Aqua.c1ub.net
*
  Sun 26/Oct/2025
หน้า: 1 2 3   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: นรกกับสวรรค์ เวรกรรม ใครเชื่อเรื่องนี้บ้าง  (อ่าน 17140 ครั้ง)
0oTATSUo0 ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #30 เมื่อ: 28/04/11, [14:11:47] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แหม emb01 เค้าเล่นคลับไปอ่านไป

น่าสงสาร อดวาร์ปละสิท่า [เอ๊ะ!!!]
นั่นมันนานมาแล้ว หายนานแล้ว [on_065] [on_009]

ถึงได้วาร์ปได้เหมือนเมื่อไม่นานมานี้ emb01

rabbitwood ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #31 เมื่อ: 28/04/11, [15:34:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ไม่เชื่อครับ
##-DEATH-## ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #32 เมื่อ: 28/04/11, [16:55:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

โดนไป 2 และ จขกท.   เชื่อยัง      ้hahaha ้hahaha
3แล้ว lau02ไม่รู้ทำไมพี่แกชอบตั้งกระทู้ ให้โดนลบอยู่นั้นและ die1วันหลังน่าจะตั้งกระทู้บอก "ลบผมทีๆ"  ้hahaha
T.Dark ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #33 เมื่อ: 28/04/11, [17:30:07] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

3แล้ว lau02ไม่รู้ทำไมพี่แกชอบตั้งกระทู้ ให้โดนลบอยู่นั้นและ die1วันหลังน่าจะตั้งกระทู้บอก "ลบผมทีๆ"  ้hahaha
ไม่กล้าอะนะคุณพี่  [on_026]
~กุ้งจ๋า~ ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #34 เมื่อ: 28/04/11, [17:37:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คนลบก็ใจร้าย [สาวน้อยร้องไห้]
kwang01 ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #35 เมื่อ: 28/04/11, [17:40:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ในสารคดี เคยไปสัมภาษณ์  หลวงพ่อในนคร วาติกัน

เกี่ยวกับมนุษย์  ต่างดาว ท่านบอกว่า ไม่อยากให้มี
เพราะว่า ถ้าเกิดมีจริงๆ  ศาสนาและความเชื่อทุกอย่าง
จะพังทลายหมด  และคำถามจะถูกตั้งใหม่ว่า  ถ้าเราเกิดจาก
ต่างดาวนอกโลกจริง  พระเจ้าก็ไม่ใช่ผู้สร้างเรา  งั้นบาปก็ไม่มีจริง asspain



อาเมน [on_035] [on_035] [on_035]

อันนี้เป็น ข้อมูลจากที่อื่นนะถ้ามีความเปราะบางต่อความ
รู้สึกคนหมู่มาก  เดียวผมจะมาลบให้คับ
##-DEATH-## ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #36 เมื่อ: 28/04/11, [18:28:38] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ไม่กล้าอะนะคุณพี่  [on_026]
เอาเลย แท่งพลังแดง 4 แล้วด้านมืด  ้hahahaเอามาแข่งกับคนแท่งพลังเขียวเยอะๆ [on_026]
bansu ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #37 เมื่อ: 28/04/11, [23:57:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

กมฺมุนา วตฺตตีโลโก....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

แต่ก่อนตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ค่อยเชื่อ หลังจากได้บวชอยู่ 3 เดือน
ศึกษาธรรมไปบ้างเล็กน้อยเมื่อหลาย.....ปีก่อน ตอนนี้เชื่่อครับ
และเชื่อต่อไปอีกว่าเด็กยุคหลัง ๆ นี้ไม่ค่อยมีความเชื่อเรื่องศาสนาเท่าไร
แม้ศาสนาจะไม่มีวันเสื่อม แต่ความเชื่อถือก็เสื่อมไปเยอะแล้ว
นี่ก็เกินกึ่งพุทธกาล (5000 ปี) มาแล้ว 54 ปี เป็นขาลงแล้ว

darktempra ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #38 เมื่อ: 29/04/11, [01:55:55] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

1. นรก หรือ สวรรค์ จะมีจริงหรือไม่นั้น ในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะเมื่อถึงเวลา คุณก็จะรู้เอง
2. คุณเชื่อว่ามีกฏแห่งแรงดึงดูดของโลก หรือ กฏแรงโน้มถ่วง ของ ท่านเซอร์ไอแซ็ค นิวตัน หรือไม่ครับ และถึงแม้ว่า คุณจะไม่เชื่อในกฏแรงของโน้มถ่วง แต่มันก็ยังดำเนินกฏของมันไปอยู่ดี และกฏแห่งกรรมก็เช่นกัน
มาถึงตรงนี้แล้ว จขกท เข้าใจบ้างหรือยังครับ ปลูกพืชอะไรย่อมให้ผลเช่นนั้น แม้ปลูกถั่วเขียวจะได้ถั่วงอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหากถั่วงอกนั้นไม่โดนหม่ำ หรือตายซะก่อน มันก็ต้องได้ต้นถั่วเขียวแน่ๆ
 ขอเสริมอีกนิดในเรื่องของการทำบุญอย่างไรให้ได้บุญ
     การทำบุญให้ได้บุญนั้นต้องประกอบไปด้วย 3 สิ่งนี้ คือ
1.ทำบุญไปแล้ว หรือให้ไปแล้ว ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อน ทั้งในขณะที่ทำ และภายหลัง
2.ทำบุญไปแล้ว หรือให้ไปแล้ว ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ทั้งในขณะที่ทำ และภายหลัง
3.ทำบุญไปแล้ว หรือให้ไปแล้ว ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียดายในภายหลัง
     เมื่อองค์ประกอบทั้ง 3 สิ่งนี้ครบถ้วน การทำบุญก็จะได้บุญ ผลที่เห็นทันตาคือ ความรู้สึกสบายใจ อิ่มเอิบจิตใจ อย่างแน่นนอน หากบุญนั้นไม่ใช่การทำบุญเพื่อเอาหน้าตา และชือเสียง
บอกมาถึงขนาดนี้แล้วหวังว่าท่านคงจะเข้าใจนะ  [on_018]

