หัวข้อ: Red Bee Analysis IV (by Angel007) เริ่มหัวข้อโดย: Longhairguy ที่ 27/12/07, [00:07:57] (http://www4.pantown.com/data/16051/content6/f1.gif)
Analysis IIII SETTING & TRANSPORTATION การขนย้าย RED BEE 1. ขนย้ายกุ้งยังไงให้ปลอดภัยที่สุด เวลาเพื่อนๆไปซื้อของที่จตุจักร แน่นอนว่าต้องหอบหิ้วของกันพะรุงพะรังแน่ๆเลยใช่มั้ยครับ ยิ่งถ้าไปวันเสาร์อาทิตย์ด้วยแล้ว คนยิ่งมากไปอีกหลายเท่า หิ้วน้องกุ้งฝ่าฝูงชนนับร้อยในวันเสาร์ อาทิตย์ที่จตุจักรดูจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสามารถในการหลบหลีกสูงทีเดียว ทำไมไม่ลองไปวันธรรมดาดูครับ ที่จตุจักรพล่าซ่าร้านค้าจะเปิดทุกๆวันครับ (ร้านบางร้านอาจปิดวันจันทร์) สำหรับวันพฤหัสอาจหาที่จอดรถยากสักนิดและมีคนมากเพราะเป็นวันที่มีตลาดนัดต้นไม้ด้วย วันจันทร์ อังดาร หรือพุธ ก็น่าจะเข้าท่าทีเดียวที่เราจะมีเวลาเดินดูปลาสวยๆ และไม่ต้องเหงื่อไหล ฝ่าฝูงชน (ผมนอกเรื่องไปไกลแล้วครับ) เวลาซื้อกุ้งควรจะซื้อเป็นรายการสุดท้ายครับ เพื่อไม่ให้อุณหถูมิภายนอกเปลี่ยนแปลงมากเกินไป (อาจหาถุงเล็กๆใส่น้ำแข็ง เล็กน้อย แนบไปกับถุงกุ้งด้วย หากต้องเดินทางนาน หรือรถติด) จำนวนกุ้ง 1 ถุง ไม่ควรเกิน 10 ตัว เพื่อลดกรณีของเสียจากกุ้งอาจที่อาจทำให้พวกมันตายได้และควรใส่มอสหรือไม้น้ำลงไปเล็กน้อย เพื่อลดการกระทบกระทั่งและให้กุ้งได้เกาะพักครับ ถ้าเราจะไปซื้อของอย่างอื่น อาจฝากที่ร้านเอาถุงกุ้งลอยน้ำในตู้ของมันไปก่อนก็ได้ครับ (แต่อย่านานมากนะครับ) พอถึงบ้านแล้วให้มุ่งตรงเอาถุงกุ้งไปลอยน้ำในตู้ไว้ก่อนเลยครับ ทิ้งไว้ประมาณ 30นาที - 1ชม (อย่าทิ้งไว้เกินกว่านี้นะครับ เพราะผมเคยเจอกรณีแบบนี้มาแล้ว กุ้งตายเกือบหมดถุงเลยครับ) จากนั้นอย่าเพิ่งเทกุ้งลงไปนะครับ อ่านวิธีการปล่อยกุ้งกันก่อนครับ 2. ปล่อยกุ้งเรดบียังไงให้ถูกวิธี ค่าความต่างของน้ำในถุงกุ้งกับน้ำในตู้ที่เราเตรียมไว้มีความแตกต่างกัน ปกติการปล่อยปลาหรือกุ้งที่ถูกวิธี เราจะตักน้ำในตู้ของเราใส่ถุงและแช่ทิ้งไว้อีก 15 นาที (หลังจากแช่ไว้ก่อนแล้ว 30 นาที) เพื่อให้ปลาปรับสภาพกับค่าของน้ำที่แตกต่าง แต่สำหรับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกกุ้ง เช่นกุ้งเรดบี, กุ้งทะเลบางชนิด เช่นกุ้งพยาบาล, หรือปลาทะเลบางชนิด เช่น Pink firefish, Purple firefish ซึ่งมีความเปราะบางและไวต่อสภาพน้ำที่มีความแตกต่าง การย้ายสถานที่และการปล่อยพวกมันลงตู้จึงต้องมีเคล็ดลับ (ที่ไม่ลับ) สำหรับการปรับสภาพน้ำที่แสนยากของพวกมัน เรามาทำกาลักน้ำขนาดจิ๋วกันครับ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมคือ สายออกซิเจน วาล์วควบคุมแรงดันออกซิเจนแบบก๊อก จุ๊บยางเพื่อยึดสายออกซิเจนและภาชนะสำหรับวางถุงกุ้ง (เช่น กะละมังทรงลึกซักนิดครับ) ต่ออุปกรณ์ทั้งหมดตามรูปเลยครับ และค่อยๆปล่อยน้ำให้จากตู้ให้หยดลงมาในถุงกุ้ง 1 หยดต่อ 2 วินาที ค่อยๆปล่อยให้น้ำหยดลงมาโดยใช้ก๊อกปรับระดับเป็นตัวช่วยครับ ทิ้งไว้อีกประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนน้ำเกือบเต็ม แล้วจึงปล่อยกุ้งลงไปได้เลยครับ สำหรับเพื่อนๆที่จะย้ายกุ้งเรดบีจากตู้เก่าไปอยู่ตู้ใหม่ สามารถใช้วิธีนี้ได้เลยครับ ลองนำไปใช้ดูนะครับ 3. เปลี่ยนน้ำเมื่อไหร่ดี เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนเปลี่ยนน้ำตู้เรดบีแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่เพื่อนๆต้องทำให้เป็นนิสัยเลย หากตู้ของเพื่อนๆอยู่ในช่วงเซ็ทตู้ใหม่ ในช่วงเดือน หรือสองเดือนแรกคงต้องขยันเปลี่ยนน้ำซักนิดนึงครับ 4 5 วันต่อครั้ง น้ำที่ใช้เปลี่ยนสามารถใช้นำประปาเปลี่ยนได้ครับ แต่ต้องทิ้งไว้ 1 คืนให้คลอรีนระเหยออกก่อน เรื่องอุณหภูมิหากเปลี่ยนจำนวนไม่มาก 15 20 % ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นกับกุ้งเรดบีครับ อุณภูมิจะเปลี่ยนแปลงไม่เกิน 2 c แต่ถ้าเปลี่ยนในปริมาณมาก เช่น 50% หรือในกรณีล้างเครื่องกรอง ควรนำน้ำที่พักให้คลอรีนละเหยมาวางไว้ในห้องแอร์ เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องอุณหภูมิก็หมดไปแล้วครับ เพื่อนๆบางคนที่มีแท็งก์กักน้ำไว้ สามารถใช้เติมได้ทันทีครับ (ซึ่งผมใช้วิธีนี้อยู่) แต่ควรเปลี่ยนในช่วงเช้า หรือช่วงค่ำที่อุณภูมิน้ำในแท็งก์เย็นลงแล้ว 4. เคล็ดลับในการเซทตู้ใหม่ ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการเซ็ทตู้ให้มีระบบของแบคทีเรียและวัฎจักรต่างๆสมบูรณ์ การเสริมด้วยแบคทีเรียสำหรับเซ็ทตู้ เช่น B4, Green Bacter เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับตู้ที่มีกุ้งเรดบีอยู่แล้ว แต่สำหรับตู้ที่เพิ่งเซ็ทใหม่ยังไม่ได้ลงกุ้ง ผมแนะนำให้ใช้เคล็ดลับของการเซ็ทตู้ทะเลครับ โดยการใส่ซากปลาที่ตายแล้วหรือเนื้อกุ้งเล็กน้อย ใส่ลงไปในตู้ให้เกิดการเน่าเปื่อย เพื่อเป็นการเร่งระบบของแบคทีเรียให้เร็วยิ่งขึ้น ควรเปลี่ยนน้ำอาทิตย์ละครั้ง เซ็ททิ้งไว้เป็นเวลา 2 - 3 อาทิตย์เท่านี้ก็ทำให้อุ่นใจขึ้นว่า ระบบแบคทีเรียในตู้ของคุณพร้อมแล้วสำหรับสมาชิกเรดบีตัวใหม่ ในระยะการเซ็ทตู้ดังกล่าว ควรปลูกไม้น้ำลงไปด้วย เช่นไม้ข้อโตเร็ว ( stem plant) เพราะไม้น้ำพวกนี้จะช่วยดูดซับสารอาหารส่วนเกินในช่วงแรก ทั้งยังช่วยเติมเต็มวัฎจักรของไนไตร ไนเตรทอีกด้วย ไม้น้ำ (Stem plant) ที่ปลูกง่ายได้แก่ โรท่าร่าเขียว, ขาไก่ด่าง, สาหร่ายเด่นซ่า, โคบัมบาเขียว, เพิร์ดวีดธรรมดา etc (ไม้น้ำที่นิยมเลี้ยงกับเรดบีมีบทความใน Analysis IV ครับ update เร็วๆนี้) 5. ล้างกรองและฟองน้ำเมื่อไหร่ดี ชั้นกรอง, ไส้กรอง, ฟองน้ำใยแก้วในชั้นกรองและฟองน้ำกั้นท่อน้ำออก เมื่อผ่านการกรองเป็นเวลานานจะมีเศษฝุ่นและของเสียติดอยู่จำนวนมาก ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองลดลง เราจึงควรถอดล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนใยแก้วใหม่ ช่วงเวลาในการถอดล้างเครื่องกรองนั้น ควรทำทุกๆ 3 6 เดือนตามจำนวนกุ้งที่มีอยู่มากหรือน้อยและขนาดของเครื่องกรองกับขนาดของตู้ เวลาล้างเครื่องกรอง ห้ามใช้นำประปาล้างเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบคทีเรียตายและเราต้องเริ่มเซ็ทระบบใหม่ทั้งหมด ควรใช้น้ำเก่าในตู้ล้างโดยทำกาลักน้ำต่อสายยางไปบริเวณห้องน้ำหรือหลังบ้านที่มีพื้นที่ระบายน้ำ ฉีดน้ำทำความสะอาดคราบและเศษผงจากกระบะกรองออก (ไม่ต้องเทออกมาล้างครับ) จากนั้นเปลี่ยนใยแก้วใหม่และเติมน้ำในเครื่องกรอง ปิดฝาให้เรียบร้อยและทำการเดินเครื่องเหมือนเดิมครับ ส่วนฟองน้ำกั้นท่อน้ำเข้าควรล้างอาทิตย์ละครั้ง เวลาล้างเราจะเห็นความสกปรกออกมาอย่างชัดเจน บีบล้างจนน้ำใสเหมือนเดิม หรือถ้านำใยแก้วมาพันไว้ควรเปลี่ยนใหม่ครับ 6. REDBEE with Co2 O2 พืชทุกชนิดต้องการ Co2 ในการสังเคราะห์แสง ในตู้ไม้น้ำจึงต้องมีระบบ Co2 เพื่อเสริมให้ไม้น้ำมีความสวยงามขึ้นด้วย แต่ถ้าเราเลี้ยงเรดบีในตู้ไม้น้ำด้วยหละครับ? จริงอยู่ที่เรดบีชอบค่า Ph ที่ 6.5 และการเติม Co2 สามารถลด Ph ได้เหมือนกดรีโมทสั่ง แต่เรดบีต้องการน้ำที่มีออกซิเจนสูงไม่ใช่หรอ? อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆหลายท่านคงดีใจที่จะได้ใส่ Co2 ให้ไม้น้ำของเราได้สวยกันแล้ว แต่ในความเป็นจริง กุ้งกับ Co2 ไม่ถูกถูกกันครับ ผมเคยทดลองเติม Co2 ลงในตู้เรดบีขนาด 24 1 ฟอง ต่อ 2 วินาที ลด phได้ถึง6.5 ทดลองเป็นเวลา 2 เดือน ใช้หัวจ่ายแบบเซรามิก ผลที่ได้ทำให้เฟิร์นโบบิวทิสและเฟิร์นใบแคบ แตกใบใหม่และสวยงามต่างจากเมื่อก่อนที่ไม่ได้ใส่ นอกจากนี้ยังไม่มีผลต่อพ่อแม่พันธุ์เรดบี แต่ในช่วงเวลา 2 เดือนนี้ผมไม่เห็นลูกของพวกมันเลยแม้แต่ตัวเดียว เพื่อความแน่ใจจึงทดลองปล่อยลูกกุ้งเรดบีอายุ 1 อาทิตย์ลงไปเพียงสองวันเท่านั้นลูกกุ้งตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมจึงสรุปว่า Co2 ถึงแม้จะเติมลงไปในปริมาณเล็กน้อยซึ่งไม่มีผลต่อพ่อแม่พันธุ์กุ้งแต่สำหรับลูกกุ้ง Co2 คือฆาตกรตัวจริงครับ แล้วที่ว่าเรดบีต้องการน้ำที่มีออกซิเจนสูงหละครับ? เราจะเปิดแอร์ปั๊มใส่หัวทรายลงไปเลยได้หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ได้ครับ จากการทดลองวัดค่าความต่างของน้ำในตู้เรดบี ก่อนและหลังเติมออกซิเจน พบว่าก่อนเติมค่า ph อยู่ที่ 6.9 และเมื่อเปิดแอร์ปั๊มทิ้งไว้ 1 คืน วัดค่า ph ผลที่ได้คือ ph ที่ 7.9 ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งสำหรับ ph ในระดับนี้ แล้วเราจะทำอย่างไรดีสำหรับกุ้งแสนรักของเรา อ่านถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วครับ เพราะน้ำที่ไหลผ่านเครื่องกรอง ผ่านใบพัดจะช่วยสร้างออกซิเจนให้เพียงพอเอง ไม่จำเป็นต้องเพิ่มออกซิเจนลงไปอีก แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มออกซิเจนจริงๆ (ในกรณีที่กุ้งมีจำนวนมาก) ผมแนะนำให้เปิดออกซิเจนร่วมกับเรซิ่นครับ หรือว่าปรับท่อน้ำไหลออกให้สูงขึ้นอีกนิด ให้น้ำตกกระทบกับผิวน้ำจะเกิดออกซิเจนเอง ทั้งสองวิธีนี้ควรใช้คู่กับเรซิ่น เรซิ่นมีลักษณะคล้ายทราย เป็นเม็ดใสๆ บรรจุอยู่ในถุงผ้าหรือถุงตาข่าย ถุงตาข่ายที่มากับเรซิ่น อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกักเก็บเรซิ่น จะพบเรซิ่นหลุดออกมาจากถุงตาข่าย เราจึงควรเพิ่มถุงจากผ้าขาวบางอีกชั้น จะนำไปแช่ในตู้เลยหรือเพื่อความสวยงามอาจน้ำไปใส่ไว้ในเครื่องกรองชั้นบนสุดก็ได้ครับ เรซิ่นมีจำหน่ายที่ AZOO shop 1 ถุง ใช้ได้กับตู้ 24ครับ 7. ท่อน้ำออก สิ่งอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อนๆคงสงสัยกับหัวข้อนี้หากไม่ได้เจอกับปัญหาด้วยตัวเอง ท่อน้ำออกแบบที่เป็นแท่งแล้วมีรูหลายๆรูเหมือนขลุ่ย (ไม่รู้จะอธิบายลักษณะยังไง ขอใช้คำว่าขลุ่ยนะครับ) นี่แหละครับ อันตรายมากๆ ในกรณีที่ไฟดับหรือเราปิดเครื่องกรองเพื่อเปลี่ยนน้ำ กุ้งอันแสนซนของเราอาจมุดเข้าไปเล่นได้ (เห็นรูเล็กๆ แต่มันมุดเข้าไปได้จริงๆครับ) พอเราเดินเครื่องกรอง แรงน้ำจะพัดกุ้งออกมา หรือไม่ก็ติดอยู่ในนั้น ไม่อยากจะคิดครับว่าสภาพกุ้งจะเป็นยังไง แต่มันตายสถานเดียวแน่นอน เพราะฉนั้นหากท่านที่ใช้เครื่องกรองแบบนี้ เลื่อนท่อน้ำเข้าให้อยู่ใกล้ผิวน้ำมากที่สุดครับ เพื่อกันไม่ให้เจ้ากุ้งแสนซนมุดเข้าไปเล่นได้อีก 8. แขกที่ไม่ได้รับเชิญ พานาเรียและหอยตัวรำคาญ ถ้าแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองชนิดนี้มาเยี่ยมเยือนตู้ของเพื่อนๆ นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ให้หายสนิทได้ยากจริงๆครับ เพราะฉนั้นควรมีการป้องกันที่ดี เริ่มที่เรื่องของหอยตัวรำคาญกันก่อนเลย หอยเจดีย์ที่อยู่ในพื้นปลูกและหอยสีดำน้ำตาล พวกมันสามารถแพร่พันธุ์ได้เร็วมาก อีกทั้งหากมีจำนวนมากยังทำให้รำคาญสายตาและที่สำคัญพวกมันจะแย่งกินอาหารของกุ้งสุดที่รักของเราครับ โดยเฉพาะในสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบในตู้กุ้งเรดบีแล้ว จำนวนของพวกมันยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แล้วเราจะป้องกันได้อย่างไร สาเหตุหลักของหอยพวกนี้มาจากไข่ของพวกมันที่ติดตามไม้น้ำ ไข่จะมีลักษณะเป็นถุงวุ้นใสๆ จะติดตามรากหรือใบของไม้น้ำ ดังนั้นก่อนจะนำไม้น้ำมาปลูกในตู้เรดบี จึงควรล้างและตรวจดูให้ดีก่อน บางครั้งมีหอยเล็ดลอดเข้ามาในตู้ของเราได้ วิธีกำจัดคือหยิบออกเพียวอย่างเดียว หรืออาจจะใช้สายยางดูดออกตอนที่พวกมันมารุมแย่งกินอาหารกุ้งก็ได้ครับ วิธีที่ห้ามใช้อย่างเด็ดขาดคือ การใช้ยาฆ่าหอย (Snail rid) กุ้งเรดบี ไม่ถูกกับสารเคมีทุกชนิด ไม่เว้นแม้กระทั่งสเปรย์ปรับอากาศหรือสเปร์ดับกลิ่นรองเท้าก็ไม่ควรใช้ใกล้ๆตู้เรดบี ข้อห้ามอีกอย่างนึงคือการใส่ปั๊กเป้ากินหอย (Yellow Puffer) นอกจากมันจะกินหอยได้เป็นอย่างดีในตู้ไม้น้ำแล้ว เนื้อกุ้ง กุ้งแคระหรือกุ้งเรดบียังเป็นอาหารโปรดของมันอีกรายการนึง ส่วนพานาเรียจะมีลักษณะคล้ายปลิงใส ตัวเล็กๆ นอกจากจะทำให้รำคาญสายตาแล้ว ยังแย่งกินอาหารกุ้งและบางครั้งเมื่ออาหารไม่เพียงพอพบว่ากันจะเกาะกินตามตัวกุ้งอีกด้วย (ฟังแล้วสยองแต่ผมเห็นมากับตาครับ) ตามตำรากล่าวว่า พวกมันจะมาเยือนเมื่อคุณภาพน้ำในตู้ของเพื่อนๆเริ่มเสีย บางครั้งคุณภาพน้ำดีเยี่ยม (เช่นในตู้เรดบี) แต่มีเศษอาหารหมักหมมและค้างอยู่ตามซอกที่เข้าถึงยากรวมถึงบางครั้งการไม่ดูดเศษอาหารทิ้ง ปล่อยไว้ข้ามคืนหรือจนอาหารสลายตัว เศษอาหารจะตกลงไปในช่องว่างระหว่างเม็ดดินทำให้เกิดพานาเรียขึ้นได้ วิธีแก้ไขคือ มีถ้วยอาหารให้กุ้งและดูดเศษอาหารทิ้งภายใน 4 6 ชม คับ ดูดลงไปในชั้นดินด้วย (ใช้สายยางทีมีขนาดใหญ่กว่าสายออกซิเจนเล็กน้อยจะสะดวกกว่าและไม่ดูดเม็ดดินหรือลูกกุ้งลงไปด้วย) วิธีกำจัดพานาเรีย สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ เปลี่ยนน้ำทุกๆวัน วันละ 10 20 % ควบคู่กับการดูดเศษอาหารทิ้งและดูดตัวพานาเรียที่ติดตามกระจกทิ้ง พานาเรียจะหมดไปภายใน 1 อาทิตย์ หากยังมีพานาเรียอยู่เป็นจำนวนมาก ควรล้างฟองน้ำกั้นท่อน้ำเข้า และล้างเครื่องกรอง เพราะประสิทธิภาพในการกรองอาจลดลงจากสิ่งปฎิกูลที่สะสมไว้ (การล้างกรองควรทำตามข้อ 5ครับ) หรืออีกวิธีหากมีพานาเรียจำนวนมากจริงๆ ให้ปล่อยปลาเตตร้าที่จับง่ายลงไป 1-2 ตัว ผมแนะนำ ปลาคาดินัล หรือ ปลาซิวขนาดเล็ก (Microrasbora) เช่น ซิวหนู เพราะปลาพวกนี้มีขนาดเล็กและจับออกง่าย เมื่อพวกมันกินพานาเรียหมด เวลาตักออกจะได้ไม่รบกวนตู้ที่เราจัดไว้และไม่กวนให้น้ำขุ่นครับ 9.ชั้นดำ (จะเซ็ทตู้ใหม่ต้องอ่านตรงนี้) ตู้กุ้งเรดบีส่วนใหญ่จะต้องใช้ดินปูพื้นตู้อยู่แล้ว สำหรับเพื่อนๆที่โรยดินเพียงเล็กน้อยก็หมดปัญหาเรื่องชั้นดำไปครับ แต่เพื่อนๆที่ต้องการปลูกไม้น้ำในตู้กุ้งเรดบีด้วย จำเป็นต้องปูชั้นดินหนาอย่างน้อย 2 - 3 นิ้ว ดังนั้นปัญหาชั้นดินจึงเกิดขึ้นได้ ชั้นดินเกิดจากเศษอาหาร เศษฝุ่นและสิ่งปฎิกูลต่างๆ ตกตะกอนและอัดกันอยู่ใต้ชั้นดินเป็นเวลานาน จึงทำให้ออกซิเจนและระบบน้ำไม่ไหลเวียนบริเวณที่มีเศษตะกอนบีบอัดตัวกัน เวลาผ่านไปจึงทำให้เกิดการเน่าเปื่อยและในที่สุดระบบจะล่มทั้งหมด เหตุเพราะการเน่าเปื่อยและหมักหมมกันในชั้นดำนั้นทำให้เกิดก๊าซไข่เน่า วิธีแก้ไขคือ ในระบบพื้นปลูกของ ADA จะมี Powersand ใช้รองพื้นล่างสุด Powersand ช่วยให้ระบบน้ำและออกซิเจนไหลเวียนได้ดี ช่วยยืดอายุการใช้งานของดิน และยังช่วยป้องกันปัญหาชั้นดำได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะลงดิน ควรลง Powersand ก่อนจะดีที่สุดครับ ตอนนี้ตู้ 20 นิ้วที่ผมเลี้ยงเรดบีเกรด A และ B ไว้เจอปัญหานี้ครับ ช่วงแรกจะเกิดพานาเรีย ทำยังไงก็ไม่หาย จนระบบล่มทั้งหมด จึงได้ทราบถึงปัญหาว่าเกิดจากชั้นดำนี่เอง เพราะตู้นี้ผมไม่ได้รองด้วย Powersand ครับ ANGEL007 (http://www4.pantown.com/data/16051/content6/f3.gif) |