากในระดับนึง ส่วนตัวผมต้องขอยกให้กับ Buried และ Panic Room ที่บีบคั้นอารมณ์ของคนดูด้วยโลเคชั่นที่คับแคบได้อย่างมีสไตล์ และนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ผมหวังจาก เคาท์ดาวน์ ไว้มากที่สุด รองมาจาก ความโหด หลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างแล้ว และผลลัพธ์มันก็ดูเหมือนจะผิดคาดไปจริงๆ เมื่อท้ายสุด สิ่งที่หวังไว้ 2 อันดับแรก ตัวหนังก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรเลยสักนิด โดยเฉพาะการที่ตัวหนังมีโลเคชั่น และ ตัวเรื่อง อยู่ในสถานที่ปิดตาย ซึ่งเป็น วัตถุดิบดีๆสำหรับหนัง ทริลเลอร์ เรื่องนึง แต่ตัวหนังกลับยังไม่สามารถใช้สิ่งเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ได้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างฉาก สถานการณ์ และ ตัวละคร ที่มันทำให้รู้สึกว่าตัวหนังไม่ได้แย่งอากาศหายใจคนดู หรือ บีบคั้นสถานการณ์ใดๆเลยสักนิด

รวมไปถึงด้านของการดำเนินเรื่อง และ จังหวะการปล่อยมุกตลกร้าย ที่ล้วนแลดูคล้ายหนังฝรั่งมากจนเกินไป แถมมุกตลกร้ายที่พยายามปล่อยให้คนดูขำในสถานการณ์คับขันก็ยิ่งจะดูเหมือนทำให้แย่ลงเสียมากกว่า ซึ่งในบทสรุปของหนังในช่วงของการเซอร์ไพรส์ตามสไตล์หนังแนวฆาตรกรรมลึกลับ ก็อาจจะดูไม่แปลกใจมากสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่แปลกใจมากกว่าคือการที่ตัวหนังแอบมีเสียดสี คนในยุคปัจจุบัน ที่ส่วนมากมักจะตามวัฒนธรรม และ สังคม จากประเทศอื่น มากจนลืมรากเหง้าของตัวเองว่าอะไรเป็นสิ่งที่สอนมาให้เราเป็นคนตั้งแต่ พร้อมทั้งยังผสมไปกับเรื่องของ ชีวิตวัยรุ่น ที่ทุกอย่างอาจจะฟังแลดูดี และ น่าสนใจ แต่ก็น่าเสียดายเมื่อมันเข้าไปอยู่ในหนังทริลเลอร์จริงๆ มันจึงดูเหมือนกลายเป็นว่าแทนที่จะเป็นสิ่งที่สอนให้กับคนดู จึงกลับกลายเป็นยัดเยียดแบบทื่อๆในที่สุด

โดยถ้าหากเป็นหนังฝรั่ง ผมเชื่อว่า เคาท์ดาวน์ จะกลายเป็นหนังที่อยู่ในระดับเดียวกับ The Strangers ในทุกด้าน แต่ในเมื่อนี้คือหนังไทย ส่วนตัวจึงยังคิดว่ามันยังคงเป็นเพียงก้าวแรก ที่ไอเดีย และ พล๊อตเรื่อง สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับคนดูได้ แต่ตัวหนังจริงๆกลับยังไม่สามารถขัดเกลาหลายๆสิ่งได้ดีนัก

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4725 เมื่อ: 04/11/13, [14:17:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

สามวัน สองคืน รัก.เลิก.เลย

เข้าฉายกันมาสักพักแล้ว สำหรับไทยแนว โรแมนติค คอมเมดี้ เล็กๆ ของ 3 ผู้กำกับหน้าใหม่ ที่เนื่องด้วยผมคิดว่าตัวเรื่องที่น่าสนใจ คือการที่เดินทางไปบอกเลิก แทนที่เรื่องอื่นจะเดินทางไปบอกรัก จึงไม่ขอรีรอที่จะไปขอลองกับหนังไทยเล็กๆ พร้อมทั้งอุดหนุนไปในตัว เพราะในโรงที่ไปดูแทบจะไม่มีคนเลยหละ

