Melodic Death เสียงสำรอกแสนสุนทรเสนาะ
Extreme Music ที่ตั้งแต่มันเริ่มตั้งใข่มาจากรุ่นiทวดของทวดที่เป็น Rock a Billy , Rock n Roll เมื่อกว่าครึ่งศตวรรษก่อน
พอมาถึงปัจุบัน พวกมันได้กลายพันธฺ์จากการ ฟิเจอริ่งประกอบร่างกับดนตรีสายอื่นสารพัด
หรือ ปรับจูนการเล่นเครื่องดนตรี หรือการร้องซะใหม่
จนออกลูกออกหลานแตกหน่อเป็นเมทัลชนิดใหม่ๆออกไปเยอะแยะแล้ว
เมทัลสายหลักแทบทุกแนวในวันนี้ก็มีพวกสายย่อย ( Sub Genr )ติดมาอีกเป็นพวงๆเลย
แน่นอน ไม่เว้นแม้แต่สายสำรอกรากเลือดอย่าง Death Metal เองก็ยังหนีการกลายพันธ์ไม่พ้นเหมือนกัน
ลักษณะเฉพาะของ Death Metal แบบดั้งเดิมที่เด่นๆเห็นกันจะๆแจ้งๆเลยก็คือ
การปรับแต่งจูนเสียงเครื่องดนตรี
โดยเฉพาะพาร์ตกีตาร์ให้มีเสียงต่ำสุดๆ และสากหยาบแตกพร่าละเอียดเละเทะ
เล่นด้วยจังหวะที่หลากหลาย อาจจะเร็วแบบริฟท์กีตาร์ปั่นๆจี๋เลย
แล้วก็เปลี่ยนจังหวะแบบแปลกๆในเพลงเอาเฉยๆได้บ่อยๆด้วย
( ตรงนี้แหละที่ทำให้ฟังแล้วเครียดเฉยเลย )
ทำนองสูงต่ำแทบไม่มีได้ยิน ชนิดเจนยังสัมผัสไม่ค่อยได้ หมอปลาไม่ยอมมาอ้วก
มันจูนเสียงต่ำ แล้วผ่านเอฟเฟคเสียจนแตกสนั่นไปหมดแล้ว
ร้องด้วยเสียงสำรอก กดต่ำในคอ เหมือนเสียงสัตว์คำราม
( ฝรั่งมันเรียกร้องแบบ Death growling )
ผู้ริเริ่มคือ ไชนเดอร์
Charles Michael Schuldiner แห่งวงDEATH ผู้ล่วงลับ R.I.P.
(May 13, 1967 – December 13, 2001)
เขาได้สร้างวิธิการร้องแบบนี้ขึ้นมาใหม่อย่างชนิดจับใจแฟนๆที่ไม่ชอบฟังอะไรให้รู้เรื่องยิ่งนัก
ก็ถ้ามันร้องแบบคำรามในคอแล้วมันจะทำเป็นทำนองได้งัย
เสียงร้องไม่มีทำนองสุงต่ำใดๆทั้งนั้น ( เพื่อนฝูงบางคนเรียก ร้องแบบอ้วก )
และแน่นอน ถ้าไม่มีเนื้อร้องพิมพ์ใว้ในแผ่นพับให้อ่านตามแล้วล่ะก็
คนฟังจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ไอ้วงพวกนี้มันกำลังแหกปากเรื่องอะไรอยู่ ( วะ )
สำหรับชาวเดธแล้ว เนื้อหาของเพลงนี่ก็ออกจะหลากหลายซะเหลือเกิน
แต่ทุกความหลากหลายที่ว่า ก็มักไม่มีเรื่องจรรโลงใจแบบคนปกติเค้าเท่าไหร่
ไอ้ประเถท ต้นใม้ใบหญ้า ภูเขา ทะเล สายลม แสงแดด ผีเสื้อ หิ่งห้อย ปูจ๋า ห้อยจ๊อ
ไม่มีทั้งนั้นนะจ๊ะ ( เคี๊ยกๆๆๆๆ )
สิ่งที่ Death Metal จะพูดถึง ก็คือ ความตาย (ก็ตามชื่อแนวสิ เอ๊อ )
เลือด ความทารุณ การวิพากษ์สังคม ยาเสพติด ปรัชญาสำหรับคนเฉพาะกลุ่ม ( !!???!! )
และยิ่งถ้าเป็น พวกเดธ ในสาขาย่อย sub genr แล้วล่ะก็ไอ้พวกนี้มันยิ่งบ้าบอคอโป่งกว่านั้นอีกนะ
มีทั้งพูดเรื่อง ลามก การทดลองวิปริต วิตถารอนาจาร ศาสนา ลัทธิ การฆาตกรรม การทำทรมาน การฆ่า การกินคน โอ้ยเยอะ
( บอกเลย บางวงนี่ไปอ่านเนื้อร้องมันแล้วมีอึ้ง ชนิดออกอากาศไม่ได้กันเลยทีเดียว )
ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจถ้าหลายๆวงในแนวนี้ ที่หน้าปก เทป ซีดี ของพวกมันจะต้องมีแปะป้าย Parental Advisory เอาใว้ด้วย
พออ่านภาพรวมๆของแนว Deathแล้วอย่างข้างบน
ก็เคงไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะมีแฟนเฉพาะกลุ่ม อย่างค่อนข้างจะจำกัดกว่าแนวอื่นอยู่บ้าง
แต่ถึงจะมีแฟนเพลงน้อย แต่ก็เป็นแฟนที่เหนียวแน่นมากกว่าด้วย
เป็นแบบพวกแฟนเดนตาย เดธคือที่มั่นสุดท้ายของข้า อะไรแบบนั้น
แต่จะว่าไป อย่าทำเป็นเล่นไปนะ
เห็นมันโครมคราม เอะอะโวยวาย หาทำนองความเพราะไม่เจอ เนื้อหาก็แสนจะเดอร์ตี้อั๊กลี่แบบนี้ก็เหอะ
สิ่งที่พวกมันเคยทำได้น่ะ มันทำได้เหมือนกับผีดูดเลือดออกมาเดินเล่นเซนทรัลเวิร์ลกลางแดดตอนกลางวันแสกๆได้เลยนะ
ในช่วงยุค90' นี่ไม่รู้ยังไง วงอย่างพวกเดธนี่ มันโคตรจะฮิตกว่าที่คิดเลยนะ
หลายวงได้ออกอัลบั้มกับสังกัดใหญ่ๆกันเป็นล่ำเป็นสัน ยอดขายก็เห็นว่าได้ไม่น้อยด้วย
( ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆอันรุ่งโรจน์ ก่อนการมาถึงของกรั๊นจ์ แต่พวกมันก็เคยทำกันได้แล้ว สุดยอดๆ )
ที่ว่ามาข้างบน คือ Death Metal แบบแท้ๆ
และในที่สุด
ในช่วงกลางๆค่อนไปทางต้นๆของยุค 90'
พวกDeath กลายพันธ์ก็เโผล่มาจนได้
Melodic Death
เดธพันธ์มะยงชิดหวานอมเปรี้ยว
ตามข้อมูลที่มี พวก เมโลดิค เดธพวกนี้ มันน่าจะถูกทำคลอดจากสวีเดน ในแถวๆช่วง 92'-93' นี่แหละ
ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเบ่งบานของกระแสเมทัลจากสวีเดนด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนว เดธ และ แบล๊ค ของสวีเดน
ที่ตอนนั้นล้วนแต่มีวงที่มีชื่อเสียง โด่งดังมาก แล้วยังดังไปทั่วโลกเลยด้วย
ตอนนั้นบรรดา สวีดิชเดธ เมทัล หรือ สวีดิช แบล๊คเมทัล นั้นมีชื่อเสียงแล้วก็ดังกันหลายวงมาก
อย่างถ้าพวกเดธก็ Entombed, Dismember , Unleashed.
ส่วนถ้าแบล๊คก็พวก Dissection Marduk Sacramentum พวกนี้ของเค้าดีจริง
( คิดว่าในช่วงนี้แหละคือยุคทองของวงการเมทัลเลยด้วย
ฝรั่งเรียกว่าช่วงนั้นคือ Gold Era ของเมทัลทั้งหลายเลย )
ความสามารถในการสร้างซาวด์ที่มีสำเนียงเฉพาะตัวเฉพาะถิ่นของชาวสวีดิชเมทัลเลี่ยนแจ่มมาก
จนถึงขนาดที่ว่า ถ้ามีใครมาถามว่า ไอ้วงนี้มันเล่นยังไง ( วะ )
คนตอบที่ขี้เกียจๆจะอธิบายมาก ก็สามารถใช้แค่คำว่า วงนี้ก็ซาวด์แบบโกเธนเบิร์กงัย ( วะ )
แล้วคนฟังที่ขี้เกียจพอๆกันก็จะเข้าใจได้ทันที
ขั้นสุดมั้ยล่ะแกร
ซึ่งพอไอ้พวกนี้มันโผล่มาก็สร้างความตื่นตาตื่นหูให้เหล่าเฮดแบงเกอร์ได้มากประมาณอยู่
พวกเดธกลายพันธ์นี้จะมีความเหมือนและความต่างจาก Tradition Death อยู่บ้างในบางจุด
พอจะชี้ชัดๆให้เห็นภาพก็จะได้ประมาณนี้นะจ๊ะ
1 ทำนองเพลง
ในขณะที่ Death ต้นตำรับ สับริฟท์ปื้ดๆแพร่ดๆ ฟังไม่มีทำนองเท่าไหร ( จริงๆจะว่าไม่มีเลยก็ได้นะ แตกพร่าซะขนาดนั้น )
แต่ถ้าเป็น Melodic Death ล่ะก็ถึงมันจะปรับซาวด์เครื่องดนตรีให้แตกสนั่นคล้ายๆกันก็เถอะ
แต่มันจะเล่นด้วยทำนองทีฟังออกเลยว่ากูนี้กะปั้นมาให้เพราะเลย
( บางวง บางเพลง มันมีกีตาร์เสียงคลีน มีคีย์บอร์ดเข้ามาร่วมด้วยซ้ำ )
แล้วมันก็ทำได้น่าฟังซะด้วยนะจะบอกให้
ซึ่งถ้าตั้งใจฟังจริงๆแล้ว ก็ให้รู้สึกว่าทำนองมันเป็นพวกพาวเวอร์สปีดเมทัลสายูโรเราดีๆนี่แหละ
บางเพลงยังมีโซโลท่อนกลางยังกะเฮฟวี่ซะด้วยแน่ะ
2 เสียงร้อง
ก็สำรอกแบบ เดธ นั่นแหละ คำรามปั่นน้ำลายกลั้วอ้วกกันกระเดือกปลิ้น และ ไม่มีทำนองเหมือนเดิม
เพียงแต่บางวงอาจจะมีท่อนคลีนวอยส์แทรมๆมาบ้าง
( แล้วในอนาคต มันก็คงจะกลายพันธ์ต่อไปได้อีก แหม ยังกะโควิดทีเดียว )
3 เนื้อหา
ไอ้พวกกลายพันธ์พวกนี้ไม่ได้ทำเนื้อหาเจาะจงแต่ในเรื่องพิมพ์นิยม
ที่ พวก Death ต้นตำรับเขานิยมยกมากล่าวกันเท่าไหร่
เหมือนกับว่าพอภาคดนตรีเกิดมีทำนองไพเราะขึ้นแล้ว มันเลยไปเปิดล๊อคโหมดอื่น
ให้พูดเรื่องอื่นๆนอกจักรวาลของความตายและความวิตถารได้ซะยังงั้น
ที่ว่ามานี้เป็นคำจำกัดความสำหรับ Melodic Death แบบง่ายๆ พอให้ได้เห็นภาพ
และแน่นอน ไม่มีสิ่งใดจะอยู่นิ่งๆแบบสายไฟฟ้า กทม
น้ำนิ่งๆไม่ไหลเลยย่อมเน่า ฉันใดก็ฉันนั้น
Melodic Death ในยุคปี 2020' นี่มันก็ไปใกล
จนหลายๆวงรุ่นใหม่ๆนี่บางวงก็แทบพ้นคอนเซปที่ได้โม้ใว้ข้างบนแล้วล่ะ
4 เครื่องดนตรี
Melodic Death ใช้เครื่องดนตรีเหมือนกันกับที่ Deat Metal ใช้นั่นแหละ
เพียงแต่บางวงมี Keyboard มาเพิ่มทำนองด้วย
ซึ่ง Traditional Death Metal จะไม่ใช้เลย
( กูไม่สุภาพ กูไม่ติ๋ม กูขาโหด กูคือ Pure Death 555 )
5 ถิ่นอยู่อาศัย อันชุกชุม
Death Metal ขาโหดพันธ์แท้นั้น พวกนี้มีชุกชุมยังกะยุงแถบๆแถวๆ อเมริกา และทั่วทุกมุมโลก
แต่ถ้า Melodic Death มักมีมากอยู่แถบ ยุโรปเหนือ พวกแสกนดิเนเวียน ฟินแลนด์
ก็คงน่าจะเป็นเรื่องของรสนิยมเสียล่ะมัง
----------------------------------------------------------------------
มีวงที่อยากแนะนำให้ลองฟังกันดูนะจ๊ะทุกท่าน
อ้อ ที่อยากเอามาแนะนำกันนี้ โดยมากเป็นอัลบั้มของบรรดาวงที่ออกมาช่วงยุค 90' นะ
หลายๆวงที่แนะนำนี้ก็ยังทำงานอยู่จนทุกวันนี้แหละ
แต่ส่วนตัวมีความรู้สึกชอบซาวด์ในยุคนั้นมากกว่า
ลองมาดูกันนะ
1 Dark Tranquillity
วงสวีเดน นี่คือหนึ่งในสองของวงผู้บุกเบิก ( ความเห็นส่วนตัว )
วงนี้ยังคงแอคทีฟมาจนทุกวันนี้ ออกงานมาเป็นสิบๆชุดแล้ว
แต่อัลบั้มที่อยากแนะนำจะเป็นยุคแรกๆ เพราะชอบทำนองช่วงนั้นมากกว่า
Skydancer 1993
The Gallery 1995
Projector 1999
Damage Done 2002
มหามันส์โดยแท้ ติดหูหนึบๆเลย พวกพี่ทำได้งัยนิ
2 In Flames
นี่ก็คืออีกหนึ่งในสองของวงสวีเดนรุ่นก่อตั้งเช่นกัน ( ความเห็นส่วนตัว )
วงนี้ก็เช่นกัน แล้วยังมีอายุยืนยาวมาจนทุกวันนี้ด้วยนะ
แล้วนี่ก็ออกมาเป็นสิบๆชุดแล้ว
แต่ชอบยุคต้นๆมากกว่า
Lunar Strain 1994
The Jester Race 1996
เคยมีค่ายเพลงใจถึงพึ่งได้ของไทยเอามาทำเทปแบบลิขสิทธิ์ขาย
บอกเลย ฟังจนเทปยืดอ่ะ ( แบบว่าว่างง่ะ อิอิอิ )
ของเค้ามันส์จริงครับ พับแผ่
3 Gates of Ishtar
ตามๆกันมาติดๆแบบดูดตูดติดกันชนหลังกันมาเลยกับวงสวีเดนอีกวง
ตอนนี้ยุบวงไปแล้ว แต่ไอ้ 3 สตูดิโอกับอีก1 รวมฮิตนี่ดิ มันมีความดีงามเสมอกันเลย
ทำไมดีเสมอต้นเสมอปลายยังเง้ๆๆๆ จุ๊บๆๆๆๆๆ
ขอให้คุณงามความดีส่งพวกพี่ขึ้นไปอยู่สวรรค์ เคี๊ยกๆๆๆ
A Bloodred Path 1996
The Dawn of Flames 1997
At Dusk and Forever 1998
The Dawn of Flames / At Dusk and Forever รวมฮิตออกปี 2002
เช่นเคย ชุด A Bloodred Path มีค่ายเทปไทยใจถึงพึ่งได้รับมาทำขายให้เป็นบุญหู
มันสวยงามและทรงพลังสุดๆ
4 Wintersun
เป็นวงFinland มั่งนะ
วงนี้ของพี่ Jari Mäenpää อดีตขุนขวานแห่งไวกิ้งเมทัล Ensiferum และ Norther
พี่จารี เขาออกจากวงเดิมก็เพื่อมาปั้นวงนี้แหละ
แนะนำอัลบั้มแรกของวงนะ
Wintersun 2004
บรรยากาศหนาวเย็น ดำมืดตึ๊ดตื๋อดีมาก
อัลบั้มแรกนี้พี่จารีแกบิดหมดปลอกแบบใว้ลายเลยแหละ
แนะนำลองฟังเพลงนี้ดู Sleeping Stars ท่อนริฟท์ อย่างเพราะเลย นี่คือท่อนริฟท์นะ
( กลั้นใจสั่งแผ่นมานี่ ต้องรับประทานใข่ไก่เบอร์ห้าหนึ่งฟองต่อสี่วัน แผ่นโคตรแพงเลย + + )
5 Children of Bodom
วงฟินแลนด์อีกวงหนึ่ง
ชื่อวงมาจากคดีฆาตกรรมอันสุดทารุณในยุค 60' อันเหตุเกิดที่ทะเลสาบ Bodom ( สำเนียงฟินน์ อ่านว่า โบดุม )
ซึ่งจนถึงทุกวันนี้คดีก็ยังปิดไม่ลง ยังหาฆาตกรไม่ได้
วงนี้แอคทีพกันมาตั้งแต่ช่วงปี 97' และเพิ่งมายุบวงเอาปี 20019 นี้เอง
ด้วยความที่อายุวงก็ตั้ง20กว่าปี อัลบั้มเลยมีเพียบ แล้วก็มีชื่อเสียงหลายอัลบั้มด้วย
แนะนำความมหามันส์ แบบเมโลดิคติดสำรอกอ้วก ตามข้างล่างจร้า
Hatebreeder 1999
Follow the Reaper 2000
Hate Crew Deathroll 2003
ในช่วงที่วงรุ่งเรืองประเทืองริฟท์เสนาะก็มีแฟนเพลงมากมายอยู่ทั่วโลก
แฟนในไทยก็เยอะอยู่เหมือนกันนะ เยอะจนขนาดตั้งท่าจะมาเล่นที่ไทยหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่ได้มาซักที
ขนาดออกหมายกำหนดการแล้วยังมาแคนเซิลทีหลังอ่ะนะ
( เหมือนวงนี้พี่ๆเค้าจะมีปัญหาในวงกันเยอะหน่อย อิอิอิ )
จนสุดท้าย ก็ไม่ได้มาไทย และในที่สุดวงก็ยุบไปนั่นแหละ
กระซิกๆๆๆๆ ฮึดๆๆๆ กระซิกๆๆๆ
อ้อ แถมอีกนิด วงนี้ มีตัวมาสคอตวงที่จะโผล่มาแทบทุกอัลบั้มคือ
ยมทูตตาแดงสวมฮู๊ดปิดบังใบหน้า ถือเคียวขนาดยักษ์
ตั้งชื่อกันพอขำๆว่า " รอย "
ซึ่งรูปลักษณ์นี้ก็มาจากผู้รอดชิวิตเพียงคนเดียวในเหตุการณ์ฆาตหกรรมครั้งนั้น
เขาได้ให้การณ์กับตำรวจว่า " เป็นฝีมือของชายลึกลับ มันมีตาแดงก่ำ "
Cannibal Corpse ไอ้ซากกินคน
วงอเมริกันบรูตัลเดธขนานแท้ อันสุดแสนจะวิปริตจิตป่วยปุ๋ย
ที่ชื่อชั้นกลายเป็นตำนานของความอำมหิต เกินมนุษย์มนาไปแล้ว
Alex Webster มือเบสของวงนี้ ได้เคยกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์กับเวปหนึ่งว่า
" I think that’s the beauty about Metal, how there’s so much creativity and everybody loves to make their own ‘one of a kind’ thing
whilst being inspired from others and just to branch out be as creative as they want! "
" ผมว่านั่นมันความสวยงามสำหรับ Metal,นะ มันมีความคิดสร้างสรรค์อยู่มากแค่ไหน
แล้วทุกคนก็รักที่จะทำมันในแนวทางของตัวเอง แบบที่ไม่ซ้ำใคร
ในขณะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคนอื่นๆ แล้วก็ยังทำการแตกแขนงความคิดสร้างสรรค์ออกไปในแบบที่พวกเขาต้องการด้วย "
( https://allabouttherock.co.uk/alex-webster-of-cannibal-corpse-interview/ }
( วงนี้มันโหดมาก โหดตั้งแต่หน้าปกยันเนื้อหา และภาคดนตรี จนหลายๆครั้งเนื้อหาและงานอาร์ตเวิร์คก็ไปล้ำเส้นศิลธรรมอันดีไปบ้าง
เข้าทำนองกลอนพาไปแบบนั้นเลย เนื้อหา และอาร์ตเวิร์คมันแรงขนาดบางประเทศห้ามการเผยแพร่และห้ามการจัดจำหน่ายมาแล้ว
ครั้งหนึ่งหน้าปกชุด Butchered at Birth เป็นรูปซอมบี้กำลังทำคลอดโดยควักเด็กออกจากท้องแม่สดๆ
ส่วนอาร์ตเวิร์คอันอื่นในยุคต้นๆก็ทารุณไม่แพ้กันหรอก )
ลองดูตัวอย่างเอาเหอะ
------------------------------------------------------------------------
เรามองดนตรีจำพวก Extreme Music เหล่านี้เป็นเหมือนการ Entertainตัวเอง
เรามองว่ามันคือการ Relax หรือเพื่อผ่อนคลาย ระบายอารมณ์
เรามองว่ามันคือ งานอดิเรกเป็น Hobby สำหรับหลายๆคนที่ไล่ตามสะสมแผ่น Vinyl , Cd , หรือ poster วงโปรดที่หายาก
เรามองว่ามันคือวงสังคม สำหรับการพูดคุยกับคนคอเดียวกัน การรวมตัวกันไปดูคอนเสิร์ต ไปล่าลายเซ็นของวงหรือศิลปิน
เรามองว่ามันคือความรู้ สำหรับคนที่อยากศึกษาทางดนตรี
และเรามองว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก คนชอบชกมวย
ชอบดำน้ำ ชอบเล่นโยคะ ชอบปีนเขา ชอบแต่งรถ
ไม่ว่าดนตรีนั้นมันจะเป็นแนวไหน เป็นยังไง
ก็นั่นล่ะฮัฟ เราก็แค่มองว่ามันคือ ดนตรี
Metal จงเจริญ เอ้า ฮิ้ววววววววววววววววววววว ตั้บๆๆๆๆ ปื้ดๆๆๆ แอร๋ยยยส์
สุขสันต์วันสงกรานต์กันล่วงหน้าทุกท่านนะครับ
เดินทางปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะครับ
หมายเหตุ : ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
หากมีข้อมูลใดผิดพลาด หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ
ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
Metal brother Hood , Longlive Metal
สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และไปดูคอนเสิร์ตกันนะจ๊ะนะจ๊ะ
Extreme Music ที่ตั้งแต่มันเริ่มตั้งใข่มาจากรุ่นiทวดของทวดที่เป็น Rock a Billy , Rock n Roll เมื่อกว่าครึ่งศตวรรษก่อน
พอมาถึงปัจุบัน พวกมันได้กลายพันธฺ์จากการ ฟิเจอริ่งประกอบร่างกับดนตรีสายอื่นสารพัด
หรือ ปรับจูนการเล่นเครื่องดนตรี หรือการร้องซะใหม่
จนออกลูกออกหลานแตกหน่อเป็นเมทัลชนิดใหม่ๆออกไปเยอะแยะแล้ว
เมทัลสายหลักแทบทุกแนวในวันนี้ก็มีพวกสายย่อย ( Sub Genr )ติดมาอีกเป็นพวงๆเลย
แน่นอน ไม่เว้นแม้แต่สายสำรอกรากเลือดอย่าง Death Metal เองก็ยังหนีการกลายพันธ์ไม่พ้นเหมือนกัน
ลักษณะเฉพาะของ Death Metal แบบดั้งเดิมที่เด่นๆเห็นกันจะๆแจ้งๆเลยก็คือ
การปรับแต่งจูนเสียงเครื่องดนตรี
โดยเฉพาะพาร์ตกีตาร์ให้มีเสียงต่ำสุดๆ และสากหยาบแตกพร่าละเอียดเละเทะ
เล่นด้วยจังหวะที่หลากหลาย อาจจะเร็วแบบริฟท์กีตาร์ปั่นๆจี๋เลย
แล้วก็เปลี่ยนจังหวะแบบแปลกๆในเพลงเอาเฉยๆได้บ่อยๆด้วย
( ตรงนี้แหละที่ทำให้ฟังแล้วเครียดเฉยเลย )
ทำนองสูงต่ำแทบไม่มีได้ยิน ชนิดเจนยังสัมผัสไม่ค่อยได้ หมอปลาไม่ยอมมาอ้วก
มันจูนเสียงต่ำ แล้วผ่านเอฟเฟคเสียจนแตกสนั่นไปหมดแล้ว
ร้องด้วยเสียงสำรอก กดต่ำในคอ เหมือนเสียงสัตว์คำราม
( ฝรั่งมันเรียกร้องแบบ Death growling )
ผู้ริเริ่มคือ ไชนเดอร์
Charles Michael Schuldiner แห่งวงDEATH ผู้ล่วงลับ R.I.P.
(May 13, 1967 – December 13, 2001)
เขาได้สร้างวิธิการร้องแบบนี้ขึ้นมาใหม่อย่างชนิดจับใจแฟนๆที่ไม่ชอบฟังอะไรให้รู้เรื่องยิ่งนัก
ก็ถ้ามันร้องแบบคำรามในคอแล้วมันจะทำเป็นทำนองได้งัย
เสียงร้องไม่มีทำนองสุงต่ำใดๆทั้งนั้น ( เพื่อนฝูงบางคนเรียก ร้องแบบอ้วก )
และแน่นอน ถ้าไม่มีเนื้อร้องพิมพ์ใว้ในแผ่นพับให้อ่านตามแล้วล่ะก็
คนฟังจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ไอ้วงพวกนี้มันกำลังแหกปากเรื่องอะไรอยู่ ( วะ )
สำหรับชาวเดธแล้ว เนื้อหาของเพลงนี่ก็ออกจะหลากหลายซะเหลือเกิน
แต่ทุกความหลากหลายที่ว่า ก็มักไม่มีเรื่องจรรโลงใจแบบคนปกติเค้าเท่าไหร่
ไอ้ประเถท ต้นใม้ใบหญ้า ภูเขา ทะเล สายลม แสงแดด ผีเสื้อ หิ่งห้อย ปูจ๋า ห้อยจ๊อ
ไม่มีทั้งนั้นนะจ๊ะ ( เคี๊ยกๆๆๆๆ )
สิ่งที่ Death Metal จะพูดถึง ก็คือ ความตาย (ก็ตามชื่อแนวสิ เอ๊อ )
เลือด ความทารุณ การวิพากษ์สังคม ยาเสพติด ปรัชญาสำหรับคนเฉพาะกลุ่ม ( !!???!! )
และยิ่งถ้าเป็น พวกเดธ ในสาขาย่อย sub genr แล้วล่ะก็ไอ้พวกนี้มันยิ่งบ้าบอคอโป่งกว่านั้นอีกนะ
มีทั้งพูดเรื่อง ลามก การทดลองวิปริต วิตถารอนาจาร ศาสนา ลัทธิ การฆาตกรรม การทำทรมาน การฆ่า การกินคน โอ้ยเยอะ
( บอกเลย บางวงนี่ไปอ่านเนื้อร้องมันแล้วมีอึ้ง ชนิดออกอากาศไม่ได้กันเลยทีเดียว )
ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจถ้าหลายๆวงในแนวนี้ ที่หน้าปก เทป ซีดี ของพวกมันจะต้องมีแปะป้าย Parental Advisory เอาใว้ด้วย
พออ่านภาพรวมๆของแนว Deathแล้วอย่างข้างบน
ก็เคงไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะมีแฟนเฉพาะกลุ่ม อย่างค่อนข้างจะจำกัดกว่าแนวอื่นอยู่บ้าง
แต่ถึงจะมีแฟนเพลงน้อย แต่ก็เป็นแฟนที่เหนียวแน่นมากกว่าด้วย
เป็นแบบพวกแฟนเดนตาย เดธคือที่มั่นสุดท้ายของข้า อะไรแบบนั้น
แต่จะว่าไป อย่าทำเป็นเล่นไปนะ
เห็นมันโครมคราม เอะอะโวยวาย หาทำนองความเพราะไม่เจอ เนื้อหาก็แสนจะเดอร์ตี้อั๊กลี่แบบนี้ก็เหอะ
สิ่งที่พวกมันเคยทำได้น่ะ มันทำได้เหมือนกับผีดูดเลือดออกมาเดินเล่นเซนทรัลเวิร์ลกลางแดดตอนกลางวันแสกๆได้เลยนะ
ในช่วงยุค90' นี่ไม่รู้ยังไง วงอย่างพวกเดธนี่ มันโคตรจะฮิตกว่าที่คิดเลยนะ
หลายวงได้ออกอัลบั้มกับสังกัดใหญ่ๆกันเป็นล่ำเป็นสัน ยอดขายก็เห็นว่าได้ไม่น้อยด้วย
( ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆอันรุ่งโรจน์ ก่อนการมาถึงของกรั๊นจ์ แต่พวกมันก็เคยทำกันได้แล้ว สุดยอดๆ )
ที่ว่ามาข้างบน คือ Death Metal แบบแท้ๆ
และในที่สุด
ในช่วงกลางๆค่อนไปทางต้นๆของยุค 90'
พวกDeath กลายพันธ์ก็เโผล่มาจนได้
Melodic Death
เดธพันธ์มะยงชิดหวานอมเปรี้ยว
ตามข้อมูลที่มี พวก เมโลดิค เดธพวกนี้ มันน่าจะถูกทำคลอดจากสวีเดน ในแถวๆช่วง 92'-93' นี่แหละ
ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเบ่งบานของกระแสเมทัลจากสวีเดนด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนว เดธ และ แบล๊ค ของสวีเดน
ที่ตอนนั้นล้วนแต่มีวงที่มีชื่อเสียง โด่งดังมาก แล้วยังดังไปทั่วโลกเลยด้วย
ตอนนั้นบรรดา สวีดิชเดธ เมทัล หรือ สวีดิช แบล๊คเมทัล นั้นมีชื่อเสียงแล้วก็ดังกันหลายวงมาก
อย่างถ้าพวกเดธก็ Entombed, Dismember , Unleashed.
ส่วนถ้าแบล๊คก็พวก Dissection Marduk Sacramentum พวกนี้ของเค้าดีจริง
( คิดว่าในช่วงนี้แหละคือยุคทองของวงการเมทัลเลยด้วย
ฝรั่งเรียกว่าช่วงนั้นคือ Gold Era ของเมทัลทั้งหลายเลย )
ความสามารถในการสร้างซาวด์ที่มีสำเนียงเฉพาะตัวเฉพาะถิ่นของชาวสวีดิชเมทัลเลี่ยนแจ่มมาก
จนถึงขนาดที่ว่า ถ้ามีใครมาถามว่า ไอ้วงนี้มันเล่นยังไง ( วะ )
คนตอบที่ขี้เกียจๆจะอธิบายมาก ก็สามารถใช้แค่คำว่า วงนี้ก็ซาวด์แบบโกเธนเบิร์กงัย ( วะ )
แล้วคนฟังที่ขี้เกียจพอๆกันก็จะเข้าใจได้ทันที
ขั้นสุดมั้ยล่ะแกร
ซึ่งพอไอ้พวกนี้มันโผล่มาก็สร้างความตื่นตาตื่นหูให้เหล่าเฮดแบงเกอร์ได้มากประมาณอยู่
พวกเดธกลายพันธ์นี้จะมีความเหมือนและความต่างจาก Tradition Death อยู่บ้างในบางจุด
พอจะชี้ชัดๆให้เห็นภาพก็จะได้ประมาณนี้นะจ๊ะ
1 ทำนองเพลง
ในขณะที่ Death ต้นตำรับ สับริฟท์ปื้ดๆแพร่ดๆ ฟังไม่มีทำนองเท่าไหร ( จริงๆจะว่าไม่มีเลยก็ได้นะ แตกพร่าซะขนาดนั้น )
แต่ถ้าเป็น Melodic Death ล่ะก็ถึงมันจะปรับซาวด์เครื่องดนตรีให้แตกสนั่นคล้ายๆกันก็เถอะ
แต่มันจะเล่นด้วยทำนองทีฟังออกเลยว่ากูนี้กะปั้นมาให้เพราะเลย
( บางวง บางเพลง มันมีกีตาร์เสียงคลีน มีคีย์บอร์ดเข้ามาร่วมด้วยซ้ำ )
แล้วมันก็ทำได้น่าฟังซะด้วยนะจะบอกให้
ซึ่งถ้าตั้งใจฟังจริงๆแล้ว ก็ให้รู้สึกว่าทำนองมันเป็นพวกพาวเวอร์สปีดเมทัลสายูโรเราดีๆนี่แหละ
บางเพลงยังมีโซโลท่อนกลางยังกะเฮฟวี่ซะด้วยแน่ะ
2 เสียงร้อง
ก็สำรอกแบบ เดธ นั่นแหละ คำรามปั่นน้ำลายกลั้วอ้วกกันกระเดือกปลิ้น และ ไม่มีทำนองเหมือนเดิม
เพียงแต่บางวงอาจจะมีท่อนคลีนวอยส์แทรมๆมาบ้าง
( แล้วในอนาคต มันก็คงจะกลายพันธ์ต่อไปได้อีก แหม ยังกะโควิดทีเดียว )
3 เนื้อหา
ไอ้พวกกลายพันธ์พวกนี้ไม่ได้ทำเนื้อหาเจาะจงแต่ในเรื่องพิมพ์นิยม
ที่ พวก Death ต้นตำรับเขานิยมยกมากล่าวกันเท่าไหร่
เหมือนกับว่าพอภาคดนตรีเกิดมีทำนองไพเราะขึ้นแล้ว มันเลยไปเปิดล๊อคโหมดอื่น
ให้พูดเรื่องอื่นๆนอกจักรวาลของความตายและความวิตถารได้ซะยังงั้น
ที่ว่ามานี้เป็นคำจำกัดความสำหรับ Melodic Death แบบง่ายๆ พอให้ได้เห็นภาพ
และแน่นอน ไม่มีสิ่งใดจะอยู่นิ่งๆแบบสายไฟฟ้า กทม
น้ำนิ่งๆไม่ไหลเลยย่อมเน่า ฉันใดก็ฉันนั้น
Melodic Death ในยุคปี 2020' นี่มันก็ไปใกล
จนหลายๆวงรุ่นใหม่ๆนี่บางวงก็แทบพ้นคอนเซปที่ได้โม้ใว้ข้างบนแล้วล่ะ
4 เครื่องดนตรี
Melodic Death ใช้เครื่องดนตรีเหมือนกันกับที่ Deat Metal ใช้นั่นแหละ
เพียงแต่บางวงมี Keyboard มาเพิ่มทำนองด้วย
ซึ่ง Traditional Death Metal จะไม่ใช้เลย
( กูไม่สุภาพ กูไม่ติ๋ม กูขาโหด กูคือ Pure Death 555 )
5 ถิ่นอยู่อาศัย อันชุกชุม
Death Metal ขาโหดพันธ์แท้นั้น พวกนี้มีชุกชุมยังกะยุงแถบๆแถวๆ อเมริกา และทั่วทุกมุมโลก
แต่ถ้า Melodic Death มักมีมากอยู่แถบ ยุโรปเหนือ พวกแสกนดิเนเวียน ฟินแลนด์
ก็คงน่าจะเป็นเรื่องของรสนิยมเสียล่ะมัง
----------------------------------------------------------------------
มีวงที่อยากแนะนำให้ลองฟังกันดูนะจ๊ะทุกท่าน
อ้อ ที่อยากเอามาแนะนำกันนี้ โดยมากเป็นอัลบั้มของบรรดาวงที่ออกมาช่วงยุค 90' นะ
หลายๆวงที่แนะนำนี้ก็ยังทำงานอยู่จนทุกวันนี้แหละ
แต่ส่วนตัวมีความรู้สึกชอบซาวด์ในยุคนั้นมากกว่า
ลองมาดูกันนะ
1 Dark Tranquillity
วงสวีเดน นี่คือหนึ่งในสองของวงผู้บุกเบิก ( ความเห็นส่วนตัว )
วงนี้ยังคงแอคทีฟมาจนทุกวันนี้ ออกงานมาเป็นสิบๆชุดแล้ว
แต่อัลบั้มที่อยากแนะนำจะเป็นยุคแรกๆ เพราะชอบทำนองช่วงนั้นมากกว่า
Skydancer 1993
The Gallery 1995
Projector 1999
Damage Done 2002
มหามันส์โดยแท้ ติดหูหนึบๆเลย พวกพี่ทำได้งัยนิ
2 In Flames
นี่ก็คืออีกหนึ่งในสองของวงสวีเดนรุ่นก่อตั้งเช่นกัน ( ความเห็นส่วนตัว )
วงนี้ก็เช่นกัน แล้วยังมีอายุยืนยาวมาจนทุกวันนี้ด้วยนะ
แล้วนี่ก็ออกมาเป็นสิบๆชุดแล้ว
แต่ชอบยุคต้นๆมากกว่า
Lunar Strain 1994
The Jester Race 1996
เคยมีค่ายเพลงใจถึงพึ่งได้ของไทยเอามาทำเทปแบบลิขสิทธิ์ขาย
บอกเลย ฟังจนเทปยืดอ่ะ ( แบบว่าว่างง่ะ อิอิอิ )
ของเค้ามันส์จริงครับ พับแผ่
3 Gates of Ishtar
ตามๆกันมาติดๆแบบดูดตูดติดกันชนหลังกันมาเลยกับวงสวีเดนอีกวง
ตอนนี้ยุบวงไปแล้ว แต่ไอ้ 3 สตูดิโอกับอีก1 รวมฮิตนี่ดิ มันมีความดีงามเสมอกันเลย
ทำไมดีเสมอต้นเสมอปลายยังเง้ๆๆๆ จุ๊บๆๆๆๆๆ
ขอให้คุณงามความดีส่งพวกพี่ขึ้นไปอยู่สวรรค์ เคี๊ยกๆๆๆ
A Bloodred Path 1996
The Dawn of Flames 1997
At Dusk and Forever 1998
The Dawn of Flames / At Dusk and Forever รวมฮิตออกปี 2002
เช่นเคย ชุด A Bloodred Path มีค่ายเทปไทยใจถึงพึ่งได้รับมาทำขายให้เป็นบุญหู
มันสวยงามและทรงพลังสุดๆ
4 Wintersun
เป็นวงFinland มั่งนะ
วงนี้ของพี่ Jari Mäenpää อดีตขุนขวานแห่งไวกิ้งเมทัล Ensiferum และ Norther
พี่จารี เขาออกจากวงเดิมก็เพื่อมาปั้นวงนี้แหละ
แนะนำอัลบั้มแรกของวงนะ
Wintersun 2004
บรรยากาศหนาวเย็น ดำมืดตึ๊ดตื๋อดีมาก
อัลบั้มแรกนี้พี่จารีแกบิดหมดปลอกแบบใว้ลายเลยแหละ
แนะนำลองฟังเพลงนี้ดู Sleeping Stars ท่อนริฟท์ อย่างเพราะเลย นี่คือท่อนริฟท์นะ
( กลั้นใจสั่งแผ่นมานี่ ต้องรับประทานใข่ไก่เบอร์ห้าหนึ่งฟองต่อสี่วัน แผ่นโคตรแพงเลย + + )
5 Children of Bodom
วงฟินแลนด์อีกวงหนึ่ง
ชื่อวงมาจากคดีฆาตกรรมอันสุดทารุณในยุค 60' อันเหตุเกิดที่ทะเลสาบ Bodom ( สำเนียงฟินน์ อ่านว่า โบดุม )
ซึ่งจนถึงทุกวันนี้คดีก็ยังปิดไม่ลง ยังหาฆาตกรไม่ได้
วงนี้แอคทีพกันมาตั้งแต่ช่วงปี 97' และเพิ่งมายุบวงเอาปี 20019 นี้เอง
ด้วยความที่อายุวงก็ตั้ง20กว่าปี อัลบั้มเลยมีเพียบ แล้วก็มีชื่อเสียงหลายอัลบั้มด้วย
แนะนำความมหามันส์ แบบเมโลดิคติดสำรอกอ้วก ตามข้างล่างจร้า
Hatebreeder 1999
Follow the Reaper 2000
Hate Crew Deathroll 2003
ในช่วงที่วงรุ่งเรืองประเทืองริฟท์เสนาะก็มีแฟนเพลงมากมายอยู่ทั่วโลก
แฟนในไทยก็เยอะอยู่เหมือนกันนะ เยอะจนขนาดตั้งท่าจะมาเล่นที่ไทยหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่ได้มาซักที
ขนาดออกหมายกำหนดการแล้วยังมาแคนเซิลทีหลังอ่ะนะ
( เหมือนวงนี้พี่ๆเค้าจะมีปัญหาในวงกันเยอะหน่อย อิอิอิ )
จนสุดท้าย ก็ไม่ได้มาไทย และในที่สุดวงก็ยุบไปนั่นแหละ
กระซิกๆๆๆๆ ฮึดๆๆๆ กระซิกๆๆๆ
อ้อ แถมอีกนิด วงนี้ มีตัวมาสคอตวงที่จะโผล่มาแทบทุกอัลบั้มคือ
ยมทูตตาแดงสวมฮู๊ดปิดบังใบหน้า ถือเคียวขนาดยักษ์
ตั้งชื่อกันพอขำๆว่า " รอย "
ซึ่งรูปลักษณ์นี้ก็มาจากผู้รอดชิวิตเพียงคนเดียวในเหตุการณ์ฆาตหกรรมครั้งนั้น
เขาได้ให้การณ์กับตำรวจว่า " เป็นฝีมือของชายลึกลับ มันมีตาแดงก่ำ "
Cannibal Corpse ไอ้ซากกินคน
วงอเมริกันบรูตัลเดธขนานแท้ อันสุดแสนจะวิปริตจิตป่วยปุ๋ย
ที่ชื่อชั้นกลายเป็นตำนานของความอำมหิต เกินมนุษย์มนาไปแล้ว
Alex Webster มือเบสของวงนี้ ได้เคยกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์กับเวปหนึ่งว่า
" I think that’s the beauty about Metal, how there’s so much creativity and everybody loves to make their own ‘one of a kind’ thing
whilst being inspired from others and just to branch out be as creative as they want! "
" ผมว่านั่นมันความสวยงามสำหรับ Metal,นะ มันมีความคิดสร้างสรรค์อยู่มากแค่ไหน
แล้วทุกคนก็รักที่จะทำมันในแนวทางของตัวเอง แบบที่ไม่ซ้ำใคร
ในขณะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคนอื่นๆ แล้วก็ยังทำการแตกแขนงความคิดสร้างสรรค์ออกไปในแบบที่พวกเขาต้องการด้วย "
( https://allabouttherock.co.uk/alex-webster-of-cannibal-corpse-interview/ }
( วงนี้มันโหดมาก โหดตั้งแต่หน้าปกยันเนื้อหา และภาคดนตรี จนหลายๆครั้งเนื้อหาและงานอาร์ตเวิร์คก็ไปล้ำเส้นศิลธรรมอันดีไปบ้าง
เข้าทำนองกลอนพาไปแบบนั้นเลย เนื้อหา และอาร์ตเวิร์คมันแรงขนาดบางประเทศห้ามการเผยแพร่และห้ามการจัดจำหน่ายมาแล้ว
ครั้งหนึ่งหน้าปกชุด Butchered at Birth เป็นรูปซอมบี้กำลังทำคลอดโดยควักเด็กออกจากท้องแม่สดๆ
ส่วนอาร์ตเวิร์คอันอื่นในยุคต้นๆก็ทารุณไม่แพ้กันหรอก )
ลองดูตัวอย่างเอาเหอะ
------------------------------------------------------------------------
เรามองดนตรีจำพวก Extreme Music เหล่านี้เป็นเหมือนการ Entertainตัวเอง
เรามองว่ามันคือการ Relax หรือเพื่อผ่อนคลาย ระบายอารมณ์
เรามองว่ามันคือ งานอดิเรกเป็น Hobby สำหรับหลายๆคนที่ไล่ตามสะสมแผ่น Vinyl , Cd , หรือ poster วงโปรดที่หายาก
เรามองว่ามันคือวงสังคม สำหรับการพูดคุยกับคนคอเดียวกัน การรวมตัวกันไปดูคอนเสิร์ต ไปล่าลายเซ็นของวงหรือศิลปิน
เรามองว่ามันคือความรู้ สำหรับคนที่อยากศึกษาทางดนตรี
และเรามองว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก คนชอบชกมวย
ชอบดำน้ำ ชอบเล่นโยคะ ชอบปีนเขา ชอบแต่งรถ
ไม่ว่าดนตรีนั้นมันจะเป็นแนวไหน เป็นยังไง
ก็นั่นล่ะฮัฟ เราก็แค่มองว่ามันคือ ดนตรี
Metal จงเจริญ เอ้า ฮิ้ววววววววววววววววววววว ตั้บๆๆๆๆ ปื้ดๆๆๆ แอร๋ยยยส์
สุขสันต์วันสงกรานต์กันล่วงหน้าทุกท่านนะครับ
เดินทางปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะครับ
หมายเหตุ : ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
หากมีข้อมูลใดผิดพลาด หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ
ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
Metal brother Hood , Longlive Metal
สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และไปดูคอนเสิร์ตกันนะจ๊ะนะจ๊ะ