หัวข้อ: สอบถามเรื่องน้ำในการเลี้ยงกุ้ง เริ่มหัวข้อโดย: Jom8966 ที่ 22/06/15, [10:51:05] 1. น้ำRo คืออะไร แล้วหากจะเติมแร่ธาตุเองทำได้โดยวิธีอะไร
2.กุ้งเชอรี่ ชูชิ เรดบี ใช้ค่าph เท่ากันหรือไม่ แล้วหากค่าph สูงเกินไปทำอย่างไรให้ลดลง 3. ค่าtds คืออะไร 4. ค่าgh คืออะไร 5.ที่พูดว่าอุณหภูมิแกว่ง หมายถึงอะไร แล้วหากแกว่งต้องแก้ปัญหาอย่างไร 6.จำเป็นต้องมีอาหารเม็ดให้กุ้งไหมหากเลี้ยงมอสและมีใบหม่อนสด 7.แบคมีเรียมีไว้ทำอะไร แล้วการเติมแบคทีเรียต้องทำอย่างไร ปล. เลี้ยงไม้น้ำพร้อมกับกุ้งแคระดินใช้ดินAda เลี้ยงไม้น้ำก่อนแล้ว1เดือนจึงนำกุ้งมาลงโดยที่ไม่ได้ใส่แบคทีเรียหรือหยออะไรใดๆทั้งสิ้นตู้มีขนาด12นิ้ว มีเครื่องกรองแบบแขวนและออกซิเจน ขอบคุนคะ หัวข้อ: Re: สอบถามเรื่องน้ำในการเลี้ยงกุ้ง เริ่มหัวข้อโดย: comeya ที่ 22/06/15, [15:34:28] เลี้ยงกุ้งอะไรหรือครับ ถ้า กุ้งเชอรี่ ไม่ต้องไปสนใจค่าอะไรทั้งนั้น เลี้ยงง่าย ทน อึด เหมาะกับมือใหม่ น้ำใช้น้ำประปาพักไว้ 1 คืน ครับ หัวข้อ: Re: สอบถามเรื่องน้ำในการเลี้ยงกุ้ง เริ่มหัวข้อโดย: Longhairguy ที่ 22/06/15, [15:43:27] มันไม่ได้จะต้องซีเรียสอะไรขนาดนั้นครับ ที่ถามมามีคำตอบ แต่มันไม่ได้จำเป็นงะ
ถ้าจะเลี้ยงเรดบีค่อยไปเครียดขึ้นอีกนิด แต่ก็แค่นิดนึง หัวข้อ: Re: สอบถามเรื่องน้ำในการเลี้ยงกุ้ง เริ่มหัวข้อโดย: Jom8966 ที่ 22/06/15, [15:52:58] เลี้ยงกุ้งอะไรหรือครับ ถ้า กุ้งเชอรี่ ไม่ต้องไปสนใจค่าอะไรทั้งนั้น เลี้ยงง่าย ทน อึด เหมาะกับมือใหม่ เลี้ยงเชอรี่13กับซูซิ4คะ ซื้อมาแช่ถุงปรับสภาพน้ำไว้2ชม แต่พอเอาลง ซูชิ2นอคน้ำ เลยเอาไปเป่าพัดลมซักพักก็ฟื้น แต่ตื่นเช้ามาเชอรี่ตายไป1ตัว [on_024]น้ำใช้น้ำประปาพักไว้ 1 คืน ครับ หัวข้อ: Re: สอบถามเรื่องน้ำในการเลี้ยงกุ้ง เริ่มหัวข้อโดย: Jom8966 ที่ 22/06/15, [15:53:51] มันไม่ได้จะต้องซีเรียสอะไรขนาดนั้นครับ ที่ถามมามีคำตอบ แต่มันไม่ได้จำเป็นงะ 555555 โอเคคะถ้าจะเลี้ยงเรดบีค่อยไปเครียดขึ้นอีกนิด แต่ก็แค่นิดนึง หัวข้อ: Re: สอบถามเรื่องน้ำในการเลี้ยงกุ้ง เริ่มหัวข้อโดย: ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ที่ 28/06/15, [23:43:15] ความเป็นด่าง (Alkalinity)
ความเป็นด่างของน้ำ หมายถึงคุณสมบัติของน้ำที่ทำให้กรดเป็นกลาง โดยความเป็นด่างของน้ำประกอบด้วย คาร์บอเนต ไบคาร์บอเนต ไฮดรอกไซค์ เป็นส่วนใหญ่แต่อาจมีพวกบอเรต ซิลิเคต ฟอสเฟต และสารอินทรีย์ต่าง ๆ ค่าความเป็นด่างโดยตัวมันเองไม่ถือว่าเป็นสารมลพิษ แต่มีผลเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านอื่น ๆ เช่น ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ความเป็นกรด (acidity) และความกระด้าง Hardness คุณสมบัติของความเป็นด่างต่อแหล่งน้ำเป็นตัวการควบคุมมิให้ pH เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปหากปรากฏว่าแหล่งน้ำมีค่าเป็นด่างต่ำ แสดงว่ามี buffering capacity น้อย ค่าความเป็นด่างของน้ำมีค่าแตกต่างกันไป มีค่าตั้งแต่ 25-500 mg/L แหล่งน้ำเสียชุมชนหรือจากโรงงานอุตสาหกรรมอาจมีค่าเป็นด่างสูง เกณฑ์ที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำควรมีค่าความเป็นด่างระหว่าง 100-120 mg/l เราสามารถปรับค่าความเป็นด่างให้สูงขึ้นโดยใส่ปูนขาว (Liming) การลดความเป็นด่างและความกระด้างจะทำได้ยากไม่นิยมกระทำกัน ค่าความเป็นด่างกับความกระด้าง (Hardness) มีความสัมพันธ์กัน น้ำที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำควรมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างใกล้เคียงกัน ค่าความเป็นด่างในน้ำไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว น้ำที่มีค่าความเป็นกรด-ด่างต่ำและความเป็นด่างต่ำจะให้ผลผลิตไม่ดี เช่น การเจริญเติบโตจะต่ำ ฯลฯแพลงก์ตอนพืชและพืชน้ำจะใช้ คาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสังเคราะห์แสงในตอนกลางวันทำให้ค่า pH สูงขึ้น คือน้ำจะมีสภาพความเป็นด่างมากขึ้นและค่อยๆลดในตอนกลางคืน เนื่องจาก คาร์บอนไดออกไซด์ ที่ถูกปล่อยออกมาจากการหายใจของสิ่งมีชีวิตในน้ำๆ ที่มีค่าความเป็นด่างต่ำจะมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6-7.5 ในตอนเช้าหากมีปริมาณแพลงก์ตอนหนาแน่นค่า pH ในตอนบ่ายอาจจะสูงถึง 10 หรือมากกว่า ส่วนน้ำที่มีค่าเป็นด่างสูงจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงของ pH มากนักโดยอาจมีค่าอยู่ระหว่าง 7.5-8 ในตอนเช้าและเพิ่มเป็น 9-10 ในช่วงบ่ายในบ่อที่มีค่าความเป็นด่างสูงมาก ประกอบกับมีค่ากระด้างต่ำ ค่า pH อาจสูงมากถึง 11 ในระหว่างที่มีการสังเคราะห์แสง ดังนั้น การวัดค่า pH จึงควรเช็คในตอนเช้าและช่วงบ่ายครับเพื่อให้ผู้เลี้ยงได้ทราบค่าความเปลี่ยนแปลงต่ำสุดและสูงสุดในแต่ละวัน ความกระด้าง (Hardness) ความกระด้างของน้ำ (water hardness) หมายถึง ปริมาณของเกลือ, แคลเซี่ยมและแมกนีเซี่ยมที่ละลายอยู่ในน้ำ ความกระด้างของน้ำแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือความกระด้างชั่วคราว (Temporary hardness) โดยเกิดจากสารละลายของ calcium หรือ magnesium bicarbonate เมื่อถูกความร้อนจะตกตะกอนกลายเป็นหินปูน (carbonate) ส่วนความกระด้างถาวร (permanent hardness) เกิดจากสารละลายพวก calcium หรือ magnesium carbonate และความกระด้างรวมของน้ำ Total hardness หมายถึง ผลรวมของความกระด้างชั่วคราว และถาวรโดยอยู่ในรูปของ calcium carbonate ค่าความกระด้างของน้ำมีค่าตั้งแต่ 0-100 mg/l ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของแหล่งน้ำ เราสามารถแบ่งระดับความกระด้างของน้ำได้ดังนี้ ความกระด้าง 0 - 75 mg/l น้ำอ่อน ความกระด้าง 75 - 150 mg/l กระด้างปานกลาง ความกระด้าง 150 - 300 mg/l น้ำกระด้าง ความกระด้าง 300 mg/l ขึ้นไป น้ำกระด้างมาก น้ำทะเลหรือน้ำกร่อยที่มี Na+ ปะปนอยู่สามารถทำให้ความกระด้าง ของน้ำสูงขึ้นได้ซึ่งไม่เป็นความกระด้างที่แท้จริงเรียกว่า pseudo-hardness ความกระด้างโดยตัวของมันเองไม่ถือว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอันตรายต่อสัตว์น้ำ แต่ความกระด้างของน้ำมีความสัมพันธ์กับค่าความเป็นด่าง (alkalinity) และความเป็นกรดด่าง (pH) น้ำกระด้างยังช่วยลดความเป็นพิษของสารพิษหลายชนิด เช่น โลหะหนัก (heavy metal) ได้แก่ ปรอท ตะกั่วและแคดเมี่ยม ฯลฯ น้ำกระด้างปานกลางหรือสูงเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ ส่วนน้ำกระด้างอ่อนหรือน้ำฝนไม่เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เราสามารถเพิ่มความกระด้างของน้ำได้โดยการเติมปูนขาว เช่นเดียวกันกับค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของน้ำ ค่าความกระด้างของน้ำหากเป็นความกระด้างถาวร ถ้าเราใช้อุปโภคบริโภคเป็นประจำในชีวิตประจำวันจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นจึงควรต้องปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำไปใช้ ค่า GH และค่า KH คืออะไร ? GH ย่อมาจาก general hardness ค่าที่ได้จะบ่งบอกถึงปริมาณของ แคลเซี่ยม และ แมกนีเซียม ซึ่งมีประจุเป็นบวก และการลดค่าความกระด้างของตัวนี้ทำได้โดยใช้ วิธีกรองผ่านสารที่เรียกกันว่าเรซิ่น ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า ion exchange resin ค่านี้จึงเป็นค่าที่ปรับแก้ไม่ยาก ( ค่าของ GH จึงมักจะน้อยกว่า หรืออย่างมากเท่ากับ KH) KH ย่อมาจาก carbornate hardness ค่าที่วัดได้แสดงถึงปริมาณของ carbornate ion ( CO3--) เป็นตัวที่ลดได้ค่อนข้างยากครับ ส่วนใหญ่ที่เราจะได้เห็นในชีวิตประจำวันคือการกรองที่เรียกว่า reverse osmosis ที่เห็นในตู้หยอดน้ำหยอดเหรียญนั่นเองครับ หัวข้อ: Re: สอบถามเรื่องน้ำในการเลี้ยงกุ้ง เริ่มหัวข้อโดย: Jom8966 ที่ 01/07/15, [16:15:21] ความเป็นด่าง (Alkalinity) ขอบคุนมากๆเลยคะ^^ [เจ๋ง]ความเป็นด่างของน้ำ หมายถึงคุณสมบัติของน้ำที่ทำให้กรดเป็นกลาง โดยความเป็นด่างของน้ำประกอบด้วย คาร์บอเนต ไบคาร์บอเนต ไฮดรอกไซค์ เป็นส่วนใหญ่แต่อาจมีพวกบอเรต ซิลิเคต ฟอสเฟต และสารอินทรีย์ต่าง ๆ ค่าความเป็นด่างโดยตัวมันเองไม่ถือว่าเป็นสารมลพิษ แต่มีผลเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านอื่น ๆ เช่น ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ความเป็นกรด (acidity) และความกระด้าง Hardness คุณสมบัติของความเป็นด่างต่อแหล่งน้ำเป็นตัวการควบคุมมิให้ pH เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปหากปรากฏว่าแหล่งน้ำมีค่าเป็นด่างต่ำ แสดงว่ามี buffering capacity น้อย ค่าความเป็นด่างของน้ำมีค่าแตกต่างกันไป มีค่าตั้งแต่ 25-500 mg/L แหล่งน้ำเสียชุมชนหรือจากโรงงานอุตสาหกรรมอาจมีค่าเป็นด่างสูง เกณฑ์ที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำควรมีค่าความเป็นด่างระหว่าง 100-120 mg/l เราสามารถปรับค่าความเป็นด่างให้สูงขึ้นโดยใส่ปูนขาว (Liming) การลดความเป็นด่างและความกระด้างจะทำได้ยากไม่นิยมกระทำกัน ค่าความเป็นด่างกับความกระด้าง (Hardness) มีความสัมพันธ์กัน น้ำที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำควรมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างใกล้เคียงกัน ค่าความเป็นด่างในน้ำไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว น้ำที่มีค่าความเป็นกรด-ด่างต่ำและความเป็นด่างต่ำจะให้ผลผลิตไม่ดี เช่น การเจริญเติบโตจะต่ำ ฯลฯแพลงก์ตอนพืชและพืชน้ำจะใช้ คาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสังเคราะห์แสงในตอนกลางวันทำให้ค่า pH สูงขึ้น คือน้ำจะมีสภาพความเป็นด่างมากขึ้นและค่อยๆลดในตอนกลางคืน เนื่องจาก คาร์บอนไดออกไซด์ ที่ถูกปล่อยออกมาจากการหายใจของสิ่งมีชีวิตในน้ำๆ ที่มีค่าความเป็นด่างต่ำจะมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6-7.5 ในตอนเช้าหากมีปริมาณแพลงก์ตอนหนาแน่นค่า pH ในตอนบ่ายอาจจะสูงถึง 10 หรือมากกว่า ส่วนน้ำที่มีค่าเป็นด่างสูงจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงของ pH มากนักโดยอาจมีค่าอยู่ระหว่าง 7.5-8 ในตอนเช้าและเพิ่มเป็น 9-10 ในช่วงบ่ายในบ่อที่มีค่าความเป็นด่างสูงมาก ประกอบกับมีค่ากระด้างต่ำ ค่า pH อาจสูงมากถึง 11 ในระหว่างที่มีการสังเคราะห์แสง ดังนั้น การวัดค่า pH จึงควรเช็คในตอนเช้าและช่วงบ่ายครับเพื่อให้ผู้เลี้ยงได้ทราบค่าความเปลี่ยนแปลงต่ำสุดและสูงสุดในแต่ละวัน ความกระด้าง (Hardness) ความกระด้างของน้ำ (water hardness) หมายถึง ปริมาณของเกลือ, แคลเซี่ยมและแมกนีเซี่ยมที่ละลายอยู่ในน้ำ ความกระด้างของน้ำแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือความกระด้างชั่วคราว (Temporary hardness) โดยเกิดจากสารละลายของ calcium หรือ magnesium bicarbonate เมื่อถูกความร้อนจะตกตะกอนกลายเป็นหินปูน (carbonate) ส่วนความกระด้างถาวร (permanent hardness) เกิดจากสารละลายพวก calcium หรือ magnesium carbonate และความกระด้างรวมของน้ำ Total hardness หมายถึง ผลรวมของความกระด้างชั่วคราว และถาวรโดยอยู่ในรูปของ calcium carbonate ค่าความกระด้างของน้ำมีค่าตั้งแต่ 0-100 mg/l ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของแหล่งน้ำ เราสามารถแบ่งระดับความกระด้างของน้ำได้ดังนี้ ความกระด้าง 0 - 75 mg/l น้ำอ่อน ความกระด้าง 75 - 150 mg/l กระด้างปานกลาง ความกระด้าง 150 - 300 mg/l น้ำกระด้าง ความกระด้าง 300 mg/l ขึ้นไป น้ำกระด้างมาก น้ำทะเลหรือน้ำกร่อยที่มี Na+ ปะปนอยู่สามารถทำให้ความกระด้าง ของน้ำสูงขึ้นได้ซึ่งไม่เป็นความกระด้างที่แท้จริงเรียกว่า pseudo-hardness ความกระด้างโดยตัวของมันเองไม่ถือว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอันตรายต่อสัตว์น้ำ แต่ความกระด้างของน้ำมีความสัมพันธ์กับค่าความเป็นด่าง (alkalinity) และความเป็นกรดด่าง (pH) น้ำกระด้างยังช่วยลดความเป็นพิษของสารพิษหลายชนิด เช่น โลหะหนัก (heavy metal) ได้แก่ ปรอท ตะกั่วและแคดเมี่ยม ฯลฯ น้ำกระด้างปานกลางหรือสูงเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ ส่วนน้ำกระด้างอ่อนหรือน้ำฝนไม่เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เราสามารถเพิ่มความกระด้างของน้ำได้โดยการเติมปูนขาว เช่นเดียวกันกับค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของน้ำ ค่าความกระด้างของน้ำหากเป็นความกระด้างถาวร ถ้าเราใช้อุปโภคบริโภคเป็นประจำในชีวิตประจำวันจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นจึงควรต้องปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำไปใช้ ค่า GH และค่า KH คืออะไร ? GH ย่อมาจาก general hardness ค่าที่ได้จะบ่งบอกถึงปริมาณของ แคลเซี่ยม และ แมกนีเซียม ซึ่งมีประจุเป็นบวก และการลดค่าความกระด้างของตัวนี้ทำได้โดยใช้ วิธีกรองผ่านสารที่เรียกกันว่าเรซิ่น ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า ion exchange resin ค่านี้จึงเป็นค่าที่ปรับแก้ไม่ยาก ( ค่าของ GH จึงมักจะน้อยกว่า หรืออย่างมากเท่ากับ KH) KH ย่อมาจาก carbornate hardness ค่าที่วัดได้แสดงถึงปริมาณของ carbornate ion ( CO3--) เป็นตัวที่ลดได้ค่อนข้างยากครับ ส่วนใหญ่ที่เราจะได้เห็นในชีวิตประจำวันคือการกรองที่เรียกว่า reverse osmosis ที่เห็นในตู้หยอดน้ำหยอดเหรียญนั่นเองครับ |