หัวข้อ: สำหรับมือใหม่ หัดเลี้ยงปอม เริ่มหัวข้อโดย: Crayzy ที่ 22/03/10, [16:29:07] ไม่รู้จะซ้ำหรือเปล่านะครับ พอดีไปเจอข้อมูลมา เผื่อว่า พี่น้อง ๆ คนที่เริ่มสนใจเกี่ยวกับปอมแต่ยังไม่ค่อยมีความรู้ ก็เลยนำมา ให้อ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์
(http://img175.imageshack.us/img175/7982/bluediscus.jpg) ปลาปอมปาดัวร์ (Pompadour, Discus) ชื่อสามัญของปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในสกุล Symphysodon ในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) ซึ่งเป็นปลาวงศ์ใหญ่มาก มีรูปร่างทรงกลมเป็นรูปไข่คล้ายจาน ลำตัวแบนข้างมากเหมือนปลาเทวดา (Pterophyllum) ครีบหลังและครีบท้องเรียงเป็นแถวยาวตลอดจนถึงโคนครีบหาง มีลวดลายและสีสันบนลำตัวหลายหลากสีสวยงามตามชนิด มีถิ่นกำเนิดในลุ่มแม่น้ำอเมซอนในทวีปอเมริกาใต้ มีขนาดใหญ่เต็มที่ไม่เกิน 7 นิ้ว มักอาศัยรวมกันเป็นในระดับกลางน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ มีพุ่มไม้น้ำขึ้นหนาแน่น มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำราว 6.4-7.5 มีทั้งหมด 3 ชนิด คือ Symphysodon aequifasciatus (แบ่งได้เป็นชนิดย่อยอีก 3 ชนิด คือ Symphysodon aequifasciatus axelrodi ,Symphysodon aequifasciatus aequifasciatus, Symphysodon aequifasciatus haraldi) Symphysodon Discus และ Symphysodon tarzoo ซึ่งเป็นชนิดใหม่ที่ได้รับการค้นพบเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมาไม่นาน ปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่มีสัสันสวยงามมาก จนได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งปลาตู้" ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีสีสันที่สวยงามหลากหลายกว่าสีสันตาม ธรรมชาติมากมาย เช่น หนังงู, ห้าสี, เจ็ดสี, บลู ไดมอนด์, ปอมฯฝุ่น เป็นต้น แต่ปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่มีความอ่อนไหวง่ายมากกับสภาพน้ำและสภาพอากาศ จึงจัดเป็นปลาชนิดหนึ่งที่เลี้ยงยากมาก จำเป็นต้องใช้ฮีตเตอร์เพื่อควบคุมอุณหภูมิ จึงไม่เหมาะกับนักเลี้ยงปลามือใหม่ ปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาอีกชนิดหนึ่งที่สามารถเพาะขยายพันธุ์ในตู้เลี้ยงได้ โดยปลาจะวางไข่ติดกับวัสดุใต้น้ำ โดยมากผู้เลี้ยงจะใช้เป็นเครื่องปั้นดินเผา ก่อนปลาจะวางไข่ 3-4 วัน ปลาจะมีอาการสั่นทั้งตัวผู้และตัวเมีย ในวันที่ปลาวางไข่จะสามารถสังเกตได้โดยดูอาการทั้งตัวผู้และตัวเมียจะไม่ ยอมออกห่างจากและช่วยกันแทะเล็มเครื่องปั้นดินเผาเพื่อทำความสะอาดตลอดเวลา จากนั้นตัวเมียจะวางไข่บนเครื่องปั้นดินเผาครั้งละ 15-30 ฟอง แล้วตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อลงบนไข่ แม่ปลาจะใช้เวลาในการวางไข่ประมาณ 2 ชั่วโมง วางไข่ 100-300 ฟอง ไข่ใช้เวลาฟักเป็นตัว 3 วัน หลังจากนั้นอีกราว 3 วัน ลูกปลาจะเริ่มเคลื่อนไหวได้ และจะมาเกาะกินเมือกบนตัวพ่อแม่ปลาเป็นอาหาร จนกระทั่งถึงวันที่ 17 ลูกปลาจึงมีขนาดโตขึ้นและเริ่มห่างจากพ่อแม่ อนึ่งคำว่า "ปอมปาดัวร์" นั้น ได้มาจากชื่อของ มาดาม เดอ ปองปาดูร์ (Madame de Pompadour) สนมนางหนึ่งของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส (Louis XV de France) ที่กล่าวกันว่า มีความงดงามยิ่ง และชื่อสามัญอีกชื่อหนึ่งที่นิยมเรียกในภาษาอังกฤษก็คือ "ดิสคัส" (Discus) ซึ่งหมายถึงทรงกลม อันมาจากลักษณะของรูปร่างปลานั่นเอง เริ่มต้นเมื่อเราต้องการเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนคือ บ้านของพวกมันนั่นเอง ควรที่จะมีการเตรียมพร้อมก่อนที่จะนำปลามาเลี้ยง 1.ตู้ปลา เป็นตู้กระจก ขนาดที่ใช้ในการเลี้ยงก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนว่าต้องการขนาด ใหญ่หรือเล็ก และความสะดวกของสถานที่ในการเลี้ยง ส่วนสถานที่วางตู้ควรวางในสถานที่ที่ไม่พลุกพล่านมากนัก เนื่องจากปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่ตื่นตกใจง่าย 2.ระบบกรองน้ำ ซึ่งจะช่วยลดการเปลี่ยนถ่ายน้ำ และระบบการให้อากาศ เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำให้กับปลา และ Heater เพื่อช่วยปรับอุณหภูมิของน้ำด้วย 3.น้ำ ต้องแน่ใจว่าในน้ำไม่มีคลอรีนตกค้างอยู่ ควรมีการพักน้ำก่อนที่จะนำมาใช้ คุณภาพน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ต้องเป็นน้ำที่สะอาด หากสภาพน้ำไม่เหมาะสมจะทำให้ปลาเกิดความเครียด มีอาการลำตัวดำคล้ำ สีไม่สดใส ดังนั้นควรดูแลใส่ใจคุณภาพน้ำเป็นพิเศษ คุณภาพน้ำที่เหมาะสมคือ มีค่า pH 6.4-7.5 อุณหภูมิ 25-32 องศาเซลเซียส ควรมีการถ่ายน้ำ 10-20% ทุกวันหรือวันเว้นวัน 4.อาหาร ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง หรือตามความต้องการในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากถ้าหากอาหารเหลือจะทำให้น้ำเสียง่าย อาหารที่ใช้อาจเป็นอาหารสด เช่น ไรแดง ทะเล หนอนแดง หรืออาหารสำเร็จรูปก็ได้ เมื่อรู้ขั้นตอน การเตรียมพร้อมที่จะเลี้ยงแล้ว จากนั้นก็เริ่มมองหาปลาปอมปาดัวร์สายพันธุ์ที่เราชอบมาเลี้ยง ซึ่งสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงและมีการประกวดในงานปลาสวยงามต่างๆได้แก่ Brown Discus, Red Discus, Blue Diamon, Snake Skin, Striped Pigeon Blood, Solid Pigeon Blood, Cobolt Blue, San Merah และหลังจากที่เราซื้อปลามาแล้ว ก็นำถุงที่บรรจุปลามาลอยในน้ำเพื่อให้ปลามีการปรับสภาพตัวเอง แล้วก็ค่อยปล่อยปลาลงเลี้ยงในตู้ โรคที่มักพบในปลาปอมปาดัวร์ โดยส่วนมากปลาปอมปาดัวร์มักจะป่วยเป็นอยู่ 2 โรค คือ 1. โรคตกหมอก อาการของโรคตกหมอก มีเมือกคลุมลำตัว ไม่กินอาหาร รักษาโดย ถ่ายพยาธิ 2. โรคขี้ขาว อาการของโรคขี้ขาว อุจจาระสีขาว ซีด ไม่ค่อยกินอาหาร รักษาโดย การเติมเกลือ 0.1% ทั้งหมดนั้นเป็นความต้องการของเจ้าปลาปอมปาดัวร์ ซึ่งถ้ามีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีแล้ว เพียงแค่นี้เจ้าปอมปาดัวร์จะต้องอยากมีชีวิตอยู่กับเราไปอีกนานแสนนานอย่าง แน่นอน หัวข้อ: Re: ข้อมูลพื้นฐานสำหรับคนรักปอมปาดัวร์ เริ่มหัวข้อโดย: Crayzy ที่ 23/03/10, [10:38:20] (http://img21.imageshack.us/img21/2209/symphysodon.jpg) ปอมสวยๆ
หัวข้อ: Re: ข้อมูลพื้นฐานสำหรับคนรักปอมปาดัวร์ เริ่มหัวข้อโดย: Crayzy ที่ 23/03/10, [10:42:17] (http://img443.imageshack.us/img443/3615/img6302t.jpg)(http://img694.imageshack.us/img694/739/p7751737n1.jpg)(http://img509.imageshack.us/img509/2575/dscn0296.jpg)(http://img524.imageshack.us/img524/5759/3255908138741f1f9f69.jpg)
สวยๆ ทั้งนั้น ขออนุญาต เจ้าของรูปนะครับ หัวข้อ: Re: ข้อมูลพื้นฐานสำหรับคนรักปอมปาดัวร์ เริ่มหัวข้อโดย: Crayzy ที่ 25/03/10, [11:41:55] เลี้ยงให้รอดไม่ยาก แต่จะเลี้ยงให้สวยๆ นี่สิคือปัญหา
หัวข้อ: Re: สำหรับมือใหม่ หัดเลี้ยงปอม เริ่มหัวข้อโดย: Crayzy ที่ 31/03/10, [15:17:46] อ่านบทความ หาข้อมุลมาก็แยะ ฟังมาก็เยอะ ถึงเวลาที่จะต้องลงมือซะที ตัดสินใจจะเลี้ยงปอม ให้สวยๆ เอาไว้ดูครายเครียดหลังเลิกงานดีกว่า ใครมีไรแนะนำ แนะนำด้วยครับ พรุ่งนี้จะไปจัดการจัดบ้านให้น้องปอมแล้ว
หัวข้อ: Re: สำหรับมือใหม่ หัดเลี้ยงปอม เริ่มหัวข้อโดย: oatto500 ที่ 28/04/10, [20:26:02] emb01 emb01สวยครับ
|