ปล.ตกลงว่าเป็นเวปธรรมมะ หรือ เวปสัตว์เลี้ยงกันแน่ ท่าน จขกท. อย่าหลงประเด็นซิ   [on_065]
Albino buffalo ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #39 เมื่อ: 29/04/11, [02:04:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

มีจริงแน่ ทั้งทั้งนรกและเวรกรรม

พรุ่งนี้เช้าลองเดินไปวิน มอไซค์แถวบ้านนะ เดินเข้าไปทำหน้ายิ้มๆ ใส่ใครก็ได้

แล้วกระโดดตบกบาลไปทีนึง แล้วเจ้าจะรู้ว่านรกมีจริง แล้วกรรมตามทันโดยไม่ต้องรอชาติหน้า   [นะโม นะโม]

ส่วนสวรรค์ถ้าอยากไปต้องหมั่นทำดีและมีสาระ  heaven

ปล. เรปบนเวลาสวยดี เหมือนหัวเราะ   ้hahaha
thames ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #40 เมื่อ: 29/04/11, [04:40:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แต่ก่อนผมก็เชื่อเรื่องแบบนี้นะครับ แต่โตมาผมก็มาคิดว่า เค้าเคยไปเห็นมันเหรอเขาถึงมาพูดแบบนี้ เคยลงนรกไปแล้วกลับมาเล่าให้ทุกคนฟังเหรอ ยังติดอยู่ในใจ เรื่องแต่ละเรื่องของเทพต่างๆเขาไปเห็นมารึไง เรื่องที่ขันของพระพุทธเจ้าไหลย้อนน้ำกลับมาเขาไปแอบมองมาเหรอ ผมเลยไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องแบบนี้มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยจะคิดลบหลู่เพราะมันเป็นความเชื่อของแต่ละคนก็ไปบิดเบือนเขาไม่ได้อ่ะนะ
ความคิดเห็นของแต่ละคนเป็นยังไงบ้างครับ [งง]
เคยมีรุ่นน้องถามผมทำนองลักษณะคล้ายนี้เหมือนกันครับ ผมเลยแนะนำว่าถ้าไม่เชื่อจริงๆ
ลองกระโดดถีบศาลพระภูมิให้ดูหน่อยก็ไม่เห็นจะกล้าทำ ไม่ต้องไปทำโชว์ใครหรอกครับ
ทำคนเดียวน่ะแหละ ก็นั่งเงียบทุกคน ไม่มีคำตอบให้ว่าทำไมไม่กล้าทำ
ก็ดูตลกดีนะปากบอกไม่เชื่อแต่กลับมีความกลัว
ไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้า ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ ไม่เชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า แล้วยังงี้เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณรึเปล่าครับ
##-DEATH-## ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #41 เมื่อ: 29/04/11, [07:40:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

จริงๆห้องนี้ไม่ได้ให้คุยเกี่ยวกัยศาสนานะ อ่านบ้างเปล่าตรงหัวห้องกาแฟอ่ะ Correct!
Mr.F ออฟไลน์
Hot Member
« ตอบ #42 เมื่อ: 29/04/11, [08:40:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สวรรค์ มี 6 ชั้น
นรก ก็มี 6 ชั้น

สิ่งที่จะสัมผัสรับรู้สิ่งรอบกายเราก็มี 6 อย่าง คือ
ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย   ใจ

ลองคิดดูถ้าม้นเกิดสัมผัสอะไรที่ดีมันก็เป็น สวรรณ์ 6 ชั้น หรือ ไม่ดี มันก็เป็น นรก 6 ชั้น

เอาแค่นี้พอ ตายแล้วไม่รู้เป็นไง ไม่มีใครตอบได้  [on_035]
ĴŨbiLiŐ™ ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #43 เมื่อ: 29/04/11, [10:23:30] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คนนี้ตั้งกระทู้ทีไรมีเสียวทุกที ้hahaha
chanin ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #44 เมื่อ: 29/04/11, [10:36:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เชื่อค่ะ อันนี้เป็นปัจจัตตัง นะคะ เป็นความรู้เฉพาะตัวบุคคล ต้องปฏิบัติเอง รู้เอง ต่อให้เป็นแฟนก็ทำแทนกันไม่ได้นะคะ  [on_035]
Researchers ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #45 เมื่อ: 29/04/11, [10:44:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เชื่อ  แต่ขี้เกียจอธิบาย มันยาว....

สมมุติ นรกมีแต่โคโยตี้สวรรค์มีแต่แม่ชี มันจะเกิดอะไรขึ้นหนอ [on_026]

ขอถามก่อน  "ว่าแม่ชีสวยไหม??"  emb01
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/04/11, [10:48:41] โดย Researchers »
Albino buffalo ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #46 เมื่อ: 29/04/11, [10:45:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

จากสารานุกรม พระไตรปิฏกฉบับธรรมทาน (cd)

