Aqua.c1ub.net
*
  Tue 23/Apr/2024
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ประสบการณ์เลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ ของมือใหม่ ที่ต้องการปลาสวย  (อ่าน 15872 ครั้ง)
gload0 ออฟไลน์
Club Member
« เมื่อ: 05/09/13, [10:01:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เคยชอบปลาชนิดนี้มากเกือบสี่สิบปีก่อน หลังจากกลับมาเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ใหม่ได้เกือบปีครึ่ง ได้บทเรียนมาพอสมควร
วัตถุประสงค์ที่เลี้ยงก็ไม่มีอะไรมาก คือ ปลาที่เลี้ยงจะต้องโตและสวยใกล้เคียงกับรูปที่เขาโชว์ประกวดกัน หรือตามโปสเตอร์นั่นแหละครับ ทำการศึกษาเตรียมตัวมาพอสมควร ออกแบบระบบน้ำ ทำเลที่ตั้ง น้ำหนักกดทับ การถ่ายเทอากาส อุณหภูมิของน้ำ อาหารที่จะใช้ ปริมาณปลาที่จะเลี้ยง การบำบัดและรักษาคุณภาพน้ำ ฯลฯ โดยมีเงื่อนไขก่อนเลี้ยงใหม่ว่า ผมต้องดูแลด้วยตนเอง ไม่สะดวกแน่ๆแต่ผมรักษาสัญญา (เคยเลี้ยงสัตว์มากมายหลายชนิด แต่ให้คนงานเลี้ยง ไม่ได้เอาใจใส่ นกแก้วพันธุ์ใหญ่ หงษ์หยกเกรดประกวด คีรีบูน ไก่ฟ้า หนูเควี่ สุนัขฝรั่ง ปลาคาร์ฟ หมดครับ ยอมรับว่าแย่มาก)
เมื่อถึงขั้นต้องเสียเวลาดูแลด้วยตนเองแล้ว มันต้องดีและคุ้มค่า ทำให้สบายใจ (เสียทั้งเวลา แรงกาย แรงใจ และทรัพย์ราว 4 แสน ต้องได้ความพอใจที่ผมต้องการ) สรุป แล้วระบบน้ำที่ผมวางไว้ในตอนต้น เกือบ 2 ตัน หมุนเวียน บำบัด และถ่ายเทตลอด ปั๊มน้ำ 2 ตัว ถังกรอง 7 ถังทำหน้าที่ต่างๆกัน น้ำล้น ตกตะกอน refugium UV เป็นระบบที่สามารถขยายได้ ฯลฯ
ขอข้ามเรื่องระบบน้ำ(สำคัญที่สุด) อาหารและการดูแลรักษา เพราะมีผู้รู้และเชี่ยวชาญท่านอื่นๆเขียนไว้แล้ว
คราวนี้เลือกซื้อปลา ขนาดที่ผมชอบที่สุด(เป็นความฝังใจแต่เด็ก) ประมาณ 3 นิ้ว ต้องเลี้ยงให้โตจนตายกันไปข้าง เหตุผลส่วนหนึ่งคือว่า ผมต้องการเลี้ยงให้ปลาโตและสวยด้วยตนเอง รู้ถึงพัฒนาการของมันตั้งแต่เล็กจนโต และที่สำคัญที่สุด ความผูกพันธ์
ผมของเริ่มรวบรวมปลาจากที่ต่างๆมา โดยเริ่มต้น เอาปลาเล็กราคาไม่สูงมาเลี้ยงทดสอบระบบน้ำดูก่อน แรกๆก็ทำตามแผนที่ตนเองวางไว้ครับ ต่อจากนั้นเละเพราะรีบร้อน อยากได้มาครอบครอง จนไม่ทำตามแผน ดันซื้อปลามาร้อยกว่าตัวราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลายพันต่อตัว จากแผนที่วางไว้ไม่เกิน 30 ตัว ซื้อมาจากหลายแหล่งดีที่ไม่โดนพุ่มพวง ผลที่ตามมา ปลาป่วย หมดค่ายาไปร่วม 2 หมื่น โชคดีที่ว่าผมเผื่อการต่อเพิ่มขยายเอาไว้ เลยเพิ่มไปอีกตันเศษ ทุกอย่างจึงเข้าที่เข้าทาง เป็นความสูญเสียที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะชีวิตปลาที่ผมดูแลอยู่ เหตุมาจากความอยากได้มากเกินจนลืมเรื่องสำคัญไปหมด
หลังจากพลพรรคล้มตายไปเกือบ 30 ถอยกลับมาตั้งหลักได้ระยะหนึ่ง จึงวางแผนรุกคืบเข้าตีใหม่(ฮ่วย) ไม่เข็ด เพราะคราวนี้อยากเพาะเอง แล้วคัดลูกสวยๆไว้เลี้ยงเล่น เล่นหนักเล่นแรงกว่าเดิมอีก  xxx2
พอมีประสบการณ์นิดหน่อยในการเลือกซื้อปลาบ้าง (5 เดือนแต่ความโง่แทบคงที่ ที่ว่าโง่เพราะตั้งความหวังสูงแต่ดันซื้อปลาย้อมแพงๆมาเลี้ยงเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์) หาเด็กปั้นขนาด 3 นิ้วจนถึงขนาดกึ่งสำเร็จรูปประมาณ 5 นิ้ว ได้ปลาย้อมไปเยอะเสียเงินไปแยะ เพราะไปหลงชื่อเสียง เอามาเลี้ยงเป็นปีไม่ค่อยโต ปลาขนาด 3 นิ้วสีเต็มตัวมีที่ไหนไม่ย้อมหากไม่ย้อมก็แกร็นอายุมากแล้ว 3 นิ้วบางตัวซื้อมาเลี้ยง 1 เดือนวางไข่ โอยตาย... ผมตาบอดที่ไปหลงชื่อเสียงและกระแสของร้าน ทั้งๆที่บอกวัตถุประสงค์กันไว้ชัดเจนก่อนจองปลานำเข้า เพราะความงมงายของผมเองแท้ๆ เกะกะเนื้อที่ เสียเวลา แต่ปลาไม่ได้มีความผิดอะไรเลยทิ้งมันไม่ลง
