อ่านกันเพลินๆครับ อาจมีหลายบทนะครับเขียนไปเรื่อยๆ เผื่อใครสามารถนำไปปรับใช้เป้นแนวอเมซอนเต็มตัว จากค่าน้ำ สภาพแวดล้อมที่ผมรวบรวมมา
ปลาก็จากอเมซอน ไม้น้ำบางทีก้มาจากอเมซอน น้ำมีของดีปุ๋ยเยอะก็อเมซอน น้ำเหลืองก็อเมซอน กาแฟ ปตท.ก็อเมซอน ดิน ADA ก็อเมซอน ปลาช่อนแม่ลา ก็มาจากอเมซอน ไอ้มดแดงก็อเมซอน
บทสรุปที่ 1 รู้จักแม่น้ำอะเมซอน : Amazon River http://www.wonder7th.com/wonder_natural/015amazon_river.htm
ขณะที่กำลังแล่นเรือในมหาสมุทรแอตแลนติกห่างจากชายฝั่งอเมริกาใต้ราว200ไมล์ นักเดินเรือชาวยุโรป สังเกตพบว่าพวกเขากำลังแล่นเรืออยู่ในน้ำจืดความประหลาดใจทำให้เขาหันหัว เรือสู่ชายฝั่ง และได้พบกับปากแม่น้ำที่กว้างใหญ่
สถานที่ตั้ง ประเทศ โบลิเวีย บราซิล โคลัมเบีย เอกวาดอร์ กวานา เปรู ซูรินามี และ เวเนซุเอรา
ต้นกำเนิดของแม่น้ำอะเมซอน มาจาก ANDES MOUNTAINS ในประเทศเปรู ไหลจากตะวันตกไปยังตะวันออก ผ่านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกทางตอนเหนือของบราซิล
แม่น้ำอะเมซอนมีความยาวเกือบ ๆ 4,000 ไมล์ จะเป็นรองก็แค่แม่น้ำไนล์ในทวีปแอฟริกา ส่วนความกว้างนั้นนับว่ากว้างที่สุดในโลก ขณะล่องในแม่น้ำจะมองไม่เห็นสองฝั่ง เพราะแม้ส่วนที่แคบที่สุด ก็ยังมีความกว้างกว่า 1 ไมล์ ที่สำคัญไปกว่านั้น ปริมาณน้ำจืด 1 ใน 5 ของโลกก็มาจากแม่น้ำอะเมซอนซึ่งมีสาขาประมาณ 1,100 สาย และในจำนวนนี้มี 17 สายที่ยาวกว่า 1,000 ไมล์
The Amazon river Basin ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 7 ล้านตารางก.ม. อันได้แก่ประเทศ โบลิเวีย บราซิล โคลัมเบีย เอกวาดอร์ กวานา เปรู ซูรินามี และ เวเนซุเอรา ประมาณ 40% อยู่ในดินแดนของบราซิล ซึ่งเป็นพื้นที่ทางภาคเหนือหรือเรียกว่า The Amazon Region ประกอบด้วยรัฐ ACRE , AMAPA , AMAZONAS , PARA , RONDONIA , AND TOCATINS สรุปแล้วกิน พื้นที่เกือบ ๆ ครึ่งหนึ่งของบราซิลเลยทีเดียว
สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในภาคนี้คือจุดนัดพบของแม่น้ำนิโกร (สีดำ) กับแม่น้ำโซลิมอยส์ (สีเหลือง) ซึ่งไหลไปพร้อม ๆ กันโดยที่สีของแม่น้ำทั้งสองต่างกันอย่างชัดเจน ในระยะหลายไมล์แรก และป่าแอมมาซอนซึ่งเป็น Tropical rain forest ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เฉพาะส่วนที่อยู่ใน 7 รัฐของบราซิลนี้มีสัตว์หนาแน่นที่สุด มีต้นไม้กว่า 40,000 ชนิดและนกกว่า 1,500 ชนิด
