|
หัวข้อ: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: -poom ที่ 08/05/10, [20:12:03] กราบสวัสดีพี่ๆเพื่อนๆน้ะครับ beg1
พอดีผมนั่งหาความรู้บนอินเตอร์เน็ต (ว่างจัด ้hahaha) ไปเจอบทความนึงเข้า ( ง่ายๆเลยครับ search ในกูเกิ้ลว่า chitosan ้hahaha ) ก็เลยอยากนํามาแบ่งปันให้เพื่อนๆพี่ๆ ที่รู้แล้วหรือ ยังไม่รู้ได้ทราบกันน้ะครับ [เจ๋ง] ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ โทร. 0-2470-9007 โทรสาร 0-2428-3534 หลักการและเหตุผล ไคติน จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตประเภทโครงสร้างที่เป็นเส้นใย คล้ายคลึงกับเซลลูโลสจากพืช ไคตินพบได้ในเปลือกของสัตว์ เช่น กุ้ง ปู แกนหมึก แมลง ตัวไหม หอยมุก และผนังเซลล์ของพวกรา ยีสต์ และจุลินทรีย์อีกหลายชนิด ไคตินในธรรมชาติมีโครงสร้างของผลึกที่แข็งแรง 3 ลักษณะ ได้แก่ แอลฟ่าไคติน เกิดจากเปลือกกุ้งและเปลือกปู เบต้าไคติน เกิดในแกนหรือกระดองหมึก และแกมม่าไคติน ไคโตซาน คือ สารโพลิเมอร์ชีวภาพที่สกัดจากไคติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของเปลือกกุ้ง กระดองปู แกนปลาหมึก และผนังเซลของเห็ด ราบางชนิด ไคติน-ไคโตซาน จัดเป็นโคโพลิเมอร์ที่อยู่ร่วมกันในธรรมชาติ มีปริมาณของไคตินมากเป็นอันดับสองรองจากเซลลูโลส ไคติน-ไคโตซาน มีสมบัติพื้นฐานที่เข้ากับธรรมชาติได้ดี ย่อยสลายง่าย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งไคติน-ไคโตซาน มีหมู่อะมิโนที่แสดงสมบัติพิเศษหลายประการที่ต่างจากเซลลูโลส เช่น การละลายได้ในกรดอินทรีย์เจือจาง การจับกับอิออนของโลหะได้ดี และการมีฤทธิ์ทางชีวภาพ ปัจจุบันมีการนำสารไคติน-ไคโตซาน มาประยุกต์ใช้จริงทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม ทางการแพทย์และเภสัชกรรม เช่น สารตกตะกอนในการบำบัดน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเส้นใยสิ่งทอ เพื่อป้องกันแบคทีเรียและเชื้อรา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อคุณภาพในการลดไขมันและคอเลสเตอรอล เรื่องความสวยความงามที่เป็นที่สนใจของคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย สารเร่งการเจริญเติบโตในพืชและสัตว์แลกเนื้อต่าง ๆ เช่น สุกร กุ้ง เป็ด ไก่ สารเคลือบผลไม้เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา สารถนอมอาหาร และแผ่นฟิล์มปิดแผล ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ภาพรวมการใช้ไคติน-ไคโตซานในประเทศไทย ณ วันนี้อาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ อันเนื่องมาจากมีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ (เปลือกกุ้งและปู) ศักยภาพในด้านวัตถุดิบนี้ เป็นผลมาจากการที่ประเทศไทย เป็นประเทศที่ส่งออกกุ้งแช่แข็งเป็นสินค้าออกอันดับต้นๆ ของโลก ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลได้มีนโยบายในการจำกัดพื้นที่การเพาะเลี้ยงกุ้ง แต่เปลือกกุ้งที่จะถูกป้อนให้กับโรงงาน เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นไคติน-ไคโตซาน นั้นได้มาจาก 2 แหล่ง คือ จากฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งประมาณ 2 แสนตันต่อปี และจากทะเลประมาณ 3 แสนตันต่อปี ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาในด้านการขาดแคลนวัตถุดิบ เมื่อความต้องการใช้ไคติน-ไคโตซานในท้องตลาดมีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันนี้ก็ยังมีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสารไคติน-ไคโตซาน เป็นเทคโนโลยีที่ง่ายไม่ซับซ้อน สามารถทำได้ตั้งแต่ในระดับครัวเรือน ชุมชนและขยายใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม ปัจจุบันโรงงานที่ดำเนินการผลิต ยังมีอยู่ไม่มาก อัตราการผลิตของแต่ละโรงก็ยังไม่สูงมาก และเท่าที่ปรากฏก็ไม่ค่อยแสดงตัวมากนัก หากความต้องการของตลาดมีมากขึ้น การขยายตัวเป็นอุตสาหกรรมมีความเป็นไปได้มากและรวดเร็ว เพราะใช้เงินลงทุน เครื่องจักร-เครื่องมือ และแรงงานไม่มาก สามารถจัดการระบบการผลิตได้ไม่ยาก จากความพร้อมในหลายด้านดังกล่าว ในอนาคตเมืองไทยอาจจะเป็นประเทศที่ส่งออกไคติน-ไคโตซานระดับต้นๆ ของโลก เช่นเดียวกับกุ้งแช่แข็งก็อาจจะเป็นไปได้ ในแง่กระบวนการผลิตมีการใช้สารเคมีร่วม ซึ่งอาจจะมีปัญหาตามมาได้ เช่น ปัญหาสารเคมีตกค้างและปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ก็สามารถจัดการแก้ไขและควบคุมได้ โดยอาจนำแนวทางความรู้ทางเทคโนโลยีสะอาดและเทคโนโลยีชีวภาพมาร่วมจัดการได้ นอกจากนี้เรายังสามารถพัฒนาการผลิตให้ครบวงจรได้ตั้งแต่ สารไคติน สารไคโตซาน และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากสารไคติน-ไคโตซาน เช่น ปุ๋ย เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ฯลฯ อันเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังไม่เป็นการเสียเปรียบดุลการค้ากับต่างประเทศ กล่าวคือ ในการที่เราต้องส่งสารไคติน-ไคโตซานออกขายให้กับต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน ญี่ปุ่น จากนั้นประเทศเหล่านั้น ก็ทำการผลิตผลิตภัณฑ์จากสารนี้ แล้วส่งกลับมาขายในเมืองไทย ในราคาสูงมากเมื่อเทียบกับราคาไคติน-ไคโตซานที่เราขายให้ไปข้างต้น ทั้งๆ ที่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในประเทศไทยเอง ก็มีความรู้ความสามารถพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ แต่ทว่ายังต้องการแรงสนับสนุนและการส่งเสริมการผลิต ตลอดจนความร่วมมือกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ เพื่อนำไปสู่ระบบการผลิตเต็มรูปแบบในลำดับต่อไป คุณสมบัติและลักษณะเด่น *สมบัติและหน้าที่ **การประยุกต์ใช้และผลิตภัณฑ์ที่ได้นำไปใช้แล้ว 1. โพลีอิเลกโตรไลท์และคีเลต (B) -ตัวรวมตะกอนและตัวตกตะกอน และการทำหน้าที่ -แคทอิออนิกสำหรับบำบัดน้ำเสีย -ตัวตกตะกอนโปรตีนที่เป็นกรด และตัวตกตะกอนเพื่อแยกยูเรเนียม และโลหะจำเพาะบางชนิด ตลอดจนโลหะกัมมันตภาพรังสี 2. การขึ้นรูปเป็นลักษณะต่างๆ (A, B) -ขึ้นรูปเป็นเส้นใย สิ่งทอ -ขึ้นรูปเป็นแผ่นเยื่อบาง เพื่อใช้ในการกรองแยก เช่น แยกน้ำออกจากแอลกอฮอล์ -ขึ้นรูปเป็นเม็ด เป็นแคปซูลเพื่อการเพาะเซลล์ 3. การเป็นเจลที่อุ้มน้ำ (B) -การใช้หุ้มเซลล์ และหุ้มเอนไซม์ -เป็นตัวกลางสำหรับการแยกด้วยวิธีโครมาโตกราฟฟีแบบเจล -การขึ้นรูปเป็นรูพรุนแบบฟองน้ำ -เชอโรเจล 4. การตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ (A, B) -ตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ -การทำวัสดุผสมกับคาร์บอนไดออกไซด์ 5. การย่อยสลายด้วยน้ำ (A, B) -ผลิตสารกลูโคซามีน และโอลิโกเมอร์ของน้ำตาลต่างๆ (โดยทางเคมีและเอนไซม์) 6. สารเหนียวและอุ้มน้ำ (B) -เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง สำหรับบำรุงรักษาผิวและผม 7. การดูดซับโมเลกุลต่างๆ (A, B, C) -ใช้เป็นตัวกลางเพื่อทำโครมาโตกราฟฟีแบบต่างๆ เช่น แบบดูดซับและแบบแลกเปลี่ยน เพื่อแยกเลกติน, ไคติเนส และไลโซไซม์ 8. ปฏิกิริยาเคมี (A, B) -การสร้างกลิ่น รส -การขจัดกลิ่นของฟอร์มาลดีไฮด์ -การสังเคราะห์สารอนุพันธ์ต่างๆ เป็นสารต่อเนื่อง 9. การนำไฟฟ้า (B) -การนำแผ่นเยื่อบางไคโตซานผสมลิเธียม ไตรเฟลท ที่ใช้เป็นอีเลกโตรไลท์ในแบตเตอรี่ ที่ปราศจากมลพิษ 10. การเคลือบ (B) -การทำสีในการพิมพ์ การย้อมและสารเติมแต่งต่างๆ -การทำสีทา -การทำลำโพง ทำเครื่องดนตรี -เป็นสารแติมแต่งในอุตสาหกรรมกระดาษ -เคลือบผิวผลไม้ ผัก เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา -เคลือบรักษาเมล็ดพันธุ์พืช 11. ตัวดึงออกมา (A, B, C) -เป็นตัวเหนี่ยวนำของโปรตีนที่ก่อให้เกิดโรคได้ -สารที่ใช้ในการเกษตร เช่น การเคลือบเมล็ด การพ่นเคลือบใบ 12. ตัวต้านจุลินทรีย์ (B) ใช้ในการเก็บรักษาอาหารและผลไม้ 13. ส่งเสริมพวกจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ (A, B) ช่วยในการปรับปรุงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น ในดินและในน้ำ ในสัตว์และในลำไส้คน 14. สารที่ปราศจากพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิต จึงใช้ได้ทั่วไป 15. สร้างภูมิต้านทานได้ (A, B, C) -เป็นตัวเหนี่ยวนำไลโซไซม์ และ LPL activities ใน เนื้อเยื่อและในเลือด -ต่อต้านสารก่อมะเร็ง 16. สมานแผล (A, B, C) -ใช้เป็นตัวรักษาแผล โดยเฉพาะไฟไหม้ และแผลที่ ผิวหนังสำหรับคน สัตว์ และต้นไม้ (ทำผิวหนังเทียม) -รักษากระดูก เอ็น และซ่อมแซมพวกเอ็นยึดอวัยวะต่างๆ 17. ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ (A, B, C) -ทำไหมเย็บแผลที่ละลายได้ -สารปลดปล่อยยาอย่างช้าๆ -ควบคุมการย่อยสลายของเอ็นไซม์ 18. ลดโคเลสเตอรอล (B) -ใช้เป็นอาหารเสริมสุขภาพ และใช้เติมแต่งในอาหาร สัตว์ -ลดความดันเลือด 19. ห้ามเลือดต่อต้านการเกิดลิ่มเลือด (C) -ทำยาห้ามเลือด -ใช้ทำเส้นเลือด ใช้ทำคอนแทคเลนซ์ตา 20. ใช้เป็นฟิล์มเคลือบผลไม้ (B) -ช่วยให้ผลไม้ และผักสดอยู่นาน 21. เข้ากันได้กับอวัยวะร่างกาย (A, B, C) -รักษาแผล -ไหมเย็บแผล หมายเหตุ * A คือ สารไคติน B คือ สารไคโตซาน C คือ อนุพันธ์ของสารไคตินและ สารไคโตซาน ** ที่ขีดเส้นใต้ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจำหน่ายแล้วในตลาด การนำไปใช้ประโยชน์ บัญชา ธนบุญสมบัติ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สารไคติน และสารไคโตซาน เป็นพอลิเมอร์ชีวภาพ ซึ่งผลิตจาก เปลือกกุ้ง และเปลือกปู แผ่นเมมเบรน จากไคโตซาน ใช้ในการปิดแผล มีคุณสมบัติ ช่วยลดแผลเป็น บนผิวหนัง สารไคติน และสารไคโตซาน การทำวิจัยในเรื่องไคติน ไคโตซานได้กระทำแล้ว และได้นำสารสกัดจากไคติน-ไคโตซาน ไปประยุกต์ใช้อย่างจริงจังด้วยตัวเอง เพราะมีฟาร์มเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก มีการเลี้ยงสัตว์เช่น สุกร เป็ด ไก่ ปลูกผลไม้ต่าง ๆ เช่น มะละกอ มะนาว มะม่วง และอื่น ๆ เมื่อนำสารสกัดจากไคติน-ไคโตซานเข้าไปประยุกต์ ปรากฏว่า ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพเป็นที่น่าพอใจยิ่ง นอกจากนั้นยังได้นำไปใช้จริงกับนาข้าว ไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกบนภูเขาทางภาคเหนือด้วย การใช้สารไคติน-ไคโตซานจะนำไปสู่การเกษตรแบบอินทรีย์ (Organic Farm) ซึ่งสามารถลดปัญหาสารเคมีตกค้าง ปัญหามลพิษ ปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ใช้ และผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และยังสามารถทดแทนการใช้สารเคมี ซึ่งส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศปีละจำนวนมากๆ อันนี้เป็นความรู้ที่อาศัยหลักการทางเคมีบ้างน้ะครับ ไคติน/ไคโตซาน (Chitin/Chitosan) ไคติน/ไคโตซานเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพซึ่งผลิตจากสิ่งเหลือจากอุตสาหกรรมสัตว์น้ำแช่แข็ง (เช่น เปลือกกุ้งและ เปลือกปู) และเป็นพอลิเมอร์ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ไคติน/ไคโตซานมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (biocompatible) และ สามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ (biodegradable) จึงถือได้ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งไคติน (chitin) และไคโตซาน (chitosan) มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายเซลลูโลส ต่างกันตรงที่ไคตินจะมี หมู่อะเซตาไมด์และอะเซตามิโด แต่ไคโตซานจะมีหมู่เอมีน (amine group) แทนที่จะเป็นหมู่ไฮดรอกซิลที่ C-2 ของวงแหวนน้ำตาล (sugar ring) ตามปกติจะพบทั้งวงแหวนน้ำตาลของไคตินและไคโตซานใน สายโซ่เดียวกัน จึงมักจะรวมเรียกสารเคมีพวกไคติน/ไคโตซาน การแบ่งแยกไคตินกับไคโตซานจะอาศัยจำนวนหมู่เอมีน ถ้ามีหมู่เอมีนมากกว่า 70% จะเรียกว่าไคโตซาน ในแง่ของวัสดุแล้วไคติน/ไคโตซานถือว่ามีสมบัติโดดเด่น ทั้งนี้เนื่องจากเปลือกกุ้งและเปลือกปูซึ่งเป็นแหล่ง ไคติน/ไคโตซานนั้นเป็นวัสดุเชิงประกอบที่นอกจากจะเหนียวฉีกขาดยาก ยังสามารถรับแรงได้สูง และไม่เปลี่ยน รูปร่างได้ง่าย ๆ ถ้าหากพิจารณาในเชิงโครงสร้าง ไคตินจะจัดเรียงตัวเป็นโครงสร้างผลึกเหลวแบบคลอเลสเทอริก (cholesteric liquid crystal structure) โดยมีโปรตีนและปูนขาวแทรก ทำให้วัสดุนี้ทนแรงได้ทุกทิศทาง ไคติน/ไคโตซานมีความเป็นวัสดุพิเศษ คือ ตัววัสดุสามารถทำหน้าที่ทางเคมีหรือทางชีวภาพบางอย่างได้ด้วยตัวเอง (ภาษาอังกฤษเรียกว่าเป็น functional materials) ตัวอย่างเช่น เป็นแผ่นโพลาร์เมมเบรน (polar membrane) ซึ่งสามารถใช้ในการแยกแอลกอฮอล์ (เจือจาง) โดยกระบวนการเพอร์วาพอเรชัน (pervaporation) เป็นต้น ในทางการแพทย์และเภสัชกรรม ได้มีการศึกษาแล้วว่าเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วนั้นนอกจากที่จะไม่ดูดซึมเข้าไปใน ร่างกายและช่วยในการเคลื่อนตัวของอาหารในลำไส้ดังเช่นอาหารจำพวกไฟเบอร์โดยทั่วไปแล้ว ยังจะมีความ สามารถในการจับคลอเลสเตอรอลและไขมันในอาหารที่รับประทานเข้าไปก่อนที่จะเกิดการดูดซึมสารเหล่านั้น ในปัจจุบันได้มีการนำไคโตซานบริสุทธิ์มาเป็นอาหารเพื่อสุขภาพในการประกอบการลดความอ้วน นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ทำผิวหนังเทียมรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ใช้ปลดปล่อยยา รักษาเหงือกและฟัน นอกจากนี้ สารไคติน/ไคโตซานยังสามารถประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เช่นใช้หุ้มเมล็ดพันธ์พืชเพื่อยืดอายุการเก็บและป้องกันราและจุลินทรีย์ในอุตสาหกรรมการเกษตร ใช้เป็นสารต่อต้าน ราและจุลินทรีย์ ใช้เป็นสารกันบูด เคลือบอาหาร ผัก และผลไม้ ในอุตสาหกรรมอาหาร ใช้เติมแต่งและเป็นสาร พื้นฐานของแป้งทาหน้า แชมพู ครีม และสบู่ โลชันเคลือบป้องกันผิวและผม เนื่องจากไคติน/ไคโตซานสามารถ อุ้มน้ำและเป็นตาข่ายคลุมผิวหนัง ใช้ผสมเส้นใย เช่น สิ่งทอและกระดาษ เพื่อป้องกันและต้านทานเชื้อโรค และยัง ทำให้เยื่อเหนียวและแข็งแรงเพิ่มขึ้น เป็นต้น --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อ้างอิงน้ะครับ จากเว็บ http://www.thailabonline.com/chitin-chitosan.htm สรุปง่ายๆในความคิดของผมก็คือ Chitin หรือ Chitosan เป็นสารเ้คมีในธรรมชาติซึ่งมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ ต่อ มนุษย์ สัตว์ และ สิ่งแวดล้อม โดยนักวิทยาศาสตร์สามารถดึงความสามารถ อันร้ายกาจของมัีน มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้( หรือยังมีอีกก็ไม่รู้ แค่นี้ก็เยอะแล้ว [on_052] ) โดยที่เราไม่รู้เลยด้วยซํ้าว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเคมีภัณฑ์ ของใช้ ผลิตภัณฑ์ทางการ เกษตร ทางอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ ผลิตภัณฑ์สำหรับกุ้งเรดบี ที่เรารับมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะประ้เทศไหนก็ตาม ความจริงแล้ว แหล่งวัตถุดิบในการผลิตที่สำคัญนั้นมาจากบ้านเรานี่้เอง โดยแค่ผ่านกระบวนการแปรรูป ให้ออกมาในรูปที่ใช้งานได้ง่ายแล้วขายในราคาที่ หากเทียบกับต้นทุนกันจริงๆแล้วผมคิดว่าทุกคนก็คงร้อง โอ้โห! อย่างแน่นอนครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่เป็นเ้พียงบทความที่ผมนำมาจากเว็บอื่นซึ่งก็ขอให้รับไว้พิจารณาและนำไปปรับใช้กับการเลี้่ยงกุ้งของท่านละกันน้ะคร้าบบ ปล. มีความรู้อะไรก็แบ่งปันกันบ้างน้ะครับ [เจ๋ง] แล้วก็ถ้าไปกระทบใครเข้าอีกผมก็ขอโต๊ํดน้ะครับ อยากแบ่งง่าา suicide ไปแล้ว แชว้บ yoyo2 หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: impersonate ที่ 08/05/10, [20:23:25] บวกไปเลย แต่อ่านไม่ไหว รู้ว่าดีมีประโยชน์ [เจ๋ง] [on_052]
หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: -poom ที่ 08/05/10, [20:26:02] บวกไปเลย แต่อ่านไม่ไหว รู้ว่าดีมีประโยชน์ [เจ๋ง] [on_052] ผมก็แทบจะสายตาเสีย เหมือนกันครับ asspain หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: buki ที่ 08/05/10, [21:05:59] อ่านจบแล้ว ขอบคุณครับ
ตอนนี้ผมก็ทำไคโตซานใช้เองอยู่ กุ้งก็เดินเข้ามากินบ้าง บางตัวก็เมินๆ สงสัยคงต้องหาอะไรที่เย้ายวนกุ้งกว่านี้ [เขิลลลล] หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: -poom ที่ 08/05/10, [21:47:20] อ่านจบแล้ว ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมก็ทำไคโตซานใช้เองอยู่ กุ้งก็เดินเข้ามากินบ้าง บางตัวก็เมินๆ สงสัยคงต้องหาอะไรที่เย้ายวนกุ้งกว่านี้ [เขิลลลล] ไคโตซานเพียวๆเลยหรอครับ [งง] แล้วที่ทำนี่เป็นยังไงอะครับ อยากรู้ๆๆ [on_012] ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับสมบัติทางความคิดมันเป็นของส่วนตัว ขอบคุณคร้าบ beg1 หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: BANKKO ที่ 08/05/10, [21:52:13] ตาลาย n032
หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: buki ที่ 08/05/10, [21:57:16] ไคโตซานเพียวๆเลยหรอครับ [งง] แล้วที่ทำนี่เป็นยังไงอะครับ อยากรู้ๆๆ [on_012] ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับสมบัติทางความคิดมันเป็นของส่วนตัว ขอบคุณคร้าบ beg1 ผมทำแบบชาวบ้านๆเลยอ่ะครับ 036 เปลือกหอย เปลือกปู ฟอสซิลหอย ตำละเอียดเป็นผง ผสมแบคทีเรียผง กับ ผงแร่ไมโครเนคตรอนของเบนิบาชิ เวลาให้ก็ผสมอาหารบ้าง ไม่ก็หยดน้ำลงไปที่ผงให้จับตัวเป็นก้อน แล้วหย่อนลงไปในตู้ ถ้ากุ้งขาดแคลเซียมเดี๋ยวมันก็เดินมาคุ้ยกินเองครับ คิดเอาเอง ว่ามันต้องเกิดผลดีกับกุ้งบ้างแหละ emb01 หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: -poom ที่ 08/05/10, [23:05:55] ผมทำแบบชาวบ้านๆเลยอ่ะครับ 036 เปลือกหอย เปลือกปู ฟอสซิลหอย ตำละเอียดเป็นผง ผสมแบคทีเรียผง กับ ผงแร่ไมโครเนคตรอนของเบนิบาชิ เวลาให้ก็ผสมอาหารบ้าง ไม่ก็หยดน้ำลงไปที่ผงให้จับตัวเป็นก้อน แล้วหย่อนลงไปในตู้ ถ้ากุ้งขาดแคลเซียมเดี๋ยวมันก็เดินมาคุ้ยกินเองครับ คิดเอาเอง ว่ามันต้องเกิดผลดีกับกุ้งบ้างแหละ emb01 อ๋็ออครับ ต้องทดลองกันต่อไป ้hahaha ดีครับผม ช่วยๆกันลอง ช่วยๆกันพัฒนาของใกล้ตัวกันครับ [เจ๋ง] หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: -poom ที่ 08/05/10, [23:06:38] ตาลาย n032 ผมก็อยากเรียงให้มันดูอ่านง่ายน้ะครับ แต่ไม่รู้ จะทำยังไงดีเยอะเหลือเกิน 036 หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: bokk ที่ 09/05/10, [00:57:52] เยอะจริงๆ ขอบคุณมากครับ
ท่ามีรูป ประกอบ ท่าจะดีครับ xxx2 หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: -poom ที่ 09/05/10, [01:32:59] เยอะจริงๆ ขอบคุณมากครับ ท่ามีรูป ประกอบ ท่าจะดีครับ xxx2 รูปเปลือกกุ้งเปลือกปูใช่ไหมครับ [เขิลลลล] เดี๋ยวจะลองหาภาพประกอบน้ะครับ [เจ๋ง] หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: wewe ที่ 10/05/10, [01:13:45] รูปเปลือกกุ้งเปลือกปูใช่ไหมครับ [เขิลลลล] เปลือกกุ้งเรดบีได้ป่ะ [เขิลลลล] ้hahahaเดี๋ยวจะลองหาภาพประกอบน้ะครับ [เจ๋ง] หัวข้อ: Re: Chitin and Chitosan เริ่มหัวข้อโดย: -poom ที่ 10/05/10, [08:52:34] เปลือกกุ้งเรดบีได้ป่ะ [เขิลลลล] ้hahaha เอาเป็น คิงคอง ของพี่วีท่าจะดี [เขิลลลล] |