คุยเรื่องไม้น้ำ

[krujarastui]

ใครรู้จักร้านที่จัดสวยน่าเข้าไปซื้อต้นไม้บ้าง ขอรายชื่อสัก 4-5 ร้านจ้า เผื่อว่าจะลองไปจัดที่ร้านบ้าง

[mikiboyz]

ร้านที่จัดสวยผมว่ามีหลายร้านที่ JJ นะครับ ต้องเดินๆดูครับโซนตู้ปลา พวกร้านไม้น้ำนี่ผมชอบร้านที่มัน
ดูสว่างๆโล่งๆ มีพื้นที่สำหรับยืนมอง ของที่ต้องการโชว์อยู่ในระดับสายตา จัดของเป็นหมวดหมู่ สามารถ
เห็นราคาได้ชัดเจน ไม่ต้องถามเจ้าของร้านบ่อยๆ แค่ดึงดูดสายตาถึงของจะราคาสูง แต่สักพักมันจะต้อง
โดนบ้างสักชิ้นแหละครับ อีกอย่างขึ้นอยู่กับนิสัยเจ้าของร้านด้วยว่า เค้าอัธยาศัยดีกับลูกค้ามากน้อยแค่ไหน
ส่วนเรื่องบริการหลังขายก็เป็นอีกอย่างที่ลูกค้ามักจะใช้เป็นตัวตัดสินใจอีกด้วยครับ นอกเหนือจากราคา
ประมาณนี้อะครับ พอดีนึกขึ้นได้มีหนังสือแนะนำครับเป็นหนังสือแปลครับ ของ se-ed ก็มีขาย

เคล็ดลับปรับโฉม "ร้าน" ให้ขายได้ขายดี

http://www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?No=9789744433893

ลองหาดูตามใกล้บ้านก่อนครับ แต่ถ้าเป็นผมจะโทรไปถามสาขาใกล้บ้านว่ามีของหรือเปล่า ถ้าไม่มีของ
บอกเค้าว่าจะเข้าไปรับของวันไหน แล้วเด๊วพอถึงวันนั้นค่อยเข้าไปรับของจะดีกว่าครับ แถมเราไม่ต้อง
เสียเวลาไปยืนหาด้วย [เขิลลลล]

หลักๆมันจะเป็นเกี่ยวกับจิตวิทยาของผู้เข้าร้าน แล้วถูกนำมาประยุกต์ใช้ภายในร้านครับ ถือว่าเป็นหนังสือที่
น่าอ่านอีกเล่มครับผม : )

อ่อ แล้วก็สิ่งที่ผม(ลูกค้า)คิดไว้ในใจนะครับว่า อะไรที่ทำให้ผมอยากซื้อของจากร้านนั้น

1.ราคาและคุณภาพ ผมเข้าใจว่าราคามันมาพร้อมกับคุณภาพ ถ้าของคุณภาพดีเยี่ยมซึ่งบางครั้งมันราคาสูง
เราก็ควรจะต้องดูความเหมาะสมของตัวเราว่าพอจะหยิบได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าไม่สู้ราคาก็หาที่คุณภาพรอง
ลงมาแต่ราคาสู้ไหว หรือหาเบื้องหลังว่าพอจะหาราคาที่หยิบได้ในคุณภาพ AAA ได้หรือเปล่า ซึ่งอันนี้คง
จะยากหน่อย หรือมีอีกแบบนึงก็คือ ของผลิตจากที่นึงซึ่งแพงมากๆ กับของผลิตจากอีกที่นึงแต่ราคาสบายๆ
แบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อว่า จะหาข้อมูลมาดีพอขนาดไหน ผู้ขายมีความน่าเชื่อถือขนาดไหน ประมาณนี้ครับ

2.ความน่าเชื่อและบริการ แน่นอนว่า ความน่าเชื่อถือและบริการมันมักจะมาพร้อมๆกัน แต่บางครั้งก็สวนทางกัน
ประมาณว่า ร้านนี้ขายของมานาน ไม่ต้องง้อลูกค้า ก็มีคนมาซื้ออยู่ดี กับบางร้าน ถึงแม้จะเป็นที่น่าเชื่อถือ
อยู่แล้วก็ตาม ก็ยังคงให้บริการที่เหมือนเดิม อีกทั้งยังมีสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเดิม ยิ่งช่วยทำให้ขายของ
เจ้าใหม่ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่ลูกค้าเดิมคุยกับลูกค้าใหม่ที่กำลังจะซื้อของในร้านว่า "พี่ๆ ของร้านนี้เค้าดีนะ"
ทั้งๆที่ลูกค้าไม่รู้จักกัน แค่นั้นก็ขายของสบายแล้วครับ

3.ความจริงใจและความซื่อสัตย์ อืมม อันนี้มันคงต้องมีอยู่แล้วในการค้าขาย บางทีคำพูดของเจ้าของร้าน
ถ้ามันเชื่อถือได้แล้วหละก็ ต่อไปเค้ามีสินค้าใหม่ๆสักชิ้นแนะนำให้ แน่นอนว่า ถ้าผมต้องใช้ของแบบนั้นอยู่แล้ว
ผมก็คงซื้อโดยไม่ซักถามร้านอื่นๆให้เสียเวลา อาจเป็นเพราะความที่เค้าซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และพูดได้เต็มปาก
ว่าสินค้าเค้าไม่มีปัญหา และเราใช้ก็ไม่มีปัญหาจริงๆ แค่นี้ก็คงได้ความเชื่อใจไปเยอะแล้วแหละครับ

3 อย่างนี้จริงๆมันครอบคลุมไปครบทุกอย่างแล้ว คงน่าจะมีอะไรที่ทำให้ร้านของคุณเจ้าของกระทู้อาจนำ
ไปปรับใช้ได้บ้าง อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับว่า เราจะอยู่ในประเภทตลาดอะไรอีก เช่นว่า ขายของเกรด AAA
หรือ เกรด A ก็จะมีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการจะจับตลาดไหนอีก ถ้าอยากจะจัด
ร้านให้ถูกใจลูกค้า ก็ต้องสำรวจดูก่อนว่า เราจับตลาดประเภทไหน จึงจะเชื่อได้ว่าจับกลุ่มได้ถูกต้องแล้ว

พอดีผมขายของเหมือนกันครับ ลูกค้าแต่ละแนวคิดมาคนละอย่าง เจอลูกค้ากลุ่มอาชีพหมอ แพทย์ เนี่ย
เค้าจะชอบการอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์มาก เช่นว่า มีมาตรฐานตัวไหนที่เชื่อถือได้บ้าง หรือมีการวิจัย
ผลิตภัณฑ์ทางวัสดุมาบ้างแล้วหรือเปล่า แต่ถ้ากลุ่มลูกค้าเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ จะชอบดูที่ราคา กับ Spec
ว่าเท่าเทียมกัน แต่ทำไมราคาต่างกัน ถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าวิศวกร สถาปนิก เค้าจะรู้อยู่แล้วเกี่ยวกับหลักการ
ก่อสร้าง เค้าก็จะไปดูพวกแบบแปลนโดนใจ ฟังก์ชั่น ok

แต่โดยรวมของลูกค้าทุกคนชื่นชอบบุคคลที่ "มีความจริงใจในการขาย+พูดเป็น" คงเป็นเพราะความที่
เราจริงใจต่อลูกค้า และพูดได้ถูกทำนองเข้าหู แค่นี้เค้าก็ยินดีที่จะทำการค้ากับเราแล้วแหละครับ

ขออภัย ร่ายซะยาว อาจเป็นเพราะผมเจอบางร้านพูดจากวนทีนมากไปหน่อย ถึงจะมีของเยอะ ของดี
แต่กูไม่ถูกใจ ก็ไม่ซื้อครับ ขายของคงเป็นอยู่ในห้วงของความรู้สึก บางทีมันไม่ค่อยมีเหตุผลในการซื้อ
ของสักเท่าไหร่ เห็นได้ทั่วไปที่ผู้ ญ บางคน สามารถซื้อของที่ . . ไม่รู้จะได้ใช้หรือเปล่า แต่ก็ซื้อมา
เต็มบ้าน เพียงเพราะแค่ "คนขายพูดแล้วน่าฟัง น่าเชื่อถือ" เท่านั้นเอง   036

[l-lYclro~@qua]

เคยดูโทรทัศน์ เค้าบอกว่าให้จัดร้าน
ให้ลูกค้าเลือกเดินดูสินค้าแบบวนขวา
จะทำให้เลือกซื้อของได้มากขึ้นครับ