จะทำยังไงหากวันนี้จะมีชายหนุ่มที่ดีพร้อม ทั้งหน้าตา ฐานะ และสิ่งสำคัญเขามาพร้อมความรัก และความจริงใจที่พร้อมมอบให้คุณ เรื่องนี้คงตอบไม่ยากสำหรับสาวโสด แต่สาวไม่โสดอย่างกิฟถึงกับ ต้องคิดหนัก เมื่อหนุ่มหล่อและเพอร์เฟ็คอย่าง พี่ริว อยากจะขอขยับจากสถานะกิ๊ก ขึ้นมาเป็น คนรู้ใจ แต่กิฟจะตอบรับได้ยังไงในเมื่อเธอมีโอชายหนุ่มศิลปินไส้แห้งที่คบหากันมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ทั้งคน แต่วันนี้ความรักของกิฟในวันนี้จึงจำเป็นต้องเป็นความรักที่มีอนาคต และความมั่นคงด้วย เพื่อนๆ กิฟทุกคนลงความเห็นเดียวกันว่าพี่ริวคือความรัก และอนาคตที่ดี และสิ่งที่กิฟต้องทำอย่างแรกก็คือตัดรักเก่าอย่างโอทิ้งซะ

สามวัน สองคืน รัก.เลิก.เลย เป็นหนังไทยที่ใช้ผู้กำกับหน้าใหม่ถึง 3 คน ประกอบไปด้วยคุณ ฐิติพงศ์ ใช้สติ , สรเทพ เวศวงศ์ษาทิพย์ และ คุณ สำคัญ โชติกสวัสดิ์ ที่นอกจากทั้ง 3 จะรับหน้าที่กำกับเองด้วยแล้ว ด้านตัวบท ทั้ง 3 คนยังร่วมด้วยช่วยกันเขียนออกมาอีกด้วย ที่แน่นอนว่าในเมื่อตัวหนังเป็นผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่ ด้านของ นักแสดง ก็ออกมาแบบใหม่แกะกล่องด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แพทตี้ พริษฐ์ชยาดา พิริยะเมธา นางเอกของเรื่อง และ แอม ณัฐคม ตังอังสนากุล พระเอก ที่ต้องมารับบทคู่รักที่ฝ่ายหญิงพยายามจะบอกเลิก ซึ่งโดยส่วนตัวต้องขอบอกเลยว่า ไม่ได้เป็นคนชอบดูหนัง โรแมนติค คอมเมดี้ แบบลงล็อคเป๊ะๆทุกอย่าง และค่อนข้างเบื่อพอสมควรกับหนังที่มาพร้อมกับไดอาล็อคเดิมๆ ชายเจอหญิง ชายได้หญิง หญิงงอนชาย ชายง้อหญิง และกลับมาคืนดี

เพราะฉะนั้นสำหรับผม สามวัน สองคืน จึงถือว่าเป็นหนังไทยอีกทางเลือกนึง ที่ออกมาค่อนข้างน่าสนใจมากพอสมควร เพราะปกติกับตัวหนัง หญิงพาชาย ชายพาหญิง ไปเที่ยว มักจะไปสารภาพรัก แต่ในกรณีนี้ตัวหนังกลับไป บอกเลิก แทน โดยจากตัวไอเดียหนัง ผมถือว่าออกมาค่อนข้าง โดดเด่น มากพอสมควร แต่ก็น่าเสียดายที่มันคงเพราะยังอยู่ในมือของผู้กำกับที่ยังเป็นมือใหม่พอสมควร จึงทำให้ท้ายสุด เมื่อตัวหนังดำเนินเรื่องเสนอความเก๋ไก๋ในตอนต้นไปแล้ว ก็เข้าสูตรหนังแนวรอมคอมเดิมๆ ที่เต็มไปด้วย ไดอาล็อค ตรงเป๊ะ หลังจากขึ้นเขาภูกระดึง ที่ในทีแรกตัวหนังเหมือนจะสร้างสถานการณ์ กลืนไม่ได้คายไม่ออก ให้เต็มที่

และพร้อมจะระเบิดสถานการณ์นั้นให้คนดู ในตอนช่วงกลางเรื่อง ไปจนถึงท้ายเรื่อง แต่คงเป็นเพราะการเล่าเรื่อง และ มุกตลก ผสมเข้ากับอีกหลายๆองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นด้านของ การถ่ายภาพ , จังหวะดราม่า และ วิธีใส่ประเด็นทั้งหลาย ที่ล้วนแต่แลดูเป็นหนังของนักศึกษามากพอสมควร โดยเฉพาะวิธีการ ถ่ายภาพ ที่ทำเอาฉากหลังที่เป็น ภูกระดึง ที่มันสมควรจะออกมาสวย กลายเป็นธรรมดาไปซะงั้น จึงทำให้สกานการณ์ข้างต้น หายเข้ากลีบเมฆ เช่นเดียวกับด้านความโดดเด่นของ ตัวละคร ที่ค่อนข้างจะออกมาในรูปแบบเป็นนิยาย ด้วยการวางตัวให้ พระเอก และ พระรอง เป็นผู้ชายที่มีจิตใจดีทั้งคู่ โดยที่ไม่เสริมมิติด้านร้าย ให้กับตัวละครทั้ง 2 จนเป็นเหมือนว่าตัวหนังจะพยายามใส่มุมมองให้คนดูทั้งเพศชาย และ หญิง มีมุมมองด้านเดียวกับตัวละหลักอย่าง กิฟ มากเกินไป

ก่อนที่ตัวหนังจะตีกลับ เพื่อลบล้างข้อเสียเหล่านั้น ด้วยการดึงเอาสถานการณ์ กลืนไม่ได้คายไม่ออก กลับมาใช้ใหม่ในช่วง ตอนจบ ที่หลายๆตอนแอบทำให้นึกถึงอารมณ์ในแบบเดียวกันกับหนังฮ่องกงอย่าง Don’t Go Breaking My Heart มากพอสมควร แตกต่างกันเพียงว่า ตอนจบของ สามวัน สองคืน ยังถือว่าทำออกมาได้เจ็บ และ ให้บทเรียน ที่มีคุณค่าแก่ตัวละครประเภทนี้ได้อย่างสาสม และ ตัวผมก็หวังจะหาตัวหนังแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน เช่นเดียวกับการที่ตัวหนังเปิดตัวมาด้วยเรื่องของ เราจะเลือกรัก คนที่รักเรา หรือ คนที่เรารัก หรือจะเราจะเลือกการที่ ไม่ก่อชู้ จะดีกว่ากัน ซึ่งด้านการแสดงของนักแสดงใหม่ทั้งหมด

ส่วนตัวผมก็ยังถือว่าออกมาได้ค่อนข้างดี ถึงแม้อาจจะมีแข็งบ้างเป็นระยะ แต่เคมีระหว่างคู่พระนาง ในฉากรักกุ๊กกิ๊ก ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลย และโดยรวมถ้าหาก สามวัน สองคืน มีวิธีการจัดการจังหวะมุก และ ดราม่า พร้อมทั้งอีกหลายองค์ประกอบให้ดีกว่านี้ ตัวหนังก็จะน่าสนใจและสนุกกว่านี้แน่นอนหละ

เรื่องนี้ผมให้ 6/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4726 เมื่อ: 04/11/13, [14:17:59] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?

ถูกต้องครับ

Life of Pi - ชีวิตอัศจรรย์ของพาย

หลังจากหายตัวไปนานถึง 3-4 ปี ในตอนนี้ผู้ชาวเอเชียอย่าง อังลี ก็ได้กลับมาแล้ว พร้อมกับหนังเรื่องใหม่ ที่เห็นจากตัวอย่าง และ คำวิจารณ์ ผมก็ได้ตั้งความตั้งใจกับตัวเองไว้เลยว่า หนังเรื่องนี้ต้องดูในระบบ 3D เท่านั้น เพราะเนื่องด้วยฉาก และอีกหลายๆองค์ประกอบ ที่ผลออกมาเป็นอย่างไรไปอ่านกันครับ

Life of Pi สร้างขึ้นจากหนังสือขายดีแนวผจญภัยแนวแฟนตาซีของ ยาน มาร์เทล ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวอินเดีย ชื่อ พาย พาเทล ที่มีชีวิตรอดจากเหตุการณ์เรือล่ม โดยใช้ชีวิตอยู่ในเรือชูชีพเป็นเวลา 227 วัน กับบรรดาสิงสาราสัตว์นานาชนิด รวมถึงเสือเบงกอลตัวมหึมา พายต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังกับเจ้าสัตว์ร้ายนี้โดยใช้ความรู้ ไหวพริบ และศรัทธาทั้งหมดเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่บนเรือนี้ ภาพยนตร์ Life of Pi มีการพัฒนาเทคนิคสำหรับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ด้วยรูปแบบภาพ 3 มิติ เปิดประสบการณ์ที่มีมนต์เสน่ห์น่าหลงใหล สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างน่าประทับใจและพาผู้ชมไปด้วยในเวลาเดียวกันเลยทีเดียวหละ

