ลมเพลมพัด
หลายคงเคยได้ยินคำนี้กันนะครับเพราะสมัยเราเรียนและทำกิจกรรมเราก็เอามาเล่นกันบ่อย แต่ที่ผมจะพูดถึงวันนี้มันไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างนั้นครับ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะล้อเล่นและประมาท ซึ่งคนปัจจุบันนี้มักไม่ค่อยรู้จักผมเลยเอามาเล่าใ้ห้ฟังกัน
ลมเพลมพัดนั้นก็หมายถึงการที่ในคืนแรม15ค่ำ ซึ่งเป็นคืนที่ทำคุณไสย อาถรรพ์เวทย์จะได้ผลที่สุด ซึ่งถ้าหากในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่ได้ทำของใส่ใครเลย ก็จะมีอาการร้อนวิชาต้องปล่อยของ(ตะปู ผีพราย ควายธนู)กันในวันนี้ไม่งั้นของก็จะเข้าทำร้ายตัวเอง แต่ในความคิดของผมผมว่าเค้าทวนวิชากันลืมมากกว่า เค้าจะปล่อยออกมาโดยไม่มีเจตนาทำใครโดยเฉพาะ ของนี้ก็จะลอยไปตามลมถ้าใครโชคร้ายของก็จะไปวนเวียนอยู่รอบตัวคนๆนั้นทำอาการต่างๆกันให้คนคนนั้นทัก เช่นตกกระแทกฝาบ้าน หลังคา หรือมีคนมาเรียกอยู่นอกบ้านตอนกลางคืนแต่จะไม่เห็นคนเรียก หรือเดินไปตามทางแล้วอยู่ๆก็มีของตกมาตรงหน้าอย่าครับ อย่าทัก อย่าตอบ อย่าหยิบ
ไม่ใช่เรื่องปกตินะครับที่อยู่ๆในคืนเดือนดับจะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นซึ่งถ้าฝืนทำของก็จะเข้าตัว แต่บางครั้งคนที่ทำของเ้ค้าแรงมากแล้วคนที่ดวงตกอยู่นอกบ้านของก็จะเข้าตัวดื้อๆเลยก็มีเราถึงต้องห้อยพระกันไงครับ ถ้าของเข้าแล้วก็จะมีหลายอาการต่างๆกันไปขี้นอยู่กับของที่โดนอาจจะปวดตามเนื้อตามตัว ไม่มีแรง ผีเข้า หรือเสียชีวิตก็แล้วแต่ของที่โดนมา ตัวผมเองมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับลมเพลมพัดมาเล่าให้ฟังครับ
ผมเป็นเด็กคลองสาน ฝั่งธนบุรีอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าใครเคยดูเรื่องแฮงค์โอเวอร์ภาคสอง หรือว่าซักซี๊ดก็แถวนั้นหล่ะครับ มันเป็นเมืองเก่ามาตั้งแต่สมัยธนบุรี ตกกลางคืนจะมืดมาก ผมอยู่กับยายสองคน ยายอายุเจ็ดสิบแต่ก็ยังแข็งแรงดี
คืนนั้นเป็นคืนแรม15ค่ำเดือนดับ ยิ่งทำให้แถวบ้านผมมืดลงไปอีก อากาศเย็นยะเยียบ นานๆจะมีลมพัดแม่น้ำให้คลื่นจากแม่น้ำกระทบฝั่งสักที ประมาณเที่ยงคืนมีเสียงเคาะประตูบ้าน เบาๆ หนึ่งครั้งแล้วเงียบ(บ้านเรามีรั้วล้อมรอบแต่ไม่มีเสียงเรียกจากนอกรั้ว) ผมกับยายได้ยินกันทั้งสองคนแต่ไม่ได้ไปเปิด เพราะแปลกใจว่าคนเข้ามาเคาะประตูหน้าบ้านได้ยังไง แล้วสักพักก็มีเสียงเคาะแล้วเงียบอีกยายคิดว่าน้าชายคงกลับมาบ้านก็ไปเปิดประตูให้ ทันทีที่ยายเปิดประตูยายล้มไปกับประตูเลยครับ ผมเห็นก็วิ่งไปดูยาย ปลุกยายขึ้นมาถามว่ายายเป็นอะไร ยายไม่บอกผม พูดแค่ว่าอย่ารู้เลย แล้วนอกบ้านก็ไม่มีใครผมเห็นว่าแปลกๆก็เลยล็อกประตู แล้วพายายเ้ข้าไปนอน พอถึงตีสองอยู่ๆยายก็ร้อง ใ้ห้ช่วยร้องว่าอย่าๆ ไม่ๆ ร้องอยู่ได้พักเดียวยายก็นิ่งไปผมรีบร้องให้คนช่วย คนข้างบ้านมาดูเห็นท่าไม่ดีก็พายายไปส่งโรงพยาบาลตากสินแถวบ้าน พอถึงมือหมอหมอจับชีพจรดู ก็รีบปั๊มหัวใจยาย ให้อ็อกซิเจน ประมาณครึ่งชั่วโมงได้หมอก็หยุดแล้วส่ายหน้ากับพวกเราแล้วบอกว่ายายหัวใจวายตั้งแต่ก่อนมาถึงมือหมอแล้ว หมอพยายามช่วยแล้วแต่ช่วยไม่ได้ ผมเสียใจมากเพราะตอนนั้นผมอยู่กับยายแค่สองคน เช้ามาเราก็พายายไปวัดพอเราเปิดผ้าคลุมออกจะเอาเข้าโลงทุกคนก็ต้องตกใจตัวยายเขียวมาก เขียวทั้งตัวไม่เหมือนคนที่เพิ่งตายมาแค่สี่ห้าชั่วโมง พระเห็นก็ส่ายหน้าบอกว่ายายโดนของคงเป็นลมเพลมพัดแล้วยายเราไปโดนเข้า ท่านบอกว่าแถวนี้ช่วงแรมสิบห้าค่ำจะมีมาเกือบทุกเดือน แถวนั้นน่าจะมีคนเล่นของ ท่านบอกว่าไม่ต้องเสียใจเพราะถ้ายายไม่โดนผมก็จะโดนเอง มันถึงคราวของยายที่จะต้องจากไป หลังจากนั้นผมก็ไปอยู่กับพ่อหลังจากเรียนจบม.3 ผมก็เกเร ก็เลยไม่ได้เรียนต่อ ก็เที่ยวไปเรื่อย แล้วก็ไปอยู่ท่าหลวงลพบุรี ไปอาศัยวัดอยู่ ปัจจุบันวัดไม่ได้ตั้งอยู่ตรงนั้นแล้วตรงนั้นเป็นหุบลึกลงไปมีภูเขาล้อมรอบรัฐมาเวนคืนเอาไปสร้างเขื่อนป่าสัก ก็อยู่ก้นเขื่อนพอดี กุฏิที่หลวงพ่อให้ผมไปอาศัยอยู่นั้น เป็นกุฏิไม้เก่าสองชั้น ชั้นบนมีห้องใหญ่ แล้วก็ซอยเป็นสามห้อง ส่วนข้างล่าง...............เป็นที่เก็บโลงใช้แล้ว -_____-" ครับโลงใช้แล้ว คืนนั้นเป็นคืนแรมสิบห้าค่ำ ป่าในหุบเขาแถวนั้นมืดมาก ในหุบเขาเงียบสนิท หลังจากที่ผมช่วยงานวัดเสร็จแล้วก็อาบน้ำ เช็ดตัวแล้วแขวนผ้าขนหนูไว้ที่ประตูแล้วก็นอน เที่ยงคืนลมเริ่มพัดมาเบาๆ.....มีเสียงเคาะประตู แกร๊กเบาๆ แล้วเงียบแต่ผมก็ได้ยิน สมัยนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ไม่ได้กลัวผีอะไรทั้งนั้นครับแต่ก็เพราะเป็นวัยรุ่นบางครั้งก็มีเรื่องกับคนอื่น ผมคิดว่าไม่ดีแน่ที่เที่ยงคืนจะมีคนมาเคาะประตู น่าจะเป็นวัยรุ่นในหมู่บ้านที่เคยทะเลาะกัน ผมกลัวว่าจะมีคนมาเอาคืนผมเลยไปหยิบมีดที่หัวนอนแล้วรอเงียบๆ .....แกร็ก ลมพัดเบาๆมีเสียงเคาะประตูอีก ผมว่าน่าจะเป็นพวกวัยรุ่นในหมู่บ้านมาแน่ๆแต่ผมคนเดียวก็เลยมองลอดใต้ประตูดูว่าพวกมันมากันกี่คน ว่างเปล่าครับไม่มีคนนอกห้อง ลมเริ่มพัดมาอีกมีเสียงเคาะประตูอีกแล้ว ผมเริ่มนึกถึงเรื่องตอนที่ยายตายคิดว่าเหตุการณ์นั้นมันจะมาเกิดกับผม แถวนี้เป็นป่าเขามีพวกคนเขมรมาอยู่หลายคนในหมู่บ้านคงมีคนเล่นของแล้วปล่อยมาตามลม ผมเริ่มกลัว กลัวตาย ตายโดยที่ญาติพี่น้องไม่รู้ สักพักลมพัดแรงขึ้นเสียงเคาะเริ่มดังขึ้นตามความแรงของลม จนเป็นเสียงเคาะถี่ๆ จนผมอดทนไม่ไหวคว้าพระที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสให้ไว้ตอนมาถึงครั้งแรกมาสวมคอ หยิบมีดขึ้นมาภาวนาภาณยักษ์"นะโมเม" แล้วคิดว่าเป็นไงเป็นกันจะได้รู้ว่าสิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับยาย ผมรีบเปิดประตูออกไป ผมช็อกแล้วไม่มีวันลืมกับสิ่งที่เห็น ตอนนี้มันอยู่หลังประตู สัสลมพัดไม้แขวนผ้าขนหนู! แรมสิบห้าค่ำต่อจากนี้ได้ยินเสียงกุกักตอนกลางคืนอย่าทักนะครับ!
|