มิจฉาทิฏฐิ, ความเห็นผิด,ความเห็นผิดจากคลองธรรม
เจตนาชื่อว่า มิจฉาทิฏฐิ เพราะเห็นผิดโดยไม่มีการถือเอาตาม
ความเป็นจริง. มิจฉาทิฏฐินั้น มีลักษณะเห็นผิด โดยนัยมีอาทิว่า
ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล.
มิจฉาทิฏฐินั้น มีองค์ประกอบ ๒ ประการ คือ
การที่เรื่องผิดไปจากอาการที่ยึดถือ ๑ [เรื่องที่เห็นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด]
การปรากฏขึ้นแห่งเรื่องนั้น โดยความไม่เป็นจริงตามที่ยึดถือ ๑.
[ยึดหลักเห็นผิดนั้น ได้ปักใจเชื่อและเห็นตามนั้น]
เรื่องมิจฉาทิฏฐิเป็นอกุศลกรรมบถ ที่เป็นตัวนำทางชีวิต
ไปสู่ความมืดมน เพราะคนที่ยึดมั่นในสิ่งที่ผิด ย่อมหลงไป
เข้ารีตเดียรถีย์ หลงเชื่อลัทธินอกพระพุทธศาสนา หลง
บิดเบือนคำสอนทางพุทธศาสนา หลงเอาคำสอนบางส่วนใน
พุทธศาสนาไปแอบอ้างว่า เป็นคำสอนของศาสนาอื่น หลง
เอาคำเรียกพระสงฆ์ในพุทธศาสนา ไปเรียกนักเผยแพร่ใน
ศาสนาอื่น เพื่อให้เกิดความสับสน หลอกลวงประชาชนให้
เข้าใจผิด แล้วนำประเพณีของลัทธิต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าครอบงำ
พุทธองค์ได้แยกทิฏฐิต่างๆ รวม ๖๒ อย่าง เป็นประเภทใหญ่ ๆ
๓ ประเภทด้วยกัน คือ
๑. นิตยมิจฉาทิฏฐิ เป็นทิฏฐิที่ร้ายแรงมากมี ๓ อย่าง คือ
๑.๑. อเหตุกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล บุญบาปไม่มี จะดีหรือชั่ว ก็เป็นไปเอง
ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว จึงไม่ทำเหตุให้ดี เช่น
ไม่ทำบุญกุศล, ไม่ขวนขวายให้ตนหลุดออกจากวัฏฏะทุกข์นี้
เช่น อริฏฐะภิกษุและกัณฏกภิกษุ เป็นต้น เขาก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ
ชนิดดิ่งทีเดียว ห้ามทางสวรรค์ ทางพระนิพพาน. สัตว์นี้เป็น
ผู้เฝ้าแผ่นดิน ชื่อว่า เป็นตอแห่งวัฏฏะ.
ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะ ถือว่า ตัวตนมีอยู่ เพราะ
ถือมั่นในรูปนั้น เพราะยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น
๑.๒. อกิริยทิฏฐิ คือ มีความเห็นว่า กรรมไม่มีจริง ไม่มีผล
ของกรรม บาปที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ ย่อมไม่มีแก่เขา
หรือมาถึงเขา บุญที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ ย่อมไม่มีแก่เขา
หรือมาถึงเขา เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่นำเรามาเกิดและ
เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็ดิ้นรนหากินกันไป ทำอะไรก็ได้ให้ตนสบาย
โดยไม่ต้องสนใจใครทั้งสิ้น เมื่อแก่ชราก็ตายไปตามธรรมชาติ
ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้า
ทำความชั่วได้ทุกอย่าง
ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และ
ถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น
๑.๓. นัตถิกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดี
ทำชั่วไม่มี ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
มารดาไม่มี บิดาไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ
กระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว สอนผู้
อื่นให้รู้แจ้ง ไม่มีในโลก คนเรานี้เป็นแต่ประชุมมหาภูตรูปทั้ง ๔
เมื่อใด ทำกาลกิริยา เมื่อนั้น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
อินทรีย์ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอยไปในอากาศ เพราะกายสลาย
ทั้งพวกคนพาล ทั้งบัณฑิตย่อมขาดสูญ พินาศสิ้น หลังจากตาย
ไปย่อมไม่มี.
ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้า
ทำความชั่วได้ทุกอย่าง.
ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และ
ถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น
ทิฏฐินี้มักเป็นของพวกอาจารย์หัวรุนแรง แม้จะบอก
กล่าว แนะนำอย่างไรก็ไม่ได้ผล อีกทั้ง อาจโต้ตอบด้วย
ความรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด นอกจากตนเอง.
อเหตุกทิฏฐิ, อกิริยทิฏฐิ, นัตถิกทิฏฐิ ทิฎฐินี้ห้ามสวรรค์ ,
ห้ามมรรค หรือเรียกว่า มัคคาวรณ์ ห้ามมรรคห้ามผล หรือ
เป็นโมกขาวรณ์ ห้ามนิพพาน เป็นสัคคาวรณ์ ห้ามสวรรค์
โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ
นิตยมิจฉาทิฏฐิ ท่านยกตัวอย่างเช่น
อนันตริยกรรม ๕ ซึ่งถือว่าเป็นกรรมหนักมากมีโทษมาก
แม้กระนั้น ก็ยังมีโทษและกรรมหนักสู้มิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้ หาก
ถามว่าเพราะอะไร ตอบว่า เพราะอนันตริยกรรม ๕ นั้น มี
เขตกำหนดหรือมีกำหนดของโทษนั้น ถึงแม้ว่าอนันตริยกรรม
๔+๑= ๕ อย่าง จะทำให้เกิดในนรก หรือสังฆเภทก็เป็นกรรม
ตั้งอยู่ในนรกชั่วกัปเท่านั้น.
แต่นิยตมิจฉาทิฏฐิคือ ความเห็นผิดอันดิ่ง ไม่มีเขตกำหนด
เป็นรากเหง้าของวัฏฏะ การหลุดออกจากวัฏฏะย่อมไม่มีสำหรับ
บุคคลผู้มีมิจฉาทิฐิเหล่านี้ แม้คราวกัปพินาศเมื่อมหาชนไปเกิด
ในพรหมโลก แต่บุคคลผู้มีนิยตมิจฉาทิฏฐิก็ไม่สามารถไปเกิด
ในพรหมโลกได้ แต่ต้องถูกไฟไหม้อยู่ในโอกาสแห่งหนึ่ง ใน
อากาศซึ่งเป็นไฟยิ่งกว่าไฟในมหานรกเสียอีก.
ท่านอุปมาว่า ก้อนหินแม้เล็กขนาดเท่าถั่วเขียวโยนลงไป
ในน้ำ ชื่อว่าจะลอยอยู่ข้างบน ย่อมไม่มี ย่อมจมลงไปข้างล่าง
อย่างเดียว ฉันนั้น.
๒. อันตคาหิกทิฏฐิ คือทิฏฐิที่ดิ่งรองมาจากนิตยมิจฉาทิฏฐิ
ผู้มีทิฏฐิประเภทนี้ ไม่มีทางที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้เลย
แต่ถ้าทำความดีอื่นๆไว้ ก็สามารถไปเกิดบนสวรรค์ได้ ทิฏฐินี้
คือความเห็นผิดที่ยึดถือเอาที่จุดสุดโต่งทั้งสองด้าน อย่างใด
อย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ ๑๐ อย่างคือ
๑. เห็นว่าโลกเที่ยง ... ๒. โลกไม่เที่ยง ... ๓. โลกมีที่สุด ...
๔.โลกไม่มีที่สุด ... ๕. ชีพอันนั้น สรีระก็อันนั้น ...
๖. ชีพอย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง ...
๗. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ ...
๘. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปไม่มีอยู่ ...
