Aqua.c1ub.net
*
  Sun 16/Nov/2025
หน้า: 1 2   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ส่องกล้องดูวัสดุกรอง ยี่ห้อแพงๆมันดีกว่าจริงหรือ ?!?  (อ่าน 20956 ครั้ง)
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« เมื่อ: 10/12/11, [10:45:55] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

มาส่องกล้องจุลทรรศ์ดูความพรุนของวัสดุกรองกันครับ เนื้อหามาจากเวปไม้น้ำของฮังการี

ใช้ google แปลมาอาจไม่สมบูรณ์เท่าไหร่แต่ก็พยายามจะให้แม่นที่สุดครับ




เริ่มจาก Eheim Substrat Pro  ราคาขายกันประมาณ 500-700 บาท/ลิตร




เจ้านี่ทำมาจากวัสดุคล้ายแก้ว แข็งแรงทนทานไม่แตกง่ายครับ


พอขยายขนาดเข้าไปจะเห็นสีขาวๆนั่นคือสารปนเปื้อนที่เกาะอยู่ที่ผิวครับ มีโอกาสที่อาจจะทำให้วัสดุกรองตันเร็วขึ้นได้ด้วย


ภาพสุดท้ายซึ่งต่อไปจะใช้อ้างอิงเปรียบเทียบนะครับ แสดงรายละเอียดที่ขนาดประมาณ 1x1 มม.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10/12/11, [10:49:21] โดย Hawk »
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #1 เมื่อ: 10/12/11, [10:46:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ต่อด้วย EHEIM Mech ตัวอย่างพวกวัสดุกรองผิวเรียบ ราคาประมาณ 0-???? /ลิตร  emb01



ผลตามคาดครับ มันไม่มีรูพรุน  [on_003]


มีรอยเล็กน้อยจากการผลิตแต่ไม่มีพื้นที่ให้แบคทีเรียเกาะเลยครับ



พวกวัสดุกรองผิวเรียบแบบนี้ แนะนำว่าเอาไปใช้กระจายทิศทางน้ำอย่างเดียวครับ ไม่มีประโยชน์อื่นๆอันใด และไม่ใช่วัสดุกรองที่ดีอย่างแน่นอน



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10/12/11, [16:14:33] โดย Hawk »
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #2 เมื่อ: 10/12/11, [10:46:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

มาดูถ่านกันบ้างครับ ยี่ห้อนี้ไม่รู้บ้านเรามีขายรึเปล่า แต่หน้าตามันก็เหมือนถ่านคาร์บอนบ้านเรานี่แหละ ดูไปเพลินๆละกันนะครับ (เสียดายเค้าไม่ส่องถ่านไม้ไผ่ให้ดู)

Seachem Matrix Carbon




ที่ 1000x พบผลึกเป็นร่องพื้นผิวขนาดเล็กเยอะเลยครับ




ที่ 100x ขนาดเปรียบเทียบครับ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10/12/11, [11:23:56] โดย Hawk »
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #3 เมื่อ: 10/12/11, [10:46:47] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อันนี้เป็นแร่ Quartzite  ซึ่งน่าจะ (น่าจะ) เป็นวัสดุตั้งต้นของพวกวัสดุกรองที่ทำจากกระจกทั้งหลาย เช่น Quart ball

300x


50x พี่ จขกท เค้าเปลี่ยนขนาดไปมา ทนดูหน่อยละกันนะครับ ผมก็งง  [on_008]
เจ้าแร่นี้เค้าบอกประมาณว่ามันดีกลางๆ ไม่ได้พรุนมากแต่ก็พอใช้ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10/12/11, [11:33:13] โดย Hawk »
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #4 เมื่อ: 10/12/11, [10:47:13] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


ตามมาด้วยพระเอกครับ ADA Bio-rio ครับ ซึ่ง ada อธิบายว่ามันคือvolcano rock ฝรั่งเห็นก็เรียกว่ามันคือ pumice stone

ก็คือๆหินพัมมิสบ้านเรานี่แหละครับ ราคาก็ประมาณ 300-400 บาท/ลิตร ของ ADA(คลุกกับสูตรแบคทีเรีย 9ล9 ของเค้าด้วย)

 ของที่สวนไร้ยี่ห้อก็ 20-40 บาท/ลิตร





ซุมเข้าไปดู 30x ครับ รูพรุนเยอะใช้ได้เลย


ที่ 1000x (ขนาดประมาณรูขุมขน)



ขนาดเปรียบเทียบ 100x  ผมว่าดีกว่าไม่ก็พอๆกับซัปโปรเลยครับ  036
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10/12/11, [11:35:49] โดย Hawk »
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #5 เมื่อ: 10/12/11, [11:24:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ที่จริงเค้ายังมีอีกเยอะครับ แต่บ้านเรามันไม่มีขายเลยขี้เกียจเอามาให้ดู

ที่นั่งแงะกระทู้มาเนี่ยอยากให้เพื่อนๆพี่ๆได้ใช้ของดีราคาถูก แถมไม่เสียดุลย์การค้า

เพราะผมจำได้ว่าเคยไปเห็นในเวปเลี้ยงปลาเมืองนอก

ประมาณว่าถ้ามีใครไปต่างประเทศเนี่ยสิ่งที่เค้าจะล้อกันเล่นก็เช่น ฝากแบกหินพัมมิสกลับมาด้วย

สงสัยบ้านเค้าคงไม่มีขายไม่ก็แพง pumice stone เป็นของดีในสายตาเค้าเลยครับ

สุดท้ายขอขอบคุณ คุณ dont_karb สำหรับสำนึกดีๆที่มีให้คนในเวป และผู้เป็นแรงบัลดาลใจในการตั้งกระทู้หลังจากไม่ได้พิมพ์ยาวๆมาโคตรนาน  ้hahaha


Credit : http://akvakertesz.hu
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10/12/11, [11:44:27] โดย Hawk »
Joeycooky ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #6 เมื่อ: 10/12/11, [11:26:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

รอดูอยู่ครับ  [เจ๋ง]
aquamedical_fraghouse ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #7 เมื่อ: 10/12/11, [11:37:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

รอดูครับ ส่วนตัวในใจเรื่องรูพรุน ไม่ใช่หัวใจหลักของคุณภาพวัสดุกรองครับ บางอย่างพรุนมาก พรุนเกิน จนเหมือนไม่มีรูพรุน คือแบคทีเรียมันทำงานได้น้อยเพราะไม่เป็นธรรมชาติ
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #8 เมื่อ: 10/12/11, [11:43:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

รอดูครับ ส่วนตัวในใจเรื่องรูพรุน ไม่ใช่หัวใจหลักของคุณภาพวัสดุกรองครับ บางอย่างพรุนมาก พรุนเกิน จนเหมือนไม่มีรูพรุน คือแบคทีเรียมันทำงานได้น้อยเพราะไม่เป็นธรรมชาติ

เค้าบอกประมาณว่าดูที่ 100x ครับ แบคทีเรียจะอยู่ได้ในรูพรุนที่ขยายประมาณนั้นครับ  [เจ๋ง]
V 940 j ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #9 เมื่อ: 10/12/11, [11:56:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมก็ใช้พัมมิสมาตลอดก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหน

แล้วเค้ามี คิรีก้า ให้ดูไม๊อะครับ
Coffman ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #10 เมื่อ: 10/12/11, [12:31:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณมากครับที่เอา SEM มาส่องกันเห็นๆเลย
ใครสนใจรายละเอียดของหินภูเขาไฟติดตามเพิ่มได้ครับ
บทความ: พัมมิช พัมมิส ภูไมท์ (pumice stone) เผื่อมีประโยชน์ http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=91584.msg1075541#msg1075541
Hawk ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #11 เมื่อ: 10/12/11, [16:09:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมก็ใช้พัมมิสมาตลอดก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหน

แล้วเค้ามี คิรีก้า ให้ดูไม๊อะครับ

ไม่มีครับ ผมก็ใช้พัมมิสนี่แหละสุดยอดแล้ว ในกระทู้ต้นเรื่อง ตัว bio-rio เจ๋งอันดับต้นๆเลยครับ  [on_026]

ขอบคุณมากครับที่เอา SEM มาส่องกันเห็นๆเลย
ใครสนใจรายละเอียดของหินภูเขาไฟติดตามเพิ่มได้ครับ
บทความ: พัมมิช พัมมิส ภูไมท์ (pumice stone) เผื่อมีประโยชน์ http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=91584.msg1075541#msg1075541