เลี้ยงแล้วพิสูจน์กับตนเองถึงได้รู้ ปลาไม่ย้อมตัวผู้หลายตัวตอนนี้ขนาดราว 7 นิ้ว บรรดาปลาย้อมยังเล็กกว่าตัวเมียที่ไม่ย้อมเลย และให้ลูกที่โตและสวยกว่าพวกที่ย้อมอีก แต่ต้องอดทนรอ เพราะพวกนี้จะรู้ก็ต้องอายุเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ประมาณ 8 เดือน ผมเจอด้วยตนเองถึงรู้
สรุป หากหวังสูงอยากเลี้ยงให้ใหญ่และสวย ด้วยตนเอง
1. ต้องเป็นปลาที่สายเลือดดีและไม่ย้อม  (หายาก พวกนี้ราคาสูงแต่ไม่แพง แพงสำหรับผมคือไม่คุ้มค่าตัว) ชอบสายไหนก็ดูที่เขาประกวดแล้วได้แชมป์ต่อเนื่องแต่ต้องเป็นปลาที่ฟาร์มนั้นเพาะเอง ในบ้านเรามีหลายฟาร์ม  ไม่ใช่ซื้อมาประกวดแล้วมาอวดโฆษณา อันนั้นอีกตลาด ไม่เหมาะกับผู้เลี้ยงแบบหัวข้อกระทู้ ปลาที่กินอาหารธรรมชาติหรืออาหารสำหรับรูปดีๆจะมีสารที่ช่วยพัฒนาในเรื่องสีอยู่แล้ว เช่น ไข่กุ้ง ไรนางฟ้า tetrabit เป็นต้น (ปลาสวยจริงไม่มีความจำเป็นต้องย้อม หยดยาอะไรก็ตามจากหลอดใส่ตู้ ใส่ฮอร์โมนนี่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ตับพัง เคยสงสัยไหมครับว่า ปลาย้อมหนักบางตัวอยู่ๆทำไมตายไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ) เมื่อเราดูแลเองมีความผูกพันธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขัดตู้ ถ่ายน้ำเสียเวลาดูแลมัน ปลาชั้นดีจริงจะยิ่งโตยิ่งสวย เห็นแล้วหายเหนื่อย
2. ต้องดูแลได้ดีพอ ตามที่บรรดาเซียนเขาบอก เอามาปรับใช้ตามความเหมาะสมกับปัจจัยและสถานการณ์
3. ศึกษาเพิ่มเติมจากต่างประเทศ เช่น ยุโรป ปลาเขาคุณภาพดีกว่า ตีเป็นเงินไทยราคาพอๆกัน ยิ่งปลานำเข้าของเขาคุณภาพดีกว่าบ้านเรามากทั้งๆที่ค่าครองชีพเขาก็สูงกว่าเรามากเช่นกัน เช่น http://www.bidka.org/ ในส่วนของ forum มีมากมายเยี่ยมๆ ทั้งนั้นลองอ่านดูแล้วจะรู้ครับ บทความเว็บไซท์ของอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี scotland usa ฯลฯ ดูหลายๆที่แล้วลองพิจารณาดู
หนังสือ Trophy Discus จัดรูปเล่ม paragraph ไม่ค่อยดี แต่เนื้อหาเหมาะสำหรับนักเลี้ยงที่หวังสูงเล่มหนึ่ง
ปลาย้อมเป็นตลาดของคนเลี้ยงอีกกลุ่มครับ กรุณาอย่าเอามาเหมาขายให้กับกลุ่มที่เล่นปลาสวยของแท้ วงการปลาปอมปาดัวร์บ้านเรานับวันยิ่งห่างชั้นกับประเทศเพื่อนบ้าน น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
นี่แค่เรื่องคุณภาพปลา(ย้อม) เท่านั้น ยังไม่รวมทรวดทรง ขนาดมาตรฐาน สำคัญกว่าสีสันเสียอีก
ขอจบแค่นี้ก่อนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05/09/13, [14:00:33] โดย gload0 »
gload0 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #1 เมื่อ: 07/09/13, [00:28:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ต่อครับ ก่อนอื่นที่เล่าเรื่องมายืดยาวเป็นการบอกเล่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่มีวัตถุประสงค์ใส่ร้ายใคร ผู้นำเข้าบางรายที่นำปลาคุณภาพดีจริงเข้ามา(ไม่ได้เอาเกรดรองมาย้อมขาย) ก็น่าจะมีแต่ผมไม่ได้เขียนไว้ตอนต้น เพราะไม่เคยไปใช้บริการ ก็ต้องขออภัยไว้ก่อน แต่อยากให้ผู้ที่สนใจ หรือมือใหม่ที่อยากได้ปลาปอมที่ดีมาเลี้ยงดูจนสวยด้วยตนเองได้หาแหล่งข้อมูล จากต่างประเทศอ่าน พิจารณา เปรียบเทียบ และคิดในเชิงตรรกะ อาจมีคนคิดว่าอยากได้ปลาสวยต้องใช้สิ้นเปลืองมากขนาดนั้นหรือ คำตอบคือ ไม่จำเป็นครับ ไม่ใช่ที่เงินเสมอไปหากรู้จักใช้