๙. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ก็มี ไม่มีอยู่ก็มี ...
๑๐.สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ก็หามิได้ ไม่มีอยู่ก็หามิได้
อันตคาหิกทิฏฐิ มีวัตถุ ๑๐ ห้ามมรรค แต่ไม่ห้ามสวรรค์.
อรรถกถาจารย์บางท่านกล่าวว่า อันตคาหิกทิฎฐิ หรือ
สักกายทิฏฐิ ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิชื่อว่า ไม่สามารถนำไปสู่
สวรรค์ หรือเจริญมรรคได้เลย.
มิจฉาทิฏฐินั้น ชื่อว่ามีโทษน้อยและมีโทษมากเหมือน
สัมผัปปลาปะ.
อีกอย่างหนึ่ง มิจฉาทิฏฐิที่ไม่แน่นอน (ยังไม่ดิ่ง) ชื่อว่า
มีโทษน้อย ที่แน่นอน (ดิ่ง) ชื่อว่ามีโทษมาก.
---------------
แม้ ว่าอนันตริยกรรมที่หนักที่สุด เช่น ฆ่าพ่อ หรือ ฆ่าแม่ เป็นต้น อนันตริยกรรมจะนำไปเกิดในนรกแล้ว กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกเป็นต้น ก็คงจะไม่ได้ทำอนันตริยกรรมซ้ำๆอีก แต่ความเห็นผิดนั้นยากนักที่จะเปลี่ยนความคิดให้เป็นเห็นถูกได้ แม้จะเกิดเป็นมนุษย์หรือเกิดเป็นเทวดา ความเห็นผิดก็ยังติดตามตัวไป ดังนั้น จึงขึ้นๆลงๆ นรก ครั้งแล้วครั้งเล่าจึงน่ากลัวอย่างจะสุดพรรณา
สมัย หนึ่ง พราหมณ์ผู้หนึ่งได้เข้ามาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถามปัญหาเรื่องกรรม เรื่องการตายการเกิดเป็นสัตว์ในภพภูมิต่างๆ เช่น เป็นผีสางเทวดาได้ เป็นต้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงหลับพระเนตรเสียไม่ตอบ พราหมณ์ถามอยู่หลายครั้งไม่ได้รับคำตอบ จึงได้หลีกไป พระอานนท์จึงได้ถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า คำถามก็ดีๆทั้งสิ้น เหตุใดพระองค์จึงไม่ตอบเขา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่า อานนท์เธอยังไม่รู้ว่าพราหมณ์ผู้นี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่มีกำลังความเห็นผิดเหนียวแน่นมาก ผ่านนรกมาหลายชาติแล้ว ที่เข้ามาถามวันนี้ ก็มิได้ปรารถนาจะมาหาความรู้ หากแต่ต้องการจะมาโต้คารมแสดงความคิดเห็น จะได้ไปโอ้อวดกับคนทั้งหลายว่า ได้มาโต้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ต้องการสร้างพยานหลักฐานเพื่อจะให้คนทั้งหลายเชื่อในความคิดเห็นผิดๆ ของตน
ความ เห็นผิดชนิดที่ล่วงอกุศลกรรมบทคือ นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ นั้นมีกำลังของการให้ผลมากจริงๆ ผู้ที่มิได้ศึกษาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมิได้มีความคิดพิจารณาในปัญหาของชีวิตให้ลึกซึ้งแล้วจะเข้าถึงความจริง ของการให้ผลไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่าหวั่นไหวเกรงอันตรายที่ร้ายแรงนี้เหลือเกิน เพราะความเห็นผิดที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ มันจะแสดงออกไปซึ่งความเห็นผิดนั้นอยู่เสมอในแต่ละชาติที่เกิดขึ้นมา ผลร้ายแรงที่จะได้รับจึงได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า คือตกนรกบ่อยครั้งจนจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตแล้วจึงจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกลับเป็นตรงกันข้ามได้ เช่น เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เพราะความยากจนมากจึงมัวยุ่งแต่การทำมาหากิน หรือเจ็บป่วยมากอยู่เสมอ มัวแต่ยุ่งเรื่องการรักษาพยาบาลตัวเอง หรือมีเรื่องเศร้าหมองเร่าร้อนอยู่ไม่สร่างซาจนไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดถึง ปัญหาชีวิตอันลึกซึ้งที่ตนมีความเห็นผิดติดมา และเมื่อได้พบบัณฑิตย์ที่มีความสามารถเสนอความรู้ให้ ทั้งได้เกิดมาหลายชาติมิได้แสดงความเห็นผิดมากมายออกไป และกุศลของตนเพิ่มขึ้นจึงได้มีโอกาสเปลี่ยนความคิดเสียใหม่
เปรียบเหมือน เสือโคร่งหนุ่มฉกรรจ์ย่อมจะหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีของตน เพราะในป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้มิได้มีผู้ใดที่จะมีความเก่งกาจหรือมีความ สามารถเท่าตนได้ จึงยืนผงาดวาดลวดลายว่าข้านี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ให้สัตว์ทั้งหลายเกรงขาม
ครั้น ในบั้นปลายของชีวิต เมื่อความชราได้เข้ามาเยือนจึงได้มีความรู้สึกสำนึกตัวว่าจะยิ่งใหญ่ต่อไป ไม่ได้เสียแล้ว เพราะเขี้ยวอันแหลมคมราวกับเหล็กกล้าภายในปากนั้น บัดนี้ก็ได้หลุดถอน เล็บทุกเล็บอันทรงพลังก็โยกคลอน แม้ร่างกายก็อ่อนแอลงไปแล้วจะจับสัตว์ใหญ่กินได้อย่างไร และจะวิ่งตามสัตว์เล็กก็ไม่ไหว แล้วจะยืนผงาดโอ้อวดความยิ่งใหญ่อยู่ได้หรือ ด้วยเหตุนี้เองเพื่อจะยังชีวิตของตนให้คงอยู่ต่อไป จึงต้องค่อยๆย่องตามเสือหนุ่มสาวกัดกินสัตว์ทิ้งไว้แล้วไปนอนเฝ้าคอยอยู่ตาม สุมทุมพุ่มไม้เพื่อจะได้กินในมื้อต่อไป เสือแก่ก็จะย่องเข้ามากินเศษอาหารที่ทิ้งไว้ ถ้าเสือหนุ่มสาวกระโชกเข้ามาขับไล่ ก็ถอยหลบไป ถ้าเสือหนุ่มสาวเผลอหรือนอนหลับ ก็จะย่องเข้าไปแทะกินใหม่ พอให้ชีวิตรอดไปได้วันหนึ่งๆจนกว่าจะตายลงไป
____________________________
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "
---------------------------------------------
เพราะ มิจฉาทิฏฐิทั้ง ๓ นั้น ฝังลึกแน่นหนาอยู่กลางใจ ละได้ยากมากๆ เจ้าตัวก็ไม่คิดอยากจะละ ไม่คิดจะกลับใจ เพราะปักใจไว้อย่างนั้น ก่อให้ทำกรรมต่างๆที่ผิดหลักธรรมไปในภพชาติต่างๆไปเรื่อย เหมือนจะไม่มีจุดที่สุด เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารนานๆๆมากๆ{พวกนี้จะเรียกว่า เป็นพวก วัฏฏขาณุ (แก่นตอของวัฏฏะ)} และส่วนมาก จะเกิดในอบายภูมิ ต่างกับพวกทำอนันตริยกรรม ซึ่งเกิดจากบันดาลโทสะชั่วคราว และสามารถสำนึกกลับใจได้ไม่ยาก
-----------------------------------------------
ในพระไตรปิฎกมีเรื่องของนารทะฤาษี
กลับความเห็นผิดของพระราชาองค์หนึ่ง
มีจุดเชื่อมโยงมาถึงโลกันตนรก
พอสรุปว่า "มิจฉาทิฏฐิ" หรือความหลงผิดอย่างแรงกล้า
ว่านรกสวรรค์บุญบาปไม่มี จึงก่อกรรมชั่วโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ
เป็นเหตุให้ไปเกิดในโลกันตนรก

ต่อไปนี้ไม่มีอะไรอ้างอิงนะครับ ฟังหูไว้หู

ในความเป็นจริง ภพที่เต็มไปด้วยความมืดน่าสะพรึงกลัวนั้นมีอยู่มาก
แต่ที่ชื่อว่ามืดมิดแบบไม่มีแสงสว่างส่องมาถึงเลย
ก็ได้แก่โลกันตนรกนี่เอง
ขอให้ลืมชื่อโลกันตนรกเสีย
เอาไว้แต่เพียงสภาพมืดสนิทที่ปราศจากความสว่าง
นั่นแหละภพๆหนึ่ง นั่นแหละที่มีบัญญัติภายหลัง ว่าคือโลกันตนรก
แท้จริงแล้วยังมีภพอื่นที่มืดพอกัน
เพียงแต่แสงสว่างยังเกิดขึ้นเป็นบางคาบบางเวลา
ภพนั้นจึงไม่ได้ชื่อ ไม่เข้าข่ายความเป็นโลกันตนรก

สัตว์ที่มีสิทธิ์ไปเกิด ณ ที่นั้นได้ต้องมีคุณสมบัติเด่นๆ เช่น
๑) มีความเห็นผิดอย่างแรงกล้า ปักใจเชื่ออย่างถอนไม่ขึ้นด้วยวิธีใดๆ
ว่าสวรรค์ไม่มี นรกไม่มี บาปไม่มีผล บุญไม่มีผล
๒) เผยแพร่ความเห็นผิดออกไปในวงกว้าง และมีผู้ให้ความเชื่อถือ
เกิดความหลงผิดตามว่าสวรรค์ไม่มี นรกไม่มี บาปไม่มีผล บุญไม่มีผล

สภาพจิตของเขาเอง ที่ไม่เผยอขึ้นรับธรรมะแบบเผื่อขาดเผื่อเหลือ
จมอยู่กับความมืดของมิจฉาทิฏฐิแห่งตนนั่นเอง
ที่ก่อภพอันมืดมิด ไร้แสงสว่างขึ้น

นอกจากนั้นบาปจะเผล็ดผลอันเผ็ดร้อนในที่นั้น
เพราะผู้ตั้งจิตไว้ในทางแห่งมิจฉาทิฏฐิ ย่อมก่อกรรมชั่วโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ
อาจมีความทรมานประการต่างๆเป็นกำนัลในโลกันตนรกตามฐานะอันควรแก่ตน
ทำนองเดียวกับที่โลกนี้มีทั้งรางวัลและบทลงโทษหลากหลาย
ไม่ใช่ว่ามาเกิดในโลกมนุษย์แล้วทุกคนจะได้รับสภาพเท่าเทียมกันหมดครับ
-----------------------
มิจฉาทิฏฐิ, ความเห็นผิด,ความเห็นผิดจากคลองธรรม
เจตนาชื่อว่า มิจฉาทิฏฐิ เพราะเห็นผิดโดยไม่มีการถือเอาตาม
ความเป็นจริง. มิจฉาทิฏฐินั้น มีลักษณะเห็นผิด
มิจฉาทิฏฐินั้น มีองค์ประกอบ ๒ ประการ คือ
การที่เรื่องผิดไปจากอาการที่ยึดถือ ๑ [เรื่องที่เห็นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด]
การปรากฏขึ้นแห่งเรื่องนั้น โดยความไม่เป็นจริงตามที่ยึดถือ ๑.
[ยึดหลักเห็นผิดนั้น ได้ปักใจเชื่อและเห็นตามนั้น]
เรื่องมิจฉาทิฏฐิเป็นอกุศลกรรมบถ ที่เป็นตัวนำทางชีวิต
ไปสู่ความมืดมน เพราะคนที่ยึดมั่นในสิ่งที่ผิด ย่อมหลงไป
เข้ารีตเดียรถีย์ หลงเชื่อลัทธินอกพระพุทธศาสนา หลง
บิดเบือนคำสอนทางพุทธศาสนา หลงเอาคำสอนบางส่วนใน
พุทธศาสนาไปแอบอ้างว่า เป็นคำสอนของศาสนาอื่น หลง
เอาคำเรียกพระสงฆ์ในพุทธศาสนา ไปเรียกนักเผยแพร่ใน
ศาสนาอื่น เพื่อให้เกิดความสับสน หลอกลวงประชาชนให้
เข้าใจผิด แล้วนำประเพณีของลัทธิต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าครอบงำ

ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้า
ทำความชั่วได้ทุกอย่าง.
ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และ
ถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น
ทิฏฐินี้มักเป็นของพวกอาจารย์หัวรุนแรง แม้จะบอก
กล่าว แนะนำอย่างไรก็ไม่ได้ผล อีกทั้ง อาจโต้ตอบด้วย
ความรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด นอกจากตนเอง.
อเหตุกทิฏฐิ, อกิริยทิฏฐิ, นัตถิกทิฏฐิ ทิฎฐินี้ห้ามสวรรค์ ,
ห้ามมรรค หรือเรียกว่า มัคคาวรณ์ ห้ามมรรคห้ามผล หรือ
เป็นโมกขาวรณ์ ห้ามนิพพาน เป็นสัคคาวรณ์ ห้ามสวรรค์
โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ
นิตยมิจฉาทิฏฐิ ท่านยกตัวอย่างเช่น
อนันตริยกรรม ๕ ซึ่งถือว่าเป็นกรรมหนักมากมีโทษมาก
แม้กระนั้น ก็ยังมีโทษและกรรมหนักสู้มิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้ หาก
ถามว่าเพราะอะไร ตอบว่า เพราะอนันตริยกรรม ๕ นั้น มี
เขตกำหนดหรือมีกำหนดของโทษนั้น ถึงแม้ว่าอนันตริยกรรม
๔+๑= ๕ อย่าง จะทำให้เกิดในนรก หรือสังฆเภทก็เป็นกรรม
ตั้งอยู่ในนรกชั่วกัปเท่านั้น.
แต่นิยตมิจฉาทิฏฐิคือ ความเห็นผิดอันดิ่ง ไม่มีเขตกำหนด
เป็นรากเหง้าของวัฏฏะ การหลุดออกจากวัฏฏะย่อมไม่มีสำหรับ
บุคคลผู้มีมิจฉาทิฐิเหล่านี้ แม้คราวกัปพินาศเมื่อมหาชนไปเกิด
ในพรหมโลก แต่บุคคลผู้มีนิยตมิจฉาทิฏฐิก็ไม่สามารถไปเกิด
ในพรหมโลกได้ แต่ต้องถูกไฟไหม้อยู่ในโอกาสแห่งหนึ่ง ใน
อากาศซึ่งเป็นไฟยิ่งกว่าไฟในมหานรกเสียอีก.
ท่านอุปมาว่า ก้อนหินแม้เล็กขนาดเท่าถั่วเขียวโยนลงไป
ในน้ำ ชื่อว่าจะลอยอยู่ข้างบน ย่อมไม่มี ย่อมจมลงไปข้างล่าง
อย่างเดียว ฉันนั้น.

อันตคาหิกทิฏฐิ คือทิฏฐิที่ดิ่งรองมาจากนิตยมิจฉาทิฏฐิ
ผู้มีทิฏฐิประเภทนี้ ไม่มีทางที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้เลย
แต่ถ้าทำความดีอื่นๆไว้ ก็สามารถไปเกิดบนสวรรค์ได้ ทิฏฐินี้
คือความเห็นผิดที่ยึดถือเอาที่จุดสุดโต่งทั้งสองด้าน อย่างใด
อย่างหนึ่ง

อรรถกถาจารย์บางท่านกล่าวว่า อันตคาหิกทิฎฐิ หรือ
สักกายทิฏฐิ ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิชื่อว่า ไม่สามารถนำไปสู่
สวรรค์ หรือเจริญมรรคได้เลย.
มิจฉาทิฏฐินั้น ชื่อว่ามีโทษน้อยและมีโทษมากเหมือน
สัมผัปปลาปะ.
อีกอย่างหนึ่ง มิจฉาทิฏฐิที่ไม่แน่นอน (ยังไม่ดิ่ง) ชื่อว่า
มีโทษน้อย ที่แน่นอน (ดิ่ง) ชื่อว่ามีโทษมาก.

