Aqua.c1ub.net

 
  พอดีวันนี้ได้ไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับปลาสวยงามมาน่ะครับ พบบทความเกี่ยวกับไส้เดือนแอฟริกา

ซึ่งเท่าๆที่ได้อ่านดูแล้วพบว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง ไขมันน้อย สะอาด เลี้ยงและดูแลง่าย ไม่ต่างจากหนอนนกเท่าใด

ไส้เดือนแอฟฟริกามีคุณค่าทางอาหารมาก ถึงขนาดสามารถนำไปป่นทำยารักษาโรคให้กับคนเราได้เลยครับ แถมราคา

ยังย่อมเยาอีกต่างหาก ดังนั้นจึงได้นำข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับไส้เดือนแอฟริกา มาให้พี่ๆน้องๆได้ศึกษากันครับ คิดว่าน่า

จะช่วยให้เพื่อนๆที่เลี้ยงกุ้งสวยงามและปลา โดยเฉพาะชนิดที่ชอบกินอาหารสด สามารถที่จะเลี้ยงกุ้งและปลาเหล่านั้น

ได้ง่ายขึ้นครับ

                  ***************************************************************************************

   ไส้เดือนแอฟริกาเป็นไส้เดือนที่อาศัยอยู่หน้าดิน ( soil surface dwelling species)    กินอาหารที่เป็นอินทรีย์วัตถุทุกชนิด เช่น มูลสัตว์ เศษอาหาร เศษเหลือทางการเกษตร    เศษผักหญ้า    และใบไม้ในปริมาณสูงมากต่อวัน เมื่อไส้เดือนชนิดนี้หลุดลงไปในดิน    จึงไม่สามารถเจริญเติบโตและอยู่รอดได้ในสภาพธรรมชาติโดยทั่วไป

       ดังนั้นการเลี้ยงดูต้องมีการควบคุมปัจจัยการเลี้ยงที่เหมาะสม    และให้อาหารมากสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว   และให้ลูกมาก ไส้เดือนชนิดนี้ได้รับความนิยมนำเข้าไปเลี้ยงในประเทศต่างๆทั่วโลก    จากการเก็บข้อมูลการเลี้ยงไส้เดือนแอฟริกาที่ภาควิชาสัตวบาลพบว่า ไส้เดือนชนิดนี้เป็นไส้เดือนขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาไส้เดือน 6 ชนิด ที่นิยมเลี้ยงกัน     โดยทั่วไป มีขนาดเมื่อโตเต็มที่ยาว 12 นิ้ว น้ำหนัก 1.8 กรัม ต่อตัว มีจำนวนปล้องโดยทั่วไป188 - 297 ปล้อง


       ไส้เดือนแอฟริกาผลิตไข่ซึ่งเป็นโคคูน 3.6 ใบต่อสัปดาห์    เปอร์เซ็นต์ฟัก 80 เปอร์เซ็นต์    ให้ลูกเฉลี่ย 2.3 ตัวต่อโคคูน    โดยใช้เวลาที่ไข่ฝัก 2-3 วัน ถึง 2 สัปดาห์ เจริญเติบโตจาก   ตัวอ่อนถึงเป็นหนุ่มสาว (เริ่มมีไคลเทลลัมหรือปลอกเนื้อ) ในระยะเวลา 1 เดือน ถึง 2 - 3 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของอาหารที่ใช้เลี้ยง   และระยะจากไข่ถึงเป็นหนุ่มสาวใช้เวลา 40 วัน ถึง 3 - 4 เดือน

       การศึกษาทางสัณฐานวิทยา    ลักษณะภายนอกและภายในของไส้เดือนแอฟริกาของ     นางสาวสุพาภรณ์ ดาคง นิสิตปริญญาโท ภาควิชาสัตวบาล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า    ไส้เดือนแอฟริกามีลำตัวขนาดใหญ่    ลำตัวมีสีเทาอมม่วง    ลำตัวด้านท้องแบนเล็กน้อย   และมีสีชีดกว่าด้านหลัง ไคลเทลลัมสีขาวขุ่นอยู่ปล้องที่ 13 - 17     ช่องเพศเมียอยู่บริเวณปล้องที่ 13    ช่องเพศผู้วางตัวอยู่ระหว่างปล้องที่ 17 และ 18    ไม่มีช่องหลัง (dorsal pore) อัณฑะวางอยู่บริเวณผนังกั้นระหว่างปล้องที่ 10 กับ 11 และ 11 กับ 12    ถุงเก็บอสุจิอยู่ปล้องที่ 12 และ 13    รังไข่อยู่ระหว่างปล้องที่ 13 และ 14    ถุงรับอสุจิมี 2 คู่ วางตัวอยู่บริเวณปล้องที่ 10 และ 11

       ไส้เดือนแห้งป่นมีส่วนประกอบของโปรตีนประมาณ 62 เปอร์เซ็นต์     และโปรตีนมีส่วนประกอบของกรดอะมิโนที่จำเป็นอยู่ครบสมบูรณ์ มีส่วนประกอบ  ของกรดไขมันประมาณ 9 เปอร์เซนต์     และไขมันก็มีส่วนประกอบของกรดไขมันที่จำเป็นอยู่ครบ จึงเหมาะที่จะเลี้ยงเพื่อนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์เลี้ยง   ทั้งในสภาพไส้เดือนเป็น    เช่น ใช้เลี้ยงปลาสวยงาม    และเป็นเหยื่อตกเบ็ด ที่ปลาชอบและไม่มีกลิ่นคาวไส้เดือนติดมือ      และในสภาพไส้เดือนแห้งป่น   ทดแทนปลาป่นและกากถั่วเหลืองป่น ซึ่งถ้าเป็นการเลี้ยงไส้เดือน   เพื่อวัตถุประสงค์ข้อนี้ไส้เดือนแอฟริกาก็เป็นชนิดของไส้เดือนที่เหมาะสมมากที่สุด     เพราะมีขนาดตัวใหญ่   เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ให้ลูกมาก   และกินอาหารได้มาก ทำให้เกิดประโยชน์ด้านอื่นไปพร้อมๆ กันด้วยคือ    กำจัดขยะอินทรีย์ และการผลิตปุ๋ยหมักจากไส้เดือนที่มีคุณภาพสูง

                  ***************************************************************************************

       สำหรับไส้เดือนแอฟริกามีชื่อสามัญ African Nightcrawler     ชื่อวิทยาศาสตร์ Eudrilus eugenine     เป็นไส้เดือนชนิดหนึ่งจากไส้เดือนจำนวน 6 ชนิด ที่นิยมเลี้ยงกันทั่วโลกในขณะนี้      เพื่อผลิตไส้เดือนเลี้ยงสัตว์    เลี้ยงเป็นเหยื่อตกเบ็ด    เพื่อกำจัดขยะอินทรีย์    และผลิตปุ๋ยหมัก ไส้เดือนแอฟริกาชนิดนี้มีกำเนิดในทวีปแอฟริกาตอนกลาง     แต่ปัจจุบันมีการนำไส้เดือนชนิดนี้เข้าไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก  อังกฤษ  ฝรั่งเศษ  สเปน  ออสเตรเลีย    และ ในทวีปเอเชีย เช่น  ประเทศอินเดีย  ฟิลิปปินส์  และไทย ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการเลี้ยงไส้เดือนเป็นการค้ามานาน       มีมูลค่าทางการตลาดหลายล้านดอลลาร์ต่อปี ไส้เดือนแอฟริกา   ได้รับความนิยมใช้เป็นเหยื่อตกเบ็ดและขายได้ในราคาสูงเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับไส้เดือนชนิดอื่น     ทั้งนี้  เพราะไส้เดือนแอฟริกาตัวใหญ่เกี่ยวเบ็ดได้ง่าย ปลาชอบ   และเลี้ยงได้ค่อนข้างยากในสหรัฐอเมริกาเพราะเป็นไส้เดือนจากเขตร้อน       

       สนใจไส้เดือนแอฟริกาและการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุสอบถามข้อมูลได้ที่ รศ.ดร.สมชัย จันทร์สว่าง โทร 0-2579-1120 ,0-2579-0649 

      รายละเอียดเพิ่มเติม :

  http://pr.ku.ac.th/clipnews/html/08%20Aug%2049/31aug49/siamrat.htm
 
  http://www.ku.ac.th/e-magazine/sep49/agri/african.htm
     
     แหล่งจำหน่าย ( ของคนไทย ) :

 http://wormhut.blogspot.com/2007/10/blog-post.html

 http://www.blogger.com/feeds/2200526908281440901/posts/default

น่าสนใจครับ

น่าให้น้องกุ้งทานมากๆ คงอร่อยน่าดู

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลต่างๆ [แลบลิ้นแอ๊บแบ๊ว]

  ผมยังไม่ชำนาญเรื่องไส้เดือนแต่ถ้าจำไม่ผิด ถ้าแค่ตัดมันบางส่วน มันก็จะงอกใหม่ได้ใช่ไหมครับ อย่างนี้แสดงว่าเราก็เลี้ยงหลายๆตัว

แย้วก็ทยอยตัดแบ่งตัวมันส่วนหนึ่งไปไม่ให้มันตาย แบบนี้ก็บาปน้อยหน่อยด้วยหรือเปล่าหว่า อิอิอิ  [เขิลลลล] ( หรือโหดกว่าเดิมหว่า อิอิอิ )

รึว่าจะเป็นการ ทรมาน เค้ารึป่าวพี่ดุ๊ก n032

  อืมส์ๆ จริงๆจะว่าไปแล้วเขาไม่น่าจะมีความรู้สึกนะครับ สำหรับการขอตัดแบ่งเซลล์ไปลักษณะแบบนี้ ( นึกภาพเราค่อยๆบรรจง ตัดไปชิ้นเล็กๆ

ส่วนหนึ่ง แล้วปล่อยกลับที่อยู่ เหมือนเก็บตัวอย่าง ไม่ใช่ภาพสับๆ มันเป็นจุณ แล้วรอมันไปฟื้นสภาพเน่อ อิอิอิ )

 sho01 ผมเคยให้อยู่ช่วงนึงคับ แต่เปงไส้เดือนป่าอะคับ hide1 อันนี้ก้อน่าสนแหะ เด๋วต้องลองซื้อมาให้กุ้งกินน่อย ขอบคุณคับ ที่หาบทความดีๆมาให้อ่านกันคับพี่ดุ๊ก [เจ๋ง] [เจ๋ง]

จับพี่ดุ๊ก ไปผ่าครึ่งโยนลงบ่อกุ้งกุลา fire1

 ไส้เดือนบ้านเราก็ใช้ได้ในระดับหนึ่งครับ เพียงแต่ว่าเขาจะขี้ดินอยู่ในตัวมาก ทำให้เวลานำไปเป็นอาหารปลา แล้วน้ำมักจะเน่าเสียง่าย

ส่วนไส้เดือนตัวนี้ ไม่ได้อาศัยชอนใชในดินครับ แต่จะอยู่บนบก กินผัก และสารอินทรีย์ต่างๆครับ  [เจ๋ง]

 แบบนั้นอ่ะตายคาที่เยยหนา  n032

อ่านกระทู้ตอนแรกผมนึกว่าจะต้องไปซื้อถึง แอฟาริกา  hide1   hide1 hide1

โปรตีนเพียบแน่ๆแบบนี้ต้องนำไปลอง  lau02

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ แหล่มมากมาย  [เจ๋ง]

 idea1ของเค้าดีจิง hide1แต่ผมไม่กล้าให้ กลัวบาป asspain gossip

 ตัดแบ่งให้กุ้งกินทีละหน่อยจิครับ ไส้เดือนบ่น่าตาย ( มั้งเน่อ )   [เขิลลลล]

 hide1 sho01บาปหนักกว่าเดิมน่ะสิคับ sho01 ค่อย ค่อย ทรมาน die1 ไม่ยอมให้มานตาย...เนี่ย jealous hide1

แล้วระหว่างไส้เดือนแอฟริกากับเพรียงทราย (Sandworm)ละครับอันไหนจะให้กุ้งกินดีกว่ากันละ  gossip
 

  คุณค่าทางอาหารสูงล้ำทั้งคู่ครับ แต่เพรียงทราย นี่ถ้าจะเก็บรักษา และ ขยายพันธุ์ได้เองยากกว่าไส้เดือนแอฟริกา

นะครับ ดังนั้นจึงถือว่าไส้เดือนแอฟริกา มีข้อดีมากกว่าอยู่ 2 หุน เก้าคืบขอรับ  [เย้ะ]

ดีค่ะ  เป็นผู้เลี้ยงไส้เดือนพันธุ์แอฟริกันอยู่ค่ะ  ถ้าใครสนใจติดต่อได้ค่ะ มีเยอะพร้อมจำหน่าย

ส่วนที่บอกว่าไส้เดือนตัวขาดแล้วมันจะงอกใหม่ได้นี้ ขอบอกว่าไม่สามารถงอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ

มันจะงอกออกมาไม่เยอะค่ะ ไม่ได้งอกออกมาจนตัดได้เรื่อยๆ

 [ปิ๊งๆๆ] [ปิ๊งๆๆ] [ปิ๊งๆๆ]

ลืมบอกไปว่า เลี้ยงโดยไม่ใช้ดินนะค่ะ  รับรองได้ว่าน้ำไม่เสีย

คณะวิทยาศาสตร์ ไม่มีภาควิชาสัตวบาลครับ มีแต่ภาควิชาสัตววิทยา

ส่วนสัตวบาลนั้นจะเป็นคณะเกษตรนะคร้าบ  ขอแก้ข่าวนิสนึง

 โอ้ ขอบคุณที่มาให้ความกระจ่างนะขอรับ ผู้ผลิตมาเองเลยแจ๋วจริงๆ ยังไง ก็สมัครสมาชิก แล้วลงจำหน่าย

ในส่วนของการซื้อขายสัตว์น้ำดูนะครับ ( จะว่าไปแล้วนี่น่าจะเป็นอาหารสัตว์น้ำมากกว่าแต่รวมกันได้ อิอิอิ ) [ปิ๊งๆๆ]

มีงานวิจัยการขนส่งเพรียงทรายในเรื่องการศึกษาการรอดตายและการสูญเสียน้ำหนักหลังการขนส่งเพรียงทราย ที่ อ.วีรชัย เพชรสุทธิ์ ม.แม่โจ้-ชุมพร Correct!  cry02