วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 [07:09:22]

มนต์เพลง METAL

มนต์เพลง METAL เมื่อ: 04/10/2561 [14:39:22]
สำหรับบทความนี้ ผมเขียนเพื่อระบายความชอบและหลงไหลส่วนตัวของผมที่มีต่อเพลงเมทัลครับ
ซึ่งถ้าจะว่าโดยเฉพาะเจาะจงกับแนวเมทัลที่ผมชอบที่สุดสำหรับผมอันดับแรกๆคือ แนวพาวเวอร์ครับ
< สังเกตว่าแผ่นเพลงเมทัลที่มีที่บ้าน  เกินกว่า90% คือพาวเวอร์เมทัล >



ดังนั้นในบทความ รายละเอียดที่ผมเขียนขึ้นมานี้จะขอเน้นหนักไปกับเจนพาวเวอร์นะครับ
แต่ถ้าวงไหน ผมชอบ ผมก็จะมาโม้ๆให้ฟังเช่นกัน อิอิอิ
<หรือบางที ถ้านึกสนุกขึ้นมา อาจมีโม้แนวอื่นที่ชอบฟังด้วย อย่าง บลูแกรส คันทรี่ โอลดี้ และอื่นๆนะครับ >


ขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าบทความที่ผมเขียนขึ้นนี้จากความเห็นส่วนตัวของผมที่เสพแนวนี้มาในช่วงเวลาหนึ่งล้วนๆ
ความเห็นอาจไม่ตรงกับพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นบ้างก็ขอออกตัวใว้ล่วงหน้านะครับ
และถ้าสำนวนรุนแรงไปนิส หรือข้อมูลอะไรผิดพลาดไป  ขอผู้รู้มาท้วงได้นะครับ ยินดีมากครับ  [smile04]


เรื่องของบทเพลงไม่มีถูกมีผิดครับ
มันคือศิลปะแขนงหนึ่งที่เราสามารถพูดคุย ถกเถียง
โม้ใส่กันได้ด้วยความกระหายและความสนุกครับ   [smile01]


 METAL SONG , THE TASTE OF ART


เพลง Metal นั้นมันเป็นที่รู้กันว่ามีคาแรคเตอร์ของบทเพลงที่ชัดเจนเลยทีเดียว 
ชนิดว่าเปิดผ่างมาก็รู้เลยว่านี่คือเมทัลซองส์
และในเมนหลักของMetal นั้นมันก็ได้แยกย่อยแตกแขนงกิ่งก้านออกไปอีกมากมายตามวงปี
ที่ชนิดของแนวเพลงนี้ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาในโลก อันน่าจะมากกว่า40ปีขึ้นไปแล้ว


มีผู้ฟังเพลงจำนวนมากที่ฟังแนวอื่น อาจจะไม่สามารถยอมรับ หรือทนทานแนวเพลงจำพวกนี้ได้ 
อันเนื่องมาจาก ความอึกทึก ครึกโครม สากหยาบ และแสบดากของมัน ผิดกับแนวเพลงอื่น
อีกทั้งด้วยรูปลักษณ์ของนักดนตรีเอง การแสดงของวงเมทัล ก็ออกจะดูรุนแรง และป่าเถื่อนอย่างไม่บันยะบันยังอยู่
ส่วนหนึ่ง อยากขอบอกเลยว่ารากกำเนิดของเมทัลมันเกิดขึ้นมาเพื่อรับใช้คนรากหญ้า 
คนข้นแค้น  คนส่วนมากที่ไร้พลังต่อกรกับคนมั่งมี และส่งเสียงผ่านชนชั้น

เมทัลจึงเป็นกระบอกเสียง เป็นการทวงถามความยุติธรรมในสังคม  การระบายออกซึ่งความคับแค้นในใจ

สังเกตดูว่าไลฟ์คอนเสิร์ตของแนวเพลงประเภทอื่น คนที่ไปชม มักจะแต่งตัวกันดีๆ บางทีก็หรูหรา
แต่คอนเสิร์ตเมทัล เสื้อยืด<ที่มักจะเป็นสีดำ> กางเกงยีนส์ และลักษณะแฟนเพลงที่ดูก้าวร้าว  บ้าคลั่ง  [rage03]
<แต่เชื่อมั้ย ว่าผมไปดูคอนเสิร์ตเมทัลหลายๆที่หลายๆครั้ง
 ผมไม่เคยเจอการตีกันของแฟนเพลงเลย ทั้งที่เข้ามอชแทคกันอย่างหนักหน่วงขนาดนั้น>



ถ้าลองเพ่งดูให้ดีๆ จะพบว่า ดนตรีจำพวกนี้จำเป็นต้องใช้ฝีมือในการสร้างสรรค์ผลงานไม่น้อยไปกว่าแนวเพลงประเภทอื่นเลย
ทั้งการเรียบเรียง เครื่องดนตรีหลัก ทักษะขั้นสูงในการบังคับให้เล่นออกมาได้อย่างเหนือกว่าการเล่นอย่างปกติทั่วไป

สตีฟ วาย หรือ อิงวี่ สะบัดปิ๊กในมือขวาลงกีตาร์รวดเดียวได้เสียงออกมาสารพัดจากเทคนิคสวีป
ไมค์ พอร์ตนอย แห่ง ดรีมเธียเตอร์ แยกประสาท แฉ กลอง ดรัม แสนร์ได้ยังไง
ตอนเล่นเพลงขนาดยาวที่โคตะระซับซ้อนที่มูฟเมนต์กระโดดไปมาอย่างกับจิงโจ้ ด้วยแนวโปรเกรสสีพของมัน  [thumbup]




ลองดูตัวอย่างของรากฝอยเมทัลดูดิ
 Grind core ,death, brutal, trash, hard rock ,glam ,symphonic ,neo classic, emo ,black และสารพัดอีกเยอะแยะ
การที่ในเมทัลแตกแยกย่อยออกไปอีกนั่น ก็มาจากหลายๆสาเหตุ
 แบ่งตามจังหวะดนตรีก็มี แบ่งตามเสียงร้องก็มี แบ่งตามเนื้อหาก็มี  แบ่งตามถิ่นกำเนิดของวงก็มี 
หรือแม้แต่จะแบ่งตามความอยากเป็นปัจเจกของวงก็มี ประเถทวงกูมีวงเดียวในโลกแบบนี้ก็เอา


และหนึ่งในนั้น มีอยู่แนวหนึ่งที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกไม่แพ้แขนงอื่น
มันถูกเรียกว่า แนวพาวเวอร์เมทัล


POWER METAL


นิยามของเพลงแนว Power Metal ก็คือการวิวัฒนาการของเฮฟวี่ เมทัลอีกขั้นหนึ่ง
มันคือการเพิ่มสัดส่วนพาวเวอร์คอร์ดลงไปเยอะๆ หนักๆ แน่นๆ ตึ้บๆ
เร่งความเร็วขึ้นไปอีก  ท่อนริฟท์สับไวขึ้น

ในบางเพลงที่จังหวะปานกลางแต่เบสกับทางคอร์ดยังจะฟังหนักอยู่   
บางวงอาจมีคีย์บอร์ดมาช่วยสร้างฟิลลิ่ง เนื้อเรื่อง และความไพเราะ

ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้ว บางครั้งก็แยกกันยากระหว่างเฮฟวี่ แรงๆ กับพาวเวอร์มันส์ๆได้ยากเหมือนกัน
เอาว่าพาวเวอร์เมทัลก็คือน้องชายฝาแฝดที่คลานตามกันมาของเฮฟวี่เมทัล
แต่เป็นน้องชายที่ตัวใหญ่กว่า จิ๊กโก๋กว่า กวนส้นตีนกว่า ประมาณนั้นแหละ

เนื้อหาในเพลงแนวนี้ ถ้าเป็นทางฝั่งยุโรปจะออกแนวแฟนตาซี นักรบ มังกร ผู้วิเศษ สงครามโบราณ  การรบพุ่ง
กับแนวเนื้อหาต่อสู้ฝ่าฟันชิวิต ให้กำลังใจผู้คน   


 มีวงดังๆขึ้นมาเป็นวงเมนสตรีมหลายวง

ถ้าเป็นพาวเวอร์จากฝั่งยุโรปจะค่อนข้างทำเพลงที่มีท่อนฮุคได้ติดหู มีเมโลดี้ปนอยู่มาก
มีมากวงชอบที่จะแอบเหยาะใส่ทำนองเพลงคลาสสิคลงไปด้วย 
เพราะพาวเวอร์ฝั่งยุโรป มือกีตาร์วงพวกนี้ได้รับอิทธิพลจากเพลงคลาสสิคกันมาก


ยกตัวอย่าง เช่นเพลง metal heart จากวงเยอรมันอันเก่าแก่  วง Accept
ที่ท่อนโซโลท่อนนึงยัดโซนาต้าช๊อต ของบีโธเฟ่น เข้ามาได้ยินชัดหู
และ อูโด นักร้องนำในตำนานอีกคนที่สำรอกด้วยเสียงแหลมเสียดสากหู แต่เสนาะ
<30กว่าปีก่อน เคยมาคอนเสิร์ตบ้านเราด้วยนะ >





มีคนดนตรีจำนวนมากยอมรับกันว่าผู้ที่ชูธงปักหมุดของเพลงแนวนี้เกิดขึ้นจากวงเยอรมันนาม HELLOWEEN เมื่อปลายยุค 80'
จากอัลบั้มคู่แห่งตำนาน keeper of the 7 keys ที่ก่อนการมาของวงนี้ไม่เคยมีใครเล่นแบบนี้อย่างชัดๆจะๆมาก่อน
เมื่ออัลบั้มคู่นี้ออกมามันได้รับความนับถือและยกย่องเป็นอย่างสูง
และจากนั้นวงรุ่นน้องรุ่นหลังอีกเป็นร้อยเป็นพันวงต่างเดินตามแนวทางที่ไอ้ฟักทองปิศาจกรุยเอาใว้
ในหลายๆครั้งจึงนิยมเรียกรวมๆกันว่า เยอรมันพาวเวอร์  บางทีก็เรียกยุโรพาวเวอร์ 
ซึ่งถ้าวงไหนมันมีทำนองเพราะๆใส่เข้าไปในเพลงมากๆ ก็จะเรียกกันว่า เมโลดิคพาวเวอร์




ในอเมริกาไต้ วง ANGRA นี่คือสมบัติแห่งชาติบราซิลเลยทีเดียว
สาวกแสนจะภูมิใจ ด้วยท่วงทำนองและฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์
แค่เปิดตัวมาชุดแรก อัลบั้ม angel cry นั่นก็ทำให้นักวิจารณ์และแฟนเพลงพากันเทใจให้หมดแล้ว





อิตาลี  ในช่วงยุคทองของอิตาเลี่ยนเมทัล ประมาณช่วงปลายยุค 90' ถึงต้นยุคปี 2000
วงมหากาพย์วงนึงก็ได้กำเนิดขึ้น มันคือ RHAPSODY 
ระเบิดความเป็นepic metal ด้วยอัลบั้มแรกที่ผสมเครื่องดนตรีพื้นบ้านยุโรปเข้าไป
ทำนองเพลงพื้นบ้านโบราณยุโรป และจังหวะท่วงทำนองชั้นเชิงเมทัลผสมกันเข้า
มันก็ออกมาเสนาะรูหูคุณนายผู้ว่าจนกลายเป็นวงเมนสตรีมไปในบัดดล
และยังออกอัลบั้มอย่างสม่ำเสมอมาจนทุกวันนี้ ถึงแม้นักร้องนำกับมือกีตาร์จะแยกวงกันแล้ว



หรือจะเป็น WHITE SKULL ที่แค่ฟังโวคอลซาวด์แล้วจะแทบไม่น่าเชื่อเลยว่านักร้องนำเป็นผู้หญิง
เพราะเจ๊แกสำรอกได้โหดรากเลือดชนิดไม่เหลือสกุลรุนช่องของสุภาพสตรีเลยแม้แต่นิด





ข้ามฟากมายุโรปเหนือ  ประเทศสวีเดนที่เขาไม่ได้มีดีแค่วง abba หรือรถชั้นดีอย่าง วอลโว่นะจ๊ะ
แต่เขายังมี SABATON สวีดิช พาวเวอร์ ที่เน้นหนักด้วยเนื้อหาสงครามทุกประเภท
และรวมเนื้อหาสงครามในประวัติศาสตร์จริงเอาใว้  นี่ก็โคตรมันส์






Stratovarius วงเมโลดิคพาวเวอร์จากแดนหนาวยะเยือก ฟินแลนด์
มีชื่อเสียงจากมือกีตาร์ที่แสนจะเก่งฉกาจ  ติโม โคติเปลโต ที่เป็นอัจริยะในสายนีโอคลาสสิค
ดนตรีมีความไวและท่อนคลาสสิคติดหูอยู่มาก 



เมืองหลวงของแนวนี้ในเอเซียก็คือญี่ปุ่น 
คนที่นั่นคลั่งใคล้แนวนี้กันมาก ทั้งยังมีวงแบบนี้ที่นั่นเกิดขึ้นมากมาย
พาวเวอร์ดังๆในยุโรปพาเหรดกันมาเปิดคอนเสิร์ตดูดเงินเยนกันเป็นล่ำเป้นสันเลยทีเดียว
วงโลคอลที่เจ๋งๆเลยก้มีมากมายไม่แพ้ชาติไหนด้วย แถมบางวงมีชื่อเสียงโด่งดังข้ามโลกมากก็มี
ตัวอย่างง่ายๆก็  X-JAPAN  2อัลบั้มแรกนั่นแหละ


ส่วนของทางไทยถึงจะหายากหน่อย  เอาที่รู้จักกันกว้างขวาง
ก็ ไฮร๊อคนั่นไง นั่นก็บางเพลงก็เมโลดิค พาวเวอร์นะ   
หรือดิ โอฬาร โปรเจ็คในชุดแรกๆ นั่นก็เข้าข่ายพาวเวอร์ผสมเฮฟวี่ อย่าง หูเหล็ก
และบางเพลงล้ำไปเป็นนีโอคลาสสิคอันแสนจะฉกาจด้วยฝีนิ้วของน้าโอ้ โอฬาร พรหมใจด้วย

แต่วงขวัญใจตลอดกาลของผมก็คือ น้าดอน
ดอนผีบิน <ถึงมันจะเลยพาวเวอร์ไปก็เหอะ ก็ชอบนี่ > [lol01]


ยังมีอีกมากมายหลายวงที่ไม่สามารถกล่าวถึงได้หมด 
และข้างล่างนี้คือรายนามของบรรดาเดนตายแห่งวงการยูโรพาวเวอร์บางส่วนที่ยังโลดแล่นในวงการคัดมาให้ดู

HELLOWEEN

GAMMARAY 

BLIND GUARDIAN 

RAGE 

GRAVE DIGGER

RHAPSODY

POWERWOLF

ACCEPT

ANGRA

SABATON

CIVILWAR

MANOWAR

HEAVENLY

WHITE SKULL .............
และอีกเพียบ







เมื่อข้ามฝั่งมาทางอเมริกา  ฝั่งทวีปนี้แนวพาวเวอร์ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าฝั่งยุโรป
เมทัลฝั่งอเมริกานี้จะนิยมไปในทาง เดธ หรือ แทรช ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่า
<วันไหนมีรมณ์ อาจมาโม้ให้ฟัง อิอิอิ >


แต่ก็ยังพอมีเหมือนกัน  แต่สิ่งที่ต่างกันกับฝั่งยุโรปคือ ภาคดนตรีจะเหี้ยมกว่า
เรียกว่าบางทีฟังๆโดยไม่ได้บอกว่าเป็นวงอะไร อาจจะแยกไม่ออกว่านี่คือ พาวเวอร์ หรือ แทรช
ลากไปยัน ไกรด์คอร์ บรูตัล ที่จะทำให้ขี้หูผู้ฟังเต้นเป็นจังหวะกราวใน [lol01]


ดังนั้นเพื่อความชัดเจนในการเลือกเสพจึงขนานนามตามแหล่งที่มาว่า American Power Metal
ความไพเราะ จังหวะ หรืออะไรที่เคยได้จากเยอรมันพาวเวอร์ จะไม่ค่อยมีให้จากที่นี่มากมายนัก 

แต่สิ่งที่จะได้มาทดแทนคือ ความก้าวร้าว และริฟท์ที่เจ๋งมากๆ  เท่ห์   เสียงร้องที่สากหยาบ
ความมันส์แบบเถื่อนๆห้าวไม่ละมุนหูแบบยูโรพาวเวอร์


นี่คือตัวอย่างวงพาวเวอร์ตัวจี๊ดฝั่งอเมริกัน



Ice earth

ดุกว่าฝั่งเยอรมัน  แต่ยังพอมีความนุ่มนวลแอบๆอยู่บ้าง  เสียงร้องนำออกใหญ่ๆสาก  ร้องตะเบ็งสุดคอ
ไม่มีคีย์บอร์ดเป็นสมาชิกถาวร  มีแค่รับเชิญบางเพลง 
พวกมันทำเพลงไม่เคยต่ำกว่ามาตรฐานทุกอัลบั้ม
วงนี้ตั้งมานานปลายยุค80' จนถึงปัจุบัน ยังออนทัวร์อยู่

ถือว่าวงนี้ใจถึงอยู่เหมือนกัน เพราะแถบที่วงนี้อยู่ มันอยู่แถวๆเขตแทมปา รัฐฟลอริดา
ซึ่งแถบนั้น ขาโหดมักนิยมเรียกว่า ย่าน เบย์แอเรีย
ซึ่งย่านนั้นมันมีแต่วงแทรช เป็นร้อยๆวง ไม่นับวงสมัครเล่นตามผับอีกมาก
ย่านนี้ถูกขนานนามว่า เมืองหลวงแห่งแทรช
แต่วงนี้ก็ยืนหยัดมาได้ยาวนาน ไม่เคยเปลี่ยนแนวทางเลย  มีแต่จะทำดีขึ้นๆ
นับว่าถึงทั้งใจและถึงทั้งฝีมือน่านิยม น่าเชื่อถือ

จะฟังอัลบั้มไหนก็ได้ ดีงามเหมือนกันหมด 




Pentera

หนึ่งในอเมริกันเท็กซัสพาวเวอร์ที่ฝากผลงานอันลือลั่นจนเป็นตำนานอเมริกันพาวเวอร์ใว้จนทุกวันนี้
มาจากผลงานร่วมกันของ ดิมแบก ดาร์เรล มือกีตาร์เครายาวฝีมือเทพ
เป็นคนที่เจมส์ แฮตฟิลแห่งเมทัลลิกายังยกนิ้วให้กับฝีมือสร้างท่อนริฟท์อันผาดโผน
ร่วมกับ ฟิล อันเซโม นักร้องนำที่สำรอกได้อร่อยหู 
บางท่อนร้องออกแนวนิวยอร์คฮาร์ดคอร์ 
คือตะคอกเป็นพยางค์สั้นๆ แต่รัวๆติดต่อกันไป



ผลงานสร้างชื่อ น่าจะลองเริ่มจาก อัลบั้ม Cowboy from hell ดูก็แล้วกัน
อาจจะฟังแล้วให้ภาพคาวบอยขี่ฮาร์เลย์ถือปืนกลก็เป็นได้ เพราะวงพวกมันอยู่เทกซัส แดนคาวบอย
ริฟท์เป็นเม็ดๆรัวสาดยังกะปืนกลซะขนาดนั้น ฟังแล้วใจเต้นตุ้บๆ
ทุกเพลงในอัลบั้มใม่มีเศษเพลงปนเลย
แต่ขอบอกว่า วงนี้มันดุกว่าฝั่งยุโรปเยอะ  กวนตีนกว่า
 เล่นกันดุดันจนไม่น่าเชื่อว่าอัลบั้มแรกๆกของพวกมันเป็นแกลมเมทัล ที่แต่งหน้าทาปากทำผมฟูๆ
พอย้อนกลับไปดูความหลังแล้วขนคิงลุกซู่  นึกถึงวงไฮร๊อคสิ แต่มีหนวด แล้วทาปากปัดแก้มแดงๆเอา  บรื๋อ  [puke01]



เรื่องเศร้าคือภายหลัง  หลังจากวงแตกกันไป
ต้องน่าเสียใจที่ ดิมแบก  ถูกแฟนเพลงเมายาบุกยิงตายคาเวทีไปเมื่อต้นยุคปี 2000
ส่วนตอนนี้ ฟิลอันเซโม หันไปทดลองแนวเพลงหลากหลาย แต่ยังวนเวียนในวงการเมทัลอยู่





HELLSTAR

อเมริกันเท็กซัส พาวเวอร์อีกวงที่มีอายุยาวนานตั้งแต่ต้นยุค 80' และยังมีผลงานออกมามากมาย
แต่ก็ยังไม่ดังเรี้ยงปร้างสักที ทั้งๆที่หลายๆชุดก็เล่นดีเป็นส่วนมาก
นั่นอาจจะเพราะอย่างว่า อเมริกันไม่ค่อยนิยมแนวพาวเวอร์ก็ได้


ดนตรีออกก้ำกึ่งระหว่างพาวเวอร์ กับเฮฟวี่ 
คือภาคดนตรีจะเป็นเฮฟวี่แบบแรงๆหน่อยกับเสียงร้องที่ใหญ่ๆอ้วนๆทึบๆ
บางท่อนเพลงติดร้องสำรอกแบบเดธ ซึ่งพอเอามารวมๆกันแล้ว อ้าว มันส์นี่เฮ้ย

ในยุคเก่า มีอัลบั้มสร้างชื่อว่าขึ้นหิ้งคลาสสิคของวง
คืออัลบั้ม nosferatu ภาษาเยอรมันแปลว่าผู้อมตะ ความหมายกลายๆหมายถึง ผีดูดเลือด
เล่นใว้ดีงามพระรามสี่  แสบทรวงสุดๆ  เมามันส์โยกหัวคอเคล็ด
คือถ้าอัลบั้มใหม่ของพวกมันออกมาเมื่อไหร่ก็มักถูกเอาไปเปรียบกับอัลบั้มนี้แหละ
ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว อัลบั้มvampiro เพิ่งออกมานี่ก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กันเลยจริงๆ

บ้านเราต้องสั่งแผ่นอย่างเดียว 
ลองสั่งแล้ว ราคา790 บาท แต่ของหมด อดแดกไป




3 Inches of Blood
นอกพรมแดนอเมริกาเหนือ อย่างแคนาดาที่วงโปรเกรสสีพฮาร์ดร๊อคอย่าง RUSH เคยสร้างชื่อเอาใว้
ยังมีอสูรกายอีกตนหนึ่งเช่นกัน พวกมันคือ 3 Inches of Bloodเ
เสียงร้องเสียดแสบดาก เหมือนเปรตเป็นหวัด ภาคดนตรีโคตรทมิฬ
พวกมันนิยามตัวเองใว้ว่าเป็นเฮฟวี่ แต่จริงๆแล้วภาคดนตรีมันอำมหิตกว่านั้นเยอะ

<อย่างไรก็ดี หลังอัลบั้มสุดท้าย Long live heavy metal ในปี2012  พวกมันก็ประกาศยุบวงเอาเมื่อ JUn2015 น่าเศร้า กระซิกๆๆๆ>


ข้อสังเกตของอเมริกันพาวเวอร์คือ
วงส่วนมาก เสียงร้องจะไม่เน้นแหลมแผดสูงอย่างเยอรมันแต่จะชอบใช้เสียงสาก อ้วน หนา
ให้ความรู้สึก หนัก มืดทึบกว่า 
ภาคดนตรี  ไม่เน้นลีลามาก เปิดปุ๊บซัดปั๊บเลย แล้วก็รัวยาวไม่หยุด เปลี่ยนจังหวะ อ๊อคเตปเอาในเพลง

นั่นอาจเป็นเพราะทางฝั่งนี้ ภาคพื้นดนตรีมักกลายพันธ์มาจากสายบลูส์มากกว่าทางฝั่งยุโรปที่เป็นสายคลาสสิค
ดังนั้นทางเดินของซาวด์ฝั่งอเมริกันจึงออกจะเหี้ยมเกรียมกว่า 
เพราะคอร์ดบลูส์มันออกหม่นๆมืดๆ พอเอามาเล่นด้วยพาวเวอร์คอร์ดให้เป็นเมทัล มันเลยหม่นหมองยิ่งขึ้น




เตรียมพบกับวงอื่นๆที่ผมชื่นชอบในรอบหน้าครับ  จะมาโม้ให้ฟัง  [lol01]




หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
                 ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
                  รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง 
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ 
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
                  ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ 
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ  [smile03] [smile03]


                 
                  ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
                  Metal brother Hood , Longlive Metal
 

                สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และไปดูคอนเสิร์ตกันนะจ๊ะนะจ๊ะ  [perv02]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/01/2562 [09:07:15] โดย GAMMARAY »
ขอความกรุณาปิด Ad-Blocker เวลาเปิดเว็บนี้ด้วยครับ
เว็บไซต์ของเรามีรายได้เพียงทางเดียวคือรายได้จากการโฆษณา และหนึ่งในช่องทางโฆษณาของเราคือ Google adsense หากคุณใช้ โปรแกรมหรือตัวเสริมที่บล็อกโฆษณาประเภท Ad-Blocker กับเว็บของเรา ก็จะทำให้ทางเว็บขาดรายได้ส่วนนี้ไป โฆษณาที่ทางเว็บเลือกก็เป็นแบบที่ไม่รบกวนผู้ใช้งานมากนักอยู่แล้ว ไม่ชอบก็เลื่อนผ่านๆไปได้ครับ ดังนั้นขอความกรุณาใส่ c1ub.net ไว้ใน whitelist ของโปรแกรมหรือปิดการทำงานของโปรแกรมบล็อกโฆษณาด้วยครับ (หากคุณเห็นข้อความนี้โดยที่ไม่ได้ใช้โปรแกรม Ad-Blocker ใดๆ รบกวนจิ้ม --> ส่ง PM บอกแอดมิน ทีครับ)
#1 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 11/10/2561 [11:09:14]
Power มันซอยถี่ไปสำหรับผม [smile02] ถนัดแนว heavy, nu metal มากกว่า [gurock01]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/10/2561 [11:12:21] โดย บัง »
#2 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 11/10/2561 [11:57:27]
Power มันซอยถี่ไปสำหรับผม [smile02] ถนัดแนว heavy, nu metal มากกว่า [gurock01]

ว่าแล้ว อ่านตามสำนวนในบอร์ด
เดาว่าคุณบังน่าจะมาสายเมทัลนี่แหละ  [lol01]

มีศิลปินอะไรเสนอเชิญเลยนะครับ ทุกท่านเลยครับ  [smile03]
อิอิอิ   [smile02]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/10/2561 [20:04:34] โดย GAMMARAY »
#3 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 12/10/2561 [10:59:49]
ขอเปิดวงแรกด้วยการบูชาครูเมทัลฟากอินทรีเหล็กเยอรมันของผมวงนี้กันครับ  [smile03]


HELLOWEEN  มหาเทพฟักทอง ปฐมภูมิแห่งเยอรมันพาวเวอร์ หรือ ยูโรเมทัล  [gurock01]


ด้วยความแรงของเพลงฮาร์ดร๊อคที่รุ่นพี่ๆยุค70' ได้สร้างใว้เป็นแรงส่งมาถึงยุค 80' ที่ซาวด์เริ่มขยับรุนแรงมากขึ้น
ทุกฟากฝั่งทวีปล้วนแต่มีวงเมทัลผุดขึ้นมาประดับวงการสาวกหูเหล็ก อย่างไม่มีใครยอมใคร 

ลองดูตัวอย่างพอสังเขป   [smile05]

ฝั่งอเมริกัน มี  Antrax , Metallica , Exodus , Pentera .,Manowar....

ฝั่งอังกฤษ ก็ Iron maiden , Black sabbath , Judas priest ......

ดินแดนดาวน์อันเดอร์อย่างออสเตรเลียยังมี  AC/DC

และที่ไทย มี ดิ คาไลโดสโคป  และ เฟรช แอนด์ สกินนนนนนนนนนนนนนนนน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ <มีใครทันมั้ย ฮ่าๆๆ>


 ส่วนถ้านึกถึงวงร๊อค จากเยอรมัน ดินแดนใส้กรอกและเบียร์
แฟนเพลงบ้านเราอาจจะนึกถึงไอ้แมงป่องผยองเดช Scorpion เป็นอันดับแรก
อาจจะเพราะพวกมันมีเพลงบัลลาดหวานซุปเปอร์คลาสสิคออกมาชำแรกรูหูมากเพลงและล้วนแต่เพราะถูกใจซะด้วย

เลท มี เทค ยู ฟาาา  อ่าาเว ยู้ ไหล่  อ่าาา ฮ้อออหลี่่ เด๊ 
นั่นล่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ  [lol01] [lol01]


แต่จริงๆแล้วเหล่าขุนขวานดินแดนอินทรีเหล็กไม่ได้มีดีแค่เพลงหวานละม่อมแน่นอน
เพลงชำเราขี้หูให้ออกมาเต้นฮูลาฮูลา พวกมันก็เด็ดขาดไม่แพ้ใครนะท่าน

และวงที่จะโม้ให้ฟังข้างล่างนี้ เปรียบเสมือนผู้ทิ้งทุ่นสมอเรือขนาดยักษ์ ผู้สร้างภาพจำให้แก่วงการยูโรเมทัล


HELLOWEEN   
วงต้นทาง แหล่งกำเนิดของสายธารเยอรมันพาวเวอร์ยูโรเมทัลนับร้อยนับพันวงในปัจจุบัน 


วงนี้แต่แรกเริ่ม นั้นก็เริ่มจาก ขุนขวานหนุ่ม<ในสมัยนั้น>  Kai hensen กับ Piet Sielck  มือกีตาร์คู่ได้มารวมกันก่อน
แล้วก็ตามด้วย  Markus Grosskopf มือเบสดุ่มดุ๋ย และ Ingo Schwichtenberg มือกลอง
 
พวกมันได้ฟอร์มวง Second Hell ขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนชื่อวงเป็น Iron Fist
แต่หลังจากนั้นไม่นาน  Piet Sielck มือกีตาร์ก็ออกไป
 <ในยุคปลาย 90' หมอนี่ไปเปิดไซต์โปรเจค IRON SAVIOR ขึ้นอีก มันส์ด้วยคอนเซปเมทัลอวกาศ ซึ่งก็มันส์พ่ย่ะค่ะเช่นกัน>

สมาชิกได้ถูกแทนที่ด้วย Michael Weikath หรือชื่อเล่นอันน่ารักคือ ไมกี้  เข้ามาเป็นขุนขวานคู่จอมปั่นกับ ไค แฮนเซน
ซึ่งตอนนั้นน้าไคก็รับหน้าที่ร้องนำไปด้วย
และในชุดสมาชิกนี้ วงก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น  Helloween  [pravetgym01]

พวกมันก็ออกเดโม อะไรกันไปตามเรื่องตามราวแหละ
และมาออกเต็มอัลบั้มชื่อ Walls of Jericho ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม
ด้วยไสตล์สปีดรัวแบบปืนกลจานของอัลคาโปน
รวดเร็ว เด็ดขาด แฝงเมโลดิค เสียงร้องขึ้นสุงแบบยานคางนิดๆของน้าไคมือกีตาร์เทพสารพัดความสามารถ

และก็เพราะมันเยี่ยมอย่างนั้นนี่เอง ชิวิตของเมทัลเฮดจึงเริ่มวงจรอุบาทย์อันสุนทรีย์ขึ้น นั่นก็คือการต้องออกตระเวณทัวร์ไปทั่วอย่างดุเดือด
ซึ่งนั่นก็เริ่มก่อปัญหาให้น้าไค แกขึ้น  ก็น้าแกต้องทั้งปั่นกีตาร์ ทั้งแหกปาก ทั้งเอนเตอร์เทนคนดูในฐานะฟรอนท์แมน มันก็โหลดซิครับท่าน
ค่าตัวรับเท่ากัน ใช้งานกูหนักจุงเบย


ในที่สุดหวยครูจรูญก็มาตกที่  Michael Kiske นักร้องหนุ่มวัย 18 
<ก่อนหน้านั้นในช่วงสั้นๆ ทางวงได้ Ralf Scheepers มาร้อง 
ซึ่งคนนี้ก็ขาโหดคนนึงเช่นกัน  อิเมจเฮียแกถอดแบบ รอบ ฮาล์ฟอร์ด ของจูดาส พรีสมาเป๊ะเลย 
ทั้งไสตล์การแต่งตัว ทั้งเสียงคำราม  ตอนนี้เฮียแกมาดังในวง primal Fear ในฐานะฟรอนต์แมน >


และอัลบั้มแรกที่ เด็กชาย คิสก์ น้องใหม่จะได้ร่วมลงเรือกับ ไอ้ฟักทอง
ก็คืออัลบั้มโคตรตำนาน ที่คลอดมาในปี 1987



Keeper of the Seven Keys Part I


เพียงชุดนี้ออกมาเท่านั้นแหละ ฟ้าถล่มดินทลายแลนด์ไสลด์เกิดทันที  [cheer01]
 กีตาร์คู่ปั่นเร็วจี๋ ทางเมโลดีใส่ท่อนเพลงคลาสสิค   ท่อนฮุคโคตรติดหู
 กลองมีจังหวะขัดแทรกซัดไล่บี้กีตาร์  เบสก็เล่นทางเมโลดี้  คีย์บอร์ดคลุมทั้งเพลง 
เสียงร้องแหลมสูงปรี๊ดเลยศรีษะเปรตวัดสุทัศน์แถมเล่นไล่ออคเตปได้อีกตังหาก

ไม่ใช่ว่าลักษณะเมทัลจะไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน เคยมี
แต่มันไม่ชัดเจนขนาดนี้ ไม่เล่นเร็วขนาดนี้ ไม่มันส์ขนาดนี้ เนื้อหาออกไปในแนวเฮฮาปาจิงโกะ
และออกแนวให้สู้ชิวิตอย่าท้อถอย อะไรเทือกๆนั้น
เรียกว่าเป็นเมทัลด้านสว่างว่างั้นเถอะ <พวกมันเรียกตัวเองว่าเป็น Happy Metal >

อัลบั้มนี้ไม่มีเศษเพลงแม้แต่เพลงเดียว  ทุกเพลงในอัลบั้มนี้จะพาท่านควบตะบึงผ่านทุ่งหญ้าแห่งความมันส์
ขอสารภาพเลย ครั้งแรกที่ได้เสพ  ถึงกับนอนกอดวิทยุฮิตาชิสามลำโพงเขย่าหัวหงึกๆโขกใส่แป้นกันเลยทีเดียว





ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน หลังจากความสำเร็จอย่างถล่มทลายฟ้าสะท้านดินสะเทือน
ค่ายNOICEจะไปรอช้าอะไร ก็เข็น Keeper of the Seven Keys Part 2ออกตามในปี1988 ถัดมาอย่างว่อง
<อันที่จริงทั้งชุดแรกและชุดที่สองมันเสร็จพร้อมกันแหละ จะวางขายเป็นอัลบั้มคู่พร้อมกันก็ทำได้
แต่ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ มันเลยแบ่งสปลิตออกเป็นสองชุด เพราะขายอัลบั้มคู่มีหรือจะได้ตังก์เท่าแยกขายทีล่ะชุด >



ทั้งสองอัลบั้มนี้  มีเพลงปิดตูดที่มีความยาวมาก ตั้งเกือบ 15 นาที  ซึ่งสมัยนั้นไม่ค่อยมีใครทำกัน
ซึ่งถ้าตัววงไม่ใช่ว่ามีฝีมือแต่ง ฝีมือเล่นที่ฉกาจฉกรรจ์จริงๆ มันจะหลุดเอาง่ายๆ   
<ลองนึกถึงความยากและยิ่งใหญ่ของ Bhohemien Rhapsody แห่งวงQueenดู>

และแน่นอน อัลบั้มนี้ก็สร้างปรากฎการทลายวงการเมทัลอีกเช่นเคย
วงถูกยกย่องพุ่งพรวดขึ้นแถวหน้าของแถวหน้าไปในทันที

 ไค และ ไวการ์ด ได้รับการนับถือว่าเป็นขุนขวานคู่ฝีมือน่าสะพรึงที่สุดของวงการ 

 อิงโก ถูกมือกลองนับร้อยนับพันแกะแบบเทคนิคการหวดกลองความเร็วสูงของเขาไปเล่นเพิ่มทักษะซึ่งหลังจากนั้นต่างออกปากว่า ยากชิบหาย
 <จำไม่ได้แล้วว่าเพลงอะไรอยู่ในสองอัลบั้มนี่แหละ ฟังชัดๆถนัดหูเลย ในท่อนโซโล มันตีแฉขัดกับกลองน่ะ แบบพอได้ยินปุ๊บนี่ผมลุกขึ้นมาระบำเลย  [lol01] >

 คิสก์ แจ้งเกิดเต็มภาคภูมิกับเสียงร้องเปี่ยมเมโลดี แผดสูงอย่างมีน้ำมีนวล



สองอัลบั้มนี่จึงขึ้นแท่นอัลบั้มคลาสสิคตลอดกาลของวงการเมทัลไปในทันที  [gurock01]
หลังจากสองอัลบั้มคู่นี้ ก็ได้มีเหล่าเยอรมันเมทัลออกตามกันมาอีกเป็นร้อยๆพันๆวงล้วนแต่มีกลิ่นอายของไอ้ฟักทองเจือกัน

ด้วยอัลบั้มคู่ชุดนี้ของพวกมันนี่เองได้ทำให้เกิดคำว่า เยอรมันพาวเวอร์
ด้วยคอนเซป  กีตาร์คู่  เบส กลอง ท่อนฮุคติดหู มีท่อนคลอรัส และสามารถใส่ท่อนเพลงคลาสสิคลงไปปนได้

และเชื่อมั้ย จากวันนั้นจนถึงปี 2018 นี้ 30กว่าปีแล้ว แต่เพลงจากสองอัลบั้มนี้ก็ยังต้องถูกนำมาเล่นตอนพวกมันออนทัวร์ประจำ
ไม่เล่นไม่ได้ ไม่เล่นแฟนเพลงจะร้องไห้น้ำตาท่วมแอมป์มาแชล  กระซิกๆ

นี่ยังไม่นับการถูกนำเพลงมาโคเวอร์โดยวงรุ่นหลานก็มาก มีอัลบั้มสดุดีทริบิวต์จากสหายร่วมวงการมาประดับบารมี




แต่ครับแต่ ดวงคนเรามันแปลก พอรุ่งก็รุ่งสุดๆ พอจะร่วงมันก็ร่วงอย่างบัดซบจุงเบย [mad01]

ในเพลงหนึ่งของพวกมันก็มีที่แต่งเนื้อเอาใว้ก่อนเกิดเรื่องมาตรงกันกับชะตาชิวิตพวกมันอย่างน่าแปลก
.ในเพลง Rise and Fall  ของอัลบั้ม  Keeper of the Seven Keys Part I I
ที่ท่อนนึงเขียนใว้ว่า " Luck is like a ball , you can't recall  "
ก็นั่นล่ะครับท่านผู้ชม


หลังจากความสำเร็จอย่างกลายเป็นตำนานของสองอัลบั้มนี้
ได้เกิดความขัดแย้งภายในวงขึ้น  เกิดมีความเห็นไม่ตรงกันขึ้นมาของสมาชิกคนสำคัญ
นั่นคือ น้าไค เฮนเซน กะ น้าไวการ์ดและน้าคิสก์รวมกันเและอิงโกมือกลองคอยโห่รับ
เป็นความขัดแย้งอันเนื่องมาจากความต้องการเปลี่ยนแปลงในแนวทางดนตรี 


มันเป็นการจากลาที่ไม่ค่อยสวยนัก  [mad03]
น้าไค แกก็ถือตัวว่ากูก็หนึ่งในตองอูคนนึงเหมือนกัน
วงนี้กุเองก็ปั้นมากะมือ เพลงทั้งหลายกูก็เป็นผู้แต่งหลัก ชิชะมาเล่นกะกูรึ
ว่าแล้ว น้าไคแกก็ออกเลย แถมแกออกกลางคัน กลางช่วงที่วงกำลังออกตลอนทัวร์ซะด้วย
โกรธกันขั้นรุนแรงมาก ขนาดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันเลยทีเดียว
มือกีตาร์ได้ถูกแทนด้วย  Roland Grapow  ซึ่งก็นับว่าฝีมือฉกาจเข้าขั้นกีตาร์ฮีโร่คนนึงเหมือนกัน



ว่างงานไม่นาน ตามประสาคนมันเทพ น้าไคแกไปตั้งวงใหม่เลย คือ GAMMARAY
 โดยมีน้า Ralf Scheepers เป้นนักร้องนำ ก็น้าราล์ฟคนที่มาร้องช่วงสั้นๆก่อนการมาของคิสก์นั่นแหละ




GAMMARAYวงใหม่ของน้าไคนี้ เล่นแทบจะถอดแบบมาจาก HELLOWEEN วงเดิมของน้าแกเลยทีเดียว
ทั้งเมโลดี ความเร็ว จังหวะจะโคน  ก้จะไม่ให้เป้นอย่างนั้นได้งัย ก็แกเป็นคนแต่งเพลงหลักของไอ้ฟีกทองมาก่อนน่ะสิ

วงรังสีแกมม่าของน้าไค มีคอนเซปแนวอวกาศๆ ผจญภัยในอวกาศ ผู้รุกราน เอเลี่ยน
หลังจากนั้น ไอ้วงใหม่วงรังสีแกมม่าของน้าไคก็ได้ตามล้างตามผลาญวงเดิมของแกอย่างกัดไม่ปล่อย เรียกด้วยภาษาจิ๊กโก๋ว่าตามกวนตีนว่างั้นเถอะ
ไอ้ฟักทองไปเล่นที่ไหน รังสีแกมม่าตามไปเล่นด้วย  ไอ้ฟักทองออกเพลงใหม่ รังสีแกมม่าออกด้วย เอาเดะ
<ปรากฎการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วเช่นกันกับ Metallica และ Megadeth เหมือนกันเป๊ะๆและพวกมันก็ตามล้างตามโจมตีกันตามสื่อตามอะไรเป็นสิบๆปีด้วย >

คือมันก็ดีอยู่หรอก แต่สงสารแฟนคลับมั่งสิวะ  ไม่ได้เลือกรักใครหรอก
แต่ที่ต้องตามควักกะเป๋าตังซื้ออัลบั้มพวกน้ามึงนี่ มันทำหมดตูดจริงๆว่ะน้า  แบบว่ามันดีทั้งคู่อ่ะ


เคราะห์กรรมยังตามมากระหน่ำซ้ำมันเข้าไปอีก  ไอ้ฟักทองดันเกิดมีปัญหากับค่ายต้นสังกัดอย่าง Noiseเข้า
ค่ายเลยทำฟักทองดองเค็มซะเลย ไม่ออกอัลบั้ม ไม่ออนทัวร์ ไม่มีงานห่าอะไรป้อนให้เล่น  นอนถางหญ้าหน้าบ้านเล่นไปละกัน
ค่ายดองจนหมดสัญญาไปเลย นับว่าโหดมาก 
ข้อดีคือช่วงนั้นสมาชิกต่างสามารถลดน้ำหนักกันได้ทุกคน เพราะไม่มีอะไรจะแด๊กส์


เมื่อปลายยุค90' สัญญากับค่ายจอมดองก็หมด พวกมันไปเซ็นสัญญากับค่ายใหม่ EMI  <ตอนนี้ไม่มีแล้ว>
แฟนๆเดนตายต่างพากันรอคอยอัลบั้มชั้นเลิศจากพวกมันอีกครั้ง

แต่ก็อีกล่ะ นาย Michael Kiske นักร้องนำไม่รู้โดนดองมากจนฟุ้งซ่านหรืออะไร   
หมอดันเสือกอยากจะเปลี่ยนแนวเพลงของวงให้เป็นเมทัลป๊อปที่ป๊อปมากๆ 
และพยามผลักดันเพื่อนร่วมวงให้คล้อยตามด้วย

และคิสก์คงเป็นนักสะกดจิตตัวยง ไวการ์ดดันเอาด้วย
พวกมันจึงได้คลอดงานอัลบั้มสุดอัปยศและทำร้ายความรู้สึกแฟนเพลงคล้ายโดนร้องเท้าเปื้อนขี้เป็ดมาถูเหง้าหน้า
นั่นคืออัลบั้ม Pink Bubbles Go Ape
เหล่าแฟนเดนตายเมื่อได้ฟัง ต่างรู้สึกเหมือนถูกทรยศหักหลังอย่างรุนแรง
พวกมันถูกสาปส่ง เผาพริกเผาใส้กรอกแตงกวาดองแช่งอย่างไม่มีชิ้นดี กับอัลบั้มชิ้นนี้

และถ้ายังไม่หนำใจพอ ในอัลบั้มต่อมา  Chameleon พวกมันก็ส่งออกมาซ้ำด้วยแนวที่ป๊อปมากกว่าอีก ป๊อปแบบป๊อปปปปป๊อป
เหล่าแฟนเพลงเดนตายที่ยังอุตส่าห์กัดฟันทนรอวันให้เธอสำนึกอันมีเหลืออยู่น้อยนิด
ต่างล้วนรู้สึกเหมือนโดนชำเรารูตูดด้วยดุ้นกระบองเพชรห่อกระดาษทราย
ใครจะไปทนการถูกทรยศซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ 
พอกันทีกับความภักดีที่ช้านนนมีให้เธอออว์

ฟักทองได้รับการหันหลังให้จากแฟนเพลงทันทีจากอัลบั้มอัปยศนี้
<จริงๆอัลบั้มนี้มีเพราะอยู่เพลงนึงนะ เพลงwind mill เพราะจริงๆ ถึงมันจะป๊อปก็เหอะ แต่เพราะนะ  อิอิอิ >


และนั่นเอง ไวการ์ดจึงเหมือนผีออกสำนึกได้
เขาจึงได้ทำการบรรจงอย่างเต็มเหยียดตีนถีบพี่คิสก์ออกจากวงไปในที่สุด   [sleepy01]



แถมด้วยเรื่องน่าเศร้า ในปี 1995 อิงโก มือกลองเทวดาที่ช่วงหลังจากความทุกข์ในวงที่ถาโถมจนต้องหันไปพึ่งยา
เขาเสพหนักจนไม่สามารถทำหน้าที่หวดกลองได้อีกและต้องออกจากวงไป
เขาได้ฆ่าตัวตายด้วยการโดดตัดหน้ารถไฟ จบชิวิตในวัยหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ลงอย่างน่าเศร้า  [mad01] [mad01] [mad01]

ตำแหน่งมือกลองนี้ในที่สุดถูกแทนที่ด้วย Uli Kusch  แห่งGammaray
 <จริงๆก่อนหน้านี้ก็ออดิชั่นคนอื่นแหละ แต่พากันส่ายหน้าบอกว่าตีแบบอิงโก มันโคตรยากเล่นไม่ไหว
 เลยต้องไปจกเอาวงคู่แค้นมาแทน เพราะถ้าเล่นให้รังสีแกมม่าได้ ก็เล่นให้ฟักทองได้ ก็น้าไคมันแต่งเพลงแบบเดียวกันอ่ะ>


ส่วนนักร้องนำก็หายากเช่นกัน เพราะตอน คิสก์ยังอยู่ มันปล่อยของเอาใว้ด้วยมาตรฐานสุงลิบ หาคนมาแทนได้ยากจริงๆ
สุดท้ายก็ได้ น้า Andi Deris จากวงป๊อปเมทัล Pink Cream 69มาแทนที่
ด้วยความต่างอย่างมีระดับ




คิสก์แหลม สุง มีน้ำมีเนื้อและแผดได้สูงขึ้นไปอีกถ้าต้องการ 



ส่วน น้าแอนดี้ แหบกร้าว คำรามสะท้าน  แต่เปี่ยมเมโลดี้
<ในหลายๆสื่อ ยังมีแฟนเพลงไปดีเบตกันอยู่เลยว่าใครร้องแจ่มกว่าใคร แต่ใจผมชอบไปทางน้าแอนดี้ ชอบแกคำราม สะใจดี>



เอาล่ะว้อย เริ่มมันส์ล่ะสิ





และแล้ว ในปี  1993 พวกมันก็กลับมาอีกครั้งด้วยอัลบั้ม Master of the Ring
ด้วยหน้าปกโคตรจะชวนเจ๊งกะบ๊งและถอนหายใจตั้งแต่แรกเห็น
ทำไมปกมึงมันดูกระจอกงอกง่อยอย่างกับเทปผีพีคอคยังงี้วะไอ้น้า





แต่ทว่านี่คือการกลับมาด้วยไลน์อัพใหม่ที่ยิ่งใหญ่ สมศักดิ์ศรี ของโคตรวงในตำนาน
มันคือการเปิดศักราช การกลับมาของโคตรเยอรมันพาวเวอร์วงนี้อย่างแท้จริง


เสียงร้องห้าวหาญ คำรามสนั่น ดุดัน
กีตาร์คู่ปั่นรับกันอย่างเหมาะเจาะด้วยความเร็วสะท้านสามโลก
กลองหวดตามข้างบี้มาติดๆ
เบสคลุมอุ้มหมดแบบเอาอยู่

เครื่องดนตรีทุกชิ้น ได้อวดฝีมือในทุกเพลง
ขออย่าได้พลาดอัลบั้มนี้ด้วยประการทั้งปวงครับท่าน


มีบางเพลงไม่รู้จิกกัดใครหรือเปล่า Mr. EGO

เพลงอ้อนเหล่าแม่ยกหูเหล็ก ด้วยการประกาศดังๆว่าพวกกูกูกลับมาแล้วโว้ย  still we go

มีเพลงที่เปิดตัวมือกีตาร์คนใหม่อย่างโรแลนด์ ที่มายืนคู่ไวการ์ด where the rain grow
ท่อนลีดช่วงกลางนี่ขอบอกเลย มันจะพาเราขึ้นจากพื้นแล้วไประเบิดตูมกลางอวกาศเป็นโกโก้ครันซ์ในเวลาสามวิอย่างน่าขนลุกขนพอง แต่เปี่ยมสุข

อัลบั้มนี้เป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ทำให้แฟนเพลงที่เมินหน้าหนี หันกลับมาหาพวกมันอีกครั้งอย่างอบอุ่น
<บอกตรงๆ อัลบั้มนี้ที่ออกด้วยค่ายsolarบ้านเราในสมัยนั้น ผมฟังแทบทุกวัน บางวันวันล่ะสองสามรอบ ฟังจนยืดอ่ะ>



และจากนั้น อัลบั้มต่อๆมาพวกมันก็เดินหน้าบุกทะลวงชาร์ตเมทัลกันเป็นว่าเล่นด้วยไลน์อัพชุดนี้



ในปี 1996  The Time of the Oath  มีเพลง power ที่โคตรมันส์

ในปี 1998 Better Than Raw  อัลบั้มนี้จะค่อนข้างโหดกว่าเพื่อน  แต่ลองฟังเพลงนี้ดู Laudate Dominum มันส์ๆ




จุดเปลี่ยนมาถึงไอ้ฟักทองอีกครั้งในปี 2000
เมื่อทางวงก็ได้ออกงานชุด The Dark Ride
อัลบั้มนี้ฟังรวมๆแล้วแล้วมันหม่นๆ หมองๆ 
มันไม่ใช่Happy metal แบบที่พวกมันเคยนิยามตัวเองเอาใว้เลย

นั่นก็มาจาก Roland Grapow และ Uli Kusch ที่คล้ายๆจะเบื่อๆแนวเดิมๆ จนได้พยายามผลักดันซาวด์ใหม่ให้กับ Helloween
แรกๆ ไวการ์ด เองก็เคลิ้มๆเห็นด้วยเหมือนกัน เลยคลอดออกอัลบั้มนี้ออกมา

แต่ในที่สุด พวกสมาชิกคนอื่นๆในวงก็ช่วยสะกิดเตือน
เมื่อไวการ์ดสะดุ้งเพราะโดนเขี่ย  น้าแกก็ทำการไล่ผี
ด้วยการขอแยกทางทั้ง กราพาว และ เคิร์ส ออกไปทั้งคู่เลย

ดังนั้นทั้ง 2 หน่อนี่เลยไระเห็จไปตั้งวงใหม่ชื่อว่า Masterplan
ซึ่งก็ออกไปในแนวหม่นๆอย่างที่พวกเฮียๆเขาชอบนั่นแหละ
<มีบางชุด พี่คิสก์ก็ไปแจมร้องนำเหมือนกันนะ>



มาถึงตอนนี้ ไอ้ฟักทองก็ขึ้นไปอยู่เป็นวงบนหิ้งเหมือน ดอน คอลิโอเน่ แห่งเยอรมันพาวเวอร์ไปแล้ว
ชื่อเสียงของวงมันหอมหวน  ใครๆก็นับถือในฝีมือ  อยากขอแจม

ดังนั้นในอัลบั้มต่อๆมา การเปลี่ยนแปลงสมาชิกจึงมีอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง หลายตำแหน่ง
แต่คีย์แมนผู้แต่งเพลงหลักๆยังเป็นน้าไวการ์ด และน้าแอนดี้อยู่ เหมือนเดิม

ทุกอัลบั้มที่ออกตามกันมาหลังจากช่วงนี้ ไม่มีตกคุณภาพ มีแต่ดีมาก กับดี๊ดี  และดีจุงเบย
ไอ้ฟักทองออกงานมาชนิดที่ไม่เคยทำให้แฟนเพลงต้องหันหลังอีกเลย


และแล้วในปี  2551 แฟนเพลงชาวไทยก็ได้เฮกันดังๆ 
เมื่อตารางเวิร์ลดทัวร์ปรากฎรายชื่อประเทศไทยด้วย
มันเป็นเวิร์ลดทัวร์ ในอัลบั้ม Gambling with the Devil 

นี่คือความฝันของเฮดแบงเกอร์ชาวไทยที่รอคอยมานานกว่าสามสิบปี นับแต่พวกมันอุบัติขึ้นในโลกเมทัล
อยากฟัง อยากเห็น อยากสัมผัสกลิ่นอายสดๆเป็นๆแบบ livin breathดูสักครั้ง

แถมอะไรไม่ว่า  โดยที่ไม่ปรากฎข้อมุลล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้น 
ในคืนนั้นที่ธันเดอร์โดมเมืองทองธานี  แฟนเพลงหูเหล็กชาวไทยต้องได้เฮกันสนั่น

ก็อยู่ๆ น้าไค อดีตสมาชิกรุ่นก่อตั้ง แกโผล่จากไหนไม่รู้
โดดขึ้นเวทีร่วมกับวงไลน์อัพใหม่ ขึ้นแจมด้วยความเมามันและชื่นมื่น

และที่ไทยเป็นที่เดียวในโลกด้วยที่ไอ้ฟักทองยุคโพสต์โมเดิร์นเล่นโดยมีน้าไค
เพราะเรื่องของเรื่องที่เค้าว่ากันก็คือ  แกแอบย่องมารอวงเก่าแกที่ภูเกต
ก็นอนกินสัปปะรด  กินกะเพราะไก่ใข่ดาว เล่นน้ำทะเล ดูอโกโก้หาดป่าตองอะไรไปตามเรื่องตามราวก่อน

พอได้เวลาวงเก่าแกเล่น แกก็แอบๆย่องขึ้นกรุงเทพ มาแจมแบบกะเซอร์ไพรส์โดยไม่ให้สมาชิกรู้ล่วงหน้าก่อน
<อันนี้เค้าว่ากันว่านะ  อิอิอิ >


คืนนั้นร่องรอยความบาดหมางระหว่างเพื่อนเก่าดูจะจางลงจนไม่เห็นเลย
ใครจะรู้ว่านั่นคือสัญญาณการคืนดีกันในอีกเกือบสิบปีต่อมาอีกด้วย

<ผมเสียดายคอนเสิร์ตครั้งนั้นมาก ที่ไม่ได้อยู่ไทย ทั้งที่รอมานานแสนนาน บัดซบจริงเร้ยยยย
 ยังแอบอิจฉาเพื่อนผมอยู่เลยนะเนี่ยะ มันบอกโยกเสียจนคอเคล็ด >


พวกมันยังขยันออกงานอย่างสม่ำเสมอ และอย่างน่าทึ่งด้วยระดับฝีมือและผลงานที่ไม่เคยตกมาตรฐาน
พวกมันไม่เคยมอบเศษเพลงให้แฟนซ้ำสอง จากการหลงผิดเมื่อกว่ายี่สิบก่อน


2010  7sinners

2013 Straight Out Of Hell

2015  My God-Given Right



และในที่สุดกาลเวลาที่ผ่านไป  บางอย่างย่อมเปลี่ยนไป แม้แต่ใจคน
ข่าวสู่เหล่าแฟนเพลงเดนตายของพวกมันให้ได้เฮกันสนั่น ชูกำปั้นหราด้วยความสะใจ

ช่วงปลายปี2017   ฟักทองออกมาประกาศรวมตัวกันกับเหล่าสมาชิกเดิมอีกครั้ง
มันแปลว่า  นับแต่บัดนี้ไป เฮลโลวีนจะมีสมาชิกดั้งเดิมรุ่นก่อตั้งร่วมกับสมาชิกยุคฟื้นฟูเป็นวงเดียวกันน่ะสิ

Michael Kiske - ร้องนำ
Andi Deris - ร้องนำ
Kai Hansen - กีตาร์
Michael Weikath – กีตาร์
Sascha Gerstner - กีตาร์
Markus Grosskopf - เบส
Daniel Löble - กลอง และเพอร์คัสชั่น


และนับแต่นั้น พวกมันก็ได้ออกทัวร์รอบโลกให้สาแก่ใจพวกมันเอง
 และสมใจรอคอยของแฟนเพลงที่อยากเห็นเพื่อนสนิทมาคืนดีกันได้เสียที ถึงจะใช้เวลานานอยู่สักหน่อยก็ตามเถอะ
พวกมันออกทัวร์ในนาม PUMPKIN UNITED

<แถมเรื่องแปลกที่ในเวลาไล่เลี่ยกันหัวหอกของอเมริกันไตตั้นเมทัล อย่าง เหล่าสมาชิกเมทัลลิกา กับ พี่เบี้ยว เดฟ มัสเทนแห่ง เมกาเดธ ก็ดูว่าจะกลับมาคืนดีกันอีกด้วย >



และนี่คือเรื่องราว ความยิ่งใหญ่ของ  HELLOWEEN  เดชไอ้ฟักทองปิศาจ 
   









แถมอีกนิด Kai hensen  ถูกขนานนามด้วยความยกย่องจากเพื่อนพ้องพี่น้องในวงการว่า
เขาคือ "the godfather of power metal"
เครดิตของเขาถูกฝากใว้ในหลายอัลบั้มของเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในวงการที่เขาไปร่วมแจมจนตาลาย เพราะถูกรับเชิญไปเป็นเกียรติหลายวงเหลือเกิน
แถมเขายังเป็นป๋าดันให้เยอรมันพาวเวอร์รุ่นหลานๆอีกหลายวง 
บางทีวงเด็กๆพวกนี้ไปเล่นที่ไหน แกก็แอบไปโผล่ร่วมแจมด้วยมาดชิลๆที่ทำเด็กๆสะดุ้งคล้ายโดนครูจับได้ว่าแอบสุบบุหรี่ในส้วมก็มีบ่อย






ส่วนไวการ์ด ซึ่งจริงๆแล้วจะว่าไป เขาก็เป็นผู้แต่งเพลงหลักคนนึงพร้อมกับไคเช่นกัน
เคยมีผู้ตั้งข้อสังเกตเอาใว้หลังจากมีข้อพูดคุย ถกเถียงกันต่อเนื่องยาวนานมาตลอดว่าระหว่าง ไวการ์ด กับ ไค ในเชิงดนตรีใครเก่งกว่ากัน

เสียงนิรนามสรุปให้กับตัวเองฟังดังๆโดยเผื่อให้คนอื่นได้ฟังด้วย
ได้ความว่า
" คู่นี้มันเหมือนหยินหยางโว้ย  ไคอาจจะดูปรู๊ดปร๊าด และดูเปี่ยมไปด้วยพลังงานยามอยู่บนเวที มันไต่สายลวดได้ไวยังกับกายกรรมเปียงยางก็จริง  "

" แต่ไวการ์ดที่พวกมึงเห็นว่ามันเงียบๆ เฉยๆ นิ่งๆน่ะ  เอาเข้าจริงมันก็กวดตามไอ้ไคมาได้ทุกเพลงเลยนะ แถมบางจังหวะมีปาดหน้าแล้วเหยียบเบรคด้วย "

ก็นั่นล่ะครับ ท่านผู้ชม




หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมมาจากหลายที่ ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  ความเห็นส่วนตัวจากการฟังของตัวเอง 
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน
                   ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ 
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร ขอน้อมรับความผิดทุกประการครับ 
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ

               
                  ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
                  Metal brother Hood , Hail Metal

                  Longlive Metal 

 สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และดูคอนเสิร์ตนะจ๊ะนะจ๊ะ  [gurock01] [gurock01] [gurock01]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/01/2562 [16:36:32] โดย GAMMARAY »
#4 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 02/11/2561 [13:48:43]
KING DIAMOND จ้าวปิศาจ



ควันหลงฮัลโลวีนกันหน่อยสิจ๊ะ  [smile02]

มันคือเฮอเร่อร์เฮฟวี่จากยุคแปดศูนย์

KING DIAMONDผู้ขึ้นเวทีด้วยคอร์ปเพนท์แบบอสูร 
และการเอนเตอร์เทนบนเวทีที่ดูรุนแรงและสยองขวัญ
ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นต้นแบบบรรดาแบล๊คเมทัลในทุกวันนี้ 



ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มันเคยทำวง mercyful fate มาก่อน นั่นก็โคตรดัง
แล้วมันก็โดดมาทำไซต์โปรเจ็คของตัวเองด้วยชื่อของมันเอง
ปรากฎว่าก็ดังเหมือนกัน




เอกลักษณ์ทางดนตรีของ KING DIAMOND คือมันร้องได้สารพัดเสียง
ทั้งเสียงคนแก่ เสียงสัตว์ เสียงภูตผีปิศาจ คลีนวอยส์ มันร้องได้หมด

คือเพลงมันจะมีซาวด์เอฟเฟคผสมมาแบบหยังสยองขวัญยุคคลาสสิค
มันก็ร้องไปๆ จากเสียงชายหนุ่มอยู่ดีๆมันก็เปลี่ยนเป็นเสียงคนแก่โดยฉับพลันแบบไม่มีกระตุกเลย 
แล้วจากคนแก่ มันก็ครางเป็นเสียงแมวเสียงค้างคาว แล้วก็เสียงสำรอกแบบปิศาจ 
ทูโทนวอยส์ เมืองนอกเขาเรียกยังงั้น แต่จริงๆแล้วมันน่าจะวาเรียสโทนวอยส์มากฝ่า


ตัวเพลงเป็นเฮฟวี่แบบยุคคลาสสิค  ไม่ค่อยเน้นเมโลดีเพราะๆเท่าไหร่
เพราะมันจะออกซาวด์แบบบีบๆขัดๆหน่อยฟังดูน่ากลัวไม่ใช่เล่น

แทบทุกอัลบั้มจะเป็นคอนเซปอัลบั้ม 
เล่าเรื่องราวลึกลับสยองขวัญ บ้านผีสิง วัตถุอาถรรพ์ การเข้าสิงสู่ของภูติผีปิศาจ  การขับไล่ภูตผี


อัลบั้มที่ควรค่าแก่การนำมาชำเราหูที่อยากแนะนำ
นี่คือความคลาสสิคขึ้นหิ้งตลอดกาล 
กับคอนเซปอัลบั้ม   ABIGAIL  คฤหาสถ์ผีนรก





เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า

โจนาธานกับภรรยาเดินทางไปรับมรดกของปู่ที่เป็นท่านเคาท์ ซึ่งเป็นคฤหาสถ์เก่าแก่
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าที่นั่นมีวิญญาณร้ายสิงอยู่
ในภายหลังมันได้เข้าสิงร่างของภรรยาโจนาธาน 
สุดท้ายเกิดการเข้าต่อสู้ขับไล่วิญญาณร้ายของเหล่าบุรุษอาชาดำทั้งเจ็ดด้วยการสะกดวิญญาณผี


พิธีการขับไล่สะกดภูตผี บรรยากาศ เนื้อเรื่องที่ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเดียวกันตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย
บรรยากาศตั้งแต่คู่สามีภรรยาพากันโดยสารรถม้ามาที่คฤหาสถ์ในกลางดึก
และพวกเขาถูกเตือนโดยบุรษผู้ขี่อาชาดำลึกลับเจ็ดคน
วิญญาณร้ายที่แอบแฝงรออยู่ได้เข้าสิงร่างภรรยาโจนาธานที่กำลังตั้งครรภ์
จนทารกที่ยังไม่คลอดกลายเป้นปิศาจสิงในท้องของเธอ
การร่วมกันเข้าต่อสู้ขับไล่วิญญาณร้ายของเหล่าบุรุษอาชาดำทั้งเจ็ด  [evil01]



พล๊อตมันน่าเอาไปทำเป็นหนังโคตรๆ  [thumbup]
สยองแบบคลาสสิคมาก เหมือนเบรมสโตเกอร์ แดร็คคูล่าเลย

เพลงมีครบทุกจังหวะ ซาวด์หลอนๆ เนื้อเพลงเยี่ยม ต่อกันเป็นตอนๆจนจบอัลบั้ม
เกือบยี่สิบปีต่อมาก็มีอัลบั้มที่เป็นภาคต่อจากอัลบั้มนี้ด้วย




น้าคิงนี่ก็คงนับว่าเป็นนักดนตรีจอมเผด็จการอีกคนนึง คงเหมือนคนความสามารถสูงทั่วไปที่อยากให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด
 มือเซ็คชั่นประจำวงเลยเปลี่ยนหน้าเกือบทุกชุด   มีแต่มือกีตาร์คู่บุญ  แอนดี้ ลาโรค นักกีตาร์มือปือนห้องอัดฝีมือดี ที่ใช้บริการประจำ


KINGมันเล่นข้ามไปข้ามมาทั้งสองโปรเจ็ค  ระหว่างวงmercyful fateกับKING DIAMOND แนวคล้ายๆกันแหละ
ตอนนี้ตัวมันอายุก็จวนจะ60อยู่แล้ว แต่ยังเดินสายอยู่ 


สนใจเชิญลองหาฟังได้
ลองหาฟังดูตามยูทูป มิวสิควิดิโอมันก็ยังกะหนังสยองขวัญ
ฟังก่อนนอนรับรองฝันดี มีความสุข ทั้งกายและใจ อย่างบอกไม่ถูก อิอิอิ




หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมมาจากหลายที่ ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  ความเห็นส่วนตัวจากการฟังของตัวเอง 
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน
                   ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ 
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร ขอน้อมรับความผิดทุกประการครับ 
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ

               
                  ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
                  Metal brother Hood , Hail Metal

                  Longlive Metal 

 สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และดูคอนเสิร์ตนะจ๊ะนะจ๊ะ  [gurock01] [gurock01] [gurock01]


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02/11/2561 [13:55:08] โดย GAMMARAY »
#5 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 16/01/2562 [14:53:38]
 
Bad Religion
อเมริกันเมโลดิคพังค์ แนวหน้าแห่งขบฎดนตรี



เราจะทำอย่างไรดี 
ถ้าเราพบว่ากำลังอยู่ในแถวของฝุงชนนับล้านๆ
ที่กำลังเดินเรียงแถวกัน มุ่งหน้าตามกันไป เพื่อที่จะทยอยตกหน้าผากันทีล่ะคนๆ
โดยเหมือนจะมีเราคนเดียวที่รู้ตัว



คนตัวเล็กๆที่อาจอยู่ชายขอบของสังคม หรือแม้แต่ ชนชั้นกลางหรือใครต่อใครก็อาจเกิดตระหนักขึ้นมาได้
ซึ่งพวกเขาเหล่านี้บางคนก็อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นอย่างที่ตัวเองคาดหวัง


แต่จะทำอย่างไรดี
เพราะถ้าบางครั้ง ตัวเองก็เป็นเพียงพนักงานในออฟฟิศตัวเล็กๆที่ยังโดนหัวหน้าโขกสับ
เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ต้องทนเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าท่า แต่ทำอะไรไม่ได้ 
เป็นคนรับจ้างรายวันที่ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีคนจ้างงานหรือเปล่า
เป็นพ่อค้าแม่ขายที่กำลังจะถูกขึ้นค่าเช่าที่หรือกำลังถูกเซ้งตลาด
เป็นผู้คนที่ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรเลยในสังคม





สิ่งหนึ่งที่จะมาช่วยเยียวยาให้พวกเขาเหล่านี้มีที่ระบายออกได้
สิ่งที่จะช่วยส่งเสียงให้ได้ยินไปในวงกว้าง จนอาจทำให้เหล่าทวยเทพผู้มีอำนาจข้างบนได้ยิน
และอาจจะสามารถพาคนที่คิดแบบเดียวกันมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเข้าร่วมกันจนมีพลังได้



หนึ่งในสิ่งนั้นคือ ศิลปะดนตรี


สำหรับในยุค 70' ยุคแห่งการแสวงหาและบุปผาชน
แรงบันดาลใจของบทเพลงเพื่อชิวิตแบบฝรั่งๆ มักจะมาจากพวกโฟล์ค หรือบลูส์ ร๊อค
อย่าง จานิส จอปปลิน , โจแอน บีช , ไซมอนด์ แอนด์ การ์ฟังเกล  ,บ๊อบ ดีแลน หรือ ccr



แต่สำหรับยุคนี้ดนตรีประเภทแรกๆที่บอกเล่าเรื่องราวที่ว่านั้นคนส่วนมากนึกถึงคือแรปและฮิปฮอป
เพราะทั้งแรปและฮิปฮอปนั่นมันชัดเจนมาตั้งแต่จากกำเนิดของมันเลยทีเดียว 
นั่นคือมันเกิดมาจากรากหญ้าของชนผิวสี


ส่วนเราที่มาทางสายเมทัลก็จะมาดูกันซิ ว่าชนหูเหล็กอย่างพวกเรามีกับเค้ามั่งมั้ย
คำตอบคือ มี  แถมมีไม่ใช่น้อยด้วยนะ


เมทัลที่พูดถึงการเมืองนั้น มีหลายวงอยู่เหมือนกัน
 โดยมากเท่าที่เคยฟังผ่านมาบ้างมักจะพบว่าเป็นสาย  แทรช  ฮาร์ดคอร์  มีเดธปนมาบ้าง 

 ตัวอย่างเช่น nail bomb , sepultura , metallica , Megadeth, Dezember <วงไทย> ,
Brujeria , Rage Against The Machine ,

Brujeria วงรวมดาวบรูตัลเดธละติน คอนเซปวงคือแก๊งค้ายาเม็กซิโก



Dezember <วงไทย> วงธันวามหาโหด ไทยเดธเมทัลรุ่นปลาย90'
มือกีตาร์และฟร๊อนท์แมน น้าต้น สยาม ชุมทองฝีมือฉกรรจ์มากๆ
เคยฟังพี่แกครั้งหนึ่งเล่นเป็นวงปิด  ในงานDEMONIC ที่จัดเป็นครั้งแรก เริมงานสักห้าโมงเย็น เลิกเที่ยงคืนอ่ะ มาราธอนดีมั้ยล่ะ [lol01]
ตอนนั้น พอเฮียแกกระชากริฟท์เท่านั้นแหละ ฝูงชนที่กำลังมอสกันบ้าคลั่งยังต้องหยุดฟังแกอ่ะ มันเทพจริงๆ  [cheer01] [cheer01]

แล้วนี่แกยังเคยลองทำงานparody มาตัวนึง เพลง อยากร้องดังๆของปาล์มมี่ด้วยนะ  ทั้งมันส์ทั้งฮา ลองห่าฟังดูดิ ฮ่าๆๆๆ [lol01] [lol01]




พวกวงที่ยกตัวอย่างมานี้ ก่นด่าประนามสังคม
บรรยายภาพความเสื่อมโทรมผ่านดนตรีที่สามารถแยกกบาลคนฟังให้แตกแบบแตงโมโดนใม้ฟาดได้เลยทีเดียว



แต่รอบนี้อยากคุยถึงอีกแนวดนตรีที่เป็นเหมือนญาติสนิทมิตรข้างบ้านของเมทัลกันมั่ง
พวกนี้มันที่มีภาพชัดเจนเพื่อสนองตอบต่ออุดมการณ์อย่างมั่นคงไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่มันเรี่มกำเนิดขึ้นมา
และมันไม่เคยออกนอกแนวเลย เพราะมันเองก็เกิดมาเพื่อสิ่งนี้เพียงอย่างเดียว



นั่นคือ สายพังค์



ร๊อคสายพังค์นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าการกำเนิดของฮาร์ดร๊อคต้นธารของเมทัลในทุกวันนี้เหมือนกัน
และมันมักโดนเคลมว่ามีต้นกำเนิดมาจากพวกผิวขาวที่เป็นชั้นล่างๆหน่อย

เท่าที่สามารถตามสืบประวัติย้อนกลับไปได้นั้นพวกมันมีมาตั้งแต่ยุค 60' โน่นเลยทีเดียว 
ในตอนนั้นบางทีก็เรียกว่า garage rock เพราะบางวงก็อัดเสียง ทำเพลงกันในโรงรถนั่นแหละ
<จริงๆในอดีตมีเมทัลหลายวงเหมือนกันที่อัดเสียงกันในโรงรถในยุคเริ่มต้น ที่วันนี้กลายเป้นของสะสมไปแล้วก็มี>


สิ่งที่เป็นจุดแข็งและจุดยืนอันดับแรกของดนตรีพังค์นั่นคือ
มันจะต้องพูดถึงเรื่องการเมือง  นักการเมือง การคอร์รัปชั่น ความเชื่อในลัทธิศาสนา ความเหลื่อมล้ำ เรื่องน่ากังขาในสังคม
ความไม่พอใจในช่วงชนชั้นทั้งหลาย การต่อสู้ ขัดขวางอะไรสักอย่างที่มันไม่เห็นด้วยในสังคม
จะพูดด่ากันตรงๆหรือจะเป็นเสียดสี ความนัยก็แล้วแต่ที่แต่ล่ะวงจะสร้างสรรค์กันมา
 
จะให้ยกตัวอย่างยังไงดีนะ เอาว่าลองนึกถึงการเอาเพลงของวงคาราวานมาเล่นแบบ green dayดู
<ต้องขอโทษที่ไม่อาจยกมาเทียบกับวงไทยนะจ๊ะ เพราะไม่รู้จักพังค์ไทยเท่าไหร่จร้าาา>




เอกลักษณ์รของพังค์นั้นคือความขบถ ความแปลกแยก
ความไม่อยากไม่เข้าพวกกับคนส่วนใหญ่ ไม่คล้อยตามสังคมจนบางทีก็ถึงต่อต้านสังคมไปเลย


จะสังเกตได้ตั้งแต่ แฟนเพลงพังค์หรือนักดนตรีพังค์นั้นมักจะแต่งตัวหรือตกแต่งร่างกายให้แตกต่างจากคนทั่วไปอยู่ไม่น้อย
เครื่องประดับ ลายสัก ทรงผม เครื่องแต่งตัวที่เรียกว่าดูปุ๊บ รู้เลยว่านี่แหละพังค์
กูไม่เข้าพวกกะใคร กูเป็นของกูแบบนี้แหละ





ถึงตอนนี้จะสังเกตได้ว่าต้นกำเนิด ของ เมทัล แรป พังค์ บลูส์ แม้กระทั่งแจ๊สนั้นก็มาจากเหล่าคนรากหญ้าทั่วๆไปนี่แหละ
มันเป็นดนตรีเกิดใหม่ มีขนบธรรมเนียมที่ดิ้นไปมาลื่นไหลได้ ตามสภาพสังคมของแต่ล่ะพื้นที่ ไม่มีขนบตายตัว
ซึ่งต่างจากดนตรีสายเก่าอย่างพวกคลาสสิค อย่างเพลงแบบซิมโฟนี พวกวงออร์เครสตร้า หรือ วงแชมเบอร์ ที่มีอายุเก่าแก่นมนาน

เป้นที่น่าสังเกตว่าคนจะเล่นดนตรี หรือฟังดนตรีลักษณะนี้มักมีฐานะ มีที่ทางทางสังคมที่ดีอยู่ก่อนแล้ว
การแต่งตัว เตรียมตัวในการฟัง การเข้าชมคอนเสิร์ตวงคลาสสิคจึงต้องแต่งกันเต็มยศ  เป็นเรื่องเป็นราว
อย่างที่คำไทยเรียกว่า ปีนกะไดฟังนั่นแหละ

ซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับวงชาวบ้านที่เฮี้ยวๆ อย่างพังค์ร๊อคหรือเมทัลแน่นอน
<อาจคิดได้ว่า ก็คนรวยๆมันไม่ต้องทำงานเองแล้วไง มันก็มีเวลาไปประดิษฐ์ประดอยอะไรสวยๆมีคลาสๆได้
 แต่คนจนๆเอาแค่ว่า วันนี้จะหาตังยังไงดีนี่ก็จบแล้ว เรื่องศิลปะเอาใว้ก่อน >


ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ในยุคหนึ่ง พังค์ในสายตาของคนทั่วไปจะถูกมองว่าเป็นพวกไม่น่าใว้ใจ พวกคนไม่ดี
ซึ่งจะเห็นได้ง่ายๆจากในหนังฝรั่งยุคนึง ที่พวกผู้ร้ายข้างถนนที่คอยจี้ปล้นพระเอกนางเอก มักแต่งตัวคล้ายพวกพังค์
 <สมัยนี้ผู้ร้ายข้างถนนของฮอลลีวู๊ดอาจเป็นคนผิวสีหรือพวกฮิสปานิค>

พวกพังค์มักจะถูกมองเหล่ๆด้วยความไม่ใว้วางใจจากคนทั่วไป
ซึ่งนั่นก็อาจเป็นเรื่องที่พังค์ต้องการอยู่แล้ว
เพราะพวกเขาเองก็ปฎิเสธการกลมกลืนเป็นเนื้อ เดียวกับสังคมที่เขาอยู่อยู่แล้ว



พังค์  ดนตรีแบบศิษย์ไม่มีครู

ในตัวภาคดนตรีนั้น เพลงพังค์ไม่เน้นความหวือหวา ไม่อวดเทคนิค
ดนตรีพังค์จะเน้นความเร็ว ว่องไว ไม่ค่อยมีโซโล่โชว์ฝีมือแบบพวกเมทัลกีตาร์ฮีโร่
ถ้าเป็นพังค์ล่ะก็พ่อจะสับริฟท์แหลก สับลูกเดียว
ฟั่บๆๆๆๆ ตั้บๆๆๆๆ จบ  ขึ้นเพลงใหม่  แล้วก็สับๆๆๆๆๆ ตั้บๆๆๆๆๆๆ จบ 
ขึ้นเพลงใหม่ 


ทางเดินคอร์ดที่ใช้เล่นส่วนมากคือคอร์ดที่จับง่ายๆ สี่ห้าคอร์ดวนกันไป  เพลงก็สั้นๆ สักนาทีสองนาทีจบแล่ว
อาจเป็นเพราะกำเนิดของพังค์มาจากคนที่ไม่เคยเรียนหรือมีพื้นฐานทางดนตรีใดๆมาก่อน
 แต่อยากระบายออก ดังนั้นพอจับคอร์ดง่ายๆได้ พวกพี่แกก็ซัดยับเลย

และอาจจะประกอบกับความไวของการที่ต้องสับริฟท์ตลอดเพลง
ดังนั้นการใช้คอร์ดง่ายๆก็อาจจะง่ายต่อการเปลี่ยนคอร์ดเล่นได้ด้วย
โดยรวมดนตรีจึงออกมาอย่างเป็นตัวของตัวเองที่สุด คือง่ายๆดิบๆ ได้รมณ์เด็กเห่อหนวด



ภาคเสียงร้องออกไปในทางตะโกน ตะคอก เรียกว่าโหวกเหวกเลยก็พูดได้
อาจไม่ได้ถึงกับคำรามหรือทำเสียงกดแตกลงคอแบบเดธ หรือแทรช คือพังค์ยังพอฟังรู้เรื่อง
ซาวด์จะออกดิบๆหยาบๆ  ไม่ค่อยปรุงแต่งมากนัก ออกไปในแนวโฉ่งฉ่าง เสียดแก้วหูไม่เบาเหมือนกัน
 <เพราะบางทีมันก็อัดเสียงกันในโรงรถนั่นแหละ ยุคแรกถึงได้เรียกกันว่า วงการาจ >


สถานที่การเล่นสดของพังค์มักไม่นิยมใช้ฮอลล์หรือสนามกีฬาใหญ่ๆเหมือนพวกวงร๊อค วงเมตัลรุ่นใหญ่บิ๊กเนมตอนออนทัวร์ทั่วๆไป
แต่พังค์มักนิยมใช้ร้านเล็กๆสถานที่เล็กๆที่จุคนดูได้หลักร้อย
ซึ่งการแสดงสดของพังค์นั้นนักดนตรีกับคนดูจะใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวถึงเหงื่อถึงจั๊กกะแร้กันมาก 
นัยว่าลื้อกะอั๊วะพวกเดียวกันนะว้อย
<วงเมทัลหลายๆวงก็ชอบแบบนี้นะ ชอบเล่นในคลับเล็กๆมากกว่าก็มีนะ>

ซึ่งจะว่าไปนับว่าเข้ากันดีอยู่ เพราะการแสดงของวงพังค์ไม่เน้นองค์ประกอบเวทีอลังการอะไรมาก เครื่องดนตรีก็ไม่มากชิ้น
เมื่อสถานที่อันดิบๆมารวมกับซาวด์ดนตรีที่หยาบๆ
มันเลยเข้ากันดีอย่างน่าประหลาด
เหมือนใบเมี่ยงห่อกุ้งแห้งถั่วลิสงและน้ำปลาหวาน ซี๊สสสสส




ลองดูเปรียบเทียบ เวทีของ วงเมทัลบิ๊กเนม อย่างไออ้อน เมเดน กับ วงพังค์ดูสิ


นี่ึคือความอลังการของวงเมทัลบิ๊กเนม อย่างไออ้อน เมเดน วงเมทัลนามกระฉ่อนโลก
ที่ทุกเวทีของปิศาจเหล็กไหลมีเรื่องราวเสมอ





แต่พังค์คอนเสิร์ตมันต้องยังงี้ ๆ





นี่คือสภาพอันอบอุ่นของ The Ramones บนเสตจแห่งนึงในปี 1977 ,NY






ตัวอย่างของวงพังค์ที่มีชื่อเสียง ในทุกมุมโลก บางวงนะครับ
sex pistol , ramones , the clash , mortor head <วงนี้คาบเกี่ยวคู่คี่ดู๋ดี๋อย่างมากกับแนวเมทัล >
 , green day ,off spring . dead kenedy ,Black Flag





โม้มาซะยาว ครั้งนี้ อยากขอแนะนำวงอเมริกันเมโลดิคพังค์ที่ผมโคตรชอบวงนึงมาให้รู้จักกันครับ
นั่นคือ แถ่นแท้นนนนนนนนน

Bad Religion





วงนี้กำเนิดขึ้นที่ แอลเอ ตั้งแต่ยุคต้น80 นั่นเลย และยังออกเอัลบั้ม รวมถึงการตลอนออนทัวร์มาจนทุกวันนี้
เรียกว่าตั้งวงมาตั้งสามสิบกว่าปีแล้วยังมีไฟอยู่

มาถึงวันนี้ วงนี้ สมาชิกมี 5คน <ไม่นานมานี้ เคยมี6คน>
 ซึ่งถ้าจะว่าไปสำหรับวงพังค์ทั่วๆไปแล้ววงนี้มีสมาชิกมากอยู่



สำหรับตอนนี้ มีรายนามตามนี้
< ก๊อปจากวิกิมาอัพเดตซะเลย  ช่างหน้าด้านดีแท้ อิอิอิอิ >

Greg Graffin – lead vocals, piano, synthesizers, acoustic guitar (1980–present)
Brett Gurewitz – guitar, backing vocals (1980–1983, 1987–1994, 2001–present)
Jay Bentley – bass, backing vocals (1980–1982, 1986–present)
Brian Baker – guitar, backing vocals (1994–present)
Jamie Miller – drums, percussion (2015–present)


วงนี้ มันทำเนื้อหาได้ซื่อตรงต่อความเป็นพังค์มาก
อะไรที่พังค์ควรพูด ควรกล่าว ควรสะกิดสังคมให้ตระหนัก พวกมันทำ

การเมือง ศาสนา ปัญหาสีผิว ปรัชญา ชนชั้น เชื้อชาติ ความเหลื่อมล้ำ 
พวกมันทำได้เด็ดขาดมาก

เพลงแต่ล่ะเพลงสั้น กระชับ ไม่ยาว พอจบปุ๊บอัดต่อเพลงต่อไปเลย ตามแบบฉบับเพลงพังค์


และเอกลักษณ์ของอเมริกันพังค์วงนี้คือท่อนเสียงประสานครับ
มันเรียบเรียงออกมาได้โคตรเพราะเลย   ลื่นหูแทบทุกเพลงด้วย


ตอนช่วงท่อนปล่อยร้องจบ กำลังเข้าพาร์ตกีตาร์สับกลางเพลง 
มันชอบมีเสียงประสานลอยออกมา  ฮาาาาห์  อาาาาาาาาา 

ไอ้ท่อนประสานนี่แหละมันช่างนุ่มนวลชวนโยกให้หัวโขกโต๊ะอย่างที่ซู๊ดดดด
คือโยกหัวได้อย่างพลิ้วเลย
นี่แหละเอกลักษณ์ของวงนี้


และในหลายสิบเพลงของพวกมัน ผมหลงรักเพลงนี้ครับ
"American Jesus"


จากอัลบั้ม Recipe for Hate




ลองอ่านเนื้อเพลงบางส่วนของเพลงนี้กันนะจ๊ะ

" I don't need to be a global citizen
Because I'm blessed by nationality
I'm member of a growing populace
We enforce our popularity
There are things that seem to pull us under
And there are things that drag us down
But there's a power and a vital presence
That's lurking all around


We've got the American Jesus
See him on the interstate
We've got the American Jesus
He helped build the president's estate"

แสบดากดีมั้ยล่ะ



เนื่องด้วยอายุที่ยาวนานของวง เพลงที่ออกมาจึงมีจำนวนมาก
สำหรับแฟนพันธ์แท้ที่มีทุกอัลบั้ม ก็แล้วไป
แต่สำหรับแฟนหน้าใหม่ที่อยากลองฟังงานในช่วงที่ยาวนานของวงดู โดยไม่ต้องการซื้อทุกปก
ขอแนะนำให้หาอัลบั้มรวมฮิตมาฟังก่อน

ขอแนะนำอัลบั้มนี้จ้ะน้า



อัลบั้มชื่อ ว่า All Age  รวมเพลงเด็ดๆจากแต่ล่ะอัลบั้ม มันส์ตั้งแต่หัวแผ่นยันท้ายแผ่น มันส์ได้มันส์ดี
แถมเพราะว่าพังค์เพลงมันสั้น เลยตะบันอัดยัดเข้าไปได้ตั้ง 22 เพลงแน่ะ 
สับริฟท์กันหน้าทิ่มลำโพงไปเลย
<แต่ผมยังข้องใจ ทำไมมันไม่ใส่ Americun Jesus ลงไปด้วยวะ เพลงก็ออกจะดัง [mad05] [mad05] >





ตราบใดที่โลกยังมีความ อยุติธรรม ความคับแค้น ความเหลื่อมล้ำ  ความไม่เท่าเทียม
ศิลปะจะช่วยระบายโทสะ ช่วยเป็นกระบอกเสียง ป่าวประกาศจุดยืนของประชาชน
เราคงเคยได้เห็นกันมาบ้างแล้ว ว่าอำนาจแห่งดนตรีนั้นทำอะไรได้บ้าง


รู้จักBad Religion แล้ว เราก็มาช่วยพี่ Greg แกร้องท่อนประสาน ฮา ฮาาาา ฮ้าาาา ในท่อนฮุคกันเถอะ

ฮิ้วววววววววววววววววววววววว  [lol01] [lol01] [lol01] [lol01]



เสริม   

 Bad religion ออกโดยค่าย Epitaph Recordsมาตลอด
 เพราะค่ายนี้ เจ้าของคือ Brett Gurewitz มือกีตาร์ของBad religion นั่นเอง

ค่าย Epitaph Records เป็นแหล่งรวมของวงพังค์ชั้นดีมากมาย 
เช่น Bad religion , The Offspring ,Rancid, Pennywise , Every time I die

เพราะงั้น คิดถึงพังค์ คิดถึง Epitaph Records  [lol01] [lol01]



พบกันใหม่เมื่อผมอยากโม้อะไรให้ฟังอีกนะครัชทุกท่าน  [smile01]



หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
                 ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
                  รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง 
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ 
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
                  ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ 
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ 


                 
                  ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
                  Metal brother Hood , Longlive Metal
 

                สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และไปดูคอนเสิร์ตกันนะจ๊ะนะจ๊ะ  [thumbup] [cheer01]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17/01/2562 [10:46:05] โดย GAMMARAY »
#6 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 23/01/2562 [23:41:18]
ของผมยกให้วงนี้เลยฮะ [gurock01] [gurock01]



ชอบตรงที่มีลูกครึ่งเอเซียอยู่ในวงด้วย(เปล่าหรอกแอบชอบพี่แกเล่นกีต้าร์) น่าจะเป็นแนวพาวเวอร์+สปีด เมทัล เห็นดนตรีมันเร้าเหลือเกิน [smile06]
ตอนเช้าๆวันไหนไปทำงานแล้วงานเยอะๆ เปิดเพลงนี้แล้วคิดในใจว่า มึงก็มาเสสสสสสสสสสส   [rage03] [rage02] [rage03]
#7 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 24/01/2562 [07:21:33]
สุดยอดเลยครับ  [thumbup] [thumbup] [thumbup]
ความเห็นผม มันคือ วงประเภท พาวเวอร์ครับ
จุดเด่นคือ เมโลดิคติดหู และความเร็วที่เร็วมากกกกกกกกกกกกก


วงนี้ผมมีแผ่นเกือบทุกอัลบั้มเลยนะครับ  [perv02]
ในวงการ เค้าเรียกพวกมันว่า พวกบลาสต์ คือมันกระหน่ำทั้งริฟทั้งลีดได้เร็วมากๆๆๆ
เฮอร์มันลี ลี มือกีตาร์ฮ่องกงคนนี้ ผมเคยเจอจากเวปไหนไม่รู้
มันเอาเทมโปความเร็วในการปั่น มาเทียบกับ อิงวี่ด้วย
เฮอร์มัน ลีเร็วกว่าด้วยอ่ะครับ

ส่วนจุดด้อยนิดนึงคือ แทบทุกเพลง มันแทบจะไม่มีความต่างเลย
ถ้าเราไม่เจาะจริงๆ ทุกๆเพลงแทบจะแยกไม่ออกง่ะครับ คล้ายๆกันหมดด
มีแค่นี้เอง นอกนั้นมันสุดยอดมาก



ผมเคยไปดูคอนเสิร์ตพวกมันเมื่อหลายปีก่อนด้วยครับ เล่นที่ ธันเดอร์โดม เมืองทอง
ตอนนั้นพวกมันมาก่อนสงกรานต์นิดนึง
นักร้องนำพูดไทยชัดๆเลย  สุชสันต์วันสงกรานต์
แล้วมันก็โยนถังน้ำที่น้ำยังเหลือลงมาข้างล่างเวที แบบสาดน้ำอ่ะ
ผมกะลังโยกอยู่ไม่ทันมอง  โดนหัวผมเต็มๆ คอเคล๊ดเลยยยยยย  [cry01] [cry01]   [lol01] [lol01] [lol01]



ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ  [smile03] [smile03] [smile03] [thumbup] [thumbup] [thumbup]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/01/2562 [07:28:27] โดย GAMMARAY »
#8 Re: มนต์เพลง METAL เมื่อ: 30/01/2562 [09:47:44]
ต้อนรับเดือนแห่งความรัก กับเรื่องราวของความรักกันครับพี่น้อง  [mad02]




"Love Of My Life"

Love of my life, you've hurt me,
You've broken my heart and now you leave me.
Love of my life can't you see,
Bring it back, bring it back,
Don't take it away from me because you don't know what it means to me.


Love of my life, don't leave me, 
[Album version:] You've taken my love, you now desert me,
[Live version:] You've stolen my love, you now desert me,
Love of my life, can't you see?
Bring it back, bring it back,
Don't take it away from me because you don't know what it means to me.


You will remember
When this is blown over
And everything's all by the way
When I grow older
I will be there at your side to remind you how I still love you, I still love you.

Back, hurry back,
Hurry back, hurry back,
Please, bring it back home to me because you don't know what it means to me.
Don't take it away from me, because you don't know what it means to me -

Love of my life
Love of my life...






บางครั้งเบื้องหลังความสวยงามไพเราะอันอมตะของบทเพลงก็มีที่มาจากความเจ็บปวด
Love Of My Life  เพลงในยุค 70'  อันแสนไพเราะ จากวง QUEEN ราชันย์ในนามราชินี<เป็นสมญาจาก คุณ วิฑูร วทัญญู >

ฟังแล้วมันคือเพลงที่เพราะมากเพลงหนึ่ง จากวงร๊อคที่ดีที่สุดของโลกวงหนึ่ง จากนักร้องที่ดีเลิศคนนึงของโลก

แต่จริงๆแล้วจากทางเดินเมโลดี้อันไพเราะ เนื้อร้องที่สวยงามของเพลงนี้
เบื้องหลังเต็มมันไปด้วยความรักอันลึกซึ้งที่ผสมปนเปกับความทุกข์จากเรื่องจริงอันแสนเจ็บปวดที่ต้องถูกปกปิดเอาใว้


เฟรดดี้ เมอคิวรี่ คือผู้แต่งเพลง และผู้ขับร้องเพลงนี้
 
เขาคือนักร้องนำแห่งวงร๊อคนามอุโฆษกระเดื่องโลก   
QUEEN ราชันย์ในนามราชินี



วงนี้มีเพลงดังๆเป็นอมตะอยู่มากมาย ซึ่งล้วนแต่อุดมไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร
นั่นอาจเพราะวงนี้คืิอวงรวมดาวอัจฉริยะ

เฟรดดี้ นั้นคือกราฟฟิคดีไซด์ฝีมือดี   และเป็นผู้ออกแบบโลโก้วง
ส่วน ไบรอันเมย์นั้นไม่ได้เทพแค่ฝีมือแต่งเพลงและเล่นดนตรีนะท่าน
เขามีดีกรีเป็นถึงด๊อกเตอร์ ทางฟิสิกส์ และดาราศาสตร์เชียวนะ
 แถมเคยทำงานร่วมกับนาซ่าค้าหาดวงดาวในระบบสริยะจักรวาลด้วย 

โรเจอร์ เทเลอร์มือกลองเองก็นักศึกษาทันตแพทย์เช่นกัน

จอห์น ดีคอน มือเบส นี่ก็วิศวะไฟฟ้านะครับ
เรียกว่าวงนี้คือวงรวมอัจริยะจริงเลย

 

สำหรับQUEEN  เพลงที่เราน่าจะรู้จักกันดี   we'll rock you ที่ไม่มีเสียงเครื่องดนตรีเลย
มีแต่เสียงเฟรดดี้ที่ก้องกังวาลด้วยแบ๊คกราวด์จากเสียงปรบมือและกระทืบเท้าและเสียงหมู่ชนที่ร้องตามอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อจบลงจากนั้นก็จะตามด้วยเพลง we're the champion เพลงแห่งผู้กำชัยชนะ 
เรียกว่ามีแข่งกีฬาหรือแข่งขันอะไรที่ไหน ก็มักจะถูกแฟนๆกีฬาขอยืมมาใช้
< อันที่จริงแล้วผู้ที่ต่อสู้กับอะไรในชิวิตอย่างไม่มีถอยก็สามารถใช้เพลงนี้ได้อย่างภาคภูมิเช่นกันเพราะเพลงนี้มันถูกทำมาเพื่อสิ่งนี้ >


หรือจะเป็นโคตรมหากาพย์ อย่าง  Bohemian Rhapsody ที่มันคือสุดยอดโอเปร่าร๊อคอย่างไม่รู้จะหาอะไรเปรียบอีกแล้ว
มันคือความยิ่งใหญ่ของพวกเขา QUEEN



วันนี้เราจะมาคุยเรื่องเพลง "Love Of My Life"

เพลงนี้อยู่ในอัลบั้มลั่นระบือโลก  A Night at the Opera. ที่ออกในปี 1974
เฟรดดีเป็นผู้แต่งโดยมีไบรอัน เมย์ มือกีตาร์อัจฉริยะมาอเรนจ์



เนื้อเพลง ทำนองเพลงจะฟังหวาน ละมุนหูและเศร้าสร้อยแค่ไหน
แต่ว่าเบื้องหลังมันเศร้าและหวานกว่านั้นอีก

เพราะนี่คือเพลงที่เฟรดดี้แต่งเพื่อหญิงคนเดียวที่เขารักที่สุดในชิวิต จากความรักอันไม่สมหวังของเขา


ในยุคนั้น ความเป็นเพศที่สามยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าในสมัยนี้
ใครที่ไม่ใช่ ชายจริงหญิงแท้  ก็ไม่สามารถจะเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากสัตว์ประหลาดในเงามืดของสังคม
เพศที่สามต้องปกปิดตัวเอง และจะมีความสุขอยู่เพียงในกลุ่มลับๆของตัวเอง จะเปิดเผยไม่ได้เลย


แน่นอน เฟรดดี้เองก็๋เช่นกัน 
เขาต้องทนทรมานความรู้สึกจากการต้องปกปิดความเป็นไบเซ็กช่วลของเขาเพื่อป้องกันอะไรที่จะตามมาในชิวิต


แต่เขาก็ยังตกหลุมรักหญิงเข้าคนหนึ่งเข้าจนได้
คือเธอคนนี้  แมรี่ ออสติน  เฟรดดี้รักเธอมาก มากเสียจนขอเธอแต่งงาน
และแน่นอน แมรี่ ที่ก็รักเขามากเช่นกันได้ตอบตกลง
พวกเขาย้ายไปอยู่ด้วยกันในที่สุด
 
แต่เมื่อเวลาผ่านไป 6ปี  แมรี่เริ่มสังเกตว่าเฟรดดี้ มีความผิดปกติในความสัมพันธ์ของเขากับเธอ
และนั่นเองเขาจึงได้สารภาพกับเธอว่า เขาเป็นไบเซ็กช่วล


ตลอดเวลาที่เขาพยามอธิบาย แมรี่นั่งฟังอย่างเงียบๆ
และเมื่อเขาอธิบายจบ จากปฎิกริยาของเธอ ทำให้เฟรดดี้ต้องเข้ากอดเธอและบอกกับเธอว่า
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขายังต้องการให้เธอเป็นส่วนหนึ่งในชิวิตเขาเสมอ
ถึงอย่างไร ในท้ายสุดแมรี่ก็ย้ายออกไปจนได้

แต่พวกเขายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แมรี่ไม่ได้โกรธหรือเกลียดเขาเลย
แมรี่ยังเคยให้สัมภาษณ์สื่อด้วยซ้ำว่า เธอยินดีที่เห็นเขามีความสุข

ในเวลาต่อมา พวกเขาต่างก็พบรักใหม่  เฟรดดี้มีรักใหม่ แมรี่ก็เช่นกัน เธอแต่งงานใหม่ มีลูก
และเฟรดดี้ก็ขอรับลูกเธอมาเป็นลูกบุญธรรมของเขาด้วย


ในท้ายสุด เมื่อเฟรดดี้พบว่าตัวเอง ติดเชื้อ HIV
เขาเก็บเรื่องนี้ใว้นาน  นานจนปิดไม่ได้อีกต่อไป
เมื่ออาการจากโรคฟ้องออกมาจากสภาพร่างกายที่ผ่ายผอม

เขาบอกกับแมรี่ว่าถึงอย่างไรเขายังคิดเสมอว่าเธอยังเป็นภรรยาของเขาอยู่
และมรดกของเขาหลังจากที่เขาตาย มันควรจะเป็นของเธอ

หลังจากที่เขาเสียชิวิตลง พินัยกรรมระบุใว้ว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขา
ไม่ว่าจะป็นนคฤหาสถ์หลังใหญ่ที่เขารัก หรือลิขสิทธิ์เพลงที่เขาแต่งนั้นจะตกเป็นของเธอ

แมรี่ได้กล่าวในภายหลังว่า นี่คือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชิวิตของเธอเลยที่เดียว
เพราะเขาเท่านั้นที่เป็นเสมือน เพื่อน สามี พี่ชาย อีกทั้งยังเป้นพ่อบุญธรรมของลูกเธอ


ในอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น แมรี่ได้หย่า และแต่งงานใหม่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็หย่าอีก
เธอกล่าวในภายหลังว่า เธอเพิ่งพบว่าจริงๆแล้ว ที่จริงแล้วคือเฟรดดี้นี่เองที่เป็นรักแท้ในชิวิตของเธอเสมอมา
 และจะเป็นเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น






นี่คือคำสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งของเฟรดดี้ก่อนเสียชิวิต

ผมไม่สามารถรักใครได้เหมือนกับที่ผมรักแมรี่
คนรักของผมทุกคนมักถามผมเสมอว่า
ทำไมพวกเขาถึงแทนที่แมรี่ไม่ได้ล่ะ ?

ผมตอบว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เพื่อนที่ผมมีเพียงคนเดียวคือแมรี่ และผมไม่ต้องการใครอื่นอีก

สำหรับผม เธอคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย
มันคือการแต่งงานที่ เราต่างเชื่อมั่นในกันและกัน
และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม 

เฟรดดี้ ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์ก โพสต์ (New York Post) เมื่อปี 1985






เอาล่ะ เรามาฟัง "Love Of My Life" กันอีกสักรอบเถอะ


Love of my life, you've hurt me,
รักในชิวิตของฉันเอย  เธอทำฉันเจ็บปวด

You've broken my heart and now you leave me.
 เธอทำหัวใจฉันแหลกสลาย และตอนนี้เธอก็ยังมาทิ้งฉันไป

Love of my life can't you see,
 รักของฉันนี้ เธอไม่เห็นหรือ

Bring it back, bring it back,
 โปรดคืนมา  คืนฉันมาเถิด

Don't take it away from me because you don't know what it means to me.
อย่าพรากมันไปจากฉัน เพราะเธอไม่รู้ดอกว่ามันมีความหมายกับฉันเพียงใด

Love of my life, don't leave me, 
ยอดรักของฉัน อย่าทิ้งฉันไป

[Album version:] You've taken my love, you now desert me,
 เธอได้นำความรักของฉันไปเสียแล้ว  และตอนนี้เธอทำฉันอ้างว้างปานอยู่กลางทะเลทราย
[Live version:] You've stolen my love, you now desert me,
เธอขโมยความรักของฉัน และปล่อยฉันอ้างว้าง

Love of my life, can't you see?
รักของฉัน เธอไม่เห็นหรือ
 
Bring it back, bring it back,
โปรดคืนมา  คืนฉันมาเถิด

Don't take it away from me because you don't know what it means to me.
อย่าพรากมันไปจากฉัน เพราะเธอไม่รู้ดอกว่ามันมีความหมายกับฉันเพียงใด

You will remember
 เธอจะรำลึกขึ้นได้

When this is blown over
เมื่อ<ความรัก>มันพัดผ่าน

And everything's all by the way
 และทุกสิ่งก็จะเป็นไปตามนั้น

When I grow older
 เมื่อฉันเติบโตขึ้น

I will be there at your side to remind you how I still love you, I still love you.
ฉันก็จะไปอยู่ที่ตรงนั้น  อยู่ที่ข้างๆเธอ  เพื่อกระซิบแก่เธอว่าฉันยังคงรักเธอเสมอ    ยังคงรักเธอเสมอ

Back, hurry back,
Hurry back, hurry back,
Please, bring it back home to me because you don't know what it means to me.
Don't take it away from me, because you don't know what it means to me -

Love of my life
Love of my life... โอ รักของฉันเอย


สุขสันต์วันวาเลนไทน์ กันครับทุกท่าน
 






หมายเหตุ :  ข้อมุลเหล่านี้ผมรวบรวมสะสมประสบการณ์ในการเสพมาจากหลายที่
                 ทั้ง quiet storm , music express , metal pit ,Fanzineต่างๆ ..
                  รวมทั้งสื่ออินเตอร์เนตทั่วไป  และความเห็นส่วนตัวจากประสบการการฟังเพลงของตัวเอง 
                   ผมนำมายำรวมเข้าด้วยกัน ที่ทำขึ้นก็เพื่อระบายความมันส์ส่วนตัวครับ 
                  หากมีข้อมูลใดผิดพลาด  หรือ สำนวนไม่เหมาะสมอย่างไร
                  ขอน้อมรับความผิดทุกประการด้วยตัวผมคนเดียวครับ 
                  ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆทุกคนครับ 


                                   ทุกวงการมีคำว่าพี่น้องเสมอ
                  Metal brother Hood , Longlive Metal
 

                สนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อแผ่นแท้และไปดูคอนเสิร์ตกันนะจ๊ะนะจ๊ะ  [thumbup] [cheer01]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12/02/2562 [21:00:37] โดย GAMMARAY »