ในพระไตรปิฎกมีเรื่องของนารทะฤาษี
กลับความเห็นผิดของพระราชาองค์หนึ่ง
มีจุดเชื่อมโยงมาถึงโลกันตนรก
พอสรุปว่า "มิจฉาทิฏฐิ" หรือความหลงผิดอย่างแรงกล้า
ว่านรกสวรรค์บุญบาปไม่มี จึงก่อกรรมชั่วโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ
เป็นเหตุให้ไปเกิดในโลกันตนรก

สัตว์ที่มีสิทธิ์ไปเกิด ณ ที่นั้นได้ต้องมีคุณสมบัติเด่นๆ เช่น
๑) มีความเห็นผิดอย่างแรงกล้า ปักใจเชื่ออย่างถอนไม่ขึ้นด้วยวิธีใดๆ
๒) เผยแพร่ความเห็นผิดออกไปในวงกว้าง และมีผู้ให้ความเชื่อถือ
เกิดความหลงผิด

สภาพจิตของเขาเอง ที่ไม่เผยอขึ้นรับธรรมะแบบเผื่อขาดเผื่อเหลือ
จมอยู่กับความมืดของมิจฉาทิฏฐิแห่งตนนั่นเอง
ที่ก่อภพอันมืดมิด ไร้แสงสว่างขึ้น

นอกจากนั้นบาปจะเผล็ดผลอันเผ็ดร้อนในที่นั้น
เพราะผู้ตั้งจิตไว้ในทางแห่งมิจฉาทิฏฐิ ย่อมก่อกรรมชั่วโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ
อาจมีความทรมานประการต่างๆเป็นกำนัลในโลกันตนรกตามฐานะอันควรแก่ตน
ทำนองเดียวกับที่โลกนี้มีทั้งรางวัลและบทลงโทษหลากหลาย
ไม่ใช่ว่ามาเกิดในโลกมนุษย์แล้วทุกคนจะได้รับสภาพเท่าเทียมกันหมดครับ

http://www.cdthamma.com/forums/index.php?topic=126.0
Researchers ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #47 เมื่อ: 29/04/11, [10:49:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เห็นไหม บอกแล้วว่ามันยาว...   036 036
##-DEATH-## ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #48 เมื่อ: 29/04/11, [10:50:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คนนี้ตั้งกระทู้ทีไรมีเสียวทุกที ้hahaha
้hahaha
Gold ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #49 เมื่อ: 29/04/11, [10:52:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เชื่อ  แต่ขี้เกียจอธิบาย มันยาว....

ขอถามก่อน  "ว่าแม่ชีสวยไหม??"  emb01
งั้นก็ต้องถามว่า โคโยตี้สวยมั้ย [on_026]
SaHaRa ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #50 เมื่อ: 29/04/11, [16:53:38] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ส่วนตัวเราเชื่อว่าสวรรค์ในอก นรกในใจ

ใครทำดีก็สบายใจมีความสุข ใครทำชั่วแล้วรู้สึกผิดก็เครียดทนทุกข์ดังนรก


แต่คนชั่วทำชั่วแล้วรู้สึกไม่ผิด มันก็ไม่ทนทุกข์ สบายไป

แต่เราก็เชื่อนะ ว่าบาปกรรมมีจริง จิตวิญญาณมีจริง


พี่ก็เชื่อว่าสวรรค์อยู่ในอกนะ  emb01
T.Dark ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #51 เมื่อ: 29/04/11, [19:54:54] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

คนนี้ตั้งกระทู้ทีไรมีเสียวทุกที ้hahaha
แหะๆ  hide2
coffeeman ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #52 เมื่อ: 30/04/11, [06:42:59] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 มันมี บทความอธิบายเกี่ยวกับ" ปาฎิหาริย์ ของพระพุทธเจ้า ในเชิงวิทยาศาสตร์ "
ลองหาอ่านดูนะครับ [on_abe]
Near ออฟไลน์
C1ub Event Staff
« ตอบ #53 เมื่อ: 30/04/11, [08:56:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สวรรค์ มี 6 ชั้น
นรก ก็มี 6 ชั้น

สิ่งที่จะสัมผัสรับรู้สิ่งรอบกายเราก็มี 6 อย่าง คือ
ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย   ใจ

ลองคิดดูถ้าม้นเกิดสัมผัสอะไรที่ดีมันก็เป็น สวรรณ์ 6 ชั้น หรือ ไม่ดี มันก็เป็น นรก 6 ชั้น

เอาแค่นี้พอ ตายแล้วไม่รู้เป็นไง ไม่มีใครตอบได้  [on_035]

ไม่จริงๆ สวรรค์มี 7 ชั้นต่างหากล่ะ [on_026]
CoolEucalyp ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #54 เมื่อ: 30/04/11, [13:57:37] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ไม่จริงๆ สวรรค์มี 7 ชั้นต่างหากล่ะ [on_026]

