บทนำ :
ประวัติการเลี้ยงจระเข้
จระเข้( Crocodile)เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งยังคงดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน อยู่ในอันดับ โครโคดีเลีย (Crocodylia) มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนมากจะพิจารณาจากรูปร่างลักษณะ ทั้งจากลักษณะทั้งตัว และความแตกต่างของบางส่วนโดยเฉพาะ เช่น จากรูปร่างของปาก จากเกล็ดบนหัวและคอ ความแตกต่างของฟัน เป็นต้น ลักษณะทั่วไปของจระเข้ทุกประเภทคือ มีปากและหัวยาว รูจมูกและตา ยกสูงอยู่บนหัว คอสั้น ลำตัวยาวกลม มีเกล็ดบนคอและหลัง เกล็ดท้องเป็นแผ่นบาน หางยาวใหญ่และแข็งแรง มีเกล็ดเป็นแผ่นใหญ่ตั้งสูงบนสันหาง หางแบนทางด้านข้าง ขาสั้นทั้งขาหน้าและขาหลัง นิ้วตีนสั้นทั้งตีนหน้าและตีนหลัง ลิ้นไม่สามารถแลบออกจากปากได้ เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ใกล้น้ำ
ในต่างประเทศมีหลักฐานการขุดพบกะโหลกศรีษะจระเข้ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ขนาดความยาววัดได้ ถึง 2 เมตร 1 คืบ กว้างประมาณ 1 เมตร เมื่อคำนวณกะโหลกศรีษะดู คาดว่าเป็นจระเข้ที่มีขนาดโตประมาณ 44 เมตร และหนักประมาณ 5 ตัน ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
สำหรับประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2519 มีการค้นพบกรามจระเข้ขนาดยักษ์ ที่จังหวัดหนองบัวลำพู สันนิษฐานว่าเป็นบรรพบุรุษของตะโขง และในปี พ.ศ. 2523 ที่อำเภอภูเวียง จังหวัดของแก่น ก็ยังได้ค้นพบกระดูกจระเข้น้ำจืดโบราณอีกด้วย ในอดีตจระเข้ในธรรมชาติยังคงมีกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมากในเขตเมืองร้อน ทั่วโลก การออกล่าฆ่าจระเข้เดิมทีก็เพื่อขจัดภัยที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้คนและ สัตว์เลี้ยง ซึ่งการล่าจระเข้อยู่ในวงจำกัด ไม่กระทบกระเทือนจำนวนจระเข้ในธรรมชาติมากนัก ต่อมาในศตวรรษที่ 20 ได้มีการส่าจระเข้ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในปริมาณที่สูง ทำให้จระเข้ในธรรมชาติลดลง และอาจสูญพันธุ์ได้ ถ้าไม่มีการเพาะขยายพันธุ์เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป
โดยในปี พ.ศ. 2489 ได้มีนายอุทัย ยังประภากร เป็นบุคคลแรกที่เริ่มเพาะเลี้ยงจระเข้ แม้จะเกิดวิกฤตการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงนี้มากมายก็ตาม แต่ในปัจจุบันก็ได้ประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ในชื่อฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ในฐานะเป็นผู้ศึกษาค้นคว้า เชี่ยวชาญทั้วเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงและขยาย พันธุ์สัตวป่าในเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรมเกษตร และการท่องเที่ยว ฟาร์มจระเข้แห่งนี้นับเป็นฟาร์มเลี้ยงจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ นอกจากนี้แล้ว ปัจจุบันก็มีฟาร์มจระเข้อีกหลายแห่งในภาคกลาง เช่นที่ นครปฐม ชลบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี กำแพงเพชรและพิจิตร ส่วนภาคอื่น ๆ ก็มีบ้างเช่นกัน
รัฐบาลได้มีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2535 โดยกำหนดให้จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย จระเข้น้ำเค็มและตะโขง ทั้ง 3 ชนิด เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย
แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงและค้าขายสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้ หากสัตว์ป่าชนิดนั้นสามารถทำการเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ โดยได้ออกประกาศกฎหมายกระทรวงตามมาตรา 17 และมาตรา 18 ของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 กำหนดให้จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย และจระเข้น้ำเค็ม เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเพาะพันธุ์ได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีองค์กรสหประชาชาติเข้ามาร่วมดูแล และมีหน่วยงานบริหารภายในร่วมกันรับผิดชอบ ได้แก่ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Species Survival Commission หรือ SSC) และคณะกรรมการทำงานด้านอนุรักษ์สัตว์ป่าว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศพันธุ์ พืชและสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือเรียกกันว่า ไซเตส (CITES : Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่คุ้มครองพันธุ์พืชและสัตว์ป่าโดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก และไซเตสยังเป็นผู้ออกใบรับรองในการจำหน่ายเนื้อจระเข้ได้อย่างถูกต้องตาม กฎหมายสากลด้วย
เนื่องจากเนื้อหามีรายละเอียดมาก และ มีรูปประกอบพอสมควร จึงขอรบกวนให้ติดตามต่อได้ที่นี่ครับ
http://myaqualove.blogspot.com/2010/10/crocodile.html
|