เพื่อนๆคงทราบความกว้างใหญ่ไพศาลของมันแล้วเนื่องจากเป้นแหล่งน้ำจืดเทพ อันดับต้นๆ ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของสภาพธรรมชาติ ในแม่น้ำนี้ที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต สวยงามมากมาย
บทสรุปที่ 2 : ความสมบูรณ์ในลุ่มน้ำนี้มากจากไหน? http://203.172.208.244/web/stu38/site3_1/index4.htm
แม่น้ำอเมซอนถูกค้นพบ และสำรวจในปี คศ. 1541 โดย ฟรานซิสโก เดอ ออเรลลานา (Francisco De Orellana) นักสำรวจชาวสเปน หลังจากล่องไปตามลำน้ำจาก กิโต้ ในเอกวาดอร์ จนถึง มหาสมุทรแอตแลนติก ออเรลลานาเล่าถึงชนพื้นเมืองที่มีผู้หญิงเป็นนักรบ เหมือนกับพวกนักรบหญิงอเมซอนในตำนานกรีกและนั่นเองจึงเป็นที่มาของแม่น้ำสายนี้ ตลอดแนวฝั่งแม่น้ำสายนี้คือผืนป่าฝนขนาดมหึมาที่มีชื่อว่าป่าอเมซอน ป่าแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นป่าดิบชื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลกใน แต่ละปีการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล จะส่งผลกระทบต่อผืนป่าแห่งนี้
ในแต่ละปี แม่น้ำอเมซอน จะเอ่อล้นท่วมบริเวณทุ่งหญ้าในที่ราบลุ่มทั้งหมดเป็นเวลากว่าครึ่งปี ตลอดสี่เดือนเต็มในช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำฝนจำนวนมหาศาลที่ตกกระหน่ำ รวมกับน้ำแข็งที่ละลายมาจากเทือกเขาแอนดีสทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นสูงก ว่า30ฟุต ก่อให้เกิดน้ำท่วมในบริเวณกว่า 10 ล้านเอเคอร์
แม้จะถูกน้ำท่วมเป็นประจำแต่ความสมบูรณ์ของพื้นดินก็ไม่ได้เสียหายไปนั่นเพราะ ผืนป่าคอยป้องกันหน้าดินเอาไว้ ต้นไม้จะทำหน้าที่เป็นฟองน้ำดูดซับ ปริมาณน้ำเอาไว้และยึดเกาะหน้าดิน ไม่ให้ธาตุอาหารในดินถูกพัดพาไป นอกจากนี้ใบไม้จำนวนมากที่ทับถมบนผืนป่าจะถูกความชื้นย่อยสลาย อย่างรวดเร็ว กลายเป็นธาตุอาหารของดิน สิ่งนี้เองที่ทำให้ผืนป่าดิบแห่งนี้คงความอุดมสมบูรณ์อยู่ได้
ความสมบูรณ์ของผืนป่าที่มีใบไม้จำนวนหมาศาล ที่ทับถมในพื้นที่ชื้นแฉะเป็นแอ่งหลุม เหมือนบ่อหมักปุ๋ยชั้นดีที่มีอยุ่ทั่วบริเวณผืนป่า เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ปุ๋ยที่หมักบ่มจนได้ที่จากป่าอเมซอนจะหลั่งไหลพัดพาลงสู่กระแสน้ำซึ่งลุ่มน้ำบางแห่งในอเมซอนสามารถเห็นสีเหลือง แต่โดยส่วนใหญ่ น้ำที่เป็นสีเหลืองจากอเมซอนจะไม่มีสีเหลืองเท่ากันไปทุกสายนะครับ
ความสำคัญของสารอาหารปริมาณมหาศาลที่ไหลลงสู่ทะเล ซึ่งทำให้มวลแพลงค์ตอนได้ใช้เป็นสารอาหาร นับได้ว่าเป็นความสำคัญยิ่งของระบบนิเวศน์บนโลก ที่เกี่ยวพันกันกับลุ่มน้ำนี้เลยทีเดียว
บทสรุปที่ 3 : ลุ่มน้ำเดียวกัน เหลืองมากกับเหลืองน้อยสารอาหารต่างกันไหม?
