มาเกริ่นนำกันก่อนดีกว่า..เมื่อก่อนเคยสงสัยเกี่ยวกับค่า ph และการเจริญเติบโตของไม้น้ำมาตลอดว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหน แล้วทำไม ph มันถึงมีส่วนที่ทำให้ไม้น้ำเจริญเติบโตได้ดีแตกต่างกัน ตามสภาวะของน้ำ ก็เลยไปค้นหาข้อมูลมานี่แหละครับ ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์....
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ค่า ph และการเป็นกรดด่างขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งน้ำรวมถึงแหล่งกำเนิดของน้ำเพราะน้ำในแต่ละที่แน่นอนว่าค่า ph ไม่เท่ากัน รวมไปถึงดินด้วยซึ่งดินก็มีส่วนที่ส่งผลต่อค่า ph เช่นกัน ซึ่งค่า ph จะเป็นตัวควบคุมความมากน้อยของธาตุอาหารที่จะละลายออกมาอยู่ในน้ำ
แล้ว ph เท่าไหร่ถึงจะดีที่สุดละ ?? แล้วมันเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพืชยังไงหรอ ??
พืชส่วนใหญ่จะเจริญเติบโตได้ดีที่ ph 6.0-7.0 ก็นี่แหละที่สงสัยมาตลอดว่ามันเกี่ยวกันยังไงกับการที่ต้นไม้ของคุณจะงอกงาม ก็เพราะค่า ph มีผลเกี่ยวกับการดูดซึมและการปลดปล่อยธาตุอาหารในตัวของดินด้วยเช่นกัน ความสำคัญของ pH ยังเกี่ยวข้องอยู่กับการทำงานที่เป็นประโยชน์ของจุลินทรีย์ต่างๆด้วย ปกติสารประกอบอินทรีย์ต่างๆจะเน่าเปื่อยผุพังได้ก็โดยที่มีจุลินทรีย์ต่างๆเข้าย่อยสลาย ขณะที่สารอินทรีย์พวกนี้กำลังสลายตัวก็จะปลดปล่อยธาตุอาหารต่างๆ ออกมาซึ่งรากพืชสามารถดึงดูดไปใช้ได้ (พวกปุ๋ยฝังต่างๆ) เมื่อฝังลงไปในดินแล้วทำให้พืชงอกงามดีขึ้น ก็เนื่องจากจุลินทรีย์พวกนี้เข้าย่อยและทำให้ปุ๋ยปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชอีกทีหนึ่ง การที่ปุ๋ยที่ทำจากสารอินทรีย์มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชได้ช้ากว่าปุ๋ยเคมี ก็เนื่องด้วยเหตุที่ปุ๋ยที่ประกอบด้วยสารอินทรีย์ต้องรอให้จุลินทรีย์เข้าย่อยให้สลายตัวเสียก่อน ซึ่งผิดกับปุ๋ยเคมี (หรือปุ๋ยน้ำนั้นแหละ) เมื่อละลายน้ำแล้วพืชก็สามารถดึงดูดเอาธาตุอาหารจากปุ๋ย ไปใช้ได้ทันที ดังนั้นจุลินทรีย์พวกนี้จะทำงานได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพเมื่อ pH ของดินและน้ำอยู่ระหว่าง pH 6-7 ถ้าดินเป็นกรดรุนแรงถึงกรดรุนแรงมาก จุลินทรีย์ในดินจะทำงานได้ช้าลง ปุ๋ยและสารอินทรีย์ในดินและน้ำจะสลายตัวและเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ช้ามาก เมื่อดินเป็นกรดรุนแรงและกรดรุนแรงมากนั้น มักจะพบว่าพืชที่ปลูกไม่เจริญเติบโต และงอกงามเท่าที่ควร
แล้วผลที่ตามมาของค่า ph ที่มันไม่เหมาะสมละ ??
