วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 [11:53:45]

มนต์เพลง METAL 9

มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 08/01/2567 [10:28:32]
สวัสดีปีใหม่ 2024 ครับทุกท่าน
ขอเริ่มศักราชใหม่ ด้วยวงไทยเก่าๆละกัน  [lol01] [lol01]


V
V
V


ในช่วงกลางของยุคปี 90' ( พศ 2530  -  ????  )
วงการดนตรีของไทยอยู่ในช่วงเบ่งบานดีเหลือใจ
ค่ายเพลงในสมัยนั้นทั้งใหญ่น้อยต่างปั้นศิลปินออกเทป ออกโทรทัศน์  ออกฟรีคอนเสิร์ตกันมากมาย

แผงเทปผุดขึ้นทั่วหัวระแหง  รายการทีวี รายการเพลงวิทยุ ก็เกิดมาเพียบ [smile02]
นักร้องหน้าใหม่ๆ  จำพวก นายแบบ นางแบบ
ต่างหันมาจับไมค์ร้องเพลงออกอัลบั้มแข่งกันกับนักร้องอาชีพอย่างสนุกสนาน
เหล่าดาราทั้งน้อยใหญ่มากมาย ถูกค่ายเทปกว้านตัวมาร้องเพลงกันซะจนแทบไม่เหลือใครไปถ่ายหนัง ถ่ายแบบ อิอิอิ
  [lol01] [lol01]



มหาวิหารในตำนานและในดวงใจของผมและชาวเมทัลอีกหลายท่าน มหาวิหารเจ๊จู พันทิป  R.I.P.

และในความเบ่งบานนั้นก็ไม่ได้จะมีแต่ค่ายเทปใหญ่น้อยบนดินเท่านั้น
วงการเพลงของสังกัดขนาดเล็ก หรือศิลปินอิสระที่ทำเองออกทุนเอง ทำเพลงในแบบที่ตัวเองชอบ
ซึ่งวงการที่ว่านี้เราเรียกรวมๆว่าเพลงไต้ดินนั้นก็เบ่งบานตามไปด้วย  [cheer01]

และแวดวงเพลงไต้ดินที่ว่าก็มีหลากหลายแนวอยู่มากประมาณ
( เท่าที่เคยเห็น เคยหามาฟังนะ )
เช่น โฟล์ค  เพื่อชิวิต  ร๊อค  เรกเก้  เพลงพื้นถิ่นประจำภาค 
ซึ่งมันก็ได้ฟิลอินดี้ และมีลักษณะเฉพาะตัวดีมาก 
[gurock01]



แน่นอน แนวเมทัลด้วย



มีวงหนึ่งในยุคที่ว่านี้ สำหรับตัวผมเองเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่า
วงนี้แหละคือวงหัวหอกที่นำหน้าผองเพื่อนในแนวทางเดียวกัน
วงนี้ช่วยขยายเส้นทางเมทัลให้เพื่อนๆอีกหลายๆวงได้ตามกันมาอย่างสนุกสนาน  กิ๊วก็าว มุ้งมิ้ง  กรุ๊งกริ๊ง

วงนี้ได้รับการพูดถึงและยอมรับ
แถมยังเป็นที่รู้จัก พูดถึงในวงกว้าง ที่กว้างออกไปนอกวงการเมทัลไต้ดิน
ถึงขนาดนักวิจารณ์ขนานนามให้เลยว่า
พวกมันคือ " อุกกาบาตทางดนตรี " กันเลยทีเดียว   [pravetgym01] [pravetgym01]
เท่ห์จริงๆ อิอิอิ


นามของพวกเค้าก็ครือออออองือๆๆๆๆๆ   [perv01] [perv01]


DONPHEEBIN  ดอนผีบิน   
น้าดอนของหมู่เฮานั่นเอง ฮิ้ววววววววววว




ชื่อวงไทยแท้ๆ เอามาจากชื่อสถานที่แห่งหนึ่งใน จ น่าน
ที่เคยมีประวัติการสู้รบกันอย่างดุเดือด  มีคนตายอยู่ตรงนั้นมากมาย
จนชาวบ้านเชื่อกันว่า ที่ตรงนั้นมีดวงวิญญาณคนตายล่องลอย วนเวียนไม่ไปไหน
จึงเรียกที่ตรงนั้นว่าดอนผี่บิน


วงนี้เป็นวงสามชิ้น มาจาก จ น่าน
 สมาชิกทุกคนเป็นพี่น้องกันหมด

รายนามตามข้างล่างนี้จร้า




สมบัติ แก้วทิตย์ - กีต้าร์ 
สมศักดิ์ แก้วทิตย์ - กลอง
สมคิด แก้วทิตย์ - เบส, ร้องนำ


วงนี้มีช่วงเวลาการแอคทีฟที่นานมากอีกวงหนึ่งถ้าเทียบกับวงเเมทัลไต้ดินของไทยทั่วไป
( หายากนะ วงเมทัลไต้ดินที่มีอายุวง เกิน 20 ปีเนี่ยะ )  [cheer01]
และในยุคหนึ่งถึงขนาดสามารถไปทำเพลงกับค่ายระดับเมเจอร์บนดินได้หลายชุดด้วย
แถมพอเข้าสังกัดบนดินแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแนวทางไปตามตลาดอีกต่างหาก
 เรียกว่าพวกน้าๆแกเป็นสายแข็ง


สตูดิโอ อัลบั้มต่างๆของน้าดอนเค้าเนี่ยะออกมาค่อนข้างสม่ำเสมอ
และเพราะว่าอายุวงที่ยืนระยะได้ยาวนาน ลักษณะดนตรีเลยเปลี่ยนไปบ้างตามอายุด้วย

ก็อยากจะแบ่งเป็นสามยุคก็แล้วกันนะ
( ตามมุมมองส่วนตัวของเค้าคนเดียวนี่ล่ะตะเอง อิอิอิ ) [mock01]

ตามข้างล่างนี้เลยจร้าาา


ยุคพายุของริฟท์และการฟาดหนังกลองรัวๆตุ้บตั้บๆ



โลกมืด (Dark World) - พ.ศ. 2536
สตูดิโออัลบั้มเต็มชุดแรก เพลงโดยรวมเป็นเฮฟวี่นี่แหละ 
เสียงร้องแผดสูง ร้องแบบไม่สำรอก
มีเพลงบัลลาดปนมาด้วย  ซึ่งก็ทำได้ดีติดหูทั้งเพลงช้าเพลงเร็ว 
แค่ชุดแรกนี้เองก็เริ่มทำให้ถูกพูดถึงและเริ่มมีแฟนๆติดตามแล้ว




เส้นทางสายมรณะ (Way Of Death) - พ.ศ. 2537

ชุดนี้ทำแฟนเพลงตกกะใจตาโตเท่าใข่เป็ดแฝด
พวกน้าแกทำชุดนี้ออกมาอย่างโหด

ตั้งแต่โลโกวงที่ส่อแววแต่แรกเห็นแล้ว
และพอเปิดฟังแล้วก็ต้องร้อง กูว่าแล้ว 

พวกน้าแกปั้นชุดนี้มาเป็น แทรช เดธเลย

สามเพลงแรกรวด ซัดยับ สับกันแหลกราญ
เสียงร้องสำรอกคำรามสนั่นลั่นโลก 
( แต่ยังพอฟังออกนะ เหมือนเสียงแกสำรอกไม่ถึงเองง่ะนะ )
มีเพลงสำหรับสร้างบรรยากาศเข้ามาอย่างเป็นเอกลักษณ์ของวงได้อย่างไม่รู้สึกว่าฟิลลิ่งมันโดดเลย
อัลบั้มนี้ทีเด็ดจริงๆ  [perv01]


อุบาทว์-อุบัติ (Disastrous Device Occurence) - พ.ศ. 2538
ยังเดินหน้าฆ่ามันเหมือนเดิม แต่น้าแกแอบใส่ซาวด์แบบเพลงพื้นบ้านภาคเหนือของไทยเข้าไปด้วยนิดๆ
กับการเปลี่ยนจังหวะกลางเพลงแบบกระตุกๆ  ให้ฟังแล้วเครียดๆเล่นๆ



ยุคเมทัลแห่งภูมิภาคพื้นเมืองไทย

ขออธิบายรวมๆไปเลยว่าในยุคนี้ด้วยความแข็งแรงของแนวทางเพลงในยุคต้น
ทำให้ยุคสองนี้ทางวงสามารถเข้าทำเพลงกับสังกัดเมเจอร์ เรียกว่าได้ขึ้นมาสังกัดบนดินแล้ว ( Warner )

ยูคนี้มันก็ยังเป็นเมทัลพันธ์ดุเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจังหวะ
พวกน้ามันไม่เน้นทำจังหวะแบบสับควบรวดเลือดสาดฟันทีเดียวตายเท่าไหร่

กลิ่นความเป็นเมืองเหนือฟุ้งยิ่งกว่ายุคที่แล้วอีก 
คือมันมีกลิ่นบรรยากาศดนตรีของภาคเหนือไทยติดๆมาเยอะดี แปลกหู
แล้วไหนจะยังจังหวะที่คอยกระตุกๆเปลี่ยนอยู่แทบจะตลอดเวลาอีกล่ะ
อาจทำให้ฟังแล้วติดเครียดนิดๆพอท้วมๆ
เรียกว่าใส่ลักษณะแบบโปรเกรสสีพเมทัลลงไปเพียบ




ประมาณนี้ล่ะนะ



สองฟากฝั่ง (Collision) - พ.ศ. 2540 ( Warner ) 

สัญญาณเยือน Part 2 - พ.ศ. 2543

ปรากฏการณ์-ปรากฏกาย (Phenomenon) - พ.ศ. 2545  ค่าย Giraffe Records (GMM Grammy)


ยุคคืนสู่ธรรมชาติและนามธรรม และการจากลา

หลังชุด ปรากฏการณ์-ปรากฏกาย  ก็พักวงกันยาวเลย คือหายไปเลย
ซึ่งหลังจากนั้นสิบกว่าปีพร้อมกับยุครุ่งเรืองของวงการเมทัลที่ผ่านพ้นไปนานแล้ว
พวกน้าแกก็กลับมา
( กูไม่รู้ กูไม่สน ยุคไหน ใครจะนิยมอะไร เรื่องของมัน กูจะเล่นแบบเนี้ยะ )   

ยุคนี้ดนตรีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมาก   
ภาคดนตรีถูกปรับเปลี่ยนให้เข้าใกล้กับพวกเวิลด์มิวสิคมากขึ้น หนักไปในทางขับเน้นบรรยากาศมากกว่า
เพลงบรรเลงจึงมีบทบาทมากขึ้นในอัลบั้มยุคนี้ 
( แทบทุกอัลบั้ม ก่อนหน้าก็มีกันเป็นปกติอยู่แล้วล่ะ )

โดยรวมๆภาคดนตรีอาจจะเบาลง  แต่เนื้อหายังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การใช้ชิวิต
ยังมีความเป็นดอนผีบินอยู่อย่างเจ้มจ้น
  [gurock01]


แดนดินทิพย์ (Utopia-Part 1) - พ.ศ. 2556


Rutern To The Nature ชีวิต พลัง ความหวัง จุดหมาย สู่ปลายกาล - พ.ศ. 2556
( ชุดนี้ขายพร้อมเสื้อ ด้วยราคาที่ค่อนข้างแรงพอสมควร )


แสงสองสู่พันธนาการ (Utopia-Part 2) - พ.ศ. 2559


อันที่จริงตอนแรก เห็นว่าทางวงตั้งใจจะทำ Utopia ออกมา 5 อัลบั้ม
แต่ด้วยเกิดปัญหาภายในวงบางประการ  โปรเจคนี้เลยค้างเติ่งอยู่แค่สองอัลบั้มนี้เท่านั้นเอง


แล้วหลังจากนี้สามพี่น้องก็แยกย้ายกันไปตามทางของแต่ล่ะคน

ตามข้อมุลที่พอหาได้ในตอนนี้นะ

น้าสมบัติไปทำงานด้านอนุรักษ์ธรรมชาติ  มีชื่อเสียง ได้รับการยกย่อง  ได้รางวัลมากมาย 

น้าสมศักดิ์กับน้าสมคิด  ไปเปิดค่ายเพลง DOOMED DAYS ของตัวเอง คอยซัพพอร์ตวงเมทัลรุ่นน้องๆอยู่พักใหญ่ๆ 
และเปิดห้องอัดเสียง ร้านขายเครื่องดนตรีเล็กๆที่เชียงใหม่


อัลบั้มแรกของค่าย ดนตรีมืดหม่นอนธกาลสุดๅ หนีบหนึบขั้นตรีทูต

----------------------------------------------------------------------------------------



น้าดอนเค้ามีเสน่ห์พิลึกๆแต่ดีย์หลายอย่างในตัวนะ [mock01]

ภาษา เนื้อร้อง
จุดเด่นที่ชอบสำหรับวงนี้ นอกจากตัวดนตรีแล้ว
มันคือเรื่องของภาษาที่เอามาใช้เป็นเนื้อร้อง

พวกน้าแกเลือกใช้ภาษาได้สวยงามมาก 
มีการเล่นคำ เล่นพยางค์  (แต่ไม่ได้เล่นหูเล่นตานะ  อิอิ )
มีลักษณะภาษาของกวีสูง เปรียบเทียบอุปมาอุปมัยแพรวพราว



เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่าเพลงของดอนผีบินไม่มีคำหยาบคายเลยแม้แต่คำเดียวในทุกอัลบั้ม
คือไม่ได้จะมาดัดจริตอะไรนะ แต่เพลงเมทัลไต้ดินโดยทั่วไปในตอนนั้น ( หรือแม้แต่ตอนนี้ก็เหอะ )
มีการใช้ภาษาที่รุนแรง คำสบถ คำหยาบคายเป็นปกติธรรมดาเลย   อาจจะเพื่อช่วยบิ๊วท์ความเข้มข้นในฟิลดนตรีให้เข้มยิ่งขุึ้น
แต่น้าดอน แกเลือกที่จะเอาความสวยงามของถาษามาเป็นตัวบงการความรุนแรงชนิดเสนาะหูแทน





เนื้อหา

เนื้อหาก็สุดจะล้ำมากเกินหน้าวงยุคเดียวกัน   
อนุรักษ์ธรรมชาติ   สิ่งแวดล้อม แสวงหาความเป็นไปในชิวิตแบบนามธรรม
แสวงหาความสงบทางภาวะจิตใจ ( ด้วยจังหวะกลองสองกระเดือ่ง และริฟท์ระรัวแบบสับหมูสับ ??? )



งานปก อาร์ตเวิร์ค



อีกอันนึงคืองานปก อาร์ตเวิร์คในแต่ล่ะอัลบั้ม
เคยอ่านสัมภาษณ์เมื่อนานมาแล้วว่า หน้าปกแต่ล่ะอัลบั้ม ทางสมาชิกวงเป็นผู้วาดมันขึ้นมาเอง บนผืนผ้าใบ
มันสวยดี  นั่นน่าจะเป็นเพราะพวกเขามีความเป็นศิลปินจิตกรในตัวอยู่แล้ว
มีความละเมียดมาก ในความเป็นเมทัล  เรียกว่าพิถีพิถันดีเลย



โลโกสุดคลาสสิค

ส่วนสุดท้ายที่ชอบเป็นพิเศษอีกอย่างคือ โลโกของน้าๆเค้านี่แหละ

โคตรเท่ห์
  [pravetgym01]




ตัวอักษรไทยก็เอามาทำเป็นโลโกวงเมทัลได้งามไม่แพ้ตัวอักษรต่างชาติเขาเลยถ้ามือถึง( และน้าดอนก็มือถึง)
และถึงโลโกจะมีหลากหลายเวอร์ชั่น
แต่ที่งามที่สุด คลาสสิคที่สุด
สำหรับผม ต้องโลโกเวอร์ชั่นแรกเท่านั้น



เยี่ยมจริงๆ  เยี่ยมจริงๆ  เยี่ยมจริงๆ


ด้วยความที่ตอนนั้นพวกน้าๆเค้าไม่ทำเสื้อทัวร์ขาย (ก็เกือบสามสิบปีแล้ว ตามมาตั้งแต่ชุดแรกโลกมืด)
ผมเลยทำมันเองซะเลย   ตั้งแต่วาดแบบลงกระดาษใข ลงหมึก
ทำตู้ไฟ ทำซิลส์สกรีนโลโกเอง เอามาเพนท์รูปต่อเองด้วยภู่กัน ด้วยสีอครีลิค
ใช้เวลาทำทั้งข้างหน้าข้างหลัง ก็สามเดือนจะสี่เดือน

ทำมาตัวเดียว เสร็จแล้วล้างบล๊อคทิ้งเลย  [lol01]
( น่าเสียดายว่า มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า หาไม่เจอซะหลายปีล่ะ น้ำตาไหลพราก อายุเสื้อถ้ายังอยู่ถึงตอนนี้ก็จะสามสิบปีล่ะ )  [mad03] [mad03] [mad01]


แถ่นแท๊นนน  ท๊าาาด๊าาาาาา สวยมั้ยครัช



แต่ตอนนี้ถึงเจอก็คงไม่กล้าใส่ กลัวโดน โปนจ้น กร๊ากกกกกกก  [puke01]



สำหรับวงดอนผีบินเป็นวงเมทัลของไทยที่สามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้เป็นวงกว้างกว่าอันเดอร์กราวด์ไทยทั่วๆไปในยุคเดียวกัน
เสน่ห์ของวงก็อาจจะมาจากการที่ออกงานอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
และรักษาเอกลักษณ์ แนวทางความเป็นตัวของตัวเองเอาใว้ได้เหนียวแน่น

คงคล้ายๆกับ ทางวงได้ออกเดินทางและเติบโตไปพร้อมกับเหล่าแฟนๆตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยก็เป็นได้
วันที่แฟนเริ่มฟังดอนผีบิน ตั้งแต่ชุดแรก ชุดโลกมืด ตอนนั้นแฟนๆอาจจะอายุ สัก 16-17  ปี
พอมาถึงในชุดหลัง แฟนเพลงก็น่าจะ 40 อัพกันแล้ว ( ถ้ายังตามพวกน้าแกอยู่ )  [cheer01]

เคยคิดเอาเองเล่นๆว่า คงอารมณ์เดียวกับแฟนเพลง โอฬารโปรเจค หินเหล็กไฟ  ไมโคร  อัศนีย์ วสันต์ หรืออื่นๆประมาณนี้
ที่ถ้าพวกเขากลับมาทำเพลงอีกเมื่อไหร่ก็จะต้องมีแฟนๆเดนตายที่เติบโตมากับวงแต่แรกเริ่มให้การสนับสนุนแน่นอน





ในวันนี้ถึงทางวงจะแยกย้ายกันไปแล้วด้วยเหตุผลส่วนตัวของแต่ล่ะคนก็ตามที
แต่ผลงานที่ได้สร้างเอาใว้ทั้งหมดทุกชุด มันมีค่า และมีคุณูปการต่อวงการดนตรีบ้านเรามาก
ใครไม่เคยลองฟังอยากให้ลองหาฟังดูแล้วอาจจะติดจายยยยยย  [lol01]


ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ 



หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
                 ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
                  รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
                  ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ  [smile03] [smile03]

แฟนๆก็ยังแอบหวังอยู่นะ อยากจะเห็น โลโก ค้างคาวบิน ขึ้นมาผงาดฟ้ายามค่ำอีกครั้ง จุงเบย ชะปะด่ะเฮ้ยยยย
  [perv01] [perv01] [cheer01] [cheer01]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09/01/2567 [16:15:02] โดย GAMMARAY »
ขอความกรุณาปิด Ad-Blocker เวลาเปิดเว็บนี้ด้วยครับ
เว็บไซต์ของเรามีรายได้เพียงทางเดียวคือรายได้จากการโฆษณา และหนึ่งในช่องทางโฆษณาของเราคือ Google adsense หากคุณใช้ โปรแกรมหรือตัวเสริมที่บล็อกโฆษณาประเภท Ad-Blocker กับเว็บของเรา ก็จะทำให้ทางเว็บขาดรายได้ส่วนนี้ไป โฆษณาที่ทางเว็บเลือกก็เป็นแบบที่ไม่รบกวนผู้ใช้งานมากนักอยู่แล้ว ไม่ชอบก็เลื่อนผ่านๆไปได้ครับ ดังนั้นขอความกรุณาใส่ c1ub.net ไว้ใน whitelist ของโปรแกรมหรือปิดการทำงานของโปรแกรมบล็อกโฆษณาด้วยครับ (หากคุณเห็นข้อความนี้โดยที่ไม่ได้ใช้โปรแกรม Ad-Blocker ใดๆ รบกวนจิ้ม --> ส่ง PM บอกแอดมิน ทีครับ)
#1 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 08/01/2567 [20:04:07]
 [gurock01] [gurock01] [gurock01]
#3 Re: มนต์เพลง METAL 9 เมื่อ: 11/03/2567 [13:38:10]
ถึงแม้ว่าวงการยูโรพาวเวอร์จะให้เกียรติแก่เหล่าบรรดาบิ๊กเนมจากเยอรมันว่าเป็นเสมือนผู้กรุยทางให้แก่แนวดนตรีจำพวกนี้


HELLOWEEN , GAMMARAY ,   BLIND GUARDIAN

เดอะ บิ๊ก เนมเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นวงเยอรมันทั้งสิ้น
  [gurock01] [gurock01]




แต่วงการพาวเวอร์เมโลดิคไม่ได้คับแคบขนาดนั้น 
มันแผ่ขยายฐานแฟนเพลงกว้างขวางไปได้ทั่วโลก   
ยุโรป  อเมริกา  ละตินอเมริกาไต้ เอเชีย   มีหมด


วันนี้เลยอยากเสนอวงพาวเวอร์เมโลดิคที่อยู่นอกดินแดนกางเขนเหล็กกันสักวง


วงนี้เป็นวงฝรั่งเศส
[cheer01]

HEAVENLY สรวงสวรรค์ มัลติเพล็กส์


พวกมันเป็นวง 4-5ชิ้น  (อะไรหว่า?)   
ตั้งมาตั้งแต่ปี 1994 - ตอนนี้ ( มั้ง??? )


สมาชิกแบบอัพเดทล่าสุดเท่าที่พอมีข้อมุล 




Ben Soto  ร้องนำ และคีย์บอร์ด ( บางเวลา ) เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้ง

Pierre Emanuel Desfray  เข้ามาตอน 2004

Olivier Lapauze  กลอง   เข้ามาตอน 2009

Frederic Geai Schmitt  เบส    เข้ามาตอน 2011

Nicolas Marco  คีย์บอร์ด ตัวหลัก    เข้ามาตอน 2011




อัลบั้มตั้งแต่ชุดแรกที่ใช้ชื่อHEAVENLY  มี 5 อัลบั้ม  ( ขอนับแต่แผ่นเต็มไม่นับซิงเกิ้ล )


Coming from the Sky  ออกปี 2000

Sign of the Winner       ออกปี 2001

Dust to Dust                     ออกปี 2004

Virus                                     ออกปี 2006

Carpe Diem                       ออกปี 2009





ลักษณะดนตรี โดยรวม เป็นเมโลดิคเมทัล
เน้นที่ทำนองที่ไพเราะนำแล้วตามด้วยเมทัล
ขยำรวมกันเสร็จมันก็กลายเป็นเมโลดิคเมทัลที่ไม่ได้ออกแนวโหดเหี้ยมอะไรเลย
 
เสียงร้องนำใช้แบบเสียดแหลมโหนสูง  ติดสากปลายเสียงนิดๆ
ส่วนพาร์ตเครื่องดนตรีเขาไม่ได้ติดเอฟเฟคให้แตกพร่าบ้าคลั่งเกินงาม
แถมยังมีคีย์บอร์ดช่วยสร้างบรรยากาศเข้าไปอีก
มันก็เลยออกมาทั้งมันส์ทั้งเพราะ(มาก)ไปในคราวเดียวกัน


วงนี้ทำท่อนฮุคได้ติดหูดีมาก  คือฟังแล้วราบลื่น ไหล ไม่มีสากหู
เรียกว่า เด็กฟังได้ ผู้ใหญ่ฟังเพลิน ว่ากันยังงั้นเชียวล่ะ




สองอัลบั้มแรกที่ออกมาคือ Coming from the Sky  และ Sign of the Winner 
ได้รับการตอบรับที่ดีถึงดีมาก  คอเมโลดิคฟังแล้วต้องร้องโอ้ลั้ลลา  แบบนี่แหละจร้านายจร๋าาาา เมโลดิคที่ฉานตามหามานานนน
เมโลดิคเมทัลที่ฟังแล้วไม่ก้าวร้าว ฟังเพลิน ฟังเพราะ ( ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกัน )   
เสียงวิจารณ์ในเชิงบวกกับสองอัลบั้มแรกนี้ดีมาก อนาคตของพวกมันสดใส  ซาบซ่าน

แต่ครับแต่ ถ้าสองอัลบั้มที่ว่า ว่าเป็นทีเด็ดแล้ว  พวกมันยังมีดีกว่านั้นอีก
อัลบั้มที่สาม พวกมันปล่อยของออกมาเต็มเบอร์
 






Dust to Dust  ชุดนี้เป็นคอนเซปอัลบั้ม ว่าด้วยเรื่องราวของ การตามล่าล้างแค้นของผีดูดเลือด

เรื่องของเรื่องก็คือ มีชายวัยกลางคนดวงจู๋คนหนึ่ง
ดันซวยไปโดนผีดูดเลือดระดับบอสโจมตี  ทำให้เขาต้องคืนชีพกลายเป็นผีดูดเลือดไปด้วย
เขาต้องกลายเป็นผู้ที่ไม่ตาย และต้องทนทุกข์ทรมานกับการที่ต้องวนเวียนอยู่ในโลก
เป็นวิญญาณบาปคอยกัดกินผู้คนไปตลอดกาล

เขาต้องทนทรมานในสภาพผีดูดเลือดอยู่นับร้อยๆปี 
ต้องทนดูคนรอบข้างล้มหายตายจากเขาไปคนแล้วคนเล่า  เขาเฝ้าหาวิธีที่จะคืนชิวิตอมตะนี่ไปเสีย
จนได้รู้ว่า ทางที่จะคืนความเป็นอมตะนั้นต้องไปตามหาและจัดการฆ่าผีดูดเลือดระดับบอสตัวที่กัดเขาเสียก่อน

เนื้อหาในอัลบั้มนี้ ดำเนินไปในแบบองก์ของละคร
คือแบ่งเป็น chapter  ในช่วงเวลาต่างๆ  ตั้งแต่เริ่มจนบทสรุปสุดท้ายของการตามหา และการต่อสู้



ภาคดนตรี  เนื่องจากเป็นคอนเซปผีดูดเลือด 
เลยเพิ่มสัดส่วนความเป็นโกธิคลงไปเยอะๆเพื่อให้ตรงตามคอนเซป
มันใช้ซาวด์แบบซิมโฟนิค จำพวกออร์แกนโบสถ์  ใส่ทำนองคล้ายๆเพลงสวดในโบสถ์แบบกอสเปล 
และอะไรๆที่เราอาจเคยได้ยินในหนังผีดูดเลือดโบราณๆมาก่อน  [perv01]

ในอัลบั้มนี้ ทำซาวด์ได้ดีอย่างมาก
เป็นคอนเซปชัดเจนมากกว่าสองอัลบั้มที่แล้วอย่างที่สังเกตได้  ( และหนักหน่วงกว่าด้วย )
จนบางเพลงช่วงใคลเแมกส์ตอนท้ายของการเผชิญหน้ากันระหว่างผีดูดเลือดสองตนนั้น
ถึงขั้นมีการใช้เสียงสำรากแบบ แทรช เดธด้วย ( เสียงแบบนี้ กูก็ทำได้ว้อย )
  [evil01]



แต่ถึงจะดุขึ้นยังไง
แต่เอกลักษณ์ของความไพเราะ ความสวยงาม ที่เคยทำมา พวกมันก็ยังยึดเอาใว้ได้อย่างเหนียวแน่น
บอกตรงๆ  ในห้าอัลบั้มของพวกมันนี่  ผมชอบอัลบั้มนี้ที่สุดล่ะ 
แข็งแรง สวย  รสชาติ หวาน เผ็ด  นัว  อุมามิ อิอิอิ
  [gurock01] [gurock01]




อีกสองอัลบั้มต่อมา ชื่อว่า VIRUS และ  Carpe Diem   
ลองฟังรวมๆทั้งสองอัลบั้มที่ว่านี้แล้ว ความแข็งแกร่ง ยังคงอยู่ ความเพราะ ก็ยังเพราะอยู่ เหมือนที่เคยทำมาแหละ
เอาจริงๆนะ มันทำอัลบั้มพวกนี้ได้ดีเหมือนที่เคยทำมาเลย 
เพียงแค่สองชุดนี้นยะ มันฟังแล้วขาดเสน่ห์อะไรบางอย่างไป (มั้ง )
  [confuse01]




โดยเฉพาะ อัลบั้มสุดท้ายที่ออกมาของมัน  Carpe Diem
 อันนี้ความเห็นส่วนตัวคือ มันเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองยังไงไม่รู้

แต่ถ้าท่านลองฟังแล้วชอบ ก็จงรีบไปตามหาแผ่นมาเลย ไม่ผิดหวัง


โดยรวมแล้วถึง HEAVENLY  จะไม่ได้สร้างอะไรที่เป็นของใหมใว้ประดับวงการเมทัล
แต่เชื่อเหอะบางที simply is the best  ได้จริงๆนะ 



สถานะปัจุบัน



ตอนนี้สภาพวงอาจใกล้เคียงกับคำว่าแยกวงแล้วล่ะมัง
เพราะตั้งแต่อัลบั้ม   Carpe Diem  ที่ออกตั้งแต่ปี 2009 มาแล้ว
พวกมันก็ไม่เคยมีอัลบั้มใหม่อะไรออกมาอีกเลย ไม่ว่า ซิงเกิลหรือ อัลบั้มเต็ม
Official page ก็หายไปหลายปีแล้ว ( ตอนนีั้คิดถึงพวกมัน เลยไปลองเสริ์ชหาดู )
แต่พวกมันก็ไม่เคยประกาศแยกวงอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
 และมีแอบขึ้นเวทีแจมประปรายกับวงอื่นด้วยนะ แต่ไม่มีผลงานใหม่เลยน่ะสิ  [mad04]

เรียกว่านี่อาจจะใกล้เคียงกับความเป็นผีดูดเลือดที่สุดแล้วก็ว่าได้ 
จะตายก็ไม่ตาย จะเป็นก็ไม่เป็น เอ๊อ พิลึก
  [lol01] [lol01]






หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
                 ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
                  รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
                  ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ  [smile03] [smile03]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/03/2567 [13:56:17] โดย GAMMARAY »