วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 [10:30:07]

ขอสอบถามเรื่องการสลายคลอรีนในน้ำประปาครับ

เคยอ่านเจอในกะทู้เก่านะครับ ว่าการต้มน้ำประปาจะสลายคลอรีนได้รวดเร็วน่ะครับ
ผมก็ต้มแล้วนะครับ ต้มแล้วก็ใส่ในถังน้ำกินแบบขาวขุ่นเอาใว้
พักน้ำใว้ประมาณสองวัน ตากแดดด้วย

แต่พอเอามาเติมในตู้16" หลังจากถ่ายพร่องน้ำไป30%
ปรากฎว่าคืนเดียวปลาตายหมดตู้เลยครับ ซิวเพชรน้อย แลมป์อาย  [cry01]
ทั้งๆที่ตอนเติมไม่ปรากฎปลาลอยหัวเหมือนอย่างที่เคยเจอนะครับ

ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ [cry01]


นี่ขนาดผมใช้น้ำที่ผ่านกรองคลอรีนแบบแขวนของtopมาต้มแล้วนะครับ
หรือผมต้องไปหากรองคลอรีนแบบตัวใหญ่ ตั้งพื้นมาต่อพ่วงเลยครับ


คือช่วงหลังสำหรับตู้เล็กนี้ตอนน้ำประปามีปัญหา ผมใช้น้ำกินถังขาวนี่แหละครับเติม
แต่ตอนนี้น้ำท่วม ร้านมาส่งน้ำไม่ได้ครับ เลยต้องเซฟน้ำกินเอาใว้น่ะครับ
การเดินทางเข้าออกบ้านก็ลำบากมากครับ ช่วงนี้เลยไม่ค่อยสะดวกไปไหนมาไหนเลยครับ [cry01]


รบกวนด้วยนะครับทุกท่าน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/10/2560 [21:01:15] โดย GAMMARAY »
ขอความกรุณาปิด Ad-Blocker เวลาเปิดเว็บนี้ด้วยครับ
เว็บไซต์ของเรามีรายได้เพียงทางเดียวคือรายได้จากการโฆษณา และหนึ่งในช่องทางโฆษณาของเราคือ Google adsense หากคุณใช้ โปรแกรมหรือตัวเสริมที่บล็อกโฆษณาประเภท Ad-Blocker กับเว็บของเรา ก็จะทำให้ทางเว็บขาดรายได้ส่วนนี้ไป โฆษณาที่ทางเว็บเลือกก็เป็นแบบที่ไม่รบกวนผู้ใช้งานมากนักอยู่แล้ว ไม่ชอบก็เลื่อนผ่านๆไปได้ครับ ดังนั้นขอความกรุณาใส่ c1ub.net ไว้ใน whitelist ของโปรแกรมหรือปิดการทำงานของโปรแกรมบล็อกโฆษณาด้วยครับ (หากคุณเห็นข้อความนี้โดยที่ไม่ได้ใช้โปรแกรม Ad-Blocker ใดๆ รบกวนจิ้ม --> ส่ง PM บอกแอดมิน ทีครับ)
การต้มช่วยสลายคลอรีนและแอมโมเนียได้ งั้นผมขอตัดสองตัวนี้ไป

เหลือ Carbonate Hardness หรือที่ภาษาไทยเรียกว่าความกระด้างชั่วคราว (ซึ่งก็คือค่า KH เวลาเราเทสต์น้ำนั่นแหละ) ที่อาจจะเป็นสาเหตุ เพราะการต้มก็สลาย KH ออกไปด้วย

KH มีผลกับ Osmotic Pressure และเป็นตัวคุม pH ไม่ให้แกว่งได้ง่าย ทีนี้ถ้าน้ำในตู้มี KH ในระดับปกติ (KH 3-6) หรือสูงพอสมควร พอคุณเติมน้ำที่ไม่มี KH ลงไปเป็นจำนวนมาก สัตว์น้ำก็สามารถช็อกตายได้จากการที่ร่างกายปรับการถ่ายเทของเหลวไม่ทันกับ Osmotic Pressure ที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน หรือไม่ก็ตายจาก pH ที่แกว่งไปมา

ปล. ถ้าภาชนะที่คุณใช้ต้มมีส่วนผสมของทองแดง (ทองเหลืองก็มีทองแดงผสมอยู่ เครื่องทำน้ำอุ่นบางรุ่นใช้ท่อทองแดง ฯลฯ) ทองแดงอาจจะเข้าไปปนอยู่ในน้ำมากจนเป็นพิษกับปลาได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28/10/2560 [00:32:41] โดย NP »
การต้มช่วยสลายคลอรีนและแอมโมเนียได้ งั้นผมขอตัดสองตัวนี้ไป

เหลือ Carbonate Hardness หรือที่ภาษาไทยเรียกว่าความกระด้างชั่วคราว (ซึ่งก็คือค่า KH เวลาเราเทสต์น้ำนั่นแหละ) ที่อาจจะเป็นสาเหตุ เพราะการต้มก็สลาย KH ออกไปด้วย

KH มีผลกับ Osmotic Pressure และเป็นตัวคุม pH ไม่ให้แกว่งได้ง่าย ทีนี้ถ้าน้ำในตู้มี KH ในระดับปกติ (KH 3-6) หรือสูงพอสมควร พอคุณเติมน้ำที่ไม่มี KH ลงไปเป็นจำนวนมาก สัตว์น้ำก็สามารถช็อกตายได้จากการที่ร่างกายปรับการถ่ายเทของเหลวไม่ทันกับ Osmotic Pressure ที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน หรือไม่ก็ตายจาก pH ที่แกว่งไปมา

ปล. ถ้าภาชนะที่คุณใช้ต้มมีส่วนผสมของทองแดง (ทองเหลืองก็มีทองแดงผสมอยู่ เครื่องทำน้ำอุ่นบางรุ่นใช้ท่อทองแดง ฯลฯ) ทองแดงอาจจะเข้าไปปนอยู่ในน้ำมากจนเป็นพิษกับปลาได้


ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือมากๆครับ  [smile03]

ผมต้มกับกาน้ำด้วยเตาแก๊สน่ะครับ เป็นกาน้ำสมัยเก่าแก่โบราณ
ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่ทราบจริงๆครับว่าในโลหะของกาน้ำจะมีอะไรปนอยู่มั้ย  [confuse01]

อีกอันหนึ่งคิอแปลว่าการต้ม จะทำให้ค่าKHหายไป ทำให้ค่าของน้ำแกว่ง
แล้วการทิ้งน้ำที่ต้มใว้นานๆถึงสองสามวันจะไม่ช่วยอะไรเลยใช่มั้ยครับ  [confuse01]
คือหายแล้วหายเลยใช่มั้ยครับ




ในสถานการณ์นี้ ผมกำลังหาวิธีฉุกเฉินอยู่ครับ
เมื่อคืนผมใช้น้ำประปาใส่กระป๋องเล็กๆเอาใว้ก่อนครับ
เดี๋ยวค่อยเอาไปตากแดดทิ้งใว้ก่อนสักวันสองวันคลอรีนน่าจะหมด เพราะกระป๋องไม่ใหญ่มาก

แล้วก่อนจะถ่ายน้ำสักชั่วโมงผมอัดอ๊อกทิ้งใว้ก่อนจะพอช่วยได้มั้ยครับ





ช่วยแนะนำเพิ่มเติมให้หน่อยนะครับ ขอบคุณมากครับ [cry01]


 

ส่วนใหญ่มันจะกลับคืนมาได้หน่อยนึงครับถ้าคุณปล่อยน้ำทิ้งไว้ในหม้อต้ม เพราะพอน้ำเย็นลง CO2 ในอากาศจะซึมกลับเข้าไปในน้ำและไปละลายแคลเซียมคาร์บอเนตกับแมกนีเซียมคาร์บอเนตที่ตกตะกอนออกมาจนกลายเป็น KH อีก แต่ปริมาณ CO2 ที่ซึมลงไปจะไม่เกินจุดสมดุลกับปริมาณ CO2 ในอากาศปกติ และแคลเซียมคาร์บอเนตกับแมกนีเซียมคาร์บอเนตมันก็ไม่ได้ละลายน้ำได้ง่ายด้วย ต่อให้เป็นน้ำที่มี CO2 ก็เถอะ ดังนั้น ค่า KH จึงมักจะไม่เด้งกลับมาสูงเท่าตอนก่อนต้ม

มีกาละมังมั้ยครับ ภาชนะที่หน้ากว้างๆ จะมีพื้นที่ให้คลอรีนระเหยออกมากกว่า การเปิดปั๊มลมก็ช่วยได้เหมือนกัน เพราะน้ำจะถูกหมุนเวียนให้สัมผัสกับอากาศ ปลดปล่อยคลอรีนได้เร็วขึ้นอีก
น้ำประปาช่วงหน้าฝนตอนน้ำท่วมกับช่วงน้ำแล้ง  จะมีปัญหาเรื่องคุณภาพครับ  จะมีสารเจือปนอยู่สูง  ผมอยู่บางปะกงก็มักจะเจอปัญหาตอนหน้าแล้งน้ำประปาไม่สะอาดมีสิ่งเจือปนสูงเป็นหนักถึงขนาดเอารดน้ำต้นไม้บางต้นยังเฉาเลย  วิธีแก้ของผมใชเครื่องกรอง R.O. แล้วเติมปุ๋ยคืนกลับลงในน้ำที่ใช้เลี้ยงไม้น้ำ
ส่วนใหญ่มันจะกลับคืนมาได้หน่อยนึงครับถ้าคุณปล่อยน้ำทิ้งไว้ในหม้อต้ม เพราะพอน้ำเย็นลง CO2 ในอากาศจะซึมกลับเข้าไปในน้ำและไปละลายแคลเซียมคาร์บอเนตกับแมกนีเซียมคาร์บอเนตที่ตกตะกอนออกมาจนกลายเป็น KH อีก แต่ปริมาณ CO2 ที่ซึมลงไปจะไม่เกินจุดสมดุลกับปริมาณ CO2 ในอากาศปกติ และแคลเซียมคาร์บอเนตกับแมกนีเซียมคาร์บอเนตมันก็ไม่ได้ละลายน้ำได้ง่ายด้วย ต่อให้เป็นน้ำที่มี CO2 ก็เถอะ ดังนั้น ค่า KH จึงมักจะไม่เด้งกลับมาสูงเท่าตอนก่อนต้ม

มีกาละมังมั้ยครับ ภาชนะที่หน้ากว้างๆ จะมีพื้นที่ให้คลอรีนระเหยออกมากกว่า การเปิดปั๊มลมก็ช่วยได้เหมือนกัน เพราะน้ำจะถูกหมุนเวียนให้สัมผัสกับอากาศ ปลดปล่อยคลอรีนได้เร็วขึ้นอีก
น้ำประปาช่วงหน้าฝนตอนน้ำท่วมกับช่วงน้ำแล้ง  จะมีปัญหาเรื่องคุณภาพครับ  จะมีสารเจือปนอยู่สูง  ผมอยู่บางปะกงก็มักจะเจอปัญหาตอนหน้าแล้งน้ำประปาไม่สะอาดมีสิ่งเจือปนสูงเป็นหนักถึงขนาดเอารดน้ำต้นไม้บางต้นยังเฉาเลย  วิธีแก้ของผมใชเครื่องกรอง R.O. แล้วเติมปุ๋ยคืนกลับลงในน้ำที่ใช้เลี้ยงไม้น้ำ


ขอบคุณจริงๆครับที่ทุกๆท่านช่วยเหลือตอบข้อปัญหาให้ [smile03]


จากข้อมูลที่ช่วยอธิบายมาข้างต้นแปลว่า
การต้มน้ำเพื่อสลายคลอรีนคงไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแล้วนะครับ  [cry01]


เรื่องการติดเครื่องกรองก็เป็นอีกเรื่องที่กำลังคิดอยู่ครับ
ผมกำลังแพลนว่าจะหาซื้อกลองคลอรีนแบบตั้งพื้นสูงสัก80-120cm
เอามาต่อพ่วงกับกรองแขวนตัวเล็กน่ะครับ
จะพอไหวสำหรับการเลี้ยงปลาขนาดเล็กมั้ยครับ [confuse01]



ช่วงนี้อย่างที่คุณPhongว่าเลยครับ ต้นทางส่งน้ำน่าจะมีปัญหาจริงๆ   [cry01]



ขอบคุณมากสำหรับทุกท่านที่ช่วยแนะนำให้ความช่วยเหลือนะครับ
จะพยามหาวิธีแก้ใขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน [smile03]


เรื่องการติดเครื่องกรองก็เป็นอีกเรื่องที่กำลังคิดอยู่ครับ
ผมกำลังแพลนว่าจะหาซื้อกลองคลอรีนแบบตั้งพื้นสูงสัก80-120cm
เอามาต่อพ่วงกับกรองแขวนตัวเล็กน่ะครับ
จะพอไหวสำหรับการเลี้ยงปลาขนาดเล็กมั้ยครับ [confuse01]

เพื่อความสบายใจ ซื้อน้ำยาวัดคลอรีนมาใช้ด้วยก็ดีนะครับ ที่ผมใช้อยู่ก็ Monitor Chlorine Test 50-60 บาท ใช้ได้นานเป็นปี (แต่ถ้าใช้เกินปี เปลี่ยนซะบ้างก็ดีนะครับ น้ำยาวัดมันเสื่อมได้ หรือเวลาใช้ ก็วัดทั้งน้ำก็อกสดๆ เทียบกับน้ำที่ผ่านการพักหรือสลายคลอรีนแล้ว จะได้รู้ว่ามันยังใช้การได้หรือเปล่า—แต่ก็นั่นแหละ บางทีน้ำประปาก็มีคลอรีนน้อยจนตรวจไม่เจอ  [cry01])

ส่วนน้ำยาสลายคลอรีนที่มาพร้อมกันในกล่องนั้นผมไม่ได้ใช้ เพราะน้ำประปาแถวที่ผมอยู่บางครั้งมีแอมโมเนียปนมาด้วยสูงมาก เลยต้องใช้ Seachem Safe แทน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28/10/2560 [10:25:29] โดย NP »
น้ำประปาไม่สะอาดมันส่งอะไรมาก็ไม่รู้   มีสารแปลกปลอมสลับหน้ากันมาตลอดครับ  นั้นคือสาเหตุที่ผมเลือกใช้กรองR.O. เอาให้สะอาดแล้วค่อยเติมคืน
ถ้าจะใช้แนะนำซื้อกรองหยาบไส้เรซินไม่ต้องตัวใหญ่ครับ  แล้วค่อยต่อเข้ากรอง R.O. อีกทีช่วยยืดอายุกรอง R.O.     ไม่ต้องซื้อเครื่องที่กำลังการผลิตสูงก็ได้ครับ   กรองวันละนิดเก็บใส่ขวดไว้แล้วค่อยเปลี่ยนถ่ายน้ำเอา   น้ำทิ้งจากการกรองอย่าเสียดายครับบางครั้งมันมีเกลือสูงลดน้ำต้นไม้ก็ไม่ดีครับจะเฉาตายเอา
เพื่อความสบายใจ ซื้อน้ำยาวัดคลอรีนมาใช้ด้วยก็ดีนะครับ ที่ผมใช้อยู่ก็ Monitor Chlorine Test 50-60 บาท ใช้ได้นานเป็นปี (แต่ถ้าใช้เกินปี เปลี่ยนซะบ้างก็ดีนะครับ น้ำยาวัดมันเสื่อมได้) ส่วนน้ำยาสลายคลอรีนที่มาพร้อมกันในกล่องนั้นผมไม่ได้ใช้ เพราะน้ำประปาแถวที่ผมอยู่บางครั้งมีแอมโมเนียปนมาด้วยสูงมาก เลยต้องใช้ Seachem Safe แทน


น้ำประปาไม่สะอาดมันส่งอะไรมาก็ไม่รู้   มีสารแปลกปลอมสลับหน้ากันมาตลอดครับ  นั้นคือสาเหตุที่ผมเลือกใช้กรองR.O. เอาให้สะอาดแล้วค่อยเติมคืน
ถ้าจะใช้แนะนำซื้อกรองหยาบไส้เรซินไม่ต้องตัวใหญ่ครับ  แล้วค่อยต่อเข้ากรอง R.O. อีกทีช่วยยืดอายุกรอง R.O.     ไม่ต้องซื้อเครื่องที่กำลังการผลิตสูงก็ได้ครับ   กรองวันละนิดเก็บใส่ขวดไว้แล้วค่อยเปลี่ยนถ่ายน้ำเอา   น้ำทิ้งจากการกรองอย่าเสียดายครับบางครั้งมันมีเกลือสูงลดน้ำต้นไม้ก็ไม่ดีครับจะเฉาตายเอา



ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยสละเวลามาช่วยเหลือนะครับ ช่วยได้เยอะมากเลย [smile01]