ถ้าดินค่อนไปทางด่างคือมีค่าสูงกว่า 7 กลุ่มธาตุอาหารที่พืชจะไม่สามารถลำเลียงไปใช้ได้ได้แก่ ฟอสฟอรัส ทองแดง เหล็ก แมงกานีส สังกะสีและโบรอน ยิ่งโน้มไปทางด่างมากเท่าไร พืชก็ยิ่งไม่สามารถดูดไปใช้ได้มากเท่านั้น หากเกินค่าวิกฤตที่ไม่เพียงพอตามความต้องการของพืชก็จะแสดงอาการขาดธาตุให้เห็นทางสายตาได้
ในทางกลับกัน เมื่อดินค่อนไปทางกรด พืชจะดูดฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกเนเซียมและโมลิบดีนัมไปใช้ยากขึ้น หาก pH ต่ำกว่า 6 พืชอาจแสดงอาการขาดธาตุ 4 ตัวนี้ได้ หากดินมี pH ต่ำกว่า 5.5 พืชอาจแสดงอาการเป็นพิษกับอลูมิเนียมและแมงกานีส เพราะมันจะเริ่มละลายออกมาอยู่ในสารละลายดินมากเกินไป ส่วนธาตุเหล็กจะเริ่มละลายออกมามากในดินที่มี pH ต่ำกว่า 5.0 และกิจกรรมของเชื้อราที่เป็นประโยชน์ในดินจะเริ่มลดลง สุขภาพพืชจะแย่ลงด้วย
พึ่งรู้นะเนี่ยว่าค่า ph จะมีผลต่อการดูดซึมของธาตุอาหารด้วย ว่าแต่ธาตุอาหารที่จำเป็นมันมีอะไรบ้างละ ??
ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของพืชมี 16 ธาตุ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
-คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O) เป็นองประกอบที่มีมากที่สุดในพืช เพราะพืชประกอบด้วยน้ำและอากาศรวมกันถึง 94-99%
-ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโปตัสเซียม (K) มักเรียกธาตุอาหารหลักหรือปุ๋ย เพราะพืชต้องการใช้มาก และดินมักจะขาดธาตุเหล่านี้ ทุกวันนี้มันถึงต้องมีปุ๋ยน้ำนี่เอง โฮ๊ะๆ
-แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และกำมะถัน (S) เรียกว่าธาตุรอง เพราะพืชต้องการใช้มากรองจาก N, P, K
-เหล็ก (Fe) แมงการนีส (Mn) สังกะสี (Zn) ทองดอง (Cu) โบรอน (B) โมลิบดีนัม (Mo) คลอรีน (Cl) พืชต้องการในปริมาณน้อยมากแต่ก็ขาดไม่ได้ จึงเรียกกลุ่มนี้ว่า จุลธาตุ
ทำไมมันเยอะยังงี่ เริ่มจะปวดกบาลแล้ว ว่าแต่ถ้ามันขาดธาตุพวกนี้หรือว่าได้รับมากเกินไปจะเป็นอะไรรึป่าว ??
งั้นมาดูตามตารางเลยละกัน
ธาตุ | หน้าที่ | ขาดธาตุ | ได้รับมากเกินไป |
ไนโตรเจน | เร่งการเจริญเติบโตของลำต้น ใบ หัว | -ลำต้นเหลืองผิดปกติ ใบเหลือง -ใบร่วงก่อนกำหนด -พืชไม่โตลำต้นผอมสูง | -ใบมีสีเขียวเข้ม - มีใบจำนวนมาก - ลำต้นเติบโตมากกว่าราก |
ฟอสฟอรัส | ทำปฏิกิริยากับน้ำตาลฟอสเฟต มีบทบาทในการสังเคราะห์แสง | -ใบขยายขนาดช้าจึงเล็ก -จำนวนใบน้อย -ใบล่วงเร็วกว่าปกติ | -ใบอ่อนมีสีเหลือง ระหว่างเส้นใบแต่เส้นใบมีสีเขียว - เนื้อเยื่อใบตายขอบใบไหม้ |
โพแทสเซียม | - ควบคุมแรงดันออสโมติกของเซลล์คุม - รักษาสมดุลของไอออนภายในเซลล์ - กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ - ควบคุมสังเคราะห์และการเคลื่อนย้ายแป้ง | - ใบเหลือง - ขอบใบ และปลายใบไหม้ - เนื้อเยื่อใบตายเป็นจุดๆ โดยเกิดที่ใบแก่ก่อน | - |
แคลเซียม | - เป็นองค์ประกอบของผนังเซลล์ - เกี่ยวกับการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ หลายชนิด | - เนื้อเยื่อปลายยอดและ ปลายรากตาย - ใบอ่อนหงิกงอ - ปลายใบขอบใบเหี่ยว | - |
แมกนีเซียม | - เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ - กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ เกี่ยวข้องกับกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง การหายใจ - กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ใน กระบวนการเคลื่อนย้ายฟอสเฟต | - ใบมีสีเหลืองบริเวณระหว่างเส้นใบ เกิดที่ใบแก่ก่อน - เกิดจุดสีแดงบนใบ - ปลายและขอบใบม้วนเป็นรูปถ้วย | - |
เหล็ก | - เป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการรับและ ส่งอิเล็กตรอนในกระบวนการหายใจ และ การสังเคราะห์ด้วยแสง - เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ คลอโรฟิลล์ | - ใบเหลืองระหว่างเส้นใบ แต่เส้นใบมีสีเขียว เกิดที่ ใบอ่อนก่อน - ถ้าอาการรุนแรงใบอ่อน อาจมีสีขาวและแห้งตาย | - เกิดเป็นจุดเซลล์ แห้งตายบนใบ |
ซัลเฟอร์ (กำมะถัน) | - เป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน บางชนิด เช่น เมไทโอนีน และ เป็นองค์ประกอบของโคเอนไซม์ เอ - เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ คลอโรฟิลล์ กระบวนการหายใจ การสังเคราะห์ด้วยแสง การสังเคราะห์โปรตีนและ การสลายกรดไขมัน | - ใบเหลืองทั้งใบโดยเกิดที่ ใบอ่อนก่อน หรือเกิดใบเหลือง ทั้งต้น | - ยับยั้งการสังเคราะห์ ด้วยแสง และทำให้ โครงสร้างคลอโรฟิลล์ สูญเสีย |
แมงกานีส | -บทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง -จะเป็นในการสังเคราะห์โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน | -อาการใบเหลือง แต่เส้นใบเขียว -เกิดกับต้นอ่อน การเจริญเติบโตช้า | -ทำให้เกิดการขาด Ca ที่ใบอ่อน |
ทองแดง | -บทบาททางอ้อมในการสร้างคลอโรฟิลล์ -เป็นตัวเร่ง Enzyme หลายชนิด -ช่วยในกระบวนการหายใจ -เป็นองค์ประกอบของโปรตีน | -ใบพืชเขียวจัดในช่วงแรก และต่อมาค่อยๆเหลืองลง | -การเจริญเติบโตลดลง และอาจแสดงอาการขาด Fe ด้วย |
สังกะสี | -เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโต -มีส่วนในการขยายพันธุ์พืชบางชนิด -บทบาททางอ้อมในการสร้างคลอโรฟิลล์ -เป็นตัวเร่ง Enzyme หลายชนิด | -ยอดยืดช้า ใบเป็นกระจุก ใบเล็กแคบ -มีกิจกรรมของออกซิเจนลดลงถึง 50% | - |
โมลิบดีนัม | -จำเป็นในการตรึงไนโตรเจน -เป็นตัวก่อให้เกิด Metabolism ของไนโตรเจน -เป็นตัวเร่ง Enzyme หลายชนิด | -มักเกิดอาการใบล่างแห้งตาย -ขอบใบหงิกงอ มีจุดด่างเกิดขึ้น | - |
โบรอน | -เกี่ยวข้องกับการดูดดึง Ca ของรากพืช -ช่วยให้พืชใช้ K ได้มากขึ้น -มีบทบาทในการสังเคราะห์และย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต -ปรับสัดส่วนระหว่าง K และ Ca ในพืชให้เหมาะสม -ช่วยให้ดูด N ได้ดี -เกี่ยวข้องกับการดูดและคายน้ำ และกระบวนการสังเคราะห์แสง | -ยอดชะงักการเจริญเติบโต ทำให้ต้นแคระแกน -รากเจริญน้อย สั้นผิดปกติ | - |
*** วันนี้แค่นี้ก่อนละกัน รูปอะไรยังไม่ได้เอาลง เพราะปวดหัวกับตารางคอดๆ [on_007] ไว่ค่อยปรับแต่งทีหลัง