เง๊ออออออ ท่าทางคนจะอยากอยู่เยอะชั้นนี้  ้hahaha
whatlooking ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #55 เมื่อ: 30/04/11, [20:37:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ไม่มีใครรู้หรอก ว่ามีจริง หรือป่าว   ที่พระพุทธเจ้า ลอยทวนน้ำมามันเป็น  กุศโลบาย(ถ้าพิมพ์ผิดขออภัยนะครับ)
เรื่องราวต่าง ๆ  เป็นคำสอนที่ท่านต้องการให้เรา   ผมทุกข์หมดกิเลส     ถ้าไม่เชื่อว่ามีจริงหรือป่าว  นะครับ  ลองทำอะไร  ที่ พระ ท่านห้ามทำสิครับ  เอาแค่ ศิล ๕  ก็พอ  แล้วคุณจะรู้ ว่า นรก สวรรค์    ไม่ได้อยู่ไกลอะไรเลยอยู่ในตัวคุณเอง อย่างที่พี่คนข้างบนบอกนั้นแหละครับ ๆ      ศาสนาในโลกนี้ล้วนแต่มี สอนเรื่องนรก สวรรค์ ครับ  เพียงแต่บางที่เอาไปเปรียบเทียบกับเศรษฐี   คนจน   อะไรแบบนี้      ( ลองทำดูที่แนะนำนะครับ จะได้รู้มีจริงไหม )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04/05/11, [19:24:42] โดย ดุ๊กดิ๊กในหมู่ชน & น้องฉึ่งหนึ่งแมวเหมียว »
eee ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #56 เมื่อ: 30/04/11, [20:54:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ศาสนาคริสต์ บอกว่าติดต่อกับพระเจ้าได้ พระเจ้าเล่าว่าสร้างโลกใน 7 วัน และบอกว่าโลกแบน จนกระทั่งฆ่านักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่บอกว่าโลกกลม โดยการเผาทั้งเป็น
แม้แต่ กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก โดนทรมานจนตาบอด สุดท้ายทนไม่ไหวต้องกลับคำว่าโลกแบนจึงรอดตาย

สุดท้ายมีการสร้างกล้องส่งดูดาวและเครื่องมือต่างๆ จึงรู้ว่าโลกกลม

แต่ตรงนี้พระพุทธเจ้าบอกไว้ลงในพระไตรปิฏกกว่า 2500 ปีแล้ว ถูกคัดลอกมาที่เมืองไทยกว่า 700-800 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นกาลิเลโอยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ากลมเหมือนผลมะขามป้อม

แสงอินฟาเรดมองไม่เห็น แต่หากท่านใช้กล้องvdo ที่ติดกับมือถือนี่ก็ได้ ลองกดปุ่มที่รีโมทดู ท่านจะเห็นว่ามีแสงออกมาถ้าท่านมองจากกล้อง
ไม่ได้เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีนะครับ ยังมีแสงอีกหลายชนิดที่ยังไม่สามารถสร้างเครื่องมือมาเห็นได้

น้องต้องไปบวชก่อน แล้วเลือกวัดหน่อย ท่านจะรู้ว่า วิญญาณมีจริงครับ โดยเฉพาะพระบวชใหม่ศีลยังคงบริสุทธิ์มาก เขาจะมาขอส่วนบุญเจอกันเป็นร้อยครับ รุ่นผมโดนกันกว่า 10 คนผมเป็น 1 ในนั้น  จนผมอยากพิสูจน์อีกปี ไปบวชอีกรอบ รอบนี้ ผมไม่โดนแต่อีก 5 คนโดนแบบเดียวกันชุดเดียวกันเลย




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04/05/11, [19:25:49] โดย ดุ๊กดิ๊กในหมู่ชน & น้องฉึ่งหนึ่งแมวเหมียว »
eee ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #57 เมื่อ: 30/04/11, [22:30:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

และก็ แสงนี่ละครับ เป็นตัวหลอกลวง การจะมองเห็นวัตถุได้ จะต้องมีแสงมาตกกระทบที่วัตถุก่อน จึงจะสะท้อนเข้าตา พอเข้าตาก็จะถูกแปรสัญญาณเป็นภาพ
ลองคิดดีๆนะครับ การที่บางคนมองผู้หญิงคนนั้นว่าสวยมาก แต่ฝรั่งกลับชอบคนดำๆ ก็แสดงว่า สมองคนเรามัน copy การทำงาน ไม่เหมือนกันทุกคน และตาก็ไม่ได้ copy เหมือนกันทุกคน

ดังนั้นหากจะพูดไป พวกเราทุกคนโดนหลอกลวงหมด บางทีภาพที่เราเห็นๆ อาจจะไม่ได้เป็นจริงอย่างที่เห็นก็ได้  อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ส่องกล้องดูดาวที่ห่างออกไป1แสนปีแสงได้ แต่เป็นอดีตของดาวดวงนั้น1 แสนปีแสง
CoolEucalyp ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #58 เมื่อ: 30/04/11, [22:54:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

โอ้ววว ว วว   [on_009] [on_009] [on_009]
thawan ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #59 เมื่อ: 01/05/11, [09:35:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ของแบบนี้ถ้าไม่เจอด้วยตัวเองก็ยากที่จะเชื่อได้แบบสนิทใจ
ลองไปปฏิบัติธรรมหรือบวชดู แล้วจะเข้าใจและเชื่อได้อย่างไม่สงสัยครับ

ถ้าไปบอกคนในยุคพุทธกาลว่าอีกสองพันกว่าปีมนุษย์จะเหาะได้ พูดคุยกันแบบเห็นหน้าได้ทั่วโลก คนยุคนั้นก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน ทำนองเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคพุทธกาลหลายเรื่องก็ดูเหลือเชื่อในยุคของเรา นั่นคือเวลาต่างกันประสบการณ์ที่จะก่อให้เกิดความเชื่อก็ต่างกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เชื่อทุกเรื่องในอดีตนะครับ การสืบทอดเรื่องราว ก็มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องที่แต่งเติมมาระหว่างทาง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04/05/11, [19:27:06] โดย ดุ๊กดิ๊กในหมู่ชน & น้องฉึ่งหนึ่งแมวเหมียว »
หน้า: 1 2 3   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: