Aqua.c1ub.net

(http://i842.photobucket.com/albums/zz345/latte916/CPTCapeTownWaterfrontTwoOceansAquariumkelpforestb.jpg)
 ในบทความนี้ เราก็ยังคงพูดถึงเรื่องการกำจัดของเสียออกจากระบบอยู่นะครับ แต่คิดว่าคงจะลงลึกมากกว่าเดิมนิดๆ

 ในบทที่แล้วผมได้เสนอ ถึงกระบวนการการกำจัดของเสียออกจากระบบตู้ทะเล ด้วยการกรองน้ำ โดยใช้แบคทีเรีย

 ในการย่อยสลาย เปลี่ยนแปลง ของเสียในระบบให้หลุดออกไป แต่ในคราวนี้ เราจะพูดถึง การกำจัดโดยวิธีการอื่นๆ บ้าง

  จริงๆ แล้ว ความนิยมในการกำจัดของเสียในระบบการกรองน้ำ เรานิยมใช้แบคทีเรียอย่างที่ผมได้กล่าวมาแล้วในบทก่อน แต่ สำหรับเสริมความรู้ หรือ สำหรับคนที่แบบว่า เอ๊ะๆๆ มีวิธีอื่นอีกไหมอ่ะ แล้วถ้ามีมันเป็นยังไง แล้วอันไหนดีกว่ากัน หรือ อะไรยังไง วันนี้ก็เลยมาเสนอให้ชมครับ [on_018]

   ถ้าพูดถึงการกำจัดของเสียในระบบโลก ในสิ่งแวดล้อม ดูง่ายๆ ที่อากาศครับ เราก็จะนึกถึง.....ต้นไม้ ใช่แล้วครับ ต้นไม้ ก็เป็นระบบการกรองอากาศให้สะอาดกับโลกเบี้ยวๆ บูดๆ ของเรา และเช่นเดียวกัน เราก็มาประยุกค์ให้ต้นไม้แสนน่ารักเขียวสดใส มาช่วยเรากรองน้ำให้สะอาดได้

   ก่อนอื่นเรามองภาพจากความเป็นจริงก่อนครับ ในทะเลอันแสนกว้างใหญ่ แน่นอนมันย่อมมีระบบการบำบัดของเสียที่สลับซับซ้อน เป็นทั้งวัฏจักร เป็นทั้งวงจร เป็นทุกๆ อย่างที่บางครั้งมนุษย์ตัวน้อยอย่างเราก็ยากจะเข้าใจ [on_013]
แต่สิ่งหนึ่งที่ในมหาสมุทรมีก็คือ พืช ในมหาสมุทรมีพืชตัวเล็กๆ ที่เราเรียกว่าแพงตอนพืช มีสาหร่าย มีหญ้าทะเล มีพืชอีกเยอะแยะ ก็อย่างที่รุ้ๆ กันแหละครับ พืชสามารถดูดซับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม เพื่อไปผ่านขบวนการต่างๆ ของมัน และสารพิษเหล่านั้นก็ บึ้ม [โฟ่ววว]  เปลี่ยนไปเป็นของดีๆ ในที่นี้ผมจะไม่อธิบายกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพราะว่ามันยุ่งยาก เขียนลำบาก hide2 ถ้านึกภาพไม่ออก ลองนึกว่า พืชเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเสียที่สิ่งมีชีวิต พวกสัตว์ต่างๆ ปล่อยออกมา หรือก๊าซเสียจากโรงงาน พืชก็เอามาเปลี่ยนเป็นออกซิเจนสดชื่นไงครับ [on_047] ในทำนองเดียวกัน พืชทะเลก็ทำแบบนั้น แต่มันเปลี่ยนพวกแอมโมเนีย พวกไนเตรท พวกสารพิษอื่นๆ โดยการดูดซับไปใช้ในวัฏจักรต่างๆของมันเอง

   สำหรับในระบบตู้ทะเล เราไม่นิยมนำพืชมาเป็นตัวกำจัดของเสียเพียงอย่างเดียว เรามักจะใช้มันร่วมกับ ระบบการบำบัดด้วยแบคทีเรียควบคู่กันไป เพราะการใช้พืชมาช่วยในการกำจัดของเสียกับระบบนั้นช้ามาก เราต้องอาศัยพืชเป็นจำนวนมหาศาล เพื่อจะกำจัดของเสียให้ทันกับระบบที่ปล่อยออกมา แต่ถ้าคุณมี เจ้านี้อยู่ในตู้ ก็อาจจะทำได้ มันชื่อว่าสาหร่าย kelp  [on_008]
(http://i842.photobucket.com/albums/zz345/latte916/OceanLife_OceansMix_JackMackerelKelpForestSanClementeIslandCalifornia.jpg)

  ก็ดูเล็กๆ น่ารัก พอจะยัดลงตู้ได้ก็เอาเถอะ [มือระเบิด]

 สาหร่ายที่บ้านเรานิยมมาใช้ ก็พวกสาหร่ายพวงองุ่น สาหร่ายใบเลื่อย สาหร่ายแดง และสาหร่ายต่างๆ ที่สรรหากันมา ก็นิยมเอามาเลี้ยงกันในช่องว่างๆ ของกรองล่าง  ติดโคมไฟสวยงามไป ก็คล้ายๆ กับการเลี้ยงไม้น้ำแหละครับ เพราะมันก็คือพืชน้ำเหมือนกัน หรือบางตู้เขาขี้เกียดติดโคมไฟในช่องกรองล่าง ก็เอามันขึ้นมาเลี้ยงที่ตู้หลักเลยก็มี
(http://i842.photobucket.com/albums/zz345/latte916/TankS.jpg)

(http://i842.photobucket.com/albums/zz345/latte916/CPTCapeTownWaterfrontTwoOceansAquarium1b.jpg)

 แต่ปัญหาหนึ่งของการเลี้ยงพวกสาหร่ายบนตู้หลักก็คือ มันมีความสามารถในการเจริญเติมโตได้ดีกว่า พวกปะการังและสิ่งมีชีวิตที่ต้องสังเคราะห์แสงด้วยกันในตู้ เพราะฉนั้นมันจะขยายอิทธิพลจนบดบังแสงตะวันเทียม
ของตู้อาจทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นกับสิ่งต่างๆ ในตู้ของเราได้ หรือ มันอาจจะไปเกาะเกี่ยว ตีตัวทำสนิทกับปะการัง ก้อนหิน หรืออะไรที่มันเกาะได้มันเกาะหมด คราวนี้แหละ เวลาขอคืนพื้นที่ล่ะ ดื้นพอๆกับเสื้อสีเลยครับ angry(...) อาจต้องใช้กำลังเข้าช่วยกันบ้าง surrender

 เราจึงนิยมเลี้ยงสาหร่ายเป็นตัวเสริมในการกำจัดของเสียให้ระบบในตู้กรองล่าง แต่เดียวนี้ข้อมูลเยอะขึ้น เขาก็ว่ากันว่า เลี้ยงสาหร่ายมันไม่ดี มันคายของเสียได้ด้วย มันโน้นมันนี้ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย มันมีฝุ่น มันเป็นที่สะสมของเสีย มันบลาๆๆๆๆๆๆๆๆ อันนี้ก็ตามสะดวกครับ ใครคิดว่ามันดี ก็ใช้ไป ใครคิดว่ามันแย่ มันไม่คุ้ม มันได้ผลน้อย ก็จัดไปตามสะบาย หรือ ถ้าอยากได้ดีๆ ก็แนะนำ Kelp  angry1

  นอกจากสาหร่ายแล้ว ยังเคยมีคนใช้พวกต้นไม้ตามป่าชายเลนด้วย ซึ่งก็จะเป็นพวก ต้นโกงกาง ต้นแสม

 (http://i842.photobucket.com/albums/zz345/latte916/kk7.jpg)
 อันนี้โกงกางต้นน้อย
(http://i842.photobucket.com/albums/zz345/latte916/PA0143833.jpg)
  อันนี้เขาปลูกแยกออกมา

  โกงกางจะช่วยดูดซับพวกของเสีย พวกโลหะหนักต่างๆ และมันดูดแล้วดูดเลย ไม่มีการปล่อยกลับ จริงๆแล้วต้นโกงกางก็ช่วยระบบได้เยอะ และผมว่าดีกว่าสาหร่ายนะ แต่มันเป็นต้นไม้ที่โตเร็วมาก ถ้าสถาพแวดล้อมดีๆ เพราะเวลาเราเลี้ยงเราก็ต้องการให้มันมีสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อที่มันจะได้ทำหน้าทีได้สมบูรณ์ และเมื่อสภาพแวดล้อมดี มันก็โตเร็ว และเร้ววว เร็ว  heaven เพื่อนฝรั่งหัวไม่ดำของผม มันก็เคยปลูกในกรองล่าง โดยการเอาทราย เอาเปลือกหอยมาใช้ทำวัสดุปลูก แล้วก็เอาโกงกางต้นน้อยๆ ไปเสียบไว้ แล้วก็ติดไป อ๋อลืมไป ต้นโกงกางนี้ต้อง MH พวก PL เอาไม่ค่อยอยู่ มันต้องการแสงจัด ก็ปลูกๆไป ปรากฏว่าโตวันโตคืน รากก็เต็มไปหมด บ้าไปเลย mad1 ก็เลยต้องจัดให้มีระบบกรองแยกออกมาผ่านต้นโกงกางที่ไปใส่กะบะตั้งไว้ข้างนอกอีกทีนึง ดูๆ แล้วหลายซับหลายซ้อน เมืองนอกเวลาเลี้ยงตู้ทะเลแล้วดีกว่าเมืองไทยตรงที่ว่าอากาศมันเย็น [แข็งกั๋ง]

  ตอนผมเริ่มเลี้ยงครั้งแรกตอนไปเรียนต่อก็มีแรงบันดาลใจมากจากการเห็นตู้ทะเลตั้งอยู่กลางแจ้ง ตอนนั้นเพิ่งไปอยู่ใหม่ๆ ทางมหาลัยเขาจัดไปเที่ยวป่าสงวน พอไปถึงมันก็เป็นป่าสนเมืองหนาว ก็ป่าสน ป่าสน และป่าสน ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แค่เย็นๆ มืดๆ ครึ้มๆ แต่ทีมันมีก็คือ ตรงหน้าที่ทำการอุทยานแม่งมีตู้ทะเลยาวสักเมตรได้ ตั้งอยู่
ตอนนั้นที่เห็นมันสวยมาก [on_019] ดูดีไปหมด มีปะการัง มีปลา นี่แหละครับ ความโชคดีของเมืองที่มีอากาศหนาว ชิ

  อ้าว โม้มาเยอะล่ะ จบดีกว่า hah1 นอกจากนี้ยังมีพืชอื่นๆ อีกเช่นพวกหญ้าทะเล พวกสาหร่ายชนิดต่างๆ ก็ทำหน้าที่คล้ายๆ กัน แล้วในตู้ที่มีคุณภาพน้ำดีๆ มีค่าของเสียน้อยๆ เราก็จะพบกับสาหร่ายหินปูน(Coralline Algae) หรือที่บ้านๆ เขาเรียกกันว่า หินม่วงๆ นั่นแหละครับ

  สำหรับคนที่สนใจจะนำสาหร่ายหรือพืชเข้ามาช่วยระบบ ก็ค้นหาความรู้ได้ซึ่งมีให้อ่านได้ทั่วๆ ไป เพราะบทความนี้เป็นเพียงการแนะนำ เพื่อให้รู้จักเลือก รู้จักใช้ รู้จักคิด แล้วไปสานต่อเอาเองครับ 5555 จริงๆ แล้วผมก็อยากจะเขียนบรรยายให้ละเอียดกว่านี้ แต่ว่า มันเมื่อยๆๆๆๆ ล้อเล่นๆ [แหะๆ] ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้มีให้อ่านเยอะแล้ว เพียงแต่บางครั้ง เรายังไม่รู้ที่จะคิดถึงในส่วนนี้ ก็เลยไม่ได้อ่าน หรือมองข้ามไป ยังไงถ้าคิดว่ามันน่าสนใจ ก็ ลองศึกษาดูครับ แต่ถ้าสงสัย ก็ปรึกษาได้เหมือนเดิม
 




 
 

เข้ามาอ่านครับ   [เจ๋ง]

 [on_055]
คนที่2

เก็บๆๆข้อมูล  [ไอ้แว่น]

ตอกบัตรมาทักทายอีกคน...เยี่ยมเหมือนเคย  idea1

เพิ่งไปซื้อสาหร่ายแดงมาเลย 555

มาเข้าห้องเรียนอีกคนครับ..

สำนวนการเขียนดีมากเลยครับ  สุดยอดบทความ มีประโยชน์มากๆเลยครับ[เจ๋ง]

โกงกางงงงง ^ ^~

ใครจัดตู้หลักด้วยสาหร่าย ก็ระวังหน่อยนะครับ

 [เจ๋ง] ขอบคุณครับบ  [เจ๋ง]

คุณmixzer ครับผมรบกวนถามอะไรหน่อยครับ
-ซิลเลอร เราควรเปิดไว้ที่กี่องศาครับ แล้วถ้าหากไฟดับเป็นเวลานานอย่างเช่นไฟดับ1-2วันมันจะทำก้นตู้ของเราตายมั้ยเพราะอุณภูมิเปลี่ยน
-uvฆ่าเชื้อโรคมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนสำหรับตู้ทะเล

รบกวนคุณ mixzer ช่วยตอบปัญหาผมหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ

 การตั้งอุณหภูมิชิลเลอร์ ก็แล้วแต่สิ่งมีชีวิตที่เราเลี้ยงครับ อันนี้ต้องดูว่าส่วนใหญ่ในตู้เราชอบน้ำเย็นเท่าไร
 ปกติจะตั้งกันประมาณ 25-27 แต่ตู้ผมตั้งที่ 24  ถ้าเลี้ยงพวกที่ต้องการน้ำเย็นก็ต้องศึกษาดูเพิ่งเติ่มครับ

 ถ้าไฟดับขนาดหนึ่งหรือสองวันก็คงตายกันหมดตู้แหละครับ ออกซิเจนก็ไม่มี ปั้มก็ไม่มี หรือถ้าหมายถึงดับเฉพาะชิลเลอร์ ก็ต้องดูอุณหภูมิที่ตั้งไว้ สมมุติว่าตู้ผม ตั้งไว้ 24 แต่ตู้ที่ใช้พัดลมมัน 30 พอไฟดับ อุณหภูมิตู้ก็ค่อยๆ เพิ่มมาเป็น 30 อันนี้ก็มีร่วงกันได้ง่ายๆเหมือนกันครับ ผมเคยชิลเลอร์เสีย ก็เอาน้ำแข็งมือมาใช้อ่ะ เสียแค่วันเดียว ก็พอไหวอยู่ครับ อันนี้ก็ต้องดูว่าก้นตู้ที่เราเลี้ยงมันอ่อนไหวต่ออุณหภูมิแค่ไหน

 ต่อไปก็เรื่อง uv นอกจากมันจะฆ่าเชื้อโรคแล้ว มันก็ฆ่าอย่างอื่นได้อีก เช่นพวกแพลงตอนพืช แพลงตอนสัตว์
 สปอร์ต่างๆ ที่มากับน้ำ แต่ถ้าเราต้องการความสะอาดของน้ำมากๆ ก็โอเคครับ แต่ถ้าไม่ติดก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่ติด
 
 ผมติด UV ที่แท๊งน้ำกรองไว้แล้วก็เลยไม่ติดที่ตู้
 

ขอบคุณมากครับ

นี่มัน hydroponics ?

สาหร่ายหินปูน(Coralline Algae)

มันเป็นหินสีม่วงๆหรือหินที่เค้าเรียก โครอไล หรือปล่าวครับ
แล้วจริงๆมันคือตระกูล สาหร่าย ด้วยหรือปล่าวครับ

ใช่ครับ หินสีม่วงๆนั่นแหละครับ
มันคือสาหร่ายแน่แท้ครับ

ขอบคุณค่ะ
มีโกงกางแล้วแต่ยังไม่มีสาหร่ายเลยค่ะ

 แล้วปลูกโกงกางยังไง ต้องอย่าลืมว่า โกงกางเป็นพืชที่มีความต้องการแสงสูงมากและโตเร็ว

เยีี่ยมครับ เด๋วผมกินสาหร่ายเถ้าแก่น้อยรอตู้ไปก่อน  ้hahaha

เข้ามาอ่านด้วยคนครับ