ขอบคุณครับ ความรู้แน่นๆตามไปเสพโลดครับ
 
noannnice ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #12 เมื่อ: 11/12/11, [00:37:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆครับ
Bankcaramel ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #13 เมื่อ: 11/12/11, [01:18:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [เจ๋ง] แน่นๆ เน้นๆครับ ขอบคุณครับ  [เจ๋ง]
คุณพ่อหน้าเด็ก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #14 เมื่อ: 11/12/11, [01:35:33] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สรุป ใช้พิมมิส ดีสุดปะครับ
dont_karb ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #15 เมื่อ: 11/12/11, [17:12:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ของดีราคาถูกมักถูกมองข้ามเพราะค่านิยมต่างชาติและการปลูกฝังแบบวัตถุนิยม  ว่าแล้วเดี๋ยวจะแจก PH size S ที่ใช้อยู่เปลี่ยนเป็นพัมมิสบ้านๆพอ  ้hahaha ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีดีครับ  [เจ๋ง]
ปล.1เห็นเค้าว่ากันว่า AZOO Quartz ball  ซึ่งมีความพรุน 75000ตารางเมตรต่อลิตร + ซึ่งมากกว่าวัสดุประเภทอื่นหลาย 10 เท่า พอจะรู้ไหมครับว่าจริงเท็จประการใด รบกวนหน่อยนะครับ
2.ขอขอบคุณทุกคน ที่ช่วยกันแบ่งปัน ทำให้สังคมของเราน่าอยู่ขึ้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/12/11, [17:17:26] โดย dont_karb »
topz ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #16 เมื่อ: 11/12/11, [19:30:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

นั่นแหละ ผมนั่งคิดมาตั้งนานนะว่าจะมาโพสถามแต่กลัวโดนด่า ฮ่าๆๆ

คือเห็น พัมมิสของ ADA แล้วราคาต่างกันมาก เลยอยากจะรู้ความแตกต่างว่า พัมมิสเหมือนกัน แตกต่างกัน

ตรงไหนหรือ  ตอนนี้รู้ละว่า เขาคลุกกะแบคทีเรีย

แต่ก็นะ  เทียบราคาแล้ว  TT^TT  ใช้แบคทีเรียบ้านเราดีกว่า

Zatamm:JoyBoy ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #17 เมื่อ: 11/12/11, [22:39:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมเคยลองนะ เอาPH Monoballมาใส่ถุงตาข่ายประมาณลิตรนึง จุ่มน้ำดู โห ยังกะโซดาเรย
แต่พอมาลองกับ1320ตัวขายของDazs ทำไมของแดสดูง่อยๆไงไม่รุ ทั้งที่ความพรุนเยอะกว่า
สงสัยอีกอย่างนะครับสงสัยมานานแระ ไอเรื่องขนาดของแบคทีเรียอะครับ มันมีกี่ขนาดหรา
รึว่าสายพันธุ์นึงมันจะสามารถมีได้ขนาดเดียว ที่สงสัยนะครับ ลองยกตัวอย่างคนตัวใหญ่ย่อมทำอะไรได้มากกว่า
คนตัวเล็กในทางปฏิบัติ เช่นกันในระบบแบคทีเรีย ถ้าช่องที่แบคทีเรียมันอาศัยอยู่มันแคบมว๊ากก(ตามความพรุน)
แบคทีเรียที่ว่ามันจะมีประสิทธิภาพหรา??
Last,,One ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #18 เมื่อ: 11/12/11, [23:32:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมเคยลองนะ เอาPH Monoballมาใส่ถุงตาข่ายประมาณลิตรนึง จุ่มน้ำดู โห ยังกะโซดาเรย
แต่พอมาลองกับ1320ตัวขายของDazs ทำไมของแดสดูง่อยๆไงไม่รุ ทั้งที่ความพรุนเยอะกว่า
สงสัยอีกอย่างนะครับสงสัยมานานแระ ไอเรื่องขนาดของแบคทีเรียอะครับ มันมีกี่ขนาดหรา
รึว่าสายพันธุ์นึงมันจะสามารถมีได้ขนาดเดียว ที่สงสัยนะครับ ลองยกตัวอย่างคนตัวใหญ่ย่อมทำอะไรได้มากกว่า
คนตัวเล็กในทางปฏิบัติ เช่นกันในระบบแบคทีเรีย ถ้าช่องที่แบคทีเรียมันอาศัยอยู่มันแคบมว๊ากก(ตามความพรุน)
แบคทีเรียที่ว่ามันจะมีประสิทธิภาพหรา??

รูพรุนนี้ก็เหมือนกับหน้าผาอะครับ ถ้าหน้าผาเรียบเราจะปีน จะเกาะ ก็ลำบาก แต่หน้าผามีรูๆๆๆ เราก็ยังพอเกาะและอาศัยอยู่ได้อะครับ ถ้ารูพรุนมันแคบมว๊ากก(เล็กกว่าขนาดตัวแบคทีเรีย)มันก็อาจจะใช้รูเป็นที่ยึดเกาะเฉยๆ ไม่จำเป็นนี่ครับว่ามันจะต้องเข้าไปอยุ่ในรูเสมอไป[on_abe] [on_abe]

ถามว่าผมรู้ได้ยังไงหรอ??  ผมก็ไม่รู้ผมสันนิษฐาน รอผู้เชี่ยวชาญมานอนยันอีกที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12/12/11, [01:54:11] โดย Last,,One »
aquamedical_fraghouse ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #19 เมื่อ: 12/12/11, [00:38:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แบคทีเรีย โดยเฉลี่ยมักมีขนาดที่ 30-50 ไมครอน (ไมโครเมตร) แต่ถ้านับรวม จะมีตั้งแต่ขนาด 5-200 ไมครอน ทั้งนี้ขึ้นกับ ชนิดและอายุด้วย รูพรุนที่ละเอียดมากเกินไป จะทำให้ในรูนั้น แบคทีเรียเข้าไปอยู่ลำบากหรือไม่ได้ แบคทีเรียก็จะเกาะด้านนอก ซึ่งก็เท่ากับว่า พื้นที่ผิวเท่าเดิม แต่รูที่พรุนมาก จะมีคุณสมบัติ ดูดซับ ธาตุอาหารบางตัวได้ ซึ่ง ถ้าเตรียมมาดีก็จะเป็นแหล่งอาหารให้แบคทีเรียได้ใช้ได้โตด้วย ทำงานดีขึ้นว่างั้น แต่ไม่เสมอไป

รูพรุนแค่ระดับหนึ่งเท่านั้นที่เหมาะสม ไม่ต้องถึงกับพรุนมาก การที่ฟองอากาศออกมาจากวัสดุกรองได้นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีอากาศระหว่างเม็ดวัสดุ แต่ออกมาจากในตัวมันจริงๆ คือ มีรูที่กว้างพอที่อากาศจะหนีแรงตึงผิวของน้ำออกมาได้ ส่วนพวกที่รูพรุนมากๆ อากาศหาทางออกไม่ได้ ลอยเต้งเป็นชาติก็มี


แบคทีเรียตัวใหญ่หรือเล็ก ไม่เกี่ยวข้องต่อการทำงาน หรือประสิทธิภาพการย่อยของเสียเท่าไหร่ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือ ช่วงอายุของแบคทีเรีย ปกติเราจะเรียกเป็นช่วงเวลา คือ

1. lag phase หรือช่วงเริ่มต้น เริ่มเกิด เริ่มเกาะ ช่วงนี้คือเซ็ตตู้ใหม่ วัสดุกรองและอาหารเลี้ยงเชื้อที่ดีมีผลต่อการหลุดพ้นจากช่วงนี้เร็วขึ้นได้มาก ช่วงเวลานี้ แบคทีเรียเอ๊าะๆ ยังไม่ประสา ต้องรอ ให้สอน emb01

2. log phase หรือช่วงกลัดมัน ช่วงนี้ แบคทีเรียจะเดินหน้าเต็มสูบ เร่งปั๊มเต็มที่ ซอยยิก เจอของเสียโมเลกุลใหญ่นี่ ซอยยิกๆ ตู้ปลาที่ระบบเริ่มเข้าที่สมบูรณ์แล้ว น้ำจืด ใน 2-3 เดือนแรก น้ำทะเล ใน 5-6 เดือน จะเห็นชัดว่า สดใสทุกอย่าง ดีที่สุด ช่วงเวลาที่ทุกอย่างลงตัว และฟิตที่สุด ที่ทุกคนอยากหยุดเวลานี้ไว้นานๆ [on_065]

3. stationary phase ระยะที่มีแบคทีเรียสูงสุด เต็มที่ มีทั้งเบื่อโลก มีทั้งผลงานดีได้เลื่อนขั้น เหมือนคนทำงานในปีที่ 3 เริ่มทรงๆ อยู่ตัว ถ้าใจหวิวๆก็มีโอกาสลาออกสูง  [on_007] เช่นกัน ช่วงนี้มักเกิดขึ้นเป็นเวลานานในตู้ไม้น้ำที่เซ็ตตัวเต็มที่ อาจจะอยู่ในระดับนี้ได้ถึง 3-4 ปี แต่กับตู้ปลาปกติที่มักยัดนู่น นั่น นี่ เข้าไป ระยะนี้มักผ่านพ้นไปด้วยความอาลัย ในเวลาไม่นาน ระยะนี้ บอกตรงๆ ตำราเก่าบอกไม่เวิร์คเท่าไหร่ ให้ใช้ระยะ log ดีกว่า แต่สำหรับผม ระยะนี้คือระยะปลอดภัย ไม่ต้องกังวลนับวันให้เครียด ถ้าเราคงระยะปลอดภัยนี้ให้นานเท่าที่ทำได้ มันก็คือตู้ bio sphere ดีๆนั่นเอง

4. Death phase หรือระยะ ตู้ล่ม ม่องเท่ง ระยะนี้ไม่ต้องบอก กรองตัน ใยแก้วเน่า ตะกอนท่วมหิน ตะใคร่บาน วัดแอมโมเนีย ไนไตร์ท ไนเตรท แล้วเหมือนตาบอดสี เจอแต่แดงเถือก ของเสียต่างๆ ประดังเข้ามา ทั้งจากอาหารปลา สั่งขับถ่าย หรือแม้แต่แบคทีเรียในระบบกรองของเราเอง มาคล้ายๆบิลเก็บค่าน้ำไฟ โทรศัพท์ตอนปลายเดือน เตรียมตัว เตรียมใจ รื้อตู้ล้างใหม่ได้ จะฟื้นฟูก็ไม่สู้มือล้าง

นอกเรื่องมานาน เอากราฟไปดูเล่นเผื่อเข้าใจมากขึ้น



ตามนี้เป็นพื้นฐาน เราสามารถทำให้ระยะต่างๆนี้มั่ว จากธรรมชาติได้เสมอ เช่น
ตั้งตู้ใหม่ ระยะ1 เอาหินกรองเก่าจากตู้อื่นมา ลงปลาเลย มันก็เข้าระยะ 2 ไปโดยไม่ต้องรอ หรือ ตู้เซ็ตตัวเตรียมล่มในระยะ 4 แล้ว เราล้างกรอง มันก็เข้าระยะ 2 ได้อีกครั้ง ลองคิดตามจะได้รู้ว่า ตรูจะถ่ายน้ำดูดตะกอนทำไม


กลับเข้าเรื่องเดิม ขนาดของแบคทีเรียไม่สำคัญ แต่อายุของมันสำคัญกว่า ดังนั้น วัสดุกรองจำพวกที่มีผสมนู่น นั่น นี่ ทั้งหลายคือวัสดุกรองที่พยายามจะช่วยให้เราเข้าระยะ 2 เร็วที่สุด ทันใจวัยรุ่น จะได้ลงปลาแบบบ้าคลั่งได้ไวๆครับ [on_009]

ส่วนวัสดุกรองพวกที่มีรูพรุนหลายลักษณะไม่แน่นอน เช่นของจากธรรมชาติ พวกนี้จะทำให้การคงอยู่ในระยะ 3 ระยะแน่นิ่งดีกว่า เพราะจุลชีพที่หลากหลายจะดำรงอยู่ร่วมกันและเกื้อกูลกันตามธรรมชาติได้ดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว

วัสดุกรองที่่ดีในความคิดผมคือ ทำงานดี ค่าแรงต่ำ ทนมือตีนได้ และไซด์ไลน์ได้ด้วย [on_026]
Last,,One ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #20 เมื่อ: 12/12/11, [01:57:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

วัสดุกรองที่่ดีในความคิดผมคือ ทำงานดี ค่าแรงต่ำ ทนมือตีนได้ และไซด์ไลน์ได้ด้วย [on_026]

สาวใช้ในอุดมคติ  [on_026] [on_026]
Zatamm:JoyBoy ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #21 เมื่อ: 12/12/11, [10:06:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แบคทีเรีย โดยเฉลี่ยมักมีขนาดที่ 30-50 ไมครอน (ไมโครเมตร) แต่ถ้านับรวม จะมีตั้งแต่ขนาด 5-200 ไมครอน ทั้งนี้ขึ้นกับ ชนิดและอายุด้วย รูพรุนที่ละเอียดมากเกินไป จะทำให้ในรูนั้น แบคทีเรียเข้าไปอยู่ลำบากหรือไม่ได้ แบคทีเรียก็จะเกาะด้านนอก ซึ่งก็เท่ากับว่า พื้นที่ผิวเท่าเดิม แต่รูที่พรุนมาก จะมีคุณสมบัติ ดูดซับ ธาตุอาหารบางตัวได้ ซึ่ง ถ้าเตรียมมาดีก็จะเป็นแหล่งอาหารให้แบคทีเรียได้ใช้ได้โตด้วย ทำงานดีขึ้นว่างั้น แต่ไม่เสมอไป

รูพรุนแค่ระดับหนึ่งเท่านั้นที่เหมาะสม ไม่ต้องถึงกับพรุนมาก การที่ฟองอากาศออกมาจากวัสดุกรองได้นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีอากาศระหว่างเม็ดวัสดุ แต่ออกมาจากในตัวมันจริงๆ คือ มีรูที่กว้างพอที่อากาศจะหนีแรงตึงผิวของน้ำออกมาได้ ส่วนพวกที่รูพรุนมากๆ อากาศหาทางออกไม่ได้ ลอยเต้งเป็นชาติก็มี


แบคทีเรียตัวใหญ่หรือเล็ก ไม่เกี่ยวข้องต่อการทำงาน หรือประสิทธิภาพการย่อยของเสียเท่าไหร่ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือ ช่วงอายุของแบคทีเรีย ปกติเราจะเรียกเป็นช่วงเวลา คือ

1. lag phase หรือช่วงเริ่มต้น เริ่มเกิด เริ่มเกาะ ช่วงนี้คือเซ็ตตู้ใหม่ วัสดุกรองและอาหารเลี้ยงเชื้อที่ดีมีผลต่อการหลุดพ้นจากช่วงนี้เร็วขึ้นได้มาก ช่วงเวลานี้ แบคทีเรียเอ๊าะๆ ยังไม่ประสา ต้องรอ ให้สอน emb01

2. log phase หรือช่วงกลัดมัน ช่วงนี้ แบคทีเรียจะเดินหน้าเต็มสูบ เร่งปั๊มเต็มที่ ซอยยิก เจอของเสียโมเลกุลใหญ่นี่ ซอยยิกๆ ตู้ปลาที่ระบบเริ่มเข้าที่สมบูรณ์แล้ว น้ำจืด ใน 2-3 เดือนแรก น้ำทะเล ใน 5-6 เดือน จะเห็นชัดว่า สดใสทุกอย่าง ดีที่สุด ช่วงเวลาที่ทุกอย่างลงตัว และฟิตที่สุด ที่ทุกคนอยากหยุดเวลานี้ไว้นานๆ [on_065]

3. stationary phase ระยะที่มีแบคทีเรียสูงสุด เต็มที่ มีทั้งเบื่อโลก มีทั้งผลงานดีได้เลื่อนขั้น เหมือนคนทำงานในปีที่ 3 เริ่มทรงๆ อยู่ตัว ถ้าใจหวิวๆก็มีโอกาสลาออกสูง  [on_007] เช่นกัน ช่วงนี้มักเกิดขึ้นเป็นเวลานานในตู้ไม้น้ำที่เซ็ตตัวเต็มที่ อาจจะอยู่ในระดับนี้ได้ถึง 3-4 ปี แต่กับตู้ปลาปกติที่มักยัดนู่น นั่น นี่ เข้าไป ระยะนี้มักผ่านพ้นไปด้วยความอาลัย ในเวลาไม่นาน ระยะนี้ บอกตรงๆ ตำราเก่าบอกไม่เวิร์คเท่าไหร่ ให้ใช้ระยะ log ดีกว่า แต่สำหรับผม ระยะนี้คือระยะปลอดภัย ไม่ต้องกังวลนับวันให้เครียด ถ้าเราคงระยะปลอดภัยนี้ให้นานเท่าที่ทำได้ มันก็คือตู้ bio sphere ดีๆนั่นเอง

4. Death phase หรือระยะ ตู้ล่ม ม่องเท่ง ระยะนี้ไม่ต้องบอก กรองตัน ใยแก้วเน่า ตะกอนท่วมหิน ตะใคร่บาน วัดแอมโมเนีย ไนไตร์ท ไนเตรท แล้วเหมือนตาบอดสี เจอแต่แดงเถือก ของเสียต่างๆ ประดังเข้ามา ทั้งจากอาหารปลา สั่งขับถ่าย หรือแม้แต่แบคทีเรียในระบบกรองของเราเอง มาคล้ายๆบิลเก็บค่าน้ำไฟ โทรศัพท์ตอนปลายเดือน เตรียมตัว เตรียมใจ รื้อตู้ล้างใหม่ได้ จะฟื้นฟูก็ไม่สู้มือล้าง

นอกเรื่องมานาน เอากราฟไปดูเล่นเผื่อเข้าใจมากขึ้น



ตามนี้เป็นพื้นฐาน เราสามารถทำให้ระยะต่างๆนี้มั่ว จากธรรมชาติได้เสมอ เช่น
ตั้งตู้ใหม่ ระยะ1 เอาหินกรองเก่าจากตู้อื่นมา ลงปลาเลย มันก็เข้าระยะ 2 ไปโดยไม่ต้องรอ หรือ ตู้เซ็ตตัวเตรียมล่มในระยะ 4 แล้ว เราล้างกรอง มันก็เข้าระยะ 2 ได้อีกครั้ง ลองคิดตามจะได้รู้ว่า ตรูจะถ่ายน้ำดูดตะกอนทำไม


กลับเข้าเรื่องเดิม ขนาดของแบคทีเรียไม่สำคัญ แต่อายุของมันสำคัญกว่า ดังนั้น วัสดุกรองจำพวกที่มีผสมนู่น นั่น นี่ ทั้งหลายคือวัสดุกรองที่พยายามจะช่วยให้เราเข้าระยะ 2 เร็วที่สุด ทันใจวัยรุ่น จะได้ลงปลาแบบบ้าคลั่งได้ไวๆครับ [on_009]

ส่วนวัสดุกรองพวกที่มีรูพรุนหลายลักษณะไม่แน่นอน เช่นของจากธรรมชาติ พวกนี้จะทำให้การคงอยู่ในระยะ 3 ระยะแน่นิ่งดีกว่า เพราะจุลชีพที่หลากหลายจะดำรงอยู่ร่วมกันและเกื้อกูลกันตามธรรมชาติได้ดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว

วัสดุกรองที่่ดีในความคิดผมคือ ทำงานดี ค่าแรงต่ำ ทนมือตีนได้ และไซด์ไลน์ได้ด้วย [on_026]
โอ้โห เก็ตสุดๆผมหาคนตอบแบบพี่มานานละ ขอคาระแวะด้วยเบียร์พอลลาเนอร์หนึ่งแก้ววว
aquamedical_fraghouse ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #22 เมื่อ: 12/12/11, [10:24:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คุณ iTam:JoyBoy ครับไหนๆขอเปลี่ยนจากพอลลาเนอร์ ไปเป็น ไวเฮน สเตฟานเนอร์ ไวเชนบอก แทนได้ปล่าว ชอบของดำน่ะครับ [on_026]
Zatamm:JoyBoy ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #23 เมื่อ: 12/12/11, [11:42:55] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คุณ iTam:JoyBoy ครับไหนๆขอเปลี่ยนจากพอลลาเนอร์ ไปเป็น ไวเฮน สเตฟานเนอร์ ไวเชนบอก แทนได้ปล่าว ชอบของดำน่ะครับ [on_026]
เอาซะจนเรยทีเดียว 555
aquamedical_fraghouse ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #24 เมื่อ: 12/12/11, [16:06:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

555 ้hahaha ขำๆครับ สุดท้ายก็ ของไทยนี่แหละ ชนแก้วได้ทั้งคืน ไม่เครียดด้วย
gomin ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #25 เมื่อ: 21/12/11, [19:47:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

วัสดุ มีความพรุนขนาดใหน เราเองผู้เลี้ยงคงยากที่จะพิสูจน์ ต้องใช้ห้องแลบเท่านั้น และความพรุน ก็มีวิธีวัดหลายวิธี
โดยธรรมชาติ แบคทีเรียทั่วไป แบ่งเป็น ใช้อากาศ และไม่ใช้อากาศ เป็นเหตุผล อย่างหนึ่งในการเลือดขนาดวัสดุ ซึ่งแบคทีเรียที่ใช้อากาศ จะดำรงค์ชีวิต อยู่ที่ผ้ววัสดุได้ไม่เกิน2มิลลิเมตร(ถ้าจำไม่ผิด)
แบคทีเรียตามธรรมชาติยังแบ่งเป็นประเภท สร้างไบโอฟิมล์ และไม่สร้างอีก ซึ่งไบโอฟิมล์ที่ว่า จะเอื้อประโยชน์กับแบคทีเรียกลุ่มที่ไม่สร้าง ให้ไปอยู่ (ไม่ทุกประเภท ไบโอฟิมล์บางตัว มีสารฆ่าแบคทีเรียตัวอื่นๆ)
โดยปกติ ที่ใหนมีอินทรีย์วัสถุ ที่นั้นจะมีแบคทีเรีย โต(อาศัยอืนทรีย์วัตถุเป็นอาหารนั้นเอง)

การเลือกใช้วัสดุ ที่จริงแล้วมีรายละเอียดที่เยอะมากๆ ถ้าจะศึกษากันจริงๆ เป็นโปรเจค งานทดลองได้เลย แต่เอาแบบสั้น

สรุป ต้องดูว่าปริมาณของเสียที่ต้องการบำบัด มีมากหรือน้อย ถ้ามีมาก ก็ต้องการแบคทีเรียมากๆ นั้นคือ ที่อยู่ของแบคทีเรียจะต้องมีมากตาม แต่ในการเลี้ยงจะติดที่ขนาดของช่องกรอง หรือที่ใส่วัสดุ ถ้ามีพื้นที่น้อย เราก็ต้องใช้วัสดุที่มีความพรุนมากๆ กลับกันถ้ามีพื้นที่ใส่วัสดุมากๆ เราก็ใช้วัสดุความพรุนน้อยได้

ตัวอย่างการใช้งานจริง ของคนที่เลี้ยงปลากระเบน ใช้วัสดุหินภูเขาไฟ น้ำก็สะอาด เพราะบ่อกรองใหญ่ ใช้ของถูกๆได้ แต่มีปัญหา ธาตุบางอย่างในหินภูเขาไฟ ทำให้ปลากระเบนดำ ราคาตก ดังนั้นเค้าจึงต้องเลือกวัสดุอื่นๆแทน เป็นประสบการณืที่ผมรับมาจากผู้เลี้ยงโดยตรง
cube design ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #26 เมื่อ: 21/12/11, [21:48:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [เจ๋ง] 
Aqua_X ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #27 เมื่อ: 21/12/11, [22:08:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [กู้ดครับ!] [กู้ดครับ!]ทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้
บัง! ออฟไลน์
in Wonderland
« ตอบ #28 เมื่อ: 21/12/11, [22:38:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ส่วนตัวชอบที่ผิวมันหยาบๆมากๆ อย่างซับสเปโตของอีฮามกับของ Azoo และ up-aqua (สองอันนี้เหมือนกันยังกับแกะ)
เพราะใช้พวกผิวละเอียดไปพักนึง ก็เห็นเมือกแบคทีเรียมันคลุมหมดทั้งเม็ด ลื่นปื๊ดจนด้านในมันไม่น่าจะเหลือตัวเป็นๆ

ส่วนใช้ตัวไหนเอาตามขนาดกรองเป็นหลัก ถ้ากรองใหญ่ 10 ลิตร++ ก็พัมมิสเถอะครับ เดี๋ยวคนเลี้ยงจะไม่มีแดก
กรองกลางๆ 2-10 ลิตร เอา Up-aqua มั่ง Azoo มั่ง
กรองเล็กเอาซับสเปโต เม็ดมันเล็กหน่อย



ซ้าย Azoo ขวา Up.....พี่น้องฝาแผดที่พลัดพรากจากกันที่เมืองจีน
up-aqua ในรูปเป็นตัวกล่องแดงในลิ๊งนี้ http://www.up-aqua.com/00-dm-page/DM-af-filter-md-big.jpg ซื้อน้อยลิตรสองลิตรก็ราคาเกือบเท่า Azoo แต่ถ้าถุงใหญ่ 20 โล (ราวๆ 40 ลิตร) ก็ถูกดี



ของ Azoo ซีรี่ย์นี้มี 4 สี ผสมตังกวยจับอะไรเยอะแยะมากมาย ถ้าสนใจลองไปหาๆอ่านเอาแล้วกัน

แบบว่า ซอกมันเยอะดี กูลึกลับ หยาบโลน ชอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/12/11, [22:42:51] โดย บัง! »
Aqua_X ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #29 เมื่อ: 22/12/11, [08:13:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

* อ้างถึง กรองใหญ่ 10 ลิตร++ ก็พัมมิสเถอะครับ เดี๋ยวคนเลี้ยงจะไม่มีแดก

 ้hahaha  ้hahaha
หน้า: 1 2   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: