วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567 [11:13:31]

มนต์เพลง METAL 9

มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 08/01/2567 [10:28:32]
สวัสดีปีใหม่ 2024 ครับทุกท่าน
ขอเริ่มศักราชใหม่ ด้วยวงไทยเก่าๆละกัน  [lol01] [lol01]


V
V
V


ในช่วงกลางของยุคปี 90' ( พศ 2530  -  ????  )
วงการดนตรีของไทยอยู่ในช่วงเบ่งบานดีเหลือใจ
ค่ายเพลงในสมัยนั้นทั้งใหญ่น้อยต่างปั้นศิลปินออกเทป ออกโทรทัศน์  ออกฟรีคอนเสิร์ตกันมากมาย

แผงเทปผุดขึ้นทั่วหัวระแหง  รายการทีวี รายการเพลงวิทยุ ก็เกิดมาเพียบ [smile02]
นักร้องหน้าใหม่ๆ  จำพวก นายแบบ นางแบบ
ต่างหันมาจับไมค์ร้องเพลงออกอัลบั้มแข่งกันกับนักร้องอาชีพอย่างสนุกสนาน
เหล่าดาราทั้งน้อยใหญ่มากมาย ถูกค่ายเทปกว้านตัวมาร้องเพลงกันซะจนแทบไม่เหลือใครไปถ่ายหนัง ถ่ายแบบ อิอิอิ
  [lol01] [lol01]



มหาวิหารในตำนานและในดวงใจของผมและชาวเมทัลอีกหลายท่าน มหาวิหารเจ๊จู พันทิป  R.I.P.

และในความเบ่งบานนั้นก็ไม่ได้จะมีแต่ค่ายเทปใหญ่น้อยบนดินเท่านั้น
วงการเพลงของสังกัดขนาดเล็ก หรือศิลปินอิสระที่ทำเองออกทุนเอง ทำเพลงในแบบที่ตัวเองชอบ
ซึ่งวงการที่ว่านี้เราเรียกรวมๆว่าเพลงไต้ดินนั้นก็เบ่งบานตามไปด้วย  [cheer01]

และแวดวงเพลงไต้ดินที่ว่าก็มีหลากหลายแนวอยู่มากประมาณ
( เท่าที่เคยเห็น เคยหามาฟังนะ )
เช่น โฟล์ค  เพื่อชิวิต  ร๊อค  เรกเก้  เพลงพื้นถิ่นประจำภาค 
ซึ่งมันก็ได้ฟิลอินดี้ และมีลักษณะเฉพาะตัวดีมาก 
[gurock01]



แน่นอน แนวเมทัลด้วย



มีวงหนึ่งในยุคที่ว่านี้ สำหรับตัวผมเองเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่า
วงนี้แหละคือวงหัวหอกที่นำหน้าผองเพื่อนในแนวทางเดียวกัน
วงนี้ช่วยขยายเส้นทางเมทัลให้เพื่อนๆอีกหลายๆวงได้ตามกันมาอย่างสนุกสนาน  กิ๊วก็าว มุ้งมิ้ง  กรุ๊งกริ๊ง

วงนี้ได้รับการพูดถึงและยอมรับ
แถมยังเป็นที่รู้จัก พูดถึงในวงกว้าง ที่กว้างออกไปนอกวงการเมทัลไต้ดิน
ถึงขนาดนักวิจารณ์ขนานนามให้เลยว่า
พวกมันคือ " อุกกาบาตทางดนตรี " กันเลยทีเดียว   [pravetgym01] [pravetgym01]
เท่ห์จริงๆ อิอิอิ


นามของพวกเค้าก็ครือออออองือๆๆๆๆๆ   [perv01] [perv01]


DONPHEEBIN  ดอนผีบิน   
น้าดอนของหมู่เฮานั่นเอง ฮิ้ววววววววววว




ชื่อวงไทยแท้ๆ เอามาจากชื่อสถานที่แห่งหนึ่งใน จ น่าน
ที่เคยมีประวัติการสู้รบกันอย่างดุเดือด  มีคนตายอยู่ตรงนั้นมากมาย
จนชาวบ้านเชื่อกันว่า ที่ตรงนั้นมีดวงวิญญาณคนตายล่องลอย วนเวียนไม่ไปไหน
จึงเรียกที่ตรงนั้นว่าดอนผี่บิน


วงนี้เป็นวงสามชิ้น มาจาก จ น่าน
 สมาชิกทุกคนเป็นพี่น้องกันหมด

รายนามตามข้างล่างนี้จร้า




สมบัติ แก้วทิตย์ - กีต้าร์ 
สมศักดิ์ แก้วทิตย์ - กลอง
สมคิด แก้วทิตย์ - เบส, ร้องนำ


วงนี้มีช่วงเวลาการแอคทีฟที่นานมากอีกวงหนึ่งถ้าเทียบกับวงเเมทัลไต้ดินของไทยทั่วไป
( หายากนะ วงเมทัลไต้ดินที่มีอายุวง เกิน 20 ปีเนี่ยะ )  [cheer01]
และในยุคหนึ่งถึงขนาดสามารถไปทำเพลงกับค่ายระดับเมเจอร์บนดินได้หลายชุดด้วย
แถมพอเข้าสังกัดบนดินแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแนวทางไปตามตลาดอีกต่างหาก
 เรียกว่าพวกน้าๆแกเป็นสายแข็ง


สตูดิโอ อัลบั้มต่างๆของน้าดอนเค้าเนี่ยะออกมาค่อนข้างสม่ำเสมอ
และเพราะว่าอายุวงที่ยืนระยะได้ยาวนาน ลักษณะดนตรีเลยเปลี่ยนไปบ้างตามอายุด้วย

ก็อยากจะแบ่งเป็นสามยุคก็แล้วกันนะ
( ตามมุมมองส่วนตัวของเค้าคนเดียวนี่ล่ะตะเอง อิอิอิ ) [mock01]

ตามข้างล่างนี้เลยจร้าาา


ยุคพายุของริฟท์และการฟาดหนังกลองรัวๆตุ้บตั้บๆ



โลกมืด (Dark World) - พ.ศ. 2536
สตูดิโออัลบั้มเต็มชุดแรก เพลงโดยรวมเป็นเฮฟวี่นี่แหละ 
เสียงร้องแผดสูง ร้องแบบไม่สำรอก
มีเพลงบัลลาดปนมาด้วย  ซึ่งก็ทำได้ดีติดหูทั้งเพลงช้าเพลงเร็ว 
แค่ชุดแรกนี้เองก็เริ่มทำให้ถูกพูดถึงและเริ่มมีแฟนๆติดตามแล้ว




เส้นทางสายมรณะ (Way Of Death) - พ.ศ. 2537

ชุดนี้ทำแฟนเพลงตกกะใจตาโตเท่าใข่เป็ดแฝด
พวกน้าแกทำชุดนี้ออกมาอย่างโหด

ตั้งแต่โลโกวงที่ส่อแววแต่แรกเห็นแล้ว
และพอเปิดฟังแล้วก็ต้องร้อง กูว่าแล้ว 

พวกน้าแกปั้นชุดนี้มาเป็น แทรช เดธเลย

สามเพลงแรกรวด ซัดยับ สับกันแหลกราญ
เสียงร้องสำรอกคำรามสนั่นลั่นโลก 
( แต่ยังพอฟังออกนะ เหมือนเสียงแกสำรอกไม่ถึงเองง่ะนะ )
มีเพลงสำหรับสร้างบรรยากาศเข้ามาอย่างเป็นเอกลักษณ์ของวงได้อย่างไม่รู้สึกว่าฟิลลิ่งมันโดดเลย
อัลบั้มนี้ทีเด็ดจริงๆ  [perv01]


อุบาทว์-อุบัติ (Disastrous Device Occurence) - พ.ศ. 2538
ยังเดินหน้าฆ่ามันเหมือนเดิม แต่น้าแกแอบใส่ซาวด์แบบเพลงพื้นบ้านภาคเหนือของไทยเข้าไปด้วยนิดๆ
กับการเปลี่ยนจังหวะกลางเพลงแบบกระตุกๆ  ให้ฟังแล้วเครียดๆเล่นๆ



ยุคเมทัลแห่งภูมิภาคพื้นเมืองไทย

ขออธิบายรวมๆไปเลยว่าในยุคนี้ด้วยความแข็งแรงของแนวทางเพลงในยุคต้น
ทำให้ยุคสองนี้ทางวงสามารถเข้าทำเพลงกับสังกัดเมเจอร์ เรียกว่าได้ขึ้นมาสังกัดบนดินแล้ว ( Warner )

ยูคนี้มันก็ยังเป็นเมทัลพันธ์ดุเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจังหวะ
พวกน้ามันไม่เน้นทำจังหวะแบบสับควบรวดเลือดสาดฟันทีเดียวตายเท่าไหร่

กลิ่นความเป็นเมืองเหนือฟุ้งยิ่งกว่ายุคที่แล้วอีก 
คือมันมีกลิ่นบรรยากาศดนตรีของภาคเหนือไทยติดๆมาเยอะดี แปลกหู
แล้วไหนจะยังจังหวะที่คอยกระตุกๆเปลี่ยนอยู่แทบจะตลอดเวลาอีกล่ะ
อาจทำให้ฟังแล้วติดเครียดนิดๆพอท้วมๆ
เรียกว่าใส่ลักษณะแบบโปรเกรสสีพเมทัลลงไปเพียบ




ประมาณนี้ล่ะนะ



สองฟากฝั่ง (Collision) - พ.ศ. 2540 ( Warner ) 

สัญญาณเยือน Part 2 - พ.ศ. 2543

ปรากฏการณ์-ปรากฏกาย (Phenomenon) - พ.ศ. 2545  ค่าย Giraffe Records (GMM Grammy)


ยุคคืนสู่ธรรมชาติและนามธรรม และการจากลา

หลังชุด ปรากฏการณ์-ปรากฏกาย  ก็พักวงกันยาวเลย คือหายไปเลย
ซึ่งหลังจากนั้นสิบกว่าปีพร้อมกับยุครุ่งเรืองของวงการเมทัลที่ผ่านพ้นไปนานแล้ว
พวกน้าแกก็กลับมา
( กูไม่รู้ กูไม่สน ยุคไหน ใครจะนิยมอะไร เรื่องของมัน กูจะเล่นแบบเนี้ยะ )   

ยุคนี้ดนตรีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมาก   
ภาคดนตรีถูกปรับเปลี่ยนให้เข้าใกล้กับพวกเวิลด์มิวสิคมากขึ้น หนักไปในทางขับเน้นบรรยากาศมากกว่า
เพลงบรรเลงจึงมีบทบาทมากขึ้นในอัลบั้มยุคนี้ 
( แทบทุกอัลบั้ม ก่อนหน้าก็มีกันเป็นปกติอยู่แล้วล่ะ )

โดยรวมๆภาคดนตรีอาจจะเบาลง  แต่เนื้อหายังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การใช้ชิวิต
ยังมีความเป็นดอนผีบินอยู่อย่างเจ้มจ้น
  [gurock01]


แดนดินทิพย์ (Utopia-Part 1) - พ.ศ. 2556


Rutern To The Nature ชีวิต พลัง ความหวัง จุดหมาย สู่ปลายกาล - พ.ศ. 2556
( ชุดนี้ขายพร้อมเสื้อ ด้วยราคาที่ค่อนข้างแรงพอสมควร )


แสงสองสู่พันธนาการ (Utopia-Part 2) - พ.ศ. 2559


อันที่จริงตอนแรก เห็นว่าทางวงตั้งใจจะทำ Utopia ออกมา 5 อัลบั้ม
แต่ด้วยเกิดปัญหาภายในวงบางประการ  โปรเจคนี้เลยค้างเติ่งอยู่แค่สองอัลบั้มนี้เท่านั้นเอง


แล้วหลังจากนี้สามพี่น้องก็แยกย้ายกันไปตามทางของแต่ล่ะคน

ตามข้อมุลที่พอหาได้ในตอนนี้นะ

น้าสมบัติไปทำงานด้านอนุรักษ์ธรรมชาติ  มีชื่อเสียง ได้รับการยกย่อง  ได้รางวัลมากมาย 

น้าสมศักดิ์กับน้าสมคิด  ไปเปิดค่ายเพลง DOOMED DAYS ของตัวเอง คอยซัพพอร์ตวงเมทัลรุ่นน้องๆอยู่พักใหญ่ๆ 
และเปิดห้องอัดเสียง ร้านขายเครื่องดนตรีเล็กๆที่เชียงใหม่


อัลบั้มแรกของค่าย ดนตรีมืดหม่นอนธกาลสุดๅ หนีบหนึบขั้นตรีทูต

----------------------------------------------------------------------------------------



น้าดอนเค้ามีเสน่ห์พิลึกๆแต่ดีย์หลายอย่างในตัวนะ [mock01]

ภาษา เนื้อร้อง
จุดเด่นที่ชอบสำหรับวงนี้ นอกจากตัวดนตรีแล้ว
มันคือเรื่องของภาษาที่เอามาใช้เป็นเนื้อร้อง

พวกน้าแกเลือกใช้ภาษาได้สวยงามมาก 
มีการเล่นคำ เล่นพยางค์  (แต่ไม่ได้เล่นหูเล่นตานะ  อิอิ )
มีลักษณะภาษาของกวีสูง เปรียบเทียบอุปมาอุปมัยแพรวพราว



เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่าเพลงของดอนผีบินไม่มีคำหยาบคายเลยแม้แต่คำเดียวในทุกอัลบั้ม
คือไม่ได้จะมาดัดจริตอะไรนะ แต่เพลงเมทัลไต้ดินโดยทั่วไปในตอนนั้น ( หรือแม้แต่ตอนนี้ก็เหอะ )
มีการใช้ภาษาที่รุนแรง คำสบถ คำหยาบคายเป็นปกติธรรมดาเลย   อาจจะเพื่อช่วยบิ๊วท์ความเข้มข้นในฟิลดนตรีให้เข้มยิ่งขุึ้น
แต่น้าดอน แกเลือกที่จะเอาความสวยงามของถาษามาเป็นตัวบงการความรุนแรงชนิดเสนาะหูแทน





เนื้อหา

เนื้อหาก็สุดจะล้ำมากเกินหน้าวงยุคเดียวกัน   
อนุรักษ์ธรรมชาติ   สิ่งแวดล้อม แสวงหาความเป็นไปในชิวิตแบบนามธรรม
แสวงหาความสงบทางภาวะจิตใจ ( ด้วยจังหวะกลองสองกระเดือ่ง และริฟท์ระรัวแบบสับหมูสับ ??? )



งานปก อาร์ตเวิร์ค



อีกอันนึงคืองานปก อาร์ตเวิร์คในแต่ล่ะอัลบั้ม
เคยอ่านสัมภาษณ์เมื่อนานมาแล้วว่า หน้าปกแต่ล่ะอัลบั้ม ทางสมาชิกวงเป็นผู้วาดมันขึ้นมาเอง บนผืนผ้าใบ
มันสวยดี  นั่นน่าจะเป็นเพราะพวกเขามีความเป็นศิลปินจิตกรในตัวอยู่แล้ว
มีความละเมียดมาก ในความเป็นเมทัล  เรียกว่าพิถีพิถันดีเลย



โลโกสุดคลาสสิค

ส่วนสุดท้ายที่ชอบเป็นพิเศษอีกอย่างคือ โลโกของน้าๆเค้านี่แหละ

โคตรเท่ห์
  [pravetgym01]




ตัวอักษรไทยก็เอามาทำเป็นโลโกวงเมทัลได้งามไม่แพ้ตัวอักษรต่างชาติเขาเลยถ้ามือถึง( และน้าดอนก็มือถึง)
และถึงโลโกจะมีหลากหลายเวอร์ชั่น
แต่ที่งามที่สุด คลาสสิคที่สุด
สำหรับผม ต้องโลโกเวอร์ชั่นแรกเท่านั้น



เยี่ยมจริงๆ  เยี่ยมจริงๆ  เยี่ยมจริงๆ


ด้วยความที่ตอนนั้นพวกน้าๆเค้าไม่ทำเสื้อทัวร์ขาย (ก็เกือบสามสิบปีแล้ว ตามมาตั้งแต่ชุดแรกโลกมืด)
ผมเลยทำมันเองซะเลย   ตั้งแต่วาดแบบลงกระดาษใข ลงหมึก
ทำตู้ไฟ ทำซิลส์สกรีนโลโกเอง เอามาเพนท์รูปต่อเองด้วยภู่กัน ด้วยสีอครีลิค
ใช้เวลาทำทั้งข้างหน้าข้างหลัง ก็สามเดือนจะสี่เดือน

ทำมาตัวเดียว เสร็จแล้วล้างบล๊อคทิ้งเลย  [lol01]
( น่าเสียดายว่า มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า หาไม่เจอซะหลายปีล่ะ น้ำตาไหลพราก อายุเสื้อถ้ายังอยู่ถึงตอนนี้ก็จะสามสิบปีล่ะ )  [mad03] [mad03] [mad01]


แถ่นแท๊นนน  ท๊าาาด๊าาาาาา สวยมั้ยครัช



แต่ตอนนี้ถึงเจอก็คงไม่กล้าใส่ กลัวโดน โปนจ้น กร๊ากกกกกกก  [puke01]



สำหรับวงดอนผีบินเป็นวงเมทัลของไทยที่สามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้เป็นวงกว้างกว่าอันเดอร์กราวด์ไทยทั่วๆไปในยุคเดียวกัน
เสน่ห์ของวงก็อาจจะมาจากการที่ออกงานอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
และรักษาเอกลักษณ์ แนวทางความเป็นตัวของตัวเองเอาใว้ได้เหนียวแน่น

คงคล้ายๆกับ ทางวงได้ออกเดินทางและเติบโตไปพร้อมกับเหล่าแฟนๆตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยก็เป็นได้
วันที่แฟนเริ่มฟังดอนผีบิน ตั้งแต่ชุดแรก ชุดโลกมืด ตอนนั้นแฟนๆอาจจะอายุ สัก 16-17  ปี
พอมาถึงในชุดหลัง แฟนเพลงก็น่าจะ 40 อัพกันแล้ว ( ถ้ายังตามพวกน้าแกอยู่ )  [cheer01]

เคยคิดเอาเองเล่นๆว่า คงอารมณ์เดียวกับแฟนเพลง โอฬารโปรเจค หินเหล็กไฟ  ไมโคร  อัศนีย์ วสันต์ หรืออื่นๆประมาณนี้
ที่ถ้าพวกเขากลับมาทำเพลงอีกเมื่อไหร่ก็จะต้องมีแฟนๆเดนตายที่เติบโตมากับวงแต่แรกเริ่มให้การสนับสนุนแน่นอน





ในวันนี้ถึงทางวงจะแยกย้ายกันไปแล้วด้วยเหตุผลส่วนตัวของแต่ล่ะคนก็ตามที
แต่ผลงานที่ได้สร้างเอาใว้ทั้งหมดทุกชุด มันมีค่า และมีคุณูปการต่อวงการดนตรีบ้านเรามาก
ใครไม่เคยลองฟังอยากให้ลองหาฟังดูแล้วอาจจะติดจายยยยยย  [lol01]


ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ 



หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
                 ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
                  รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
                  ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ  [smile03] [smile03]

แฟนๆก็ยังแอบหวังอยู่นะ อยากจะเห็น โลโก ค้างคาวบิน ขึ้นมาผงาดฟ้ายามค่ำอีกครั้ง จุงเบย ชะปะด่ะเฮ้ยยยย
  [perv01] [perv01] [cheer01] [cheer01]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09/01/2567 [16:15:02] โดย GAMMARAY »
ขอความกรุณาปิด Ad-Blocker เวลาเปิดเว็บนี้ด้วยครับ
เว็บไซต์ของเรามีรายได้เพียงทางเดียวคือรายได้จากการโฆษณา และหนึ่งในช่องทางโฆษณาของเราคือ Google adsense หากคุณใช้ โปรแกรมหรือตัวเสริมที่บล็อกโฆษณาประเภท Ad-Blocker กับเว็บของเรา ก็จะทำให้ทางเว็บขาดรายได้ส่วนนี้ไป โฆษณาที่ทางเว็บเลือกก็เป็นแบบที่ไม่รบกวนผู้ใช้งานมากนักอยู่แล้ว ไม่ชอบก็เลื่อนผ่านๆไปได้ครับ ดังนั้นขอความกรุณาใส่ c1ub.net ไว้ใน whitelist ของโปรแกรมหรือปิดการทำงานของโปรแกรมบล็อกโฆษณาด้วยครับ (หากคุณเห็นข้อความนี้โดยที่ไม่ได้ใช้โปรแกรม Ad-Blocker ใดๆ รบกวนจิ้ม --> ส่ง PM บอกแอดมิน ทีครับ)
#1 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 08/01/2567 [20:04:07]
 [gurock01] [gurock01] [gurock01]
#3 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 11/03/2567 [13:38:10]
ถึงแม้ว่าวงการยูโรพาวเวอร์จะให้เกียรติแก่เหล่าบรรดาบิ๊กเนมจากเยอรมันว่าเป็นเสมือนผู้กรุยทางให้แก่แนวดนตรีจำพวกนี้


HELLOWEEN , GAMMARAY ,   BLIND GUARDIAN

เดอะ บิ๊ก เนมเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นวงเยอรมันทั้งสิ้น
  [gurock01] [gurock01]




แต่วงการพาวเวอร์เมโลดิคไม่ได้คับแคบขนาดนั้น 
มันแผ่ขยายฐานแฟนเพลงกว้างขวางไปได้ทั่วโลก   
ยุโรป  อเมริกา  ละตินอเมริกาไต้ เอเชีย   มีหมด


วันนี้เลยอยากเสนอวงพาวเวอร์เมโลดิคที่อยู่นอกดินแดนกางเขนเหล็กกันสักวง


วงนี้เป็นวงฝรั่งเศส
[cheer01]

HEAVENLY สรวงสวรรค์ มัลติเพล็กส์


พวกมันเป็นวง 4-5ชิ้น  (อะไรหว่า?)   
ตั้งมาตั้งแต่ปี 1994 - ตอนนี้ ( มั้ง??? )


สมาชิกแบบอัพเดทล่าสุดเท่าที่พอมีข้อมุล 




Ben Soto  ร้องนำ และคีย์บอร์ด ( บางเวลา ) เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้ง

Pierre Emanuel Desfray  เข้ามาตอน 2004

Olivier Lapauze  กลอง   เข้ามาตอน 2009

Frederic Geai Schmitt  เบส    เข้ามาตอน 2011

Nicolas Marco  คีย์บอร์ด ตัวหลัก    เข้ามาตอน 2011




อัลบั้มตั้งแต่ชุดแรกที่ใช้ชื่อHEAVENLY  มี 5 อัลบั้ม  ( ขอนับแต่แผ่นเต็มไม่นับซิงเกิ้ล )


Coming from the Sky  ออกปี 2000

Sign of the Winner       ออกปี 2001

Dust to Dust                     ออกปี 2004

Virus                                     ออกปี 2006

Carpe Diem                       ออกปี 2009





ลักษณะดนตรี โดยรวม เป็นเมโลดิคเมทัล
เน้นที่ทำนองที่ไพเราะนำแล้วตามด้วยเมทัล
ขยำรวมกันเสร็จมันก็กลายเป็นเมโลดิคเมทัลที่ไม่ได้ออกแนวโหดเหี้ยมอะไรเลย
 
เสียงร้องนำใช้แบบเสียดแหลมโหนสูง  ติดสากปลายเสียงนิดๆ
ส่วนพาร์ตเครื่องดนตรีเขาไม่ได้ติดเอฟเฟคให้แตกพร่าบ้าคลั่งเกินงาม
แถมยังมีคีย์บอร์ดช่วยสร้างบรรยากาศเข้าไปอีก
มันก็เลยออกมาทั้งมันส์ทั้งเพราะ(มาก)ไปในคราวเดียวกัน


วงนี้ทำท่อนฮุคได้ติดหูดีมาก  คือฟังแล้วราบลื่น ไหล ไม่มีสากหู
เรียกว่า เด็กฟังได้ ผู้ใหญ่ฟังเพลิน ว่ากันยังงั้นเชียวล่ะ




สองอัลบั้มแรกที่ออกมาคือ Coming from the Sky  และ Sign of the Winner 
ได้รับการตอบรับที่ดีถึงดีมาก  คอเมโลดิคฟังแล้วต้องร้องโอ้ลั้ลลา  แบบนี่แหละจร้านายจร๋าาาา เมโลดิคที่ฉานตามหามานานนน
เมโลดิคเมทัลที่ฟังแล้วไม่ก้าวร้าว ฟังเพลิน ฟังเพราะ ( ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกัน )   
เสียงวิจารณ์ในเชิงบวกกับสองอัลบั้มแรกนี้ดีมาก อนาคตของพวกมันสดใส  ซาบซ่าน

แต่ครับแต่ ถ้าสองอัลบั้มที่ว่า ว่าเป็นทีเด็ดแล้ว  พวกมันยังมีดีกว่านั้นอีก
อัลบั้มที่สาม พวกมันปล่อยของออกมาเต็มเบอร์
 






Dust to Dust  ชุดนี้เป็นคอนเซปอัลบั้ม ว่าด้วยเรื่องราวของ การตามล่าล้างแค้นของผีดูดเลือด

เรื่องของเรื่องก็คือ มีชายวัยกลางคนดวงจู๋คนหนึ่ง
ดันซวยไปโดนผีดูดเลือดระดับบอสโจมตี  ทำให้เขาต้องคืนชีพกลายเป็นผีดูดเลือดไปด้วย
เขาต้องกลายเป็นผู้ที่ไม่ตาย และต้องทนทุกข์ทรมานกับการที่ต้องวนเวียนอยู่ในโลก
เป็นวิญญาณบาปคอยกัดกินผู้คนไปตลอดกาล

เขาต้องทนทรมานในสภาพผีดูดเลือดอยู่นับร้อยๆปี 
ต้องทนดูคนรอบข้างล้มหายตายจากเขาไปคนแล้วคนเล่า  เขาเฝ้าหาวิธีที่จะคืนชิวิตอมตะนี่ไปเสีย
จนได้รู้ว่า ทางที่จะคืนความเป็นอมตะนั้นต้องไปตามหาและจัดการฆ่าผีดูดเลือดระดับบอสตัวที่กัดเขาเสียก่อน

เนื้อหาในอัลบั้มนี้ ดำเนินไปในแบบองก์ของละคร
คือแบ่งเป็น chapter  ในช่วงเวลาต่างๆ  ตั้งแต่เริ่มจนบทสรุปสุดท้ายของการตามหา และการต่อสู้



ภาคดนตรี  เนื่องจากเป็นคอนเซปผีดูดเลือด 
เลยเพิ่มสัดส่วนความเป็นโกธิคลงไปเยอะๆเพื่อให้ตรงตามคอนเซป
มันใช้ซาวด์แบบซิมโฟนิค จำพวกออร์แกนโบสถ์  ใส่ทำนองคล้ายๆเพลงสวดในโบสถ์แบบกอสเปล 
และอะไรๆที่เราอาจเคยได้ยินในหนังผีดูดเลือดโบราณๆมาก่อน  [perv01]

ในอัลบั้มนี้ ทำซาวด์ได้ดีอย่างมาก
เป็นคอนเซปชัดเจนมากกว่าสองอัลบั้มที่แล้วอย่างที่สังเกตได้  ( และหนักหน่วงกว่าด้วย )
จนบางเพลงช่วงใคลเแมกส์ตอนท้ายของการเผชิญหน้ากันระหว่างผีดูดเลือดสองตนนั้น
ถึงขั้นมีการใช้เสียงสำรากแบบ แทรช เดธด้วย ( เสียงแบบนี้ กูก็ทำได้ว้อย )
  [evil01]



แต่ถึงจะดุขึ้นยังไง
แต่เอกลักษณ์ของความไพเราะ ความสวยงาม ที่เคยทำมา พวกมันก็ยังยึดเอาใว้ได้อย่างเหนียวแน่น
บอกตรงๆ  ในห้าอัลบั้มของพวกมันนี่  ผมชอบอัลบั้มนี้ที่สุดล่ะ 
แข็งแรง สวย  รสชาติ หวาน เผ็ด  นัว  อุมามิ อิอิอิ
  [gurock01] [gurock01]




อีกสองอัลบั้มต่อมา ชื่อว่า VIRUS และ  Carpe Diem   
ลองฟังรวมๆทั้งสองอัลบั้มที่ว่านี้แล้ว ความแข็งแกร่ง ยังคงอยู่ ความเพราะ ก็ยังเพราะอยู่ เหมือนที่เคยทำมาแหละ
เอาจริงๆนะ มันทำอัลบั้มพวกนี้ได้ดีเหมือนที่เคยทำมาเลย 
เพียงแค่สองชุดนี้นยะ มันฟังแล้วขาดเสน่ห์อะไรบางอย่างไป (มั้ง )
  [confuse01]




โดยเฉพาะ อัลบั้มสุดท้ายที่ออกมาของมัน  Carpe Diem
 อันนี้ความเห็นส่วนตัวคือ มันเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองยังไงไม่รู้

แต่ถ้าท่านลองฟังแล้วชอบ ก็จงรีบไปตามหาแผ่นมาเลย ไม่ผิดหวัง


โดยรวมแล้วถึง HEAVENLY  จะไม่ได้สร้างอะไรที่เป็นของใหมใว้ประดับวงการเมทัล
แต่เชื่อเหอะบางที simply is the best  ได้จริงๆนะ 



สถานะปัจุบัน



ตอนนี้สภาพวงอาจใกล้เคียงกับคำว่าแยกวงแล้วล่ะมัง
เพราะตั้งแต่อัลบั้ม   Carpe Diem  ที่ออกตั้งแต่ปี 2009 มาแล้ว
พวกมันก็ไม่เคยมีอัลบั้มใหม่อะไรออกมาอีกเลย ไม่ว่า ซิงเกิลหรือ อัลบั้มเต็ม
Official page ก็หายไปหลายปีแล้ว ( ตอนนีั้คิดถึงพวกมัน เลยไปลองเสริ์ชหาดู )
แต่พวกมันก็ไม่เคยประกาศแยกวงอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
 และมีแอบขึ้นเวทีแจมประปรายกับวงอื่นด้วยนะ แต่ไม่มีผลงานใหม่เลยน่ะสิ  [mad04]

เรียกว่านี่อาจจะใกล้เคียงกับความเป็นผีดูดเลือดที่สุดแล้วก็ว่าได้ 
จะตายก็ไม่ตาย จะเป็นก็ไม่เป็น เอ๊อ พิลึก
  [lol01] [lol01]






หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
                 ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
                  รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
                  ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ  [smile03] [smile03]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/03/2567 [13:56:17] โดย GAMMARAY »
#4 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 27/05/2567 [15:51:24]
แจ้งข่าวๆ ชาวหูเหล็กทั้งหลายทราบแล้วเปลี่ยนนนนน 



หลังจาก อเมริกันแทรชชนิดเลือดสาดอย่างวง SLAYER ได้กล่าวคำอำลาแฟนๆ ขอยุบวงเมื่อ 2019
ด้วยอายุของสมาชิกทุกคนในวงที่มากขึ้น (แทบทุกคนก็ขึ้น 60 กันแล้ว  )
และต้องการหยุดพักเพื่อใช้เวลาทั้งหมดพักผ่อนกับครอบครัว
หลังจากที่พวกเขาโลดแล่นในวงการมาร่วมๆ สี่สิบปี
และใช้ชิวิตในการออนทัวร์กันยาวนาน ทรหด
 เมืองต่อเมือง ประเทศต่อประเทศ เครื่องบินต่อรถบัส
พวกเขาจึงขอหยุดไปใช้ชิวิตที่สุขสงบกันบ้าง




แต่ในที่สุด น้า KERRY KING  หนึ่งในมือกีตาร์อดีตสมาชิก
แกคงเบื่อๆจากการเลี้ยงหลานอยู่บ้าน
เลยแอบแว่บๆมาเข็นอัลบั้มส่วนตัวกันล่ะจ้า
เพิ่งออกมามาเมื่อ 17 MAY 2024 นี่เอง





ชื่ออัลบั้มก็โคตรจะบันเทิง
From Hell I Rise





ตอนนี้รายละเอียดเท่าที่พอจะไปขุดหามาได้
เหล่าสมาชิกที่มาช่วยงานน้าแก ก็ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือรุ่นลายครามกันทั้งนั้น






Kyle Sanders   Bass สมาชิกวง groove และ numetal Texas อย่างวง skrew
Paul Bostaph   Drums นี่ก็มือกลองเทพปลาหมึกแปดหนวดจาก SLAYER นั่นแหละ
Kerry King   Guitars มือกีตาร์มหาหิน หัวโล้น เคราทองแดงเจ้าของโปรเจค 
Phil Demmel   Guitars โคตรฝีมือจาก แทรช ชั้นนำหลายวง Over kill , Machine head , lamb of god ..
Mark Osegueda   Vocals อดีตจอมสำรอกจาก Death angel
  [pravetgym01]



ถึงจะยังฟังไม่หมดทั้งอัลบั้ม แต่เท่าที่ได้ฟัง บอกเลยว่า มหาโหดของแทร่ 
สายแทรชเชอร์ ควรหาฟังกันนะจ๊ะ
[gurock01] [smile02]





อ้อ และได้ข่าวมาอีกนิสสส ที่บอกเมื่อกี้ ว่า SLAYER  ยึบวงไปเมื่อปี 2019น่ะ
ข่าวดีคือ ไอ้พวกน้าๆคนอื่นๆมันก็คงเบื่อบ้านเหมือนกันแล้ว
SLAYER เลยเพิ่งประกาศขอ reunion เอาเมื่อต้นปี 2024 นี่เอง
ส่วนจะกลับมาพร้อมกับสมาชิกดั้งเดิมกี่คนอันนี้ต้องติดตามกันต่อไปจร้าาาาา


ใครยังคิดถึงบรรยากาศความหวานชื่นสมัยก่อน ก็รอติดตามกันได้เรยยยย  [gurock01] [cheer01]
จุ๊กกรู๊ๆๆๆๆๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/05/2567 [15:58:47] โดย GAMMARAY »
#5 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 15/07/2567 [15:27:25]
แจ้งข่าวๆๆๆ กะจองงองๆๆเจ้าข้าเอ๊ยยยยยย
วงเยอรมันพาวเวอร์เมทัลยอดนิยมกำลังจะออกอัลบั้มใหม่แล้วจร้าาา เจ้าข้าเอ๊ย
  [perv01]


POWER WOLF 

ด้วยชื่ออัลบั้ม Wake Up the Wicked






กำหนดการวางจำหน่าย
Release date:July 26th, 2024 สิ้นเดือนนี้เองจ้า

ถึงตอนนี้มีปล่อยเพลงในอัลบั้มออกมาให้ลองก่อนแล้วสองเพลง



Sinners of the Seven Seas


เนื้อหาเพลงนี้ฟังแล้วนึกถึงวงโจรสลัดจอมเพี้ยนแห่งสกอตแลนด์อย่างวง Alestormเ
แต่ก็คล้ายกันแค่คอนเซปของโจรสลัดเท่านั้น แต่ทั้งเนื้อหาและดนตรีต่างกันพอดู
ของ POWER WOLFจะดูจริงจัง ซีเรียสกว่าเยอะ 
ลองอ่่านเนื้อเพลงเพลงนี้สักท่อนนึงดูสิท่าน

Sailors with no God no glory
Heroes of our story
Sinners of the seven seas
Traitors, may the flood await us
Bless the navigators
Sinners of the sea

มันช่างโหยหุยเสียจริงๆล่ะหนอ เอิ๊กๆๆๆ
ภาคดนตรีไม่หนักแบบ aggressive power
ซาวด์มันออกจะค่อนข้างนุ่มเพราะคีย์บอร์ดที่ผมว่ามีบทบาทมากในเพลงนี้
และพวกมันยังทำเมโลดีให้ติดหูอย่างเคยๆแหละ



และอีกเพลงนึง อันนี้เนื้อหาเพลงเข้าทางๆ ฮ่าๆๆๆ
  [lol01] [lol01]


1589

เพลงนี่คือกลับมาเป็นพวกมันเต็มๆ ทั้งเนื้อหาและดนตรี
ด้วยว่าเพลง 1589นี้ มันพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์เยอรมันสมัยศตวรรษที่16
นั่นเพราะ1589 คือชื่อปีคริสตศักราชในการชำระโทษคดีมนุษย์หมาป่ากินคนนั่นเอง
เรียกกันว่าคดีมนุษย์หมาป่าแห่ง ป่าเบดจ์เบิร์ก  Werewolf of Bedburg
( เหมือนพวกมันติดใจคอนเซปมนุษย์หมาป่าแห่งแณโวดองในคอนเซปอัลบั้มชุดที่แล้วแฮะ)




ก็จะขอเล่าประวัติศาสตร์ให้ฟังพอสังเขปเพื่อความอินในบทเพลงนะขอรับ อิอิอิ




ในปี1589ที่กล่าวนี้ ชาวเมืองได้จับนายPeter Stump ชาวเมืองโคโลญจ์ในข้อหาเป็นมนุษย์หมาป่าใว้ได้
ตามประวัติศาสตร์นาย สตัมป์คนนี้ คือชาวนาที่ค่อนข้างร่ำรวยคนนึงเลยทีเดียว
แต่เขาก็มีความเป็นคนลึกลับมาตลอดระยะเวลากว่า20ปีเช่นกัน

และตลอดระยะเวลากว่ายี่สิบปีนั้น เขาให้การรับสารภาพว่านอกจาก แพะ แกะ และสัตว์ต่างๆที่เขากินทั้งเป็นแล้ว
เขายังได้สารภาพว่าได้ฆ่าและกินเด็ก 14 คนและสตรีมีครรภ์ 2 คน ด้วย
ทารกในครรภ์มารดาเขาก็ฉีกควักออกจากครรภ์มารดาทั้งเป็น
และ "กินหัวใจที่ยังเต้นตุ้บๆนั้นอย่างดิบๆ"
แถมยังบอกด้วยว่านั่นคือ อาหารอันโอชะอีกตังหาก 
ซ้ำร้ายเหยื่อที่เป็นเด็กหนึ่งใน 14 คนนั้น
คนนึงก็คือลูกชายของเขาเอง ซึ่งเขาได้สารภาพว่าเขากินสมองไปแล้ว

สตัมป์สารภาพว่าเขากลายร่างเป็นหมาป่าได้ เพราะเขาได้ทำสัญญากับปิศาจ (ซึ่งอาจเป้นที่มาของความร่ำรวย)
โดยที่เขาได้เข็มขัดมาเส้นนึงจากปิศาจ เมื่อเขารัดมันเข้า เขาก็จะกลายเป็นมนุษย์หมาป่าได้
ความน่าสยองขวัญคือในระหว่างถูกจับกุม เขายังแอบเอาเนื้อมนุษย์สดๆที่แอบซ่อนพกติดตัวใว้เอาออกมากินด้วย  บรื๋อ

ซึ่งหลังจากการตัดสินโทษสตุมป์ให้ถูกประหารโดยการฉีกแยกร่าง เป็นชิ้นๆทั้งเป็น ( โคตรโหดอ่ะ)



และผู้พิพากษาได้ให้เอาเข็มขัดปิศาจเส้นนั้นไปทิ้งเสียที่หุบเหวใกลผู้คนเสียด้วย
แต่ต่อมาเมื่อมีการสั่งให้ย้อนกลับไปดู ( อาจจะเกิดอยากได้พลังอำนาจปิศาจมาใช้งาน แบบพวกปากว่าตาขยิบ อิอิอิ )
ก็ไม่พบเข็มขัดเส้นนั้นแล้ว



เพลงนี้ในส่วนดนตรี ค่อนข้างขรึมขลัง โดยพวกมันทำออกมาเป้นเพลงบัลลาดจังหวะปานกลาง
ทำซาวด์เหมือนเพลงสวดในโบสถ์ เสียงของ อัตติล่า ยังเชื่อใจได้คือเก่า  คือ เสียงใหญ่ กังวานก้อง
MV ทำออกได้เหมือนหนังสยองขวัญสมัยโบราณๆดี
  [perv01]




ส่วนอีกหลายเพลงที่เหลือ ซึ่งมีทั้งหมด11 เพลงด้วยกัน ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดเผยไปมากกว่านี้
แต่เห็นแต่ชื่อเพลง บางเพลงก็น่าสนใจดีเหมือนกัน
 เช่น Heretic Hunters หรือ Joan of Arc หรือ Vargamor
ดูเหมือนจะยังคงคอนเซปเดิม คือ ประวัติของเรื่องราวลึกลับโบราณ เวทย์มนต์คาถา
น่าสนใจสำหรับชาวหูเหล็กที่นิยมภูตผีปิศาจ


เอาว่าพวกมันกลับมาแว้วววววววววแง้วๆๆๆๆๆ
เชิญรอเสียตังได้เรยยยย
  [gurock01] [gurock01]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15/07/2567 [15:49:29] โดย GAMMARAY »
#6 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 15/07/2567 [19:11:47]
ทำเป็นเพจได้เลยนะนี่ ข้อมูลแน่น
#7 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 16/07/2567 [07:23:08]
ทำเป็นเพจได้เลยนะนี่ ข้อมูลแน่น

ขอบคุณครับผม  [smile03]
ถ้าทำจริงจังกลัวจะเครียดอ่ะครับ  [perv01]
แต่ก็ยังคิดๆอยู่เหมือนกันว่าจะลองรวมๆดูดีมั้ยน้อ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำอีกครั้งครับ 
#8 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 02/09/2567 [09:56:20]
กรุ๊งกริ๊งๆๆๆๆ  แจ้งข่าวจร้าาาา

Krilloan พาวเวอร์สปีดแห่งสวีเดน

พวกมันกำลังจะออกNEW ALBUMใหม่ เดือนนี้แล้ว
กำหนดการวางขาย คือวันที่ 20  SEP 2024 นี่เอง

ด้วยชื่ออัลบั้ม Return of the Heralds


และถึงจะใกล้วันคลอดเต็มแก่ น้ำเดินเต็มทีแล้ว
แต่พวกพี่ท่านก็ยังไม่ยอมเปิดเผยห่านอะไรเลย แม้แต่รายชื่อสมาชิกวง



มีก็เพียง แค่ปล่อยเนื้อเพลงไทเทิลแทรคออกมาเพลงเดียวแค่นั้น



นี่คือหน้าปกอัลบั้ม ชุดนี้นะ
( แอบคล้ายภาพปกเกมส์ Castlevania อยู่เหมือนกันแฮะ อิอิอิ  [mock01])




นั่นคือเพลงหัวขบวน ชื่อ Atlantean Sword

เนื้อร้องส่วนนึง เค้าว่ายังงี้ฮัฟแควนๆ


A relic of that fallen realm
That would never rise again
It has seen the hands of kings
Used to kill and defend
Lost for ages since its fall
Locked in a sacred tomb
Until one man would pry
That blade from its womb

Suffer no guilt ye who wield
This in the name of Crom
A Cimmerian King who fights
Fights with an Atlantean Sword





อ่านเนื้อเพลงไปบางส่วนแบบนี้ ก็คงเดาทางอัลบั้มนี้ได้ก่อนเลย
ว่ามันต้องเป้นอัลบั้มที่บู๊ดุเดือดเลือดสาดแน่ๆ

และจากที่สังกัดค่ายเพลง แพลมๆออกมาว่า
ชุดนี้พวกมันจะกลับไปสู่ความเป็น  traditional speed power metal ยิ่งทำให้ค่อนข้างมันใจ
ว่าชุดนี้จะต้องธำรงใว้ซึ่งความมันส์ไม่แพ้ชุดก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน


ขอให้แควนๆทั้งหลายเก็บตังก์รอได้เลยจ้า
กะจองงองๆ เจ้าข้าเอ๊ยยยยยยย ฮิ้วววววว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02/09/2567 [11:44:24] โดย GAMMARAY »
#9 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 02/09/2567 [22:10:12]
ฟีลปกเกมยุค '80-'90 ดี
#10 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 03/09/2567 [07:26:27]
ฟีลปกเกมยุค '80-'90 ดี


คิดว่าน่าจะไปยืมแรงบันดาลใจมาจากหน่าปกเกมส์นี้ล่ะครับ
หลายๆคนคงเคยเล่นกันมาล่ะ อิอิอิ

แดรกคูล่า หรือ เกมส์แส้น่ะเอ๊งงงงง   [cheer01]







เกมส์ยากอิ๊บอ๋าย แต่สนุกมวากกกกก   [perv01]
#11 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 15/10/2567 [13:49:24]

กะจองงองๆ เจ้าข้าเอ๊ย   วี๊ดวิ้วๆๆๆๆๆ

แจ้งข่าวๆ

เดือนตุลา เดือนแห่งฮาลโลวีนนี้นี้
กำลังจะมี อัลบั้มออกใหม่จากซุปเปอร์กรุ๊ปตั้งสองวงแน่ะจร้าาาา 


วงนี้เคยบอกไปแล้ว มันออกเมื่อเดือนที่แล้วนะ

สวีดิช พาวเวอร์เมทัลม้ามืด

KRILLOAN
กับอัลบั้ม Return of the Heralds 20 SEP 2024



กำลังอยู่ในช่วงการเดินทางของแผ่นที่สั่งอยู่จร้าาา ( แพงอิ๊บอ๋าย )
และยังไม่ฟังจากสื่อไหนทั้งนั้น ถึงจะลงยูทูปบ้างแล้วก็เหอะ ขอรอฟังจากแผ่นให้สาแก่ใจดีฝร่าาาา
  [cheer01]



ส่วนเดือนนี้ พวกพี่ท่าน เหล่าตั้วเฮียเหมือนกับจับมือกันมากะถล่มวงการให้ย่อยยับเลยทีเดียวกระมัง  [pravetgym01]

วงอิตัลไทย เอ๊ย อิตาเลียนพาวเวอร์ เดชคนแคระถล่มปฐพี
WIND ROSE
มาพร้อมกับอัลบั้ม Trollslayer   กำหนดการวางขาย 4 OCT 2024  [gurock01]





ตัวอย่างเนื้อเพลงไทเทิลแทรคบางส่วน

Dance of the Axes

We stand together, and raise the banners
We brace for battle with the dance of the axes!
It's now or never, we'll fight forever
And join together in the dance of the axes!

Far, far, far, way beyond in the dark
All the shades of the past showing off their mark
Far, so far from the surface revealed
They'll be dancing forever in black concealed

Long, long, long is the time they will wait
From the dawn of the eras to their journey made
Long, so long since they were all gone
And again like brothers they will be reborn


จะบอกว่างัยดี คือแค่ชื่ออัลบั้มนี่ก็ส่อแนวแล้วว่าน่าจะออกไปในทางบู๊ดุเดือดเลือดกระเซ็นแหงๆ
และจากสอง สามอัลบั้มที่ผ่านมา เหล่าคนแคระประจันบานพวกนี้สร้างมาตรฐานใว้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
จึงหวังว่าอัลบั้มนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง   [cheer01]

และเช่นเคย กับวงนี้ก้สั่งแผ่นไปแล้วด้วยความเต็มใจ และทรมานใจ
คืออยากฟัง อยากจับแผ่นเป็นชิ้นๆ อยากเอาปกมาดมหมึกให้ชื่นสะดือ
แต่ไม่อยากนึกถึงราคามันเลยเชียว กระซิกๆๆๆๆๆๆ   [cry01]

(ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันหรือเปล่า อิอิอิ 
เวลาได้หนังสือดีๆได้แผ่นที่ชอบๆ ชอบเอาปก เอาหนังสือมาสูดดมให้เข้าปอด ชื่นจายยยย ฮ่าๆๆๆๆ )

เอาว่า ใครคิดถึงเสียงร้องแบบกึกก้อง กัมปนาท และจังหวะหนักๆตึ้บๆฮึ่บๆ ของเหล่าคนแคระ เตรียมตัวได้เลย





และนี่เลย เจ้าสุดท้ายของ ตุลา อาถรรพ์ เดือนนี้
ไวกิ้งเมทัล เหล่านักรบแห่งเรือหัวมังกร กำลังจะเข้าฝั่งแล้ว
[gurock01]

ENSIFERUM
กับอัลบั้ม Winter Storm  กำหนดการวางขาย  18 OCT 2024





เอาเนื้อเพลงตัวอย่างบางท่อนไปชิมกันก่อนเด๊อขรับ


Winter Storm Vigilantes


   In the realm of frost and bitter cold
Where winter's wrath begins to unfold
There dwell the brave, the valiant few
Winter storm vigilantes, mighty and true

Through the blizzards, through the storms, they won't let evil grow
With frost in their veins and fire in their hearts
They fight the darkness, tearing evil apart

Their winged beasts soar through the frigid air
Majestic and swift, with fiery manes they wear
With snowflakes as their armor glints
On horses of steel they ride to victory


จากอัลบั้มชุดที่แล้วThalassic ที่ออกปี 2020
ซึ่งในอัลบั้มนั้น เป็นครั้งแรกที่วงลดสัดส่วนเสียงร้องภาคสำรอกขากถุยออกไป
หันมาใส่เสียงร้องก้องๆโหนๆแบบคลีนวอยส์มากขึ้นแทน
และยังเพิ่มสัดส่วนเมโลดิคในโน๊ตดนตรีมากขึ้นไปอีก จนเข้าใกล้ความเป็นยูโรพาวเวอร์ 
( ชุดนั้นได้เสียงตอดรัดค่อนข้างดีด้วยนะ เรียกว่าปลุกชีพวงจากความล้มเหลวสองอัลบั้มซ้อนก่อนหน้านั้นเลยล่ะ )


จากข้อมูลที่ได้มา สมาชิกยังเหมือนเดิมจากชุดที่แล้วไม่มีเปลี่ยนแปลงกันเลย

Markus Toivonen   Guitars, Vocals (backing)
Sami Hinkka   Bass, Vocals (clean)
Petri Lindroos   Guitars, Vocals (harsh)
Janne Parviainen   Drums
Pekka Montin   Keyboards, Vocals (clean)


ก็ต้องมาดูกันว่าอัลบั้มใหม่ใกล้คลอดนี้จะออกไปในทิศทางไหน
จะกลับไปเพิ่มความดุดัน ก้าวร้าว เหมือนยุคแรกออกล่องเรือ 
หรือ จะเลือกเอาความกระหึ่มเมโลดีติดหูเรียกแฟนแบบยุคคืนชีพก็ต้องมาดูกัน

แต่ใครที่เป็นแฟนประจำชนิดเดนตาย  ก็คงไม่รีรอที่จะสั่งจองกันใช่มั้ยล่ะ อิอิอิ
  [smile02]




เอ้ามีตังเตรียมตัง ไม่มีตังก็เตรียมอดอาหาร  เตรียมสั่งแผ่น
เมทัลบุกถล่มแล้วจร้าาาาาา  [lol01] [lol01]


โห่่ ฮิ้ววววววววว
   [lol01] [lol01] [cheer01]




ปล เอาจริงนะ ถ้าติดตามวงเมทัลอยู่หลายวง หรือเป็นแฟนเมทัลหลายแนวเท่าไหร่
โอกาสที่ท่านจะล้มละลายจากการติดตามวงรักของท่านอย่างถูกต้องทำนองคลองธรรมยิ่งซู้งงงงงสุงงงงง ฮ่าๆๆๆๆ  [lol01]
เพราะทุกๆเดือนจะมีวงที่ท่านติดตามออกอัลบั้มใหม่
ไม่สตูดิโออัลบั้มก็พวกรวมฮิต บ๊อกเซต ออกมาถล่มกระเป๋าตังท่านให้แบนย่อยยับหาชิ้นดีมิได้เลยเชียว  [shock01]


เคี๊ยกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   [lol01] [lol01] [smile02]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15/10/2567 [14:07:57] โดย GAMMARAY »
#12 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 22/10/2567 [14:35:41]

แจ้งข่าว  ข่าวร้าย ของวงการเมทัล

พอล ดิ อาโน่ Paul Di'Anno (R.I.P. 2024) 
นักร้องนำคนแรกของวง IRON MAIDEN  เฮฟวี่เมทัลจากเกาะอังกฤษอันระบือนามได้เสียชิวิตลงแล้ว ด้วยวัย 66 ปี
เขาทำหน้าที่ให้กับสองอัลบั้มแรกของการเปิดศักราชให้โคตรวงเมทัลนี้ได้โลดแล่นออกมาเป็นตำนานอย่างทุกวันนี้

 

นี่คือสองอัลบั้มแรกของเขากับ MAIDEN

Iron Maiden ปี1980  เพลงที่น่าลองฟังในอัลบั้มนี้ Phantom of the Opera และเพลงบรรเลงชวนขนหัวลุก Transylvania 




Killers  ปี 1981  เพลงที่น่าลองฟัง ในอัลบั้มนี้ Killers และเพลงบรรเลงสุดห้าวหาญ Genghis Khan 




ในขณะที่ทุกวันนี้ เสียงแหกปากอันสุดกึกก้องกัมปนาทของ Bruce Dickinson นักร้องนำปัจุบัน
จะถูกจับขึ้นเป็นตำนานขึ้นเทียบเคียงกับกีตาร์คู่สายฟ้าฟาดของวงอย่าง Dave Murray และ Adrian Smith ไปแล้วก็ตาม
แต่ในยุคเริ่มต้นของปิศาจเหล็กกล้าตนนี้  เสียงที่ทุ้มและหม่นมืด ของพอลนี่แหละ
ที่เป็นการจุดประกายให้กับวงการ NWOBHM (NEW WAVE OF BRITISH HEAVY METAL )


หลังจากร่วมงานกับ IRON MAIDEN ได้สองอัลบั้ม เขาก็ถูกให้ออกจากวงด้วยปัญหาส่วนตัว
จากนั้น เขาก็ยังทำงานในวงการดนตรีเมทัลมาตลอด
และเขายังทำธุรกิจส่วนตัวอื่นนอกเหนือจากธุรกิจในวงการดนตรีอีกด้วย
อย่างอินเทอร์เน็ตคาเฟ่และโรงแรม และร้านอาหารในอังกฤษเขาก็ทำ
ในช่วงเวลากว่าสี่สิบปีในวงการของเขา ก็นับว่าPaul Di'Anno เป็นบุคคลที่ชิวิตมีสีสรรค์มากคนหนึ่งเลยทีเดียว



สาเหตุที่แน่ชัดของการเสียชิวิตของเขาตอนนี้ยังไม่เปิดเผยอย่างแน่ชัด
แต่ในตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา Paul Di'Anno ต้องประสบกับปัญหาสุขภาพมาตลอด
หลายๆครั้งต้องยกเลิกการทัวร์ หรือคอนเสิร์ตบ่อยครั้งจากปัญหานี้ และรวมถึงการต้องจำใจยุบวงในบางครั้ง
ดังนั้นการเสียชิวิตของเขาในวันนี้ จึงอาจเป็นบทสรุปให้ทุกอย่างก็เป็นได้




ขอใว้อาลัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