อย่างที่ผมบอกแต่แรก ว่าสายน้ำในลุ่มน้ำนี้จะไม่เหลืองเท่ากันไปทุกเส้น
จุดที่เป็นแหลี่งท่องเที่ยวสำคัญเลยอยู่ที่ จุดนัดพบของแม่น้ำนิโกร (สีดำ) กับแม่น้ำโซลิมอยส์ (สีเหลือง) ซึ่งไหลไปพร้อม ๆ กัน (นิโกรที่เรียกกันว่า คนดำ ก็หมายถึงแม่น้ำนี้ [mo_001])
Solimões river at the confluence or the Meeting of Waters with Negro River, near Manaus, where the Amazon River officially begins.
แม่น้ำนิโกร นี่ดำปิ๊ดเลยนะครับ เขาเรียกว่าแม่น้ำดำ Black river http://en.wikipedia.org/wiki/Blackwater_river http://earthobservatory.nasa.gov/Features/LBA/
จุดนัดพบนี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเรียกแม่น้ำอเมซอนอย่างเป็นทางการ
ที่แท้เหลือง ดำแล้วดีไหม ในลุ่มน้ำอเมซอน?
ดูจากการวิเคราะห์ลุ่มน้ำอื่นก่อนที่จะ ไหลมารวมกันที่จุดนัดพบนี้นะครับ
จะเห็นได้ชัดเจนว่าน้ำดำ(Black water) จากแม่น้ำนิโกร ที่ส่วนใหญ่เป็นสีเข้มที่เกิดจากการละลายของสาร แทนนิน(สีจากเปลือกไม้ พระสงฆ์ไทยโบราณท่านก็ย้อมสีจีวรด้วยสารนี้ ผ้าเหลือง พอๆเดี๋ยวออกทะเล asspain)
แทนนินมีฤทธิืเป็นกรด(จาก Tannic acid น้ำหมักหูกวางนั่นแหละสูตรเดียวกัน) น้ำที่นี่จึงมีความเป็นกรดสูง pH 4.5-5.7 โดยพบว่าแม่น้ำนิโกรนี้มีพืชตระกูล ชา กาแฟ(เมล็ดเป็นกรดอยู่แล้ว ไม่เชื่อไปกินผงเนสกาแฟเปรี้ยว คอดๆ) ในป่าดงดิบมากกว่า อีกทั้งพื้นที่เป้นหลุมเป้นแอ่งมากกว่า น้ำเลยน้ำไหลช้ากว่า จึงชะล้างสี ชะล้างกรดออกมามากกว่า (แม่น้ำสีดำบางที่สีมาจากโคลน black mud rivers นะครับ แต่ไม่ใช่ที่อเมซอนนี้ผมไม่ขอกล่าวถึง)
วิเคราะห์แล้วกลับพบว่าน้ำดำมีค่าการรำไฟฟ้าที่ต่ำกว่าสายน้ำอื่น (ประมาณ 9) ส่วนแร่ธาตุอื่นๆ หลักๆก็น้อยกว่าหมด ยกเว้นพวกอลูมิเนียม ประมาณว่ามีแร่ธาตุมากกว่าน้ำฝนนิดหน่อย
จึงเป้นเหตุให้ เชื้อจุลินทรีย์ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตในลุ่มน้ำนี้แตกต่างกันไป โดยเฉพาะเราจะพบหอยตามธรรมชาตุน้อยมากเพราะไม่มีแคลเซียมในการสร้างเปลือก (ใครใช้น้ำ RO เลี้ยงไม้น้ำก็อย่าใส่หอยนะครับ ตายหมดแน่)
ตารางสิ่งมีชีวินในลุ่มน้ำอเมซอนครับ ใครสนใจต่อก็ตาม Link ไปครับ
แต่ในน้ำที่ดำ ก็จะมี สารประกอบอินทรีย์ที่เรียกว่ากรดฮิวมิค Humic acid ละลายออกมาด้วย http://aqualimul.blogspot.com/2009/05/ketapang-or-huu-kwang-leaves-succes.html
กรดฮิวมิก มีสาร Sulfur, Nitrogen and Phosphorus Ca, Mg, Cu, Zn อีกมากทำหน้าที่เชื่อมจับปุ๋ยให้ราก
สมบัติทางเคมี
มีประสิทธิภาพในการดูดซับธาตุอาหารเพื่อที่จะปลดปล่อยธาตุอาหารเหล่านั้นให้แก่พืช
เพื่อที่จะได้นำ สารเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในด้านการเจริญเติบโต การออกดอกออกผล กล่าวคือกรดฮิวมิกสามารถยึดประจุบวกของธาตุอาหารเสริมภายใต้สภาวะหนึ่งและจะ ปลดปล่อยธาตุอาหารเหล่านั้นเมื่อสภาวะเปลี่ยนไป ด้วยคุณสมบัตินี้เมื่อกรดฮิวมิกเคลื่อนที่เข้าไปใกล้บริเวณรากของพืช ซึ่งระบบรากพืชจะมีประจุลบ พวกธาตุอาหารเสริมเหล่านั้นก็จะถูกปล่อยจากโมเลกุลของกรดฮิวมิกเข้าไปสู่ ระบบรากพืช ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ากรดฮิวมิกมีความสำ คัญอย่างมากในการเป็นสื่อกลางการลำ เลียงธาตุอาหารจากดินไปสู่รากพืช
ใครสนใจปริมาณ humic acid จากลุ่มน้ำต่างๆ หาดูได้ที่นี่ครับ http://www.riversystems.washington.edu/lc/RIVERS/12_hedges_ji_231-1129-1131.pdf
อีกทั้ง
ในน้ำดำจะมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตพวก rotifers crustaceans mites คือพวก โรติเฟอร์ ลูกกุ้ง ลูกปูมาก ที่สายน้ำมาพบกันบริเวณนี้จึงมีลูกปลามาคอยกินอาหารเป็นจำนวนมาก อ้วนท้วนสมบูรณ์ จากการสำรวจปลาต่างๆที่พบมากในเขตลุ่มน้ำอเมซอนตามไปดูที่นี่ครับ
http://fish.mongabay.com/data/ecosystems/Amazon%20River.htm
ในตู้ไม้น้ำก็พวก นี้ครับคุ้นๆไหม
>>>ตัวนี้ อ่านเจอใน fishmax#12 นอกจากเจอใน Orinico River ยังเจอใน Rio Negro(แม่น้ำดำ)ของเราด้วยไม่ได้โม้
ผมไม่ใช่เซียนปลารอท่านอื่นเพิ่มเติมนะครับ
โดยรวมๆแล้ว ผมแปลงแร่ธาตุโดยรวมมาจากแม่น้ำสายหลักให้เข้าใจง่ายๆ ก็เป็นกลุ่ม
pH 6.5-7.3
GH <1
KH <1
เหล็ก (mg/L) 0.1
Ca (mg/L) 7.2
Conductivity 57
ค่าอื่นๆก็ดูจากตารางนะครับ
ปลาจากลุ่มน้ำอเมซอนอื่นๆที่นิยมกัน
ปลาออสการ์(Oscr's)
ปลาช่อนยักษ์อเมซอน Arapaima gigas
สรุป บทความนี้ส่งผลให้ท่านทราบเรื่องราวคำว่าอเมซอน มากขึ้นตลอดจนอยากเลียนแบบการเซ็ตค่าน้ำเลี้ยงปลาแนวอเมซอน ไม่มากก็น้อย มากเท่าไหร่ผมไม่รู้แต่คงมากกว่านี่แน่ๆ
ชมภาพสุดสวยให้หนำใจจากอเมซอน
http://www.lightandshadow.tv/indexF.php?option=com_content&view=article&id=57&Itemid=113&lang=en&layout=default
|