อย่างปลาแนวบลูไดมอนด์ ขนาด 2-3นิ้ว สวยๆราคา 200-300 บาท หาได้ถมเถ ทั้งที่ปลาปอมเยอรมันที่สวยน้อยกว่านี้ราคาสูงมากๆเมื่อสมัยเกือบสี่สิบปีก่อน มาสมัยนี้เมื่อเทียบค่าตัวกับความสวยแล้ว เกินคุ้มครับ กลับกัน ปลาป่า(Brown) สมัยนี้ที่ราคาสูงกลับเป็นปลาสำหรับมือใหม่หรือเลี้ยงเล่น ราคาสมัยนั้น 10 บาท 3 นิ้วไม่ย้อม(ปลาย้อมสมัยนั้นมักจะเป็นปลาพิการหรือขายไม่ออก เลยย้อมหลอกตาคนซื้อ เพื่อให้ขายง่ายขึ้น) ตอนเด็กผมจะมีปัญญาซื้อปลา Brown สัก 20 บาทต้องเก็บเงินเดือนกว่า 036 เลือกปลาดีๆที่ไม่ย้อม จะได้ไม่ต้องมาพะวงกับปัญหาสุขภาพปลาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ปลาที่โดนย้อมหนักของผม ที่มีอยู่ทยอยตายลงเรื่อยๆใน1ปีที่ผ่านมา จาก 11 เหลือ 1 ตัว พวกนี้ถ้าไม่โดนยาเร่งสีเกินขนาด(overdose) ก็เจอฮอร์โมน ส่วนย้อมเบาหน่อยสีที่ย้อมหลุดหมดแล้ว 3 ตัวโตช้า2ตัวปกติ ปลาที่ไม่ย้อมตัวอื่นๆจากฟาร์มชื่อดังต่างๆ โตตามปกติ ฉะนั้นตัดตัวแปรของปัญหาไปเปลาะหนึ่งก่อน ปัญหาอื่นหากเกิดขึ้นจะได้วิเคราะห์หาสาเหตุง่ายขึ้น (ขนาดโตปกติสำหรับผม คือ อายุปลา 14 เดือนต้องให้ได้ 5-6นิ้ว ไม่ยากเลยหากปัจจัยพร้อมคือ คน ระบบ และตัวปลาเอง)
ลองตั้งคำถามดูครับว่า ย้อมปลาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ใครได้ประโยชน์ ใครรับความเสี่ยง หาคำตอบกันเองจากหนังสือ แหล่งข้อมูลจากต่างประเทศดีที่สุดจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน ไม่สร้างสรรค์ เสียเวลา
สุดท้ายนี้ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลาและสุขภาพดีทั้งเจ้าของและปลาด้วย [on_066] ไม่ว่าจะราคาสูงหรือต่ำมีคุณค่ากับเจ้าของทั้งนั้น
สวัสดีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07/09/13, [09:35:09] โดย gload0 »
nakarato ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #2 เมื่อ: 11/09/13, [09:30:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

บวกให้เลยครับ ชอบๆ

นั้นสินะ จะย้อมทำไม
หนึ่งในตรรกะ ควายๆ ของผม คิดว่า ถ้าย้อมแล้วเลี้ยงไม่นานก็ตาย คนจะได้มาซื้อใหม่ไง
เพราะลูกค้าไม่รู้อยู่แล้วหนิว่ามาจากฟาร์มใคร ซื้อหน้าร้าน หรือใน ถุง ก็ ไม่รู้แหล่งที่มาอยู่แล้ว

แต่บางครั้งปลาจากฟาร์มที่เชื่อถือได้ ราคา ก็ ไม่ได้ถูก จนคนกล้าควักตังซื้อขนาดนั้น
panpiti ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #3 เมื่อ: 12/09/13, [13:26:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ในมุมมองของคนเลี้ยงปลา ถ้าปลาตาย ๆ บ่อย คนเราก็ใจหดหู่ไม่อยากเลี้ยงปลาอีก  [on_051]

ที่ผมเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์และปลาอื่น ๆ มาเรื่อย ๆ เพราะเริ่มจะรู้หลักในการเลือกปลา และรู้วิธีการทำยังไงไม่ให้ปลาตาย หรือเลี้ยงได้นาน ๆ เอาจากประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มา เลี้ยงมาก็มีตายบ้าง แต่ก็ยังเลี้ยงอยู่ ไม่เคยท้อหรือโทษใคร เพราะตัวเราเองเลือกที่จะซื้อเอง

.....ผมเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ เริ่มจากหลักร้อยเลย ....ด้วยการแนะนำของร้าน ...เมื่อเลี้ยงไม่ตาย ปลาโตดี ก็เลยขยับราคาปลาขึ้น เป็นหลักพัน และแพงสุดที่เคยซื้อคือ 7000 เป็นปลาปอมที่ราคาแพงสุดในชีวิตที่ซื้อเลย  [on_007]

และก็สงสัยมาตลอดมาตลอดว่า มีปลาย้อมขายในตลาด ด้วยความสงสัยก็พยายามศึกษา และอยากรู้วิธีการเขาทำกันยังไง จนได้หนังสือเล่มนี้มา อ่านดูถึงเข้าใจว่าเขาทำเพื่ออะไร



แต่ก็เข้าใจได้ว่าเพื่ออะไร ทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็น ฟาร์มที่ผมรู้จัก เคยถามว่ามีประโยชน์ เพราะช่วยให้ปลามีสีสีน และออกลายตามสายพันธุ์ชัดเจนขึ้น เหมือนการกระตุ้น แต่คนที่ทำก็ต้องทำอย่างถูกวิธี มีการคำนวนโดส หรือคำนวนปริมาณสารให้พอเหมาะและเหมาะสม กับปลา ก็จะเกิดประโยชน์มากกว่าโทษ แต่บางคนที่ไม่ใช่มืออาชีพก็ทำตามใจตัวเอง ใส่เต็มที่ไม่ยั้ง ผลเสียปลาตายเร็วอย่างที่หลายคนเข้าใจ

คนที่เขาทำเป็นอาชีพ ผมเข้าใจว่าเขาคงทำแบบมืออาชีพ ไม่ใช่สุกเอาเผากิน เพราะเขาเลือกทำเป็นอาชีพคงไม่ทำร้ายอาชีพตัวเอง แต่ปลาที่มีปัญหาน่าจะเกิดจากคนที่ไม่รู้และทำดูเพียงเพราะได้ยินเขาพูดกันมาว่าต้องใช้สารอะไร โดยไม่รู้ปริมาณในการใส่ เลยทำให้เกิดโทษกับปลา

.....และปลาแต่ละสายพันธุ์ การเจริญเติบโต และขนาดก็ต่างกัน เพราะปอมปาดัวร์ที่เลี้ยงกันปัจจุบัน เป็นปลาที่ผ่านการผสมข้ามสายพันธุ์ การโตได้ขนาดเต็มที่ก็คงไม่เท่ากัน  บางตัวเต็มที่อาจได้ 5 นิ้วหรือบวกลบนิดหน่อย

.....และการซื้อปลาก็มีผล เรามีกำลังทรัพย์ เราอาจซื้อปลาได้คุณภาพที่ดี คือปลาเกรดดี ปลามีหลายเกรด A B C D เขาก็ขายตามราคา ปลามีคุณภาพการเจริญเติบโตก็ย่อมดีกว่า

....การได้ปลาดี มีคุณภาพมาเลี้ยง ก็ใช่ว่าจะโต เลี้ยงแน่นเกินไป อาหารไม่ถึง ระบบน้ำไม่ดี ความแออัดปลาเกิดโรคอีก

....เหมือนผมอยากได้ปลาเหลือง ราคาก็พอควร ทางร้านบอกแล้วว่าปลาปราบเซียน คือโตช้า ต้องขยันถ่ายน้ำ อาหารต้องถึงมาก  ตอนนี้เลี้ยงมาจะสองเดือน ปลาตัวอื่นรุ่นเดียวกัน เกือบ 5 นิ้ว แต่ปลาเหลืองยังเหมือนไม่ค่อยโต  n032

.....ทุกครั้งที่ซื้อปลา ผมไม่เคยโทษร้าน แต่ถ้าปลาไม่ดี ก็ได้เงินผมครั้งเดียว เวลาเพื่อนจะซื้อก็ไม่แนะนำให้ซื้อ แนะนำร้านที่มีคุณภาพตามกำลังทรัพย์

.....เหมือนปลาตัวตามรูปด้านล่าง ผมซื้อในราคาเซลล์ 800 เป็นปลานอกเลย ตอนซื้อมา ขนาด 4 นิ้วนิด ๆ เลี้ยงมาได้ 3 - 4 เดือน ตอนนี้จะ 6 นิ้วครึ่งแล้ว เป็นปลาที่ข้างสต๊อก เขาต้องการ CLEAR ออก
 


.....ปลาถูกบางครั้งก็เป็นปลาดี ถ้าเรารู้จักเลือก และบางครั้งปลาแพงก็ไม่ดีเสมอไป ถ้าเราเลือกไม่เป็น

ปลาสวย ไม่สวย อยู่ที่คนเลี้ยงนะครับ  เพราะเราดูเอง คนอื่นไม่ได้ดู เลี้ยงปลาอย่าหลงทาง เพราะถ้าคุณหลงทาง...จะเป็นเหยื่ออันโอชะ ของคนที่จ้องฟันคุณหัวแบะ และเราจะเป็นทุกข์ เมื่อเห็นปลาของคนอื่น และคิดว่าของเขาสวยกว่า...จำไว้เสมอนะครับ ว่าปลาเราไม่ได้ดีที่สุด แต่ปลาสวยที่สุดในสายตาเรา ไม่งั้นเราคงไม่ซื้อพวกมันมาเลี้ยง  จริงไหม  [on_055]


1TG ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #4 เมื่อ: 28/09/15, [22:12:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

น่าเขียนต่อครับพี่
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: