เอามาให้ชมกันครับ เอาไปประยุกต์ใช้ ตามชอบ
พอดีผมมีโครงการ อ่างงอกครับ ว่าจะใช้อ่างดินเผา 4 - 6 อ่าง lau01
เลยหาข้อมูล ทำกรองใช้เองครับ
จะทำแบบสุดท้ายแหละ [เจ๋ง]
แบบที่ 1

ที่มา --> http://www.tmeta.com/bv/116/tmeta
แบบที่ 2
ทำจากกระป๋องอาหารปลา ใช้แล้ว
ไม่มีคำอธิบายครับ แต่ดูจากรูปสุดท้ายแล้วน่าจะใส่วัสดุกรองเข้าไป





ที่มา --> http://www.fishroom.org/webboard/reply_show.php?br_id=1&bt_id=10244
แบบที่ 3
อันนี้ จขกท เขาบอกว่า เปรียบเทียบแล้วราคาไม่ต่างกันมาก
เหมาะสำหรับคนที่มีอุปกรณ์อยู่แล้ว
แต่ถ้าทำเอง เราสามารถเลือกใส่ วัสดุกรองได้ตามใจชอบ
อุปกรณ์
1. ปั๊มน้ำเก่าๆที่เหลือๆ หรือใครจะซื้อใหม่ก็ตามสะดวก
2. ฟิวเจอร์บอร์ด
3. ปืนกาวร้อน / กาวแท่ง
4. คัตเตอร์
6. อุปกรณ์กรอง ใยแก้ว ปะการัง ใบโอบอล หรือตามแต่จะหาได้
7. ท่อขนาด 3/8 นิ้ว หรือ 3 หุน ข้อต่อ 1 ข้องอ 1 เลือกใช้ขนาดนี้เพราะมันขนาดลงล๊อกพอดีกับปั๊มน้ำ




ต้นแบบ

ที่มา --> http://www.bettanetwork.com/new/thread-1970-1-3.html
แบบที่ 4
ลอกมาเลยแล้วกัน ้hahaha
ก่อนอื่นผมก็หาข้อมูลก่อนว่าในถังกรองนั้นเค้าต้องใส่อะไร และแต่ละตัวมีความสำคัญยังไง
ระบบนิเวศน์น้ำเป็นยังไง จึงพอจะได้ข้อมูลว่า
อาหารปลาที่เราให้ไปนั้นเป็นตัวทำน้ำเน่าเสียเป็นอันดับหนึ่ง
ดังนั้นการให้อาหารปลาควรให้แต่พอกินหมด ตัวทำน้ำเสียที่สองคือขี้ปลา
และสุดท้ายคือปริมาณอ๊อกซิเจนที่ลดลง
ดังนั้นก่อนอื่นต้องจัดการกับสามอย่างนี้ก่อนคือการกำจัดการเน่าเสีย
การเน่าเสียของขี้ปลาจะทำให้เกิดไนเตรต ซึ่งไนเตรตนี้สามารถกำจัดได้ด้วยระบบนิเวศน์น้ำ
เคยสังเกตุมั้ยครับว่าถ้าเราเลี้ยงปลาหางนกยูงในบ่อบัวน้ำจะไม่ค่อยเน่า
เพราะขี้ปลาเพียงน้อยนิดกับต้นไม้นั้นสามารถกำจัดไนเตรตได้ในระดับนึง
แต่ถ้าเป็นปลาทองขี้มากต้นไม้อย่างเดียวคงไม่ไหว ต้องพึ่งอีกสิ่งนึงคือแบดทีเรีย
แบดทีเรียนี้สามารถเกิดขึ้นเอง เราจำเป็นต้องรักษาแบดทีเรียเหล่านี้ไว้กำจัดไนเตรต
เดี๋ยวในระบบกรองเราจะมีที่อยู่ของแบตทีเรียที่ว่านี้ด้วย
หากจัดการกับไนเตรตได้แล้วต่อมาคือเรื่องตะกอน ซึ่งถ้ามีเยอะน้ำก็ไม่ใสอีก
และสุดท้ายคือการเพิ่มอ๊อกซิเจน หากทำได้ทั้ง 3 อย่างนี้เราจะมีน้ำปลาที่ใส
ไม่ต้องเหนื่อยเปลี่ยนน้ำบ่อยอีกต่อไป
ผมถ่ายรูปเครื่องกรองมาน้อยมาก เนื่องจากมันติดตั้งไปแล้วถ้าจะรื้อก็คงเลอะเทอะพอควร
จึงขออนุญาตอธิบายเอานะครับ ของที่ใช้มีอะไรบ้าง
1. ถังน้ำ ผมซื้อแบบทุกอย่าง 20 บ.
2. ปั้มน้ำเล็ก ขนาด 20 วัตต์ กำลังการจ่ายน้ำคือ 300 ลิตรต่อชั่วโมง ตัวนี้ 160 บาท
3. หินปะการัง โลละ 10 บาท 3 โล
4. ถ่าน ถ่านที่เอามาก่อไฟนี่แหละ ผมซึ้อมาถุงละ 6 บาท
5. ไบโอบอล ถุงนึงมี 50 ลูก ราคา 40 บาท
6. แผ่นกรองสังเคราะห์ แผ่นนึง (เล็ก) แผ่นละ 35 บาท ถ้าแผ่นใหญ่แบบอย่างดีก็ 90 บาท
7. กระบอกกรองเล็ก 25 บาท

ขั้นแรกนำถังมาเจาะรู เจาะรูให้เหนือกว่าก้นถังประมาณ 2 นิ้ว เพื่อให้น้ำออก
และที่เหนือกว่าถัง 2 นิ้วนั้นเพื่อเอาไว้ใส่หินปะการัง
หินปะการังนี่เองเมื่อมีเศษขึ้ปลาตกลงไปในจำนวนพอสมควรจะมีแบตทีเรียอาศัยอยู่
ซึ่งจะทำให้ลดการเน่าเสียของน้ำได้เป็นอย่างมาก
หากระบบกรองน้ำไม่มีที่พักน้ำไว้ในถังเลยแบตทีเรียก็จะหายไป ในรูปผมเจาะรูล่าง 2 รู
เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี และรูบนหนึ่งรู เผื่อน้ำล้น (อาจเกิดจากหินไปอุดรูทั้ง 2 )
เมื่อเจาะรูแล้วก็ร้อยท่อ เอาใช้วิธีเจาะคือเอาเหล็กย่างไฟแล้วคว้าน
ส่วนท่อผมใช้ท่อที่เคยทำตัวพ่นหมอกน้ำหลังคอมเพรสเซอร์แอร์ที่เหลือมาใช้
ยิงซิลิโคนนิดหน่อยกันรั่ว

จากนั้นใส่หินลงไปให้พอดีกับรู แล้วตามด้วยถ่าน ถ่านนี่ผมเอามาล้างแล้วแช่น้ำก่อน
ที่ต้องใส่ถ่านเพราะเป็นตัวกรองกลิ่น ถัดมาก็ใส่ไบโอบอลลงไป
ไบโอบอลช่วยในการเพิ่มอ๊อกซิเจนและเป็นที่เกาะขอขี้ปลาด้วย
สุดท้ายก็ใส่แผ่นกรองใยสังเคราห์อยู่บนสุด แค่นี้ถังกรองก็สมบูรณ์แบบ
(ในภาพผมเอาพูด่างปลอมมาวางบังไว้จะได้ไม่น่าเกลียด)

จากนั้นก็ต่อกรองกับตัวปั้มน้ำ และต่อสายเข้าไปด้านบนของถัง เสียบปลั้ก... ไฟดูด.(ล้อเล่น)
ผมเอากระบอกกรองเล็กคว่ำลง เผื่อว่าถ้าสายท่อน้ำเกิดหลุดน้ำพ่นออกจากบ่อ
ก็จะยังเหลือน้ำให้ปลาได้ว่าย ถ้าวางแนวนอนและปั้มน้ำดูดน้ำไปถึงพื้นอันนี้อันตรายมาก
ถ้าปลายท่อน้ำหลุด น้ำอาจจะแห้งกลายเป็นปลาแดดเดียว

ระบบกรองนี้จะเซ็ตตัวหลังจากเปิดใช้อีกวันสองวัน
เพราะอย่างที่บอกว่าต้องรอให้เกิดแบตทีเรียที่กินไนเตรตด้วย และตามสูตรการกรองน้ำปลา
ควรวนน้ำกรองให้ได้อย่างน้อย 3 รอบต่อวัน แต่ถังของผมเพียง 250 ลิตร
เครื่องปั้มทำงาน 300 ต่อชม. เท่ากับว่าผมเปิดระบบกรองเพียง 3 ชม. ก็วนน้ำได้ตามสูตรแล้ว
(ถังนี้ผมเติมน้ำไปครึ่งกว่าๆ เอง ดังนั้นน้ำจริงๆ อาจมีเพียง 160 ลิตร)
ถ้าสังเกตุดูว่าเปิดปั้มน้ำซัก 1 ชม.แล้วน้ำไม่ใส่แสดงว่าระบบกรองของคุณอาจมีขนาดเล็กไป
ต้องเพิ่มขนาดปั้มและถัง



ที่มา --> http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2009/07/R8111491/R8111491.html
" จบแล้วครับ " [โฮ่ยๆ]