ไม่แน่ใจมีใครเอามาลงหรือยังหนา [on_026]
บทความนี้อาจมีประโยชน์แก่สมาชิกท่านอื่น ๆ นะครับ [on_018]
โรคปลาปอมปาดัวร์และการรักษา
1. โรคตกหมอก
อาการของโรคตกหมอก: ปลาปอมปาดัวร์จะมีเมือกปกคลุมลำตัว คล้ายมีหมอกสีขาวปกคลุมอยู่ เมื่อปรากฏอาการปลาจะเบื่ออาหาร ผอมลงถ้าไม่รักษาจะตายในที่สุด
สาเหตุของโรคตกหมอก: เกิดจากเชื้อโปรโตซัวน์ฺ ชนิดที่มีหนวดยาว ที่บริเวณตามลำไส้และอวัยวะภายในปาก
การรักษาโรคตกหมอก: รักษาโดยการถ่ายพยาธิ
2. โรคขี้ขาว
อาการของโรคขี้ขาว: ปลาปอมปาดัวร์จะถ่ายออกมาเป็นสีขาวหรือเทา แทนที่จะเป็นสีคล้ำๆ ปลาปอมปาดัวร์จะเริ่มไม่กินอาหารการรักษาโรคขี้ขาว: รักษาโดยหยุดการให้อาหารและทำการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำเป็น 32 องศาเซลเซียส เติมเกลือในอัตร 0.1% ติดต่อกัน 1-2 วัน
การเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์ ปอมปาดัว
การเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์
ปลาปอมปาดัวร์ (Pompadour) - ตลาดของปลาปอมปาดัวร์ในประเทศไทยยังเติบโตได้อีกมา ทั้งยังส่งขายต่างประเทศได้ ประกอบกับสภาพอากาศของประเทศไทยเหมาะสมในการเพาะพันธุืปลาปอมปาดัวร์ ตลอกจนแหล่งอาหารของปลามีราคาไม่แพง ทำให้มีผู้สนใจทำการเพาะพันธุ์กันมาก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่สำเร็จ เพราะ ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างดี โดยประพเด็นสำคัญของการเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์ คือ ความสะอาดของน้ำ ซึ่งนักเพาะเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์จะไม่นิยมใช้เครื่องกรอง แต่จะใช้วิธีเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวันโดยเชื่อว่าปลาโตเร็ว และสามารถเพาะพันธุ์ได้ดี
การคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาปอมปาดัวร์ - เป็นสิ่งที่มีความสำคัญประการแรกของารเพาะพันธุ์เลยทีเดียวพ่อแม่พันธุ์ที่ดีย่อมให้ผลผลิตที่ดี มีข้อพิจารณาดังนี้
1. ไม่ซื้อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ปลาปอมปาดัวร์จากร้านขายทั่วๆไป เพราะอาจจะได้ปลาที่แก่ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพต่ำในการเพาะพันธุ์ ควรทำการซื้อจากฟาร์มเพาะโดยตรง
2. ไม่ซื้อปลาปอมปาดัวร์ที่ผ่านการย้อมสีหรือเร่งสีมาเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพราะการย้อมหรือเร่งสี อาจมีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์3. ไม่ซื้อปลาปอมปาดัวร์ขนาดใหญ่มาเลี้่ยง เพราะดูอายุได้ยาก ควรซื้อปลาขนาดประมาณเหรียญบาทซึ่งจะเป็นปลาที่มีอายุประมาณ 1-2 เดือน และควรซื้อปลาที่มาจากคนละครอกกันเพื่อป้องกันปัญหาเลือดชิด ซึ่งจะส่งผลให้ได้ลูกปลาน้อย ไม่แข็งแรง พิการ สีไม่สวย
4. ควรซื้อลูกปลาที่มีลักษณะกลม บริเวณปากของปลาปอมปาดัวร์ถึงครีบหลังควรมีลักษณะโค้งงอ ไม่ลาดชันเป็นเส้นตรง กระโดงครีบไม่หักลู่ ตัวสีน้ำตาลอ่อนไม่ดำ เลือกปลาที่เชื่อง กินเก่ง ถ้ามีปลาป่วยเลี้ยงรวมอยู่ ไม่ควรซื้อมา เพราะปลาที่เราซื้อมาอาจติดโรค พยายามสังเกตุตาของปลาเพื่อดูว่าปลาแกร็นหรือไม่ ถ้าแกร็นตาจะโปน ขอบตาดำ ตัวสีดำ
การเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์
เมื่อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาปอมปาดัวร์พร้อม ให้นำโดมหรือกระถาง ถาดดินเผามาวางไว้ในตู้ปลาเพื่อที่ปลาจะได้เคยชิน และเป็นที่สำหรับปลาปอมปาดัวร์วางไข่ ซึ่งการเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง 4 ประการ คือ
เนื่องจากปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่ตื่นตกใจง่าย ยิ่งวางไข่ยิ่งขี้ระแวง ดังนั้นต้องตั้งตู้ติดผนังหรือนำวัสดุมาปิดตู้ 3 ด้าน เพื่อป้องกันการมองเห็นที่มากเกินไป ลดการตกใจของปลา ขนาดตู้ปลาที่นิยมคือ 30*20*20 นิ้ว
2. แสงสว่าง ไม่ควรให้แสงมากเกินไป บริเวณที่เพาะพันธุ์ไม่ควรมีคนพลุกพล่านป้องกันปลาปอมปาดัวร์ตกใจ
3. ห้องเพาะพันธุ์ปลา ควรแยกออกจากห้องเลี้ยงปลาปกติ เพื่อเวลาเลี้ยงปลาอื่นๆได้ไม่รบกวนการเพาะพันธุ์ของปลา ห้องต้องมิดชิดเพื่อที่จะให้อุณหภูมิค่อนข้างคงที่ ไม่แกว่ง
4. การวางโดม ควรวางโดมคนละด้านกับหัวทรายและวางโดมให้ชิดตู้ด้านใดด้านหนึ่งเพื่อป้องกันวางวางไข่ชิดตู้ ในระหว่างการเพาะพันธุ์แม่ปลาปอมปาดัวร์ท้องจะอูมชัดเจนก่อนวางไข่ 3-4 วัน ปลาจะมีอาการสั่นทั้งตัวผู้และตัวเมียและจะไม่ออกห่างจากโดมและจะช่วยกันทำความสะอาดโดม จากนั้นปลาปอมปาดัวร์ตัวเมียจะวางไข่บนโดมครั้งละ 15-30 ฟอง แล้วปลาปอมปาดัวร์ตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อลงบนไข่ โดยจะใช้เวลาวางไข่ประมาณ 2 ชั่วโมง วางไข่ 200-300 ฟอง ไข่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร สีเทาอมเหลือง ซึ่งในบางครั้งอาจมีสีเหลืองอมแดงเพราะได้รับผลจากการเลี้ยงด้วยไข่กุ้ง หลังจากปลาผสมพันธุ์และวา่งไข่แล้วจึงใส่ยาปฏิชีวนะชื่อว่า Tetracyclin อัตรส่วน 2 เม็ดต่อ 1 ตู้(ตู้ขนาด 30*20*20 นิ้ว) ในระยะนี้พ่อพันธุ์แม่ปพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์จะโบกน้ำใส่ไข่ตลอกเวลาเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้ไข่และป้องกันสิ่งสกปรกลงไข่ จากนั้นให้เราเอาโดมตาข่ายมาคลุมโดมวางไข่โดยให้ตาข่ายห่างจากโดมประมาณ 2-3 เซ็นติเมตร เพื่อป้องกันปลากินไข่หรือย้ายไข่ จากนั้นนำตะแกรงมาแยกปลาปอมปาดัวร์ตัวผู้ตัวเมียออกจากกัน เพื่อป้องกันปลาผสมพันธุ์ซ้ำ ถ้าปลาวางไข่ชุดใหม่จะกินไข่ชุดเก่า และป้องกันปลากัดกันเพื่อแย่งกันเลี้ยงลูก ในการแยกนี้ให้ตัวเมียอยู่ใกล้ไข่เพื่อให้ปอมปาดัวร์ตัวเมียดูแลลูก
หลังจากแม่ปลาปอมปาดัวร์วางไข่ 3 วัน ลูกปลาปอมปาดัวร์จะเริ่มฟักเป็นตัว ซึ่งในระยะนี้ลูกปลาจะยังไม่กินอาหารเนื่องจากอาศัยอาหารที่ติดมากับถุงไข่ ในวันที่ 6 หลังจากฟักเป็นตัวลูกปลาจะว่ายมากินเมืือกที่ลำตัวพ่อแม่ปลา พ่อแม่ปลาจะมีสีเข้ม ซึ่งในระยะนี้พ่อแม่ปลาจะอมลูกและพ่นไปที่โดม ห้ามให้ปลาตกใจเด็ดขาดเพราะปลาปอมปาดัวร์อาจกินลูกได้ และควรระวังในการให้อาหารเพราะในระยะนี้จะยังเปลี่ยนน้ำไม่ได้
วันที่ 7 - ทำการถ่ายน้ำออกประมาณ ครึ่งตู้ โดยระวังลูกปอมปาดัวร์ติดออกมา
วันที่ 8 - ค่อยๆดูดตะกอนและเติมน้ำโดยใช้วิธีน้ำหยดเพื่อให้อุณหภูมิเกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด จะใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง จึงจะได้ระดับน้ำครึ่งตู้เท่ากับวันที่ 7 และเปลีืยนน้ำเช่นนี้ต่อไปทุกวัน
วันที่ 13 - ลูกปลาปอมปาดัวร์ จะเริ่มว่ายไปมา แต่ยังกินเมือกจากพ่อแม่ปลาปอมปาดัวร์อยู่ ในระยะนี้สามารถให้ลูกไรแดงกับลูกปลาได้ การแยกลูกไรแดงให้ใช้กระชอนตาถี่ในการแยกและระวังไรอีกชนิดที่คล้ายไรแดงแต่มีเปลือกแข็ง ถ้าลูกปลาปอมปาดัวร์กินเข้าไปอาจตายได้ วันที่ 17 - สามารแยกลูกปลาออกจากแม่ปลาได้แล้ว ถ้าอยากให้ปลามีสีสวยเร็วๆให้กินไข่กุ้ง พ่อแม่พันธุ์ที่แยกออกจากลูกปลาปอมปาดัวร์ในวันที่ 17 นี้ สามารถผสมพันธุ์ไ้ด้อีก โดยต้องพักประมาณ 7 วัน ในระยะพักนี้ควรให้อาหารเสริมพวกวิตามินรวม วิตามิน เพราะในระยะดูแลลูกเรามีการใส่ยาลงไปในตู้ซึ่งอาจทำให้พ่อพันธุ์แม่พันธ์ุปลาปอมปาดัวร์เป็นหมันได้ จึงต้องทำการบำรุง ในการให้วิตามินให้แช่กับอาหารประมาณ 20 นาที ในบางกรณีที่ไข่ไม่ฟักเป็นตัวอาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่ดี สภาพน้ำ ให้ทำการแก้ไขกันไปโดย ในเรื่องของน้ำให้ดูแลอย่างรอบคอบ และพ่อพันธุ์ให้ทดลองสลับสับเปลี่ยนกัน ถ้าไข่ยังไม่ฟักให้พักปลาไว้ 1 เดือนจากนั้นค่อยลองผสมใหม่
ข้อมูลจากเว็ปเพื่อนบ้านจำชื่อไม่ได้แล้ว
|