หัวข้อ: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: sam007 ที่ 01/06/08, [11:42:03] เนื่องด้วยเจ้ากุ้งบูลที่หัวเปิดอยู่นั้น ที่ได้ถามจากหลายๆท่านบอกว่าจะลอกคราบ แต่จากการผ่าพิสูจน์ ศพ พบว่า ที่แก้มของกุ้ง1ข้างมีสิ่งแปลกปลอมเป็นก้อนเยลลี่สีส้มใสๆเกาะอยู่เต็มแก้ม ทำให้หัวกุ้งนั้นเปิดอกมาแล้วก้อนเยลลี่นั้นได้ไปปิดกั้นเหงือก(เรียกว่าเหงือกหรือป่าวน้อ)ของกุ้งที่ทำหน้าที่พัดออกซิเจนหรือหายใจใต้น้ำ ทำให้กุ้งได้รับออกซิเจนเพียงข้างเดียวและหายใจได้ข้างเดียว และก้อนเยลลี่นั้นก็ได้ถ่วงให้กุ้งเสียศูนย์ ทำให้มันเอียงตัวและนอนหงายอยู่บ่อยครั้ง การผ่าพิสูจ พบว่าในกระเพาะกุ้งนั้น ไม่มีอะไรเลย คือมันไม่ได้กินอะไรมานาน ด้วยหลายสาเหตุนี้ทำให้เขาจากไปอย่างสงบ ด้วยไซด์ล่าสุดที่วัด 8นิ้วพอดี
ด้วยทั้งนี้ เขาได้ทิ้งลูกๆบูล จูเนี่ย เอาไว้ให้ดูต่างหน้า 30ตัว รอวันที่จะโตมาใหญ่โต และสง่างามเช่นพ่อของมัน suicide หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: killerblue ที่ 01/06/08, [12:01:13] 8นิ้ว ท่าจะเลี้ยงมานานนะครับ
เสียใจด้วยนะครับ n032 หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: parasite ที่ 01/06/08, [12:02:08] อ่านแล้วเศร้า
แต่ว่าไอ้ก้อนเยลลี่สีส้มนี่มันคืออะไรเหรอครับ มันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเปล่า เป็นกำลังใจให้นะครับ แต่ว่า ลูกมันทั้ง 30 ตัว ดูแลไหวหรือเปล่า ถ้าว่าไม่ไหว PM มาเลยครับ [แลบลิ้นแอ๊บแบ๊ว] หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: sam007 ที่ 01/06/08, [12:08:23] เป็นกุ้งตัวแรกที่ผมซื้อมาเลี้ยงเลยคับ ตอนนี้ก็เก็บเปลือกที่เอาเนื้อออกแล้วเอาไว้คับ แต่เอาเนื้อตรงก้ามออกไม่ได้อ่า-*-มีวิธีเก็บรักษาเปลือกกุ้งไหมคับ suicide
เยลลี่นั้นเป็นก้อนๆแบนๆชิ้นใหญ่ด้วยนะ แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่สิ่งมีชีวิต เหงือกกุ้งไม่ทำงานเลยตรงที่มีเยลลี่นั้นเกาะ จนเหลืองเลย ระวังนะคับกุ้งใครที่ชอบนอนตะแคงนอนหงาย บางทีอาจจะมี ก้อนนี้อยู่ในหัวก็ได้ ทำให้มันเสียศุนย์จนเอียงตัวนอน หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: SINCERE ที่ 01/06/08, [12:20:52] เสียใจด้วยนะคับ ยังไงก็ขอให้ลูกกุ้งโตมาแข็งแรงนะคับ
หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: parasite ที่ 01/06/08, [12:21:18] +1 ให้ครับเป้นกำลังใจให้ แต่ยังไงช่วยถ่ายรูปแล้วเอาไม้บรรทัด วางเทียบให้หน่อนครับ
ผมกำลังเก็บรวบรวม ข้อมูลกุ้ง บลู อยู่ อยากเห็นแบบไซส์ เต็มที่ของมันเลย หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: sam007 ที่ 01/06/08, [12:28:48] 8นิ้วยังไม่เต็มที่คับ เคยเห็นใหญ่กว่านี้คับ กระทู้ที่แล้ว ผมกล่าวไว้ว่ากล้องพี่ชายเอาไป คับ ผมโพสนั้นคือรูปเก่าคับ แต่เก็บเปลือกเอาไว้อยุ่คับยังไม่มีกล้อง ถ่าย-*-ไว้ถ้าได้กล้องเมื่อไหร่จะถ่ายให้นะ ถ้าไม่ลืม xxx2
หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: NangmarnRai ที่ 01/06/08, [13:05:17] อ่านแล้วก็อดสงสาร ม่ายได้
แต่ยังไงก็สู้ ๆ ต่อปายครับ ว่าแต่ 8 นิ้วนี้เลี้ยงมานานเท่าไหร่แหละครับ หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ที่ 01/06/08, [13:19:51] โรคที่เกิดขึ้นและมีผลกับเหงือกของกุ้งทั้งกุ้งน้ำจืด และ กุ้งทะเล มีหลายโรคครับ เช่น
โรคทอร่าซินโดรม (Taura Syndrome; TS) เชื้อก่อโรค Taura Syndrome Virus (TSV) อยู่ในกลุ่ม Picornaviridae เป็น RNA ไวรัส สามารถก่อโรคในกุ้ง Penaeid หลายชนิดของอเมริกา และก่อโรคมากที่สุด ในกุ้ง Penaeus vannamei นอกจากนั้นพบใน P. stylirostris, P. Setiferus จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการสามารถทำให้เกิดโรคในลูกกุ้งระยะ PL และกุ้ง วัยรุ่นของ P. schmittii, P.aztecus, P. duorarum, P. chinensis, P. monodon และ P. japonicus การแพร่กระจาย พบครั้งแรกในแม่น้ำ Taura ประเทศ Ecuador ปี 1992 ต่อมาได้ระบาดไปยังแหล่งที่อยู่อาศัยของกุ้งในลาตินอเมริกา รวมถึงฮาวายและบริเวณชายฝั่งมหาสมุทร แปซิฟิก ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในประเทศ Columbia, Costa Rica , El Salvador , Guatemala , Ho nduras, Mexico, Nicaragua, Panama และPeruTSV ยังสร้างปัญหาให้แก่ฟาร์มเลี้ยงกุ้งในฝั่งทะเล Atlantic หลายประเทศได้แก่ Brazil, Belize, Columbia, Mexico และ Venezuela รวมถึงเขตตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาในรัฐ Florida, Carolina และ Texas ซึ่งมีผลทำให้ธุรกิจการเลี้ยงกุ้งใน Florida และ Belize เสียหายอย่างราบคาบทั้ง ประเทศ สำหรับในเขตเอเชียพบในใต้หวัน และบางจังหวัดของจีนซึ่งรายงานว่าติดมาแพร่กระจายโดยการนำเข้ากุ้ง P. vannamei จากอเมริกากลาง ลักษณะอาการของโรค TS จะเกิดกับกุ้งในระยะโพสลาร์วา (PL) ของ P.vannamei ในช่วง 14-40 วัน หลังจากลูกกุ้งลงอยู่ในบ่อเลี้ยง แต่บางกรณีก็จะเกิดในกุ้งระยะโตกว่านี้ได้ ลักษณะอาการที่สังเกตได้ชัดเจนแบ่งได้ 3 ระยะ ได้แก่ 1. ระยะติดเชื้อรุนแรง เป็นระยะที่มีการติดเชื้อในเนื้อเยื่อชั้นนอกอย่างรุนแรง ทำให้กุ้งตายในปริมาณสูง 40-90% 2. ระยะการับเชื้อผ่าน เป็นระยะที่ไวรัสผ่านเข้าสู่ Lymphoid organของกุ้งที่รอดตายจากระยะแรก เป็นเวลา 2-3 วัน ถ้าเชื้อสะสมมากกุ้งจะทยอยตายไปเรื่อย ๆ 3. ระยะติดเชื้อแบบเรื้อรัง คือ กุ้งที่รอดตายจากการติดเชื้อระยะ 1 และ ผ่านระยะ 2 จนถึงระยะ 3 จะเป็นตัวเชื้อ carrier ไปสู่ตัวอื่น ๆ ทำให้เกิดการแพร่กระจาย โรคได้อย่างรวดเร็ว การสังเกตลักษณะอาการภายนอก PL-กุ้งวัยรุ่น จะสังเกตเห็นชัดเจนโดยลำตัวมีสีชมภูแดง โดยเฉพาะบริเวณแพนหาง และระยางค์ขาทั้งหมดซึ่งมักถูกเรียกว่าโรคหางแดง ( red tail disease )เมื่อนำไปดูด้วย กล้องจุลทัศน์จะเห็นปลายระยางค์เริ่มมีอาการกร่อนและเน่า (ภาพ a.-b.) อาการประกอบอื่น ๆ คือ เปลือกนิ่ม ลำไส้ ไม่มีอาหารและจะตายเมื่อกุ้งลอกคราบ กุ้งป่วยที่ยังว่าย น้ำได้จะเริ่มเข้าขอบบ่อ ระยะนี้จะสังเกตเห็นนกบินโฉบ ตามบ่อที่เกิดโรค หรือบริเวณที่โรคระบาด (โดยเฉพาะกุ้งป่วยมีขนาด น้ำหนักมากกว่า 1 กรัม) ระยะที่ 2 ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน กุ้งที่รอดตายจากระยะที่ 1 บริเวณเปลือกกุ้งจะมีจุดแผลน้ำตาลดำปรกกฎให้เห็นประปราย ( ภาพ c.-d. ) กุ้งที่มีแผลอาจจะมีเปลือกนิ่มหรือ เปลือกแข็งปกติดีและอาจไม่แสดงลักษณะลำตัวสีแดงหรือหางแดง บางตัวยังกินอาหารได้ตามปกติด ซึ่งจะรอดไปถึงระยะที่ 3 ระยะที่ 3 เป็นกุ้งที่รอดตายจากระยะที่ 1 และ 2 บางตัวอาจจะมีแผลจุดดำตามเปลือก (ภาพ e.) จนกว่าจะลอกคราบและหายไปแต่ยังมีเชื้อ TSV อยู่ในตัวและกลายเป็นตัวนำโรค ให้แพร่กระจายได้ การวินิจฉัยยืนยัน ตรวจด้วย RT-PC R (เป็นวิธีที่ให้บริการแล้วและใช้เวลาสั้น แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก) การป้องกันและควบคุมโรค TS 1. ใช้ลูกกุ้งที่ผลิตมาจากพ่อแม่พันธุ์ที่ผ่านการับรองว่าปลอดเชื้อและคัดเลือกพันธุ์แบบปลอดTSV เท่านั้น โดยการนำเข้าจะต้องมีเอกสารรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือ ได้ 2. ตรวจสอบการมีเชื้อในลูกกุ้งโดยสุ่มตัวอย่างไปตรวจ RT-PCR ก่อนลงเลี้ยง 3. ถ้าเกิดโรคในบ่อระยะกุ้งขึ้นเกยขอบรีบคัดขึ้นมาทำลายด้วยความร้อนในหมดทุกวัน กุ้งที่เหลือเมื่อจับขายหมดบ่อ ต้องเข้มงวดในการบำบัดน้ำและดินพร้อมทั้ง เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดในบ่อก่อนลงกุ้งรุ่นต่อไป โดยการใช้คลอรีน/แล้วตากแดดให้แห้งอย่างน้อย 3-4 วัน 4. หากมีการใช้บริการ กลุ่มรับจับกุ้งจากผู้มีฝีมือการจับ ให้บำบัดเครื่องมือเครื่องใช้ รวมถึงอุปกรณ์และบุคลากรให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อโรคติดค้างอยู่ก่อนที่จะนำลงไป ในบ่อ 5. ในกรณีที่ไม่มีบ่อพักน้ำ การนำน้ำจากคูคลองธรรมชาติเข้าบ่อโดยตรงให้สังเกตและสอบถามบ่อข้างเคียงหรือบ่อที่อยู่ต้นน้ำว่ามีการเกิดโรคหรือไม่ เมื่อปลอดภัยดี แล้วจึงนำน้ำเข้าบ่อได้ และควรกรองน้ำที่จะเข้าบ่อด้วย 6. ลงลูกกุ้งด้วยความหนาแน่นที่เหมาะสมกับศักยภาพของบ่อและเครื่องมืออุปกรณ์ มีการดูแลจัดการที่ดีตลอดระยะการเลี้ยง 7. เมื่อสงสัยว่ากุ้งในบ่อเป็นโรคให้รีบแจ้งศูนย์ฯ, สถานีฯ, ประมงจังหวัด หรือหน่วยประมงเคลื่อนที่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้ทราบโดยเร็ว เพื่อการช่วยเหลือ ด้านวิชาการ และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส TS วิธีการสังเกตอาการผิดปกติของกุ้งป่วยที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อโรค ในระหว่างการตรวจสอบปริมาณอาหารในยอควรตรวจดูลักษณะหรืออาการผิดปกติของกุ้งในยอควบคู่กันไปด้วย ซึ่งอาจสังเกตได้จาก 1. ผิดตัว กุ้งที่เริ่มป่วยหรือกำลังป่วยผิวตัวหรือเปลือกอาจมีสีเข้มหรือซีดกว่าปกติ ผิวด้าน ไม่มันเงามีรอยสึกกร่อนหรือมีสิ่งแปลกปลอมเป็นคราบสกปรกเกาะตาม เปลือกเป็นหย่อม ๆ หรือตลอดลำตัว มีจุดหรือดวงขาวประปรายตามเปลือกคลุมลำตัวและส่วนหัว 2. แพนหาง กุ้งที่อ่อนแอแพนหางจะหุบลงไม่คลี่แผ่ออกเหมือนกุ้งปกติทั่วไป เมื่อบีบบริเวณโคนหางเบา ๆ แพนหางจะกางออกเล็กน้อยเท่านั้น หางอาจมีการบวมน้ำ สึกกร่อนและดำคล้ำหรือแดงผิดปกติ 3. ลำไส้ กุ้งเริ่มป่วยจะกินอาหารน้อยลง และเมื่อป่วยมากจะไม่กินอาหาร สังเกตได้ว่าในลำไส้ของกุ้งป่วยมีอาหารไม่เต็มหรือไม่มีอาหารเลย หรือมีแต่น้ำใส ๆ หรือขี้ ขาวผิดปกติ 4. เหงือก ความผิดปกติของเหงือกอาจสังเกตได้จากสีของเหวือกที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสีต่างๆ เช่นสีเหลือง ส้ม น้ำตาล แดงหรือดำ หรือมีลักษณะกร่อนเน่าเปื่อยหรือ บวมน้ำ เป็นต้น 5. ระยางค์ ตามระยางค์ต่าง ๆ เช่น ขาว่ายน้ำ ขาเดิน กรี และแพนหางให้สังเกตว่ามีรอยฉีกขาด รอยสึกกร่อน หรือมีคราบสกปรกจับตามระยางค์หรือไม่ 6. ตับและตับอ่อน อาจสังเกตได้จากการมองทะลุเปลือกหุ้มส่วนหัว หรือเปิดเปลือกห้มส่วนหัวออกแล้วดูว่าสีและขนาดของตับและตับอ่อนผิดปกติไปหรือไม่ ตับและ ตับอ่อนของกุ้งป่วยอาจมีลักษณะลีบเล็กสีคล้ำลง หรือบวมและมีสีซีดกว่าปกติ หรือมีสีเหลืองเห็นได้ชัดเจน 7. กุ้งที่ติดเชื้อแบคทีเรียจะทยอยตายไปเรื่อย ๆ ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ได้จัดการสภาพแวดล้อมในบ่อให้ดีขึ้น กุ้งจะเพิ่มอัตราการตายมากขึ้น เมื่อจัดการคุณภาพน้ำดีขึ้น แล้ว กุ้งอาจจะหายป่วยได้ หากยังมีอาการไม่ดีและจำเป็นใช้ยาปฏิชีวนะให้ใช้ยาที่อนุญาต และศึกษาวิธีการใช้อย่างเคร่งครัด 8. กุ้งที่ติดเชื้อไวรัส เมื่อปรากฎอาการให้เห็นชัดเจนแล้ว จะมีอัตราการตายสูงอย่างรวดเร็ว ภายใน 3-5 วัน สำหรับกุ้งมีภูมิต้านทานดีอาจจะชะลออัตราการตายออก ไปถึง 2 สัปดาห์ การจัดการคุณภาพน้ำและดินจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หากไม่มีโรคแทรกซ้อน หากเลยระยะนี้ 2 สัปดาห์ไปแล้ว แสดงว่า การ จัดการได้ผลและกุ้งมีภูมิต้านทานเชื้อโรคได้ แต่อาจจะยังมีเชื้อไวรัสแฝงอยู่ในตัวกุ้งให้ควบคุมการแพร่กระจายโรคในระหว่างการถ่ายเทน้ำและการจับกุ้งตามที่กล่าวมา แล้วข้างต้น หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: เซียงเหมี่ยง ที่ 01/06/08, [13:28:13] suicideเศร้าด้วยครับ suicide
แต่ว่ายังงัยก็มีลูกแล้งเพียบเลย ไม่เป็นไร หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: eakirakung ที่ 01/06/08, [14:48:57] เศร้าจังเสียใจด้วยนะครับ surrender surrender
หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: นก ที่ 01/06/08, [21:32:22] เสียใจด้วยนะคะ
เลี้ยงมานานก็ผูกพันธ์กับเขานะ ของเราสิ หายไปยังหาไม่เจอเลย suicide หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: sam007 ที่ 01/06/08, [23:06:42] ขอบคุณ กับทุกความคิดเห็นคับ ว่าแต่โรค แบบนี้ มันติดต่อไหม เนี้ย ในตู้มีตัวเมียอีก1ตัวอะคับ และก็มีปลาอีกด้วยคับ
ตอนนี้เอากาวมาติดเปลือกกุ้งที่ผ่านการเอาเนื้อออกแล้ว ต่อให้เหมือนตอนเขายังมีชีวิตมากที่สุดแล้วอาจจะตั้งโชวไว้เพื่อเป็นที่ละลึก แต่สีจืดๆนิดหน่อยเพราะเอาเนื้อออก suicide ป.ล. เลี้ยงมา กว่า3ปีคับ ลอกคราบทีก็ดีใจโหตัวบะเร่อเลยสีสวยเชียว [ปิ๊งๆๆ] แต่มันไม่ลอกอีกแล้วคับ n032 หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: ป๊ะป๋าดุ๊กดิ๊ก&น้องดริว&น้องดรีม ที่ 01/06/08, [23:59:26] ขอบคุณ กับทุกความคิดเห็นคับ ว่าแต่โรค แบบนี้ มันติดต่อไหม เนี้ย ในตู้มีตัวเมียอีก1ตัวอะคับ และก็มีปลาอีกด้วยคับ ตอนนี้เอากาวมาติดเปลือกกุ้งที่ผ่านการเอาเนื้อออกแล้ว ต่อให้เหมือนตอนเขายังมีชีวิตมากที่สุดแล้วอาจจะตั้งโชวไว้เพื่อเป็นที่ละลึก แต่สีจืดๆนิดหน่อยเพราะเอาเนื้อออก suicide ป.ล. เลี้ยงมา กว่า3ปีคับ ลอกคราบทีก็ดีใจโหตัวบะเร่อเลยสีสวยเชียว [ปิ๊งๆๆ] แต่มันไม่ลอกอีกแล้วคับ n032 ถ้าจะติดต่อก็น่าจะเป็นที่สิ่งแวดล้อม ที่ทำให้กุ้งในที่เลี้ยงเดียวกันติดโรคได้เหมือนๆกันมากกว่าครับ แต่ไม่น่าจะเป็นถึงขนาดโรคระบาด ที่ย้ายกุ้งไปที่ใหน กุ้งที่อยู่แถวนั้นจะติดโรคไปด้วยเสมอๆนะครับ jealous หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: limdesigner ที่ 02/06/08, [00:05:44] ความรู้มากมายเลยครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ หัวข้อ: Re: จากไปอย่างสงบ เริ่มหัวข้อโดย: muaykapun ที่ 02/06/08, [10:06:51] ถ้าจะติดต่อก็น่าจะเป็นที่สิ่งแวดล้อม ที่ทำให้กุ้งในที่เลี้ยงเดียวกันติดโรคได้เหมือนๆกันมากกว่าครับ แต่ไม่น่าจะเป็นถึงขนาดโรคระบาด งั้นก็ต้องขังน้องกุ้งไว้น่ะจิ suicideที่ย้ายกุ้งไปที่ใหน กุ้งที่อยู่แถวนั้นจะติดโรคไปด้วยเสมอๆนะครับ jealous |