Life of Pi กำกับการแสดงโดย อังลี ซึ่งบางคน ก็อาจจะรู้จักผู้กำกับคนนี้มาจาก หนังเกย์หลังเขา ใน Brokeback Moutain หรืออีกหลายคนก็อาจจะรู้จักมาจาก ยักษ์เขียวจอมพลังใน Hulk แต่ไม่ว่าคุณจะรู้จักผู้กำกับคนนี้มาจากหนังเรื่องใด ก็มีสิ่งนึงที่ผมเชื่อว่า คนดูน่าจะสัมผัสได้ในหนังของผู้กำกับคนนี้ทุกเรื่อง นั่นคือ ความทะเยอะทะยาน ที่เขาพยายามใส่เข้าไปในหนังให้มันกลมกล่อมเข้าที่แทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะใน Hulk และ Crouching Tiger, Hidden Dragon ที่ผลลัพธุ์ของมันก็ทำให้หนังทั้ง 2 เรื่อง ได้รับคำชมในสไตล์ที่ต่างกัน และในผลงานใหม่อย่าง Life of Pi ก็ถือว่าได้เป็นอีกเรื่องนึงที่ค่อนข้างเหมือนหนังที่ผมยกตัวอย่างเอาไว้ข้างต้น เพราะสิ่งนึงที่ผมต้องขอบอกเลยว่าเป็นข้อเสียเปรียบของตัวผู้กำกับ อังลี อย่างมาก คงหนีไม่พ้นการที่ตัวหนังสือ พูดถึงแต่ศาสนาคริสต์

แต่ว่าตัวของผู้กำกับ อังลี กลับเป็นคนเอเชีย ที่ต้องทำการบ้านมาอย่างดี และ เปรียบเสมือนต้องทำให้ Life of Pi กลายเป็นหนังที่อาจจะค่อนข้างคล้ายโฆษณาชวนเชื่อให้ศรัทธาในศาสนาคริสต์มากพอสมควร โดยผลลัพธุ์ดังกล่าวจากการทำการบ้านสุดหินของผู้กำกับ อังลี ก็คงหนีไม่พ้นการสร้างให้ Life of Pi กลายเป็นอีกหนึ่งหนังขั้น มาสเตอร์พีช จากตัวผู้กำกับที่ควรมีไว้ประดับบ้านอีกเรื่อง เพราะสิ่งที่แลดูจะโดดเด่นมากที่สุดใน Life of Pi ก็คงจะหนีไม่พ้นการที่ตัวหนังพูดเรื่อง ความเชื่อ ศาสนา และ ชีวิต ที่หนังเต็มไปด้วย ปรัชญาคมคาย มากมาย แต่ตัวหนัง Life of Pi จะแตกต่างกับหนังเรื่องอื่นๆตรงที่ว่า หนังจะไม่ได้ให้เชื่อตาม ปรัญชาคมคาย ทั้งหลาย ที่ตัวหนังใส่เข้ามาสักเท่าไหร่นัก แต่ตัวหนังจะเปรียบเสมือนให้คนดู 'เลือกที่จะเชื่อ' เสียมากกว่า ว่าปรัญชาข้อไหน สิ่งไหน เป็นสิ่งที่คนดูได้ฟังแล้วรู้สึกว่ามันน่าเชื่อถือ มันน่าศรัทธา ซึ่งทั้งหมดก็วนๆเวียนๆเข้าไปกับเหล่าตัวละครอย่าง พาย พาเทล ที่เลือกที่จะศรัทธาในทุกสิ่งที่เขาพบ จนกระทั่งเหตุการณ์เรือล่มที่สอนให้เขารู้จักอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น ซึ่งอีกด้านนึงที่ขาดไม่ได้เลย ที่จะทำให้การเดินของ พาย แลดูน่าสนใจ และ น่าตื่นตา คงหนีไม่พ้นด้านของระบบ 3D ที่สามารถทำออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบ เต็มไปด้วยฉากน่าตื่นตา ประหลาดใจ ด้วย เทคนิคด้านภาพ ที่เมื่อผสมผสานกับระบบ 3D จึงทำให้เกิดประสบการณ์การดูหนังที่คุ้มค่าตั๋วมากที่สุด โดยเฉพาะลูกเล่นการ บีบ ขยาย เฟรมหนัง ที่เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

โดยทางด้านการแสดงของหนังแสดงหนุ่มอย่าง ซูราจ ซาม่า ในบทของ พาย พาเทล อาจจะไม่ได้มอบการแสดงที่ดี และ สามารถอุ้มชู คนดูไปกับตัวเรื่องได้อย่างดีนัก เช่นเดียวกับนักแสดงหนุ่มอย่าง เดฟ พาเทล ตอน Slumdog Millionaire แต่กระนั้นแล้ว หนังก็ยังสลับให้ บรรยากาศ และ องค์ประกอบด้านภาพ มาช่วยแชร์กันอุ้มชูจนตลอดรอดฝั่งไปได้ในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม Life of Pi ก็น่าจะยังไม่ใช่หนังที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบหนังอะไรที่ เอื่อย อืดอาด และเต็มไปด้วยบทสนทนาในช่วงแรกมากสักเท่าไหร่นัก เพราะกว่าจะถึงฉากอลังการที่เป็นจุดขาย หนังก็ต้องลอยเรือนิ่งๆอยู่นานพอควร เช่นเดียวกับเหล่าผู้ปกครอง

ที่พากันพาบุตรหลานเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเป็นหนังสวนสัตว์ๆสนุกๆ ก็ขอแนะนำว่าอย่าดีกว่าครับ เพราะนอกจากเด็กจะไม่เข้าใจตัวเรื่องและ อาจจะยังพาหลับให้เสียค่าตั๋วฟรีๆกันก็เป็นได้ แต่ถ้าหากใครที่ไม่เข้าข่ายกับข้อที่กล่าวมา Life of Pi จะเป็นหนังแนวดราม่า แฟนตาซี ชั้นเยี่ยมเรื่องนึงเลยทีเดียวครับ

เรื่องนี้ผมให้ 8/10 ครับ
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4727 เมื่อ: 04/11/13, [14:22:04] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4728 เมื่อ: 04/11/13, [14:22:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4729 เมื่อ: 04/11/13, [14:22:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4730 เมื่อ: 04/11/13, [14:22:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4731 เมื่อ: 04/11/13, [14:23:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4732 เมื่อ: 04/11/13, [14:25:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Super Salaryman ยอดมนุษย์เงินเดือน   [on_026]
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4733 เมื่อ: 04/11/13, [23:49:30] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Taichi Zero ไทเก๊ก หมัดเล็กเหล็กตัน ชอบมากเลย ทุกบทบาทของ เหลียง เจีย ฮุย(แม้จะเริ่มแก่แล้ว)
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4734 เมื่อ: 04/11/13, [23:56:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



เรื่องอะไรครับ ?
Hotel Transylvania โรงแรมผีหนีไปพักร้อน เป้นการ์ตูนที่สนุกใช้ได้เลยครับ ให้ 7/10 ครับ
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4735 เมื่อ: 05/11/13, [00:12:35] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Hotel Transylvania โรงแรมผีหนีไปพักร้อน เป้นการ์ตูนที่สนุกใช้ได้เลยครับ ให้ 7/10 ครับ


คุณเอกบอกสนุก สงสัยผมจะต้องลองดูเรื่องนี้ซะเเล้วครับ 55555
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4736 เมื่อ: 05/11/13, [00:19:47] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ตีสาม
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง]  ตีสาม 3AM เรื่องนี้ตอนเด็ดต้องเป็นตอนที่ เกรฃ กาญจน์เกล้าเล่นเป็นศพ เฃ็กฃี่มาก ให้ 6/10 ครับ
หนัง 3 เรื่องจาก 3 ผู้กำกับ พัชนนท์ ธรรมจิรา, กิรติ นาคอินทนนท์ และ อิสรา นาดี พร้อมด้วยนักแสดงนำ ชาคริต แย้มนาม, ปีเตอร์ ไนท์, ซัน ประชากร ปิยะสกุลแก้ว, สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข, เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โฟกัส จีระกุล, วิวิศน์ บวรกีรติขจร (ตี๋ เอเอฟ4), กันยรินทร์ นิธินพรัศม์ (ดีเจ เตยหอม)
เรื่องย่อ 1   เกศสยอง    ผู้กํากับ – พัชนนท์ ธรรมจิรา
เป็นเรื่องราวของ มิ้นท์ (สายป่าน) และ เมย์ (โฟกัส) ลูกพี่ลูกน้องสาวสวย ร้านขายวิกผม ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน แต่เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่ของพวกเธอต้องไปต่างประเทศ เมย์ได้รับซื้อเส้นผมโดยไม่รู้ที่มา… ขณะที่มิ้นท์ได้พาเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้ในบ้าน และนำผมเหล่านั้นมาล้อเลียนจนเมื่อถึงเวลาตีสาม… เขาและเธอจะรอดจากวิญญาณอาฆาตที่มาทวงผมเธอคืนได้หรือไม่
เรื่องย่อ 2  เรือนหอคนตาย    ผู้กํากับ -กิรติ นาคอินทนนท์
เชอร์รี่ (เกรซ) และ ไมค์ (ปีเตอร์) เป็นคู่รักแสนหวานที่ต้องมาเสียชีวิตก่อนหน้าที่พวกเขาจะแต่งงานกันเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตายแต่ครอบครัวของเขาทั้งคู่ก็ยังเก็บศพเอาไว้ โดยให้ ทศ (โทนี่) บุรุษพยาบาลหนุ่มรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลร่างของศพ ให้ทั้งคู่ยังดูเหมือนคนมีชีวิตอยู่ แต่แล้วทศกลับตกหลุมรักร่างที่ดูงดงามของเชอร์รี่ ซึ่งเวลาตีสามของทุก ๆ วัน ทศต้องเผชิญความหลอนที่ยากจะคาดเดา และจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้หรือไม่
เรื่องย่อ 3   OT     ผู้กํากับ -อิสรา นาดี
ออฟฟิศที่ขึ้นชื่อลือนามว่าผีดุ ในช่วงกลางดึกของคืนวันนั้นเหลือเพียง 2 เจ้าของออฟฟิศคู่หูอย่าง การัน (ชาคริต) กับ ที (เรย์) ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องผี และยังชอบแกล้งคนอื่นให้ตกใจอยู่เสมอ แต่ความขี้เล่นของทั้งคู่ได้นำมาสู่ความสยอง เมื่อพวกเขาได้ดึง บั๊ม (ซัน) กับ งิ้ง (เตยหอม) เพื่อที่จะหาเรื่องแกล้ง แต่จู่ ๆ ก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นซึ่งหาคำอธิบายไม่ได้ในช่วงเวลาตีสาม!!
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4737 เมื่อ: 05/11/13, [00:20:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คุณเอกบอกสนุก สงสัยผมจะต้องลองดูเรื่องนี้ซะเเล้วครับ 55555
555 ความเห้นส่วนตัวนะครับ อาจไม่ชอบก็ได้ครับคุณรอม
ROMMY ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4738 เมื่อ: 05/11/13, [00:23:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

555 ความเห้นส่วนตัวนะครับ อาจไม่ชอบก็ได้ครับคุณรอม

เดี๋ยวจะลองดูนะครับ ดูจบเเล้วจะมาบอกครับคุณเอก  55555   ้hahaha

เเละผมจะเอาหนังมาทายมั่ง สัก3เรื่อง เเบบโหดๆ (รอบล่าสุดของผมง่ายเกิ๊น5555 พี่ๆคอหนังเเต่ละคนตอบได้หมด=.= ) รอติดตามเเละอย่าลืมตอบหนังที่ผมจะถามด้วยนะครับ
เอสวา ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #4739 เมื่อ: 05/11/13, [00:38:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

RV Runaway Vacation  อาร์วี ซิ่งรถบ้านไปเถิดเถิง
ถูกต้องครับ  [เจ๋ง] RV Runaway Vacation  อาร์วี ซิ่งรถบ้านไปเถิดเถิง
บ็อบ มันโร (โรบิน วิลเลี่ยมส์) นักธุรกิจระดับผู้บริหารที่บ้างานได้เกลี้ยกล่อมให้ภรรยาและลูกๆของเขาล้มเลิกแผนไปเที่ยวฮาวาย แล้วเปลี่ยนมาเป็นท่องเที่ยวแบบขับรถข้ามประเทศแทน โดยอ้างว่าครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันตลอดเวลา แต่นี่เป็นเพียงอุบาย เพราะแท้จริงแล้วบ็อบมีนัดเรื่องงานชิ้นสำคัญที่โคโลราโด้ ตลอดการเดินทางบนรถอาร์วีคันยักษ์นี้ ครอบครัวมันโรต้องผจญกับเรื่องวุ่นวายมากมายที่ประดังเข้ามาตลอดเส้นทาง รวมทั้งครอบครัวของทราวิส กอร์นิคเก้ (เจ๊ฟฟ์ แดเนี่ยลส์) เจ้าของมนุษย์สัมพันธ์ดีเกินเหตุ จนทำให้ทัวร์อลเวงครั้งนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะตลอดเวลา
หน้า: 1 ... 156 157 158 159 160 ... 201   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: