Aqua.c1ub.net
*
  Tue 12/Aug/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: สำหรับมือใหม่ หัดเลี้ยงปอม  (อ่าน 6659 ครั้ง)
Crayzy ออฟไลน์
Club Follower
« เมื่อ: 22/03/10, [16:29:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ไม่รู้จะซ้ำหรือเปล่านะครับ พอดีไปเจอข้อมูลมา เผื่อว่า พี่น้อง ๆ คนที่เริ่มสนใจเกี่ยวกับปอมแต่ยังไม่ค่อยมีความรู้ ก็เลยนำมา ให้อ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์


ปลาปอมปาดัวร์ (Pompadour, Discus) ชื่อสามัญของปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในสกุล Symphysodon ในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) ซึ่งเป็นปลาวงศ์ใหญ่มาก มีรูปร่างทรงกลมเป็นรูปไข่คล้ายจาน ลำตัวแบนข้างมากเหมือนปลาเทวดา (Pterophyllum) ครีบหลังและครีบท้องเรียงเป็นแถวยาวตลอดจนถึงโคนครีบหาง มีลวดลายและสีสันบนลำตัวหลายหลากสีสวยงามตามชนิด มีถิ่นกำเนิดในลุ่มแม่น้ำอเมซอนในทวีปอเมริกาใต้ มีขนาดใหญ่เต็มที่ไม่เกิน 7 นิ้ว มักอาศัยรวมกันเป็นในระดับกลางน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ มีพุ่มไม้น้ำขึ้นหนาแน่น มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำราว 6.4-7.5

มีทั้งหมด 3 ชนิด คือ Symphysodon aequifasciatus (แบ่งได้เป็นชนิดย่อยอีก 3 ชนิด คือ Symphysodon aequifasciatus axelrodi ,Symphysodon aequifasciatus aequifasciatus, Symphysodon aequifasciatus haraldi) Symphysodon Discus และ Symphysodon tarzoo ซึ่งเป็นชนิดใหม่ที่ได้รับการค้นพบเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมาไม่นาน

ปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่มีสัสันสวยงามมาก จนได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งปลาตู้" ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีสีสันที่สวยงามหลากหลายกว่าสีสันตาม ธรรมชาติมากมาย เช่น หนังงู, ห้าสี, เจ็ดสี, บลู ไดมอนด์, ปอมฯฝุ่น เป็นต้น แต่ปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่มีความอ่อนไหวง่ายมากกับสภาพน้ำและสภาพอากาศ จึงจัดเป็นปลาชนิดหนึ่งที่เลี้ยงยากมาก จำเป็นต้องใช้ฮีตเตอร์เพื่อควบคุมอุณหภูมิ จึงไม่เหมาะกับนักเลี้ยงปลามือใหม่

ปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาอีกชนิดหนึ่งที่สามารถเพาะขยายพันธุ์ในตู้เลี้ยงได้ โดยปลาจะวางไข่ติดกับวัสดุใต้น้ำ โดยมากผู้เลี้ยงจะใช้เป็นเครื่องปั้นดินเผา ก่อนปลาจะวางไข่ 3-4 วัน ปลาจะมีอาการสั่นทั้งตัวผู้และตัวเมีย ในวันที่ปลาวางไข่จะสามารถสังเกตได้โดยดูอาการทั้งตัวผู้และตัวเมียจะไม่ ยอมออกห่างจากและช่วยกันแทะเล็มเครื่องปั้นดินเผาเพื่อทำความสะอาดตลอดเวลา จากนั้นตัวเมียจะวางไข่บนเครื่องปั้นดินเผาครั้งละ 15-30 ฟอง แล้วตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อลงบนไข่ แม่ปลาจะใช้เวลาในการวางไข่ประมาณ 2 ชั่วโมง วางไข่ 100-300 ฟอง ไข่ใช้เวลาฟักเป็นตัว 3 วัน หลังจากนั้นอีกราว 3 วัน ลูกปลาจะเริ่มเคลื่อนไหวได้ และจะมาเกาะกินเมือกบนตัวพ่อแม่ปลาเป็นอาหาร จนกระทั่งถึงวันที่ 17 ลูกปลาจึงมีขนาดโตขึ้นและเริ่มห่างจากพ่อแม่

อนึ่งคำว่า "ปอมปาดัวร์" นั้น ได้มาจากชื่อของ มาดาม เดอ ปองปาดูร์ (Madame de Pompadour) สนมนางหนึ่งของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส (Louis XV de France) ที่กล่าวกันว่า มีความงดงามยิ่ง และชื่อสามัญอีกชื่อหนึ่งที่นิยมเรียกในภาษาอังกฤษก็คือ "ดิสคัส" (Discus) ซึ่งหมายถึงทรงกลม อันมาจากลักษณะของรูปร่างปลานั่นเอง


เริ่มต้นเมื่อเราต้องการเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์  

สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนคือ  บ้านของพวกมันนั่นเอง  ควรที่จะมีการเตรียมพร้อมก่อนที่จะนำปลามาเลี้ยง
          1.ตู้ปลา  เป็นตู้กระจก  ขนาดที่ใช้ในการเลี้ยงก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนว่าต้องการขนาด ใหญ่หรือเล็ก และความสะดวกของสถานที่ในการเลี้ยง  ส่วนสถานที่วางตู้ควรวางในสถานที่ที่ไม่พลุกพล่านมากนัก  เนื่องจากปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่ตื่นตกใจง่าย
          2.ระบบกรองน้ำ  ซึ่งจะช่วยลดการเปลี่ยนถ่ายน้ำ  และระบบการให้อากาศ เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำให้กับปลา  และ Heater เพื่อช่วยปรับอุณหภูมิของน้ำด้วย
          3.น้ำ   ต้องแน่ใจว่าในน้ำไม่มีคลอรีนตกค้างอยู่  ควรมีการพักน้ำก่อนที่จะนำมาใช้  คุณภาพน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ต้องเป็นน้ำที่สะอาด  หากสภาพน้ำไม่เหมาะสมจะทำให้ปลาเกิดความเครียด  มีอาการลำตัวดำคล้ำ  สีไม่สดใส  ดังนั้นควรดูแลใส่ใจคุณภาพน้ำเป็นพิเศษ  คุณภาพน้ำที่เหมาะสมคือ มีค่า pH 6.4-7.5  อุณหภูมิ 25-32 องศาเซลเซียส  ควรมีการถ่ายน้ำ 10-20% ทุกวันหรือวันเว้นวัน
          4.อาหาร  ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง หรือตามความต้องการในปริมาณที่เหมาะสม  เนื่องจากถ้าหากอาหารเหลือจะทำให้น้ำเสียง่าย  อาหารที่ใช้อาจเป็นอาหารสด  เช่น ไรแดง ทะเล  หนอนแดง  หรืออาหารสำเร็จรูปก็ได้
เมื่อรู้ขั้นตอน การเตรียมพร้อมที่จะเลี้ยงแล้ว  จากนั้นก็เริ่มมองหาปลาปอมปาดัวร์สายพันธุ์ที่เราชอบมาเลี้ยง  ซึ่งสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงและมีการประกวดในงานปลาสวยงามต่างๆได้แก่  Brown  Discus, Red Discus, Blue Diamon, Snake Skin, Striped Pigeon Blood, Solid Pigeon Blood, Cobolt Blue, San Merah  และหลังจากที่เราซื้อปลามาแล้ว ก็นำถุงที่บรรจุปลามาลอยในน้ำเพื่อให้ปลามีการปรับสภาพตัวเอง  แล้วก็ค่อยปล่อยปลาลงเลี้ยงในตู้
โรคที่มักพบในปลาปอมปาดัวร์

          โดยส่วนมากปลาปอมปาดัวร์มักจะป่วยเป็นอยู่ 2 โรค คือ

          1. โรคตกหมอก อาการของโรคตกหมอก มีเมือกคลุมลำตัว ไม่กินอาหาร รักษาโดย ถ่ายพยาธิ

          2. โรคขี้ขาว อาการของโรคขี้ขาว อุจจาระสีขาว ซีด ไม่ค่อยกินอาหาร รักษาโดย การเติมเกลือ 0.1%


          ทั้งหมดนั้นเป็นความต้องการของเจ้าปลาปอมปาดัวร์ ซึ่งถ้ามีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีแล้ว  เพียงแค่นี้เจ้าปอมปาดัวร์จะต้องอยากมีชีวิตอยู่กับเราไปอีกนานแสนนานอย่าง แน่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31/03/10, [15:14:40] โดย apfish »
Crayzy ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #1 เมื่อ: 23/03/10, [10:38:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ปอมสวยๆ
Crayzy ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #2 เมื่อ: 23/03/10, [10:42:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



สวยๆ ทั้งนั้น ขออนุญาต เจ้าของรูปนะครับ
Crayzy ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #3 เมื่อ: 25/03/10, [11:41:55] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เลี้ยงให้รอดไม่ยาก แต่จะเลี้ยงให้สวยๆ นี่สิคือปัญหา
Crayzy ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #4 เมื่อ: 31/03/10, [15:17:46] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อ่านบทความ หาข้อมุลมาก็แยะ ฟังมาก็เยอะ ถึงเวลาที่จะต้องลงมือซะที ตัดสินใจจะเลี้ยงปอม ให้สวยๆ เอาไว้ดูครายเครียดหลังเลิกงานดีกว่า ใครมีไรแนะนำ แนะนำด้วยครับ พรุ่งนี้จะไปจัดการจัดบ้านให้น้องปอมแล้ว
oatto500 ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #5 เมื่อ: 28/04/10, [20:26:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 emb01 emb